บทที่ 2 เซียนคีย์บอร์ด(ปลาย)

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 2 เซียนคีย์บอร์ด(ปลาย)

“บ้าเอ๊ยยยยยยย~!!!” ชายหนุ่มกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดใจ

จากที่แต่เดิมมันเคยเป็น ‘จ้าวยักษ์ใหญ่’ แต่ตอนนี้เขากลับเห็นแค่ ‘เจ้าหนอนตัวจ้อย’ เท่านั้น เรื่องแบบนี้มันไม่มีผู้ชายคนไหนทนรับได้หรอก!

แต่แล้วเสียงรอบ ๆ ที่กำลังอื้ออึง จู่ ๆ กลับเงียบลงอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย พร้อมกับบรรดาผู้คนที่ที่อยู่โดย

รอบก็รีบปลีกตัวออกเป็นไปสองข้างทางพลางแอบชำเลืองมองผู้ที่กำลังเดินเข้ามาใหม่ด้วยสีหน้าประหม่า

ซูอันเองก็หันไปมองโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน และสุดท้ายเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนถึงมีท่าทางแบบนี้

สิ่งที่เขาเห็นก็คือ สตรีที่อยู่ในเครื่องแต่งกายสีขาวกำลังเยื้องย่างมาทางเขาอย่างช้า ๆ

ดวงตาของนางเป็นประกายสดใส ผิวขาวดุจหิมะ คิ้วเรียงทรงสวยราวกับถูกวาดมา และทุกย่างก้าว

ของนางดูเหมือนจะมีสายลมเย็นพัดผ่าน ผมสีดำสลวยพลิ้วไหวไปตามแรงลม ชุดกระโปรงยาวสีขาวของนางก็

เช่นกัน เอวคอดกิ่วรับกับสะโพกผายสมส่วนถูกคาดไว้ด้วยเข็ดขัดสีฟ้าอ่อน เมื่อรวมทั้งหมดนี้เข้าด้วยกันมันทำ

ให้นางดูเหมือนกับนางฟ้าที่อยู่ท่ามกลางหมู่เมฆไม่มีผิด

พระเจ้าช่วย! เวลานี้ ซูอันเอาแต่ตำหนิและเกลียดการด้อยการศึกษาของตัวเองที่ทำให้เขาไม่สามารถ

ใช้คำที่เหมาะสมในการบรรยายความงามนี้ได้

เมื่อสังเกตุเห็นว่าอีกฝ่ายมองมาที่ตน เขาก็รีบยันตัวลุกขึ้นทันทีพร้อมกับพูดว่า “ว่ายังไงจ๊ะสุดสวย มี

แฟนหรือยังเอ่ย ? แต่ถ้าหากมีแล้ว สนใจอยากได้กิ๊กเพิ่มสักคนรึเปล่าจ๊ะ?”

สายตาไม่พอใจฉายชัดขึ้นเพียงช่วงหนึ่งบนใบหน้าของหญิงสาว จากนั้นนางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ดีจังนะซูอัน ทั้ง ๆ ที่เราเพิ่งแต่งงานกันไปไม่กี่ชั่วโมง แต่เจ้ากลับจำข้าไม่ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?”

“…”

หะ!? ซูอันชะงักไปในทันที หญิงสาวที่ดูสวยงดงามราวกับเทพธิดาผู้นี้คือภรรยาของไอ้กร๊วกผู้น่าสงสาร

คนนี้อย่างนั้นเหรอ? และที่น่าตกใจมากกว่านั้นก็คือ…

ชายเจ้าของร่างที่ตายตายเพราะถูกฟ้าผ่าก็ชื่อซูอันเหมือนกันเนี่ยนะ?

ในเวลาเดียวกับที่เขากำลังสับสน จู่ ๆ ข้อมูลจำนวนมากของชายคนที่เขามาสวมร่าง…ทั้งความรู้สึก

แปลกประหลาดและความรู้สึกคุ้นเคยก็สาดซัดเข้ามาในหัว

ที่เขารู้สึกคุ้นเคยก็เป็นเพราะว่าโลกนี้คล้ายกับประเทศจีนในสมัยโบราณเป็นอย่างมาก รวมทั้งมันยังใช้

ภาษาและวัฒนธรรมเดียวกันอีกต่างหาก แต่ที่รู้สึกแปลกเพราะที่นี่คือโลกของวิทยายุทธ โลกที่ผู้คนสามารถ

แข็งแกร่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถแยกทะเลได้โดยใช้เพียงแค่ดาบหรือการกระโดดเพียงแค่ครั้งเดียว

แต่มันก็ไม่ได้เหมือนกับโลกของนิยายกำลังภายในที่เขาเคยอ่าน ในโลกนี้ ผู้มีพลังส่วนใหญ่จะรวมกลุ่มอยู่ในวังหลวง ยิ่งคุณแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งได้รับอำนาจและสิทธิพิเศษที่มากยิ่งขึ้น

แผ่นดินนี้เป็นที่ยุคสมัยของราชวงศ์โจว และจักรพรรดิคนปัจจุบันก็คือหนึ่งในผู้ฝึกตนที่ทรงพลังที่สุดในแผ่นดินนี้

สมัยของราชวงศ์โจวเป็นสมัยที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด และอยู่ได้นานกว่าราชวงศ์อื่น ๆ ของจีน เหล่า

องค์ชายและเชื้อพระวงศ์คนอื่น ๆ ของราชวงศ์ต่างกระจัดกระจายกันอยู่ทั่วดินแดน และตำแหน่งยศที่รองจาก

พวกเขาก็คืออ๋อง จวิ้นอ๋อง กั๋วกง จวิ้นกงและเหล่าขุนนางตามลำดับ พวกเขาเหล่านี้ล้วนมีเมืองและกองทัพเป็นของตัวเอง พวกเขาร่วมกันดูแลดินแดนที่พวกตนได้รับมอบหมายควบคู่ไปกับขุนนางที่ได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนัก

เมืองที่เขาอยู่ในตอนนี้คือเมืองจันทร์กระจ่างเป็นเมืองของอ๋องจันทร์กระจ่าง ซึ่งชื่อจริง ๆ ของเขาก็คือ ฉู่จงเทียน

เจ้าของร่างคนก่อนเองก็ชื่อซูอันเช่นกัน ซูอัน ‘อีกคน’ เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกผู้เป็นลุงเลี้ยงดูมา และยังเป็นที่รู้จักในฐานะของคนที่ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี ชายหนุ่มไม่มีทั้งความสามารถในเรื่องของการเรียนและการ

บ่มเพาะสรรพวิชา แต่กลับมีความฝันที่ทะเยอทะยานอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งแน่นอนว่ามันสูงเกินกว่าที่เขาจะเอื้อม

ถึง ดังนั้นเมื่อรวมทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน มันจึงทำให้ผู้เป็นลุงโกรธมากจนถึงขั้นเสียชีวิตไปด้วยความโกรธนั้นเลย

แต่เมื่อไม่นานมานี้มันมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นและทำให้ทุกคนตกตะลึง ซึ่งก็คือจู่ ๆ คนที่ไร้ค่าเช่นนี้กลับได้รับความสนใจจาก ‘องค์หญิง’ ของเมืองจันทร์กระจ่าง ซึ่งก็คือลูกสาวคนโตของท่านอ๋องจันทร์กระจ่าง จาก

นั้นต่อมาเขาก็ถูกเชิญไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่และได้กลายเป็นลูกเขยของอ๋องผู้สูงศักดิ์

คนที่ไร้ค่าแบบนี้จะไปคู่ควรกับคุณหนูฉู่ผู้สูงส่งได้อย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่านางสวย

มากแค่ไหน แทบจะทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็คิดแบบเดียวกันว่าพวกเขายังเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าชายผู้นี้ด้วยซ้ำ!

ส่วนสตรีในชุดขาวตรงหน้าของเขาตอนนี้น่ะเหรอ? แน่นอนว่านางคือลูกสาวคนโตของตระกูลฉู่

…ฉู่ชูเหยียน

โชคดีที่ซูอันยังสามารถคิดหาทางออกได้เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามที่กึ่งตำหนิของอีกฝ่าย เขายิ้มและ

เอื้อมมือไปหมายจะโอบรอบเอวของหญิงสาวพร้อมกับตั้งใจสวมบทบาทใช้คำพูดจาให้เข้ากับยุคสมัยและพูด

ว่า “แหะ ๆ ภรรยาที่รักของข้า ข้าล้อเจ้าเล่นต่างหาก ข้ากังวลว่าเจ้าจะร้องไห้ฟูมฟายหลังจากที่เห็นข้าอยู่ใน

สภาพนี้ข้าเลยหยอกเจ้าเล่นเพื่อให้เจ้าผ่อนคลายเท่านั้นเอง”

ในเมื่อเขาถูกย้ายมาอยู่ในร่างของซูอันอีกคนที่อยู่ในมิติคู่ขนาน นั่นก็หมายความว่าตอนนี้ผู้หญิงคนนี้

คือภรรยาของเขา!

แต่แน่นอน…ถ้าหากอีกฝ่ายหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ มันคงไม่มีทางที่เขาจะยอมรับนางได้ง่ายขนาดนี้

ฉู่ชูเหยียนหมุนตัวหลบและก้าวถอยห่างจากอ้อมแขนของอีกฝ่าย “ร้องไห้ฟูมฟาย? ให้กับเจ้าน่ะเหรอ?” น้ำเสียงนิ่งเรียบของนางแฝงความเย็นชาอยู่ภายใน

ซูอันไม่ได้สนใจอะไร เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงอายเกินกว่าที่จะทำท่าทีสนิทสนมชิดเชื้อกับเขาต่อหน้า

สาธารณะชน ชายหนุ่มรีบเดินตามหญิงสาวไปเขาต้องการที่จะใช้โอกาสนี้ในการสร้างความประทับใจในตัวเขาให้อีกฝ่ายเห็น

ทันใดนั้น ร่างของหยิงสาวผู้หนึ่งก็กระโดดออกมาและขวางทางเขาไว้ ซูอันกะพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่

เข้าใจ หญิงสาวตรงหน้าของเขาสวมเสื้อคลุมสีเขียว ทำทรงผมหน้าม้าตัดตรง มัดหางม้าสูงอย่างสวยงาม และหุ่นสวยสมส่วน โดยเฉพาะเอวของนางที่เว้าเข้ารูปนั้นมันเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดที่สุดในร่างของนางจนทำให้ซูอันต้องหายใจแรง

ขณะที่ซูอันกำลังจะเอ่ยชมความงามของอีกฝ่าย หญิงสาวตรงหน้าก็เอ่ยวาจาที่ไม่น่าฟังออกมา “เจียมกะลาหัวของเจ้าเองซะบ้าง! ถอยกลับไปซะ!”

ซูอันกะพริบตาปริบขณะสำรวจความทรงจำของตัวเองอย่างละเอียด อย่างนี้นี่เอง! หญิงสาวคนนี้คือสาวใช้ของคุณหนูชูเหยียน นางชื่อ เสวี่ยเอ๋อร์ หญิงรับใช้อย่างนางกล้าพูดจากับเจ้านายแบบนี้ได้อย่างไร?

วินาทีนั้น เขาก็ได้ยินเสียงพูดคุยดังแว่วมาจากผู้คนที่ยืนดูอยู่รอบ ๆ

“นั่นคือบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่อย่างนั้นหรือ? นางช่างงดงามจริง ๆ ”

“แม้แต่สาวใช้ของนางเองก็มีใบหน้าที่งดงามเช่นกัน!”

“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าชายที่ถูกฟ้าผ่าคนนี้คือลูกเขยจอมขี้ขลาดของตระกูลฉู่จริง ๆ น่ะสิ? เขาทำ

ได้ยังไงกันนะ?”

“เหอะ! เขาก็คงใช้เล่ห์กลอะไรสักอย่างนั่นแหละ! ดูสิ แม้แต่สาวใช้เองก็รังเกียจเขา!”

? !? ! ลูกเขยจอมขี้ขลาด? !

ซูอันทำสีหน้าแปลกประหลาดออกมา ดูเหมือนว่าเขาคนก่อนจะไม่ได้ใช้ชีวิตที่ดีมากนักในโลกนี้ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก ใช้เล่ห์กลแล้วยังไง? การใช้เล่ห์กลมันก็ต้องใช้ทักษะเหมือนกันเว้ย!

เขาเชื่อว่าคนพวกนี้เองก็อยากจะทำแบบนี้เช่นกัน แต่แค่ไม่มีความสามารถพอก็เท่านั้น!

ฉู่ชูเหยียนเดินขึ้นไปบนรถม้าอย่างรวดเร็ว ซูอันเองก็อยากจะตามเข้าไป แต่สาวใช้เสวี่ยเอ๋อร์กลับเดิน

เข้ามาปิดทางขึ้นรถม้าเอาไว้พร้อมกับใช้สายตาจ้องเขม็งห้ามไม่ให้เขาตามขึ้นไป สาวใช้คนอื่นเอง ๆ ก็ดูเหมือนจะคุ้นชินกับสิ่งเหล่านี้ พวกนางจึงทำเป็นไม่เห็นและไม่ใส่ใจ แล้วเริ่มเตรียมตัวบังคับรถม้าให้เคลื่อนที่ต่อไป

ซูอันเริ่มจะหงุดหงิดเล็กน้อย…นี่ คุณผู้หญิง สามีของเจ้าเพิ่งจะถูกฟ้าผ่ามานะ ทำไมเจ้าถึงใจจืดใจดำปล่อยให้สามีของเจ้าที่กำลังอ่อนแอเดินกลับเองแบบนี้?

เมื่อคิดเช่นนี้ เขาจึงรีบเดินตรงดิ่งเข้าไปหา เสวี่ยเอ๋อร์ จากนั้นเมื่อถึงระยะประชิดเข้ายื่นหน้าเข้าไป

ทำท่าทีจะแกล้งหอมแก้มนาง

เสวี่ยเอ๋อร์ตกตะลึงและรีบถอยตัวหลบทันที และนี่ก็เป็นการเปิดโอกาสให้ชายหนุ่ม รีบเปิดประตูรถม้า

และขึ้นไปนั่งในรถม้าทันที

ภายในรถม้าอบอวลใบด้วยกลิ่มหอมอ่อน ๆ ที่ชวนหลงไหล ชูเหยียนกำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง และ

เห็นได้ชัดเลยว่านางเองก็ประหลาดใจเช่นกันที่เห็นชายหนุ่มเข้ามาด้านในได้ เมื่อก่อนคนตรงหน้าของนางมัก

จะเชื่อฟังและยอมอยู่ข้างนอกอย่างสงบเสงี่ยม!

“…” วินาทีนั้นนางจ้องมองอีกฝ่ายอย่างงุนงง ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

ขณะที่ซูอันกำลังจะพูดบางอย่าง เขาก็สังเกตเห็นชื่อของหนังสือที่อยู่ในมือของหญิงสาว

[ภรรยาผู้น่ารัก: 99 วันแห่งการตามหาความรักของนักดาบอมตะผู้ยิ่งใหญ่]

เมื่อเห็นชื่อหนังสือเล่มนี้เขาได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ พูดอะไรไม่ออก

ชั่วอึดใจเดียว เสวี่ยเอ๋อร์ก็พุ่งเข้ามาด้านในอย่างเดือดดาล “ฮึ่ม! ข้าสาบานเลยว่าข้าจะ…”

ชูเหยียนรีบซ่อนหนังสือไว้ในแขนเสื้อของตัวเองทันที ริ้วแดงระเรื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้างามอันไร้ที่ติ

ของนาง “ช่างมันเถอะเสวี่ยเอ๋อร์ ปล่อยเขาเถอะ”

เสวี่ยเอ๋อร์เหลือบหางตามองซูอันก่อนจะหันกลับไปนั่งด้านหน้าของรถม้าตามเดิมอย่างจำใจ

“เมื่อครู่นี้…เจ้าเห็นอะไรหรือเปล่า?” ดวงตาของชูเหยียนเผยแววอันตราย

ชายหนุ่มจึงรีบโบกมือปฏิเสธ “ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!”

ในโลกนี้มีนิยายน้ำเน่าด้วยเหรอเนี่ย? แถมชื่อของมันยังน่าอายเหมือนกับนิยายรักน้ำเน่าบนโลกเดิม

ของเขาเลย เขาไม่คิดจริง ๆ ว่าหญิงสาวที่ดูเย็นชาตรงหน้าจะแอบอ่านนิยายแบบนี้

แต่เขาก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อสิ่งที่ตนพูด ด้วยความที่กลัวว่าคนตรงหน้าอาจจะฆ่าปิดปากเขา ซูอันก็รีบ

เปลี่ยนเรื่องทันที “ที่รัก เจ้าเคยได้ยินเรื่องของ ‘ดินแดนลึกลับ’ รึเปล่า? แล้วดินแดนลึกลับพวกนั้นมีบ้างไหมที่

อยู่ใกล้ ๆ เมืองของเรา?”

สีหน้าของชูเหยียนดูตกตะลึง “เจ้าไปได้ยินเรื่อง ‘ดินแดนลึกลับ’ มาจากที่ไหน?”

ในขณะเดียวกันที่ด้านนอกของรถม้า จู่ ๆ ดวงตาของเสวี่ยเอ๋อร์ก็เปล่งประกายชั่วร้ายขึ้นแวบหนึ่ง แต่

นางก็รีบก้มหน้าเพื่อซ่อนมันทันที

ซูอันจึงเอ่ยตอบไปว่า “ข้าไปได้ยินคนอื่นพูดมา”

“เหลวไหล!” ชูเหยียนขมวดคิ้ว “มันไม่มีทางที่คนธรรมดาจะเคยได้ยินเรื่องนี้”