ตอนที่ 2 ลางบอกเหตุ

ตอนที่ 2 ลางบอกเหตุ

คุณแม่กู้คิดหนัก “หวงเสี่ยวหมิง ใช่ เขาดูเหมือนกับหวงเสี่ยวหมิงเลย หวงเสี่ยวหมิงน่ะดูดีและหล่อขนาดไหนล่ะ อายุ 33 แล้วแต่ก็ยังโสดอยู่ นี่ไม่ใช่เพชรธรรมดาที่จะหาได้ทั่วไปนะ ฉันได้ยินมาว่าพ่อแม่ของเขาก็เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยกันทั้งคู่ด้วย พวกเขาเป็นครอบครัวนักวิชาการ คนที่อ่านหนังสือเป็นคนมีเหตุมีผล หากเขาแต่งงานกับเสี่ยวหวาน ฉันจะไม่โกรธแม่สามีเลย แม่สามีของเธออ่านหนังสือเยอะมาก และเธอก็ใจกว้างมากด้วย! เขาแก่กว่าเสี่ยวหวานแค่ 5 ปีเอง ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายที่อายุมากกว่าผู้หญิง 5 ปีที่ไหนจะเหมาะสมเท่านี้มาก่อน จะหาแบบนี้ได้ที่ไหนอีกล่ะ?”

คุณแม่กู้พอใจกับนัดบอดในครั้งนี้มาก ทันทีที่พูดถึงอาจารย์คนนี้ คุณแม่กู้ก็ให้คะแนนเขาเต็มร้อยโดยไม่ลังเล ทางคุณพ่อกู้เองเมื่อได้ยินก็รู้สึกว่าน่าสนใจมาก เขาพยักหน้าอย่างรวดเร็วและตอบกลับไปว่า “ใช่ รีบไปเรียกเสี่ยวหวานให้ลุกขึ้นแต่งตัวเร็ว”

ภายในห้องนอน ครั้นกู้เสี่ยวหวานที่เพิ่งชื่นชมพ่อของตนไปก่อนหน้าได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เธอก็ต้องยอมแพ้ทันที

“ลูกเอ๋ย ลุกเร็ว พ่อกับแม่จะไปทำธุระ แล้วจะกลับมาตอนเที่ยงเพื่อรอข่าวดีนะ” คุณพ่อกู้ดีใจมาก

ลูกสาวอายุ 28 ปีที่ยังไม่แต่งงานของเขาคือสิ่งที่เขากังวลมากที่สุด คราวนี้เขาได้เจออาจารย์มหาวิทยาลัยหนุ่มหล่อที่ยังเป็นโสดและยังไม่แต่งงาน นับเป็นข่าวดีไม่น้อย แค่คิดเรื่องนี้ คุณพ่อกู้ก็รู้สึกว่าลูกเขยในอนาคตคนนี้คือคนที่ดีที่สุดคนหนึ่งแล้ว

เขาเคยคิดว่าหญิงชรามักขอให้กู้เสี่ยวหวานไปนัดบอดเสมอ ทั้งที่การนัดบอดพวกนี้ดูไม่น่าเชื่อถือนัก แต่ตอนนี้เมื่อเขาได้ยินเรื่องดีๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้คุณแม่กู้ เมื่อคุณแม่กู้เห็นว่าสามีพอใจ เธอก็รู้สึกพึงพอใจมากขึ้นไปอีก

คุณแม่กู้อดไม่ได้ที่จะเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจ ราวกับว่าอาจารย์ห่าวเป็นลูกเขยของเธอเองไปแล้ว

“เสี่ยวหวาน เร็วเข้า อย่าให้เสี่ยวห่าวรอนาน”

เส้นสีดำสามเส้นปรากฏขึ้นบนหน้าผากของกู้เสี่ยวหวาน โอ้ยให้ตายเถอะ แม่หยุดทำว่าตัวเองสนิทกับเขาแบบนี้ได้ไหม ฉันไม่เคยเห็นแม่เป็นแบบนี้มาก่อนเลย เรียกเสี่ยวห่าว ๆ อยู่นั่น

กู้เสี่ยวหวานทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องจำยอมตอบกลับไป “รู้แล้วค่า”

เมื่อคุณพ่อกู้และคุณแม่กู้ได้ยินว่าลูกสาวตกลงรับ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ดีมาก ลูกสาวสุดที่รักของแม่ แม่จะออกไปกับพ่อแล้วรอข่าวดีของลูกนะ!”

คุณแม่กู้สลัดความเจ้ากี้เจ้าการในแบบฉบับหญิงวัยกลางคนออกไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง ราวกับว่าลูกสาวได้พบสามีและพร้อมที่จะแต่งงาน

คุณพ่อกู้และคุณแม่กู้ออกจากบ้านไปอย่างมีความสุข ส่วนลูกสาวผู้น่ารักอย่างกู้เสี่ยวหวานได้ถูกทิ้งอยู่ในห้อง เมื่อได้ยินเสียงของทั้งสองออกไปพร้อมเสียงประตูปิดลง เธอก็ถอนหายใจและทอดตัวนอนบนเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยาก

ให้ตายสิ เธออายุแค่ 28 ไม่ใช่เหรอ? พ่อแม่จำเป็นต้องอยากให้เธอแต่งงานขนาดนั้นเลยหรือไง? สาวอายุมากอย่างเธอนี่ช่างน่าสมเพชเสียจริง…

จักรพรรดิไม่รีบแต่ขันทีรีบแทน…

ไม่สิ พูดผิดๆ

สาวอายุมากไม่รีบ แต่พ่อแม่รีบ!

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากมายนัก และเมื่อคิดถึง ‘อาจารย์สุดเพอร์เฟค’ ที่เธอกำลังจะไปหา ความหงุดหงิดก็ปรากฏขึ้นทันที

กู้เสี่ยวหวานคือใครน่ะเหรอ?

เธอคือผู้ที่เกิดมามีชีวิตค่อนข้างเพียบพร้อม ชีวิตในวัยเด็กมีแต่ความราบรื่นสมหวัง จากนั้นก็ได้เรียนต่อในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ก่อนทำงานเป็นนักวิจัยที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การเกษตร

ตั้งแต่ยังเล็ก กู้เสี่ยวหวานเป็นเด็กดีอยู่ในโอวาทมาโดยตลอด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสัญญาณของการมีความรักในวัยเรียนเลย… แม้แต่กับเด็กผู้ชายที่นั่งโต๊ะเดียวกัน คุณครูก็จ้องคาดโทษแล้ว ใครใช้ให้เธอเป็นดั่งเมล็ดพันธุ์ที่ดีที่สุดในชั้นเรียน ทั้งโรงเรียน หรือแม้แต่ทั้งเมืองกันล่ะ

การประเมินและการเพิ่มเงินเดือนของคุณครูนั้นขึ้นอยู่กับกู้เสี่ยวหวาน

การสรรหานักเรียนใหม่และพาดหัวข่าวของโรงเรียนก็ขึ้นอยู่กับเธอ…กู้เสี่ยวหวาน

ดังนั้นในช่วงชีวิตนักเรียนของกู้เสี่ยวหวานมากกว่า 10 ปี สายตาของคุณครูทั้งหลายจึงจับจ้องอยู่ที่เธอราวกับมีเรดาร์ แม้เธอจะพูดคุยกับเด็กผู้ชายและยิ้มหัวเราะมากขึ้น บรรดาคุณครูก็จะพากันประหม่าราวกับว่าลูกสาวตัวเองมีความรักในวัยเรียน รีบแนะนำแบบเปิดใจให้กู้เสี่ยวหวานมีเหตุมีผลและคิดถึงอนาคตบ้าง

โชคดีที่ช่วงเวลานั้นกู้เสี่ยวหวานค่อยๆ เติบโต และเป็นเพราะเธอรู้สึกสนุกกับการเรียนหนังสือ ภายใต้สภาวะกดดันเช่นนี้ เธอจึงไม่รู้สึกหดหู่ใจในทุกๆ ครั้งหรือล้มลุกคลุกคลานทุกรอบเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่เดินตามทางที่คุณครู พ่อแม่ของเธอ และทางโรงเรียนปูไว้ให้ จากนั้นก็เข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งอย่างราบรื่นสดใส ทุกคนจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

น่าเสียดายที่เธอไม่มีประสบการณ์กับผู้ชายเลยในช่วง 20 ปีแรก ต่อมาเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ปริญญาเอก เธอก็ยังปฏิบัติต่อผู้ชายเหมือนแขกรับเชิญ ความหมายของประโยคนี้ก็คือเธอจะทิ้งระยะห่างสองช่วงแขนเสมอยามได้อยู่ใกล้ชิดกับพวกเขาเสมือนกับว่าเป็นเพียงแขก

คุณแม่กู้และคุณพ่อกู้ตื่นตระหนกไม่น้อย ลูกสาวของตนก็ออกจะดี แต่ทำไมถึงหาผู้ชายไม่ได้กัน? จึงเป็นผลให้การนัดบอดปรากฏขึ้นอยู่เรื่อยมา ต่อให้การเฟ้นหา “คนที่ใช่” จะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด แต่เมื่อมองเหล่าสุภาพบุรุษประวัติดีเหล่านั้นที่ไม่ประสบความสำเร็จในการหาคู่ ก็มีไม่ถึงสิบแปดหรือยี่สิบคนจากที่ติดต่อนัดพบมาทั้งหมด

น่าเสียดาย…กู้เสี่ยวหวานคิด พวกผู้ใหญ่ช่างไม่เข้าใจจริงๆ!

อ๊ะ!?

เมื่อมองดูนาฬิกาก็เกือบ 9 นาฬิกาแล้ว

คุณแม่กู้กำลังเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด กู้เสี่ยวหวานจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลุกขึ้น แปรงฟัน แต่งตัว และไปที่ภัตตาคาร ซึ่งเวลาตอนนี้ก็ใกล้จะ 11 นาฬิกาแล้ว

กู้เสี่ยวหวานเฝ้ามองเข็มนาฬิกาอย่างไม่เต็มใจทุกนาทีและทุกวินาที เธอไม่สนใจนัดบอดจริงๆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบผู้ชายนะ แค่…

เธอเชื่อว่าหากมีพรหมลิขิตต่อกัน พวกเขาทั้งคู่ต้องได้มาเจอกันแน่นอน

“กริ้งงง…” กู่เสี่ยวหว่านยังคงคิดที่จะโกหกและไม่คิดไปนัดบอดเมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น

แต่เมื่อเห็นสายเรียกเข้า เธอก็รีบกดปุ่มรับสายทันที “ผู้อำนวยการหวง…”

“เสี่ยวหวาน ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติกับการทดลองเมื่อคืนนี้ คุณควรกลับไปที่ห้องปฏิบัติการแล้วทำอีกครั้งนะ หลังจากเสร็จแล้วส่งข้อมูลมาให้ผมอีกครั้งด้วย” ผู้อำนวยการหวงเป็นผู้เชี่ยวชาญอาวุโสในสถาบัน และอยู่แต่ในสถาบันมาสองสามวันแล้ว ทั้งยังทำงานอยู่ที่นั่นมาหลายสิบปี เกือบทั้งชีวิตของเขาอุทิศให้แก่สถาบัน เขาเป็นคนที่น่านับถือที่สุดในคนทั้งหมด

เมื่อวานนี้กู้เสี่ยวหวานและผู้อำนวยการหวงทำงานวิจัยอยู่ด้วยกันจนถึงเช้า เมื่อรู้ว่าผู้อำนวยการหวงต้องเดินทางไปที่เซี่ยงไฮ้ในวันนี้ กู้เสี่ยวหวานก็โน้มน้าวให้ผู้อำนวยการหวงกลับไปพักผ่อนเสียก่อน

เป็นเรื่องน่าเสียดายที่สิ่งแรกในใจของคนที่อุทิศตนเพื่ออาชีพการงานของเขาคนนี้มักมีแต่งาน ผู้อำนวยการหวงเป็นพวกบ้างานมาก

เมื่อวานกว่าเธอจะทำงานทดลองเสร็จและกลับถึงบ้านก็เกือบ 1 ทุ่มแล้ว ขณะที่เที่ยวบินขาออกคือเวลา 6 โมงเช้า ซึ่งผู้อำนวยการหวงต้องไปที่เซี่ยงไฮ้เพื่อทำรายงาน

…………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

แสดงว่าผู้ชายคนที่จะนัดบอดด้วยในครั้งนี้ยังไม่ใช่พรหมลิขิตล่ะค่ะ จะไปนัดบอดแต่ก็มีเหตุด่วนกะทันหันเข้ามาก่อน

ไหหม่า(海馬)