ตอนที่ 2 บทละครอันขมขื่นที่พากันคิดไปเอง

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 2 บทละครอันขมขื่นที่พากันคิดไปเอง

มู่เถาเยาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในระหว่างนั้นก็พบว่าร่างกายของนางสะอาดและสดชื่นแล้ว ในที่สุดนางก็รู้สึกชอบชายชราช่างพูดคนนี้ขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

อ่า…นางหิวจังเลย!

ชายชรากำลังทำอะไรบางอย่างอยู่โดยหันหลังให้กับนาง เมื่อเขาได้ยินเสียงร้อง ก็หมุนตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว

“ไอ้หยา เสี่ยวเยาเยาของข้าตื่นขึ้นแล้วสินะ หิวหรือเปล่า รอเดี๋ยวนะอาจารย์รอให้น้ำร้อนพวกนี้เย็นลงก่อนเดี๋ยวจะละลายเม็ดยาเสริมธาตุให้เอ็งดื่ม พวกเราเดินกันอีกไม่กี่วันก็ออกจากป่านี้ได้แล้ว ถึงตอนนั้นอาจารย์ค่อยไปซื้อนมผงให้เอ็ง”

มู่เถาเยาตะลึงค้างไป

ทำไมตาแก่เลอะเทอะนี่ถึงเรียกนางว่าเสี่ยวเยาเยา

นอกจากนี้ นมผงคืออะไร สามารถกินได้ด้วยหรือ ข้าต้องการแม่นม!

“อ้อ จริงสิ เป็นเพราะอาจารย์เก็บเอ็งได้ที่ใต้ต้นท้อ ข้าก็เลยตั้งชื่อให้เอ็งว่ามู่เถาเยา ต้นท้องามสะพรั่ง ดอกเถารำไพ เป็นอย่างไรฟังดูดีใช่ไหม ถูกใจเอ็งหรือเปล่า”

มู่เถาเยากะพริบนัยน์ตาสีเข้มของนาง

ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้!

บางทีการที่นางฟื้นคืนชีพจากความตายและกลายเป็นทารกมาอยู่ที่ประเทศเหยียนหวงแห่งนี้ อาจเป็นเพราะโชคชะตาของนางหรือไม่

“ฮ่าๆ ข้ารู้อยู่แล้ว! ข้าน่ะเก่งจะตาย! เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครรังเกียจชื่อที่ข้าตั้งให้!”

จิตใจที่ลอยล่องไปไกลของมู่เถาเยา ถูกกระชากกลับมายังฉากในตอนนี้ทันทีโดยเสียงหัวเราะอันชั่วร้ายของชายชรา

“เยาเยา เอ็งน่ะยังมีศิษย์พี่ชายหญิงอยู่อีกแปดคนนะ เดิมทีมันควรเป็นเก้า แต่หนึ่งในนั้นเป็นคนที่เห็นแก่ตัวและจิตใจไม่บริสุทธิ์ เขาจึงไม่เหมาะกับการเรียนแพทย์ ที่สำคัญคือเขายังใช้ยาพิษเพื่อทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นอาจารย์เลยขับไล่เขาออกจากสำนักไป…”

แอ้…ตาแก่ ข้าหิว!

“โอ้ เจ้าตัวเล็ก การที่เอ็งสามารถตอบสนองคำพูดของข้าได้หมดเช่นนี้ พรสวรรค์เอ็งนี่ช่างโดดเด่นเสียจริง! ข้าโชคดีจริงๆ! เป็นเรื่องดีที่ข้าอุตส่าห์สั่งสมบุญกุศลมาตลอดชีวิต…”

ชมเชยนางไปคำหนึ่ง จากนั้นก็โอ้อวดตัวเองอีกราวร้อยกว่าคำ…ชายชราคนนี้ ไร้ยางอายเกินไปแล้ว!

มู่เถาเยาจ้องไปยังชายชราผู้ซึ่งบังคับให้ลูกศิษย์ของเขากราบคำนับตัวเองเป็นอาจารย์ด้วยนัยน์ตาดำขลับดุจน้ำหมึกใสกระจ่าง ท่าทีของเจ้าตัวเล็กออกจะดูหมดคำพูดอยู่บ้าง

ตั้งแต่นางถือกำเนิดมาก็มีศักดิ์ฐานะเป็นถึงองค์หญิงและได้รับความโปรดปรานอย่างมาก ต่อมาเมื่อเสด็จแม่ของนางถูกใส่ร้ายและถูกสังหาร เพื่อปกป้องพระอนุชาที่ยามนั้นยังเป็นเพียงเด็กทารกให้เติบใหญ่ นางจึงจำต้องเก็บงำประกายและซ่อนเร้นความสามารถ จนกระทั่งถึงวันที่นางก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งจักรพรรดินีด้วยวิธีการอันแสนโหดร้ายและสองมือที่ย้อมอาบไปด้วยเลือด ข้างกายนางก็ล้อมรอบไปด้วยข้าราชบริพารนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีใครเหมือนกับตาแก่นี่สักคน…

“เสี่ยวเยาเยาเอ๋ย อาจารย์ถามเอ็ง เอ็งต้องการไปใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงหรืออยากไปอยู่เมืองเจียงตู หรือว่าจะไปอยู่ที่เมืองเย่ว์ตูซึ่งเป็นฐานที่ตั้งหลักของสำนักแพทย์โบราณของเรา”

แอ้…ที่ไหนก็ได้ ตราบใดที่ข้าเติบโตขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย!

และเมื่อนางโตขึ้น นางจะโยนตาแก่ชอบพล่ามคนนี้ทิ้งไปให้ไกลๆ เสีย!

“แม้ว่าที่เมืองหลวงกับเมืองเจียงตูจะเป็นจุดศูนย์กลางของการเมืองและเศรษฐกิจ แต่ในป่าดึกดำบรรพ์นี้มีวัตถุดิบและสมุนไพรล้ำค่าหายากนับไม่ถ้วน อาจารย์ตัดใจไม่ลง…”

อุตส่าห์พูดจนน้ำไหลไฟดับ ทั้งหมดก็เพื่ออาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากป่าดึกดำบรรพ์แห่งนี้ไป

“เสี่ยวเยาเยา ทำไมเราศิษย์อาจารย์ไม่ตั้งรกรากอยู่ที่หมู่บ้านในภูเขาเล็กๆ ด้านนอกป่านี้ไปเลยเล่า ที่นั่นทิวทัศน์งดงาม แถมยังมีชื่ออันแสนไพเราะว่าหมู่บ้านเถาหยวนซาน คล้องจองกับชื่อของเอ็งเป็นอย่างดี…”

ชายชราพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเสนอขายหมู่บ้านบนภูเขาลูกเล็กๆ ที่มีทิวทัศน์สวยงามและประเพณีพื้นบ้านที่เรียบง่ายให้กับทารกน้อย

แอ้ แอ้ แอ้…

ตาแก่ชั่วร้ายนี่ ให้ข้ากินอิ่มก่อนได้ไหม!

ตั้งแต่นางตื่นขึ้นมาจนถึงตอนนี้รู้ไหมว่ามันผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ขืนยังไม่ได้กินอีก นางจะหลับไปอีกรอบแล้ว!

“ฮ่าๆ เสี่ยวเยาเยา เอ็งเห็นด้วยแล้วสินะ! ถ้างั้นถือว่านี่เป็นการตกลงที่พึงพอใจกันทั้งสองฝ่าย!”

แอ้ แอ้ แอ้…ใครพึงพอใจ! ใครเห็นด้วย! อย่ามาคาดเดาความคิดข้าส่งเดช!

“มาๆๆ เรามากินข้าวกันก่อน น้ำผสมเม็ดยาเสริมธาตุคนละชาม ข้าดื่มก่อน ประเดี๋ยวค่อยป้อนให้เอ็ง”

ชายชราหยิบกล่องไม้จันทน์ธรรมดาดูเรียบง่ายออกมาจากตะกร้าสานใบใหญ่ เปิดออกแล้วหยิบเม็ดยาสีดำเม็ดเล็กๆ ใส่ลงไปในชามน้ำเดือดที่พักทิ้งไว้ให้เย็นลง

เม็ดยาละลายไปกับน้ำ กลิ่นหอมอ่อนๆ ล้นทะลักออกมา

เมื่อมู่เถาเยาได้กลิ่นหอมนี้ นางก็รู้ได้ทันทีว่าทักษะทางการแพทย์ของชายชรานั้นไม่อาจดูแคลนได้ ถ้อยคำคุยโวเกี่ยวกับตัวเองก่อนหน้านี้ของเขาที่โม้จนน้ำลายแตกฟองต่อหน้านาง ดูเหมือนว่าจะมีเค้าอยู่บ้าง

ชายชราหยิบชามขึ้นมาและดื่มน้ำผสมเม็ดยาเสริมธาตุลงไปหลายอึกภายใต้การจับจ้องของดวงตาคู่เล็ก จากนั้นค่อยหันกลับมาและใช้ช้อนขนาดใหญ่คนข้างในหม้อหินแล้วตักน้ำใส่ชาม ยกขึ้นจิบเล็กน้อยเพื่อทดสอบอุณหภูมิของน้ำ เห็นว่าน่าจะสามารถป้อนให้ทารกดื่มได้แล้ว จึงแบ่งเม็ดยาออกเป็นหนึ่งในสามส่วนโยนลงไปในน้ำคนให้ละลาย

“ข้านำชุดเครื่องครัวติดตัวเข้าป่ามาเก็บสมุนไพรด้วยเพียงชุดเดียวเท่านั้น เอ็งอย่าได้คิดรังเกียจเป็นอันขาด”

ขณะที่พูด เขาก็อุ้มมู่เถาเยาขึ้นมาและป้อนน้ำให้นางทีละนิดด้วยช้อนขนาดเล็ก

มู่เถาเยาดื่มน้ำไปด้วยขณะที่ในหัวน้อยๆ พยายามระบุสมุนไพรที่ใช้ในยาต้ม

คาดไม่ถึงจริงๆ ยาเม็ดเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตานี้ถึงกับถูกปรุงขึ้นด้วยสมุนไพรล้ำค่าหายากหลายสิบกว่าชนิด มีบางชนิดที่นางไม่สามารถระบุได้ด้วยซ้ำว่ามันคือวัตถุดิบล้ำค่าชนิดใด

ตาแก่ชั่วร้ายนี่มีทักษะวิชาติดตัวที่ไม่ธรรมดาเลย ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขากล้าเยื้องย่างเข้ามาในป่าดึกดำบรรพ์ที่แสนอันตรายแห่งนี้เพียงลำพัง

“ดื่มน้ำไม่ดิ้นไม่ร้อง แม้แต่ปากก็ไม่ต้องเช็ดให้ด้วยซ้ำ! สมแล้วกับที่เป็นศิษย์สืบทอดคนสุดท้ายของข้าหยวนเหยี่ย!”

มู่เถาเยาเหลือบมองอาจารย์ราคาถูกของนางด้วยแววตาที่คล้ายกับกำลังมองสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่แปลกประหลาด ทำไมเขาถึงหาทางวกเข้าเรื่องของตัวเองได้ทุกที

“เสี่ยวเยาเยา ถ้าเอ็งอยากอึอยากฉี่ต้องร้องบอกข้าก่อนสักคำนะ ไม่งั้นหากทำเสื้อผ้าสกปรกอีกก็ไม่มีให้เปลี่ยนแล้ว เพราะในอีกสองวันข้างหน้าอาจไม่มีแหล่งน้ำให้ใช้ แม้แต่น้ำที่จะใช้กินดื่มก็ยังต้องหาจากพวกพืช หากจะต้องซักเสื้อผ้าล้างก้น…”

มู่เถาเยาหลับไปท่ามกลางเสียงบ่น

หลายวันต่อจากนั้น กิจวัตรของมู่เถาเยาก็วนเวียนอยู่ซ้ำๆ อย่างนั้น…กิน นอน และขับถ่าย

จนกระทั่งพวกเขาทั้งสองออกมาจากป่า ชาวบ้านในหมู่บ้านเถาหยวนซานเมื่อเห็นชายชราท่าทางคล้ายกับขอทานอุ้มเด็กทารกมาด้วยก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจอย่างยิ่ง

ชาวบ้านที่ใจดีและซื่อสัตย์ พวกเขาไม่เห็นคนนอกเข้ามาในหมู่บ้านที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวตัดขาดจากโลกภายนอกแห่งนี้มาสักพักใหญ่แล้ว ทันทีที่เห็นชายชราและเด็กทารกเดินออกมาจากป่าครั้งแรก พวกเขาก็คิดว่าปู่หลานคู่นี้คงถูกคนในครอบครัวทอดทิ้ง ยากจนข้นแค้นถึงขั้นต้องเข้าป่าที่แสนอันตรายเพื่อหาอาหารประทังชีวิต

โชคดีเหลือเกินที่ยังไม่ถูกพวกสัตว์ป่าจับกิน!

อันตรายจริงๆ!

เหล่าชาวบ้านนำโดยผู้ใหญ่บ้านจึงต้อนรับปู่หลานแปลกหน้ากันอย่างกระตือรือร้น ทั้งเชิญเข้าไปในบ้าน พาไปอาบน้ำและหาข้าวให้กิน

อาทิตย์อัสดงพาดผ่านเส้นขอบฟ้า ควันสีหม่นลอยขึ้นเหนือหลังคาบ้านทุกหลังฉายภาพการหุงหาอาหารในโลกมนุษย์

หลังจากที่มู่เถาเยาถูกภรรยาของผู้ใหญ่บ้านอุ้มไปล้างตัวทำความสะอาด นัยน์ตาดำขลับเป็นประกายของร่างเล็กจ้ำม่ำก็กวาดตามองกลุ่มหญิงชาวบ้านที่เข้ามาแย่งกันอุ้มนาง จากชุดเสื้อผ้าที่พวกนางสวมใส่ ภาษาและคำพูด มู่เถาเยาได้ข้อสรุปว่าประเทศเหยียนหวงนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนใต้อาณัติของราชวงศ์เทียนเยว่ของนางอย่างแน่นอน

นางเป็นจักรพรรดินีที่เคยเข้าร่วมสงครามมาก่อน เห็นความทุกข์ยากของราษฎรมานักต่อนัก ย่อมรู้สภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านทั่วไป พวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่มีสีหน้าอมทุกข์และสิ้นหวัง

แต่ชาวบ้านที่อยู่ตรงนี้ทุกคนล้วนแต่มีสีหน้าสงบนิ่ง ดูผ่อนคลายและมีเมตตา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่มีห่วงหรือกังวลใดๆ ในชีวิต รวมถึงยังไม่เดือดร้อนกับสภาพความเป็นอยู่อันแร้นแค้นอีกด้วย

“ดูเจ้าตัวเล็กนี่สิ ลูกตากลอกกลิ้งไปมา มีชีวิตชีวาจริงๆ!” ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านที่อุ้มมู่เถาเยาอยู่ยิ้มพลางพูดกับทุกคน

“นั่นสิ ปู่ของยัยหนูนี่เลอะเทอะแค่ไหน แต่หลานสาวกลับถูกดูแลเป็นอย่างดี ใบหน้าเล็กๆ แก้มย้วยๆ อวบอิ่มอมชมพูนี่ จะน่ารักน่าชังเกินไปแล้ว!”

หญิงชาวบ้านและกลุ่มสะใภ้ในหมู่บ้านหยอกเย้าเล่นกับมู่เถาเยาที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของภรรยาผู้ใหญ่บ้านอย่างสนุกสนาน

จักรพรรดินีมู่เถาเยาผู้ยิ่งใหญ่รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นลิง

“ไป ไปบ้านฉันกันเถอะ วัวบ้านฉันเพิ่งคลอดลูกวัว มีน้ำนมให้ดื่มเหลือเฟือ ฉันจะไปต้มมาให้ยัยหนูดื่ม”

“ดื่มนมวัวอะไรกัน! ลูกสะใภ้บ้านฉันสิน้ำนมเยอะจนหว่านหว่านดื่มไม่ทันแล้ว ให้เจ้าตัวเล็กนี่ไปช่วยดื่มอีกคนเถอะ”

หลานสาวตัวน้อยของครอบครัวผู้ใหญ่บ้านชื่อมู่หว่าน เพิ่งอายุเพียงสองเดือนเท่านั้น พอดีเลยจะได้ดื่มด้วยกัน

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย นมวัวไม่ดีเท่านมแม่อย่างแน่นอน

“ทุกคนกลับไปกินข้าวกันเถอะ แม่หนูน้อยนี่กินอิ่มแล้วยังต้องพักผ่อน หากอยากมาเล่นกับแกอีกพรุ่งนี้ค่อยกลับมาใหม่ แล้วฉันจะถามปู่ของแม่หนูน้อยนี่ให้ว่าอยากจะมาอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนซานของเราหรือเปล่า ถึงเราจะยากจน แต่ก็ยังดีกว่าให้เขากระเตงเด็กทารกร่อนเร่ไปทั่ว”

หลังจากได้ยินคำพูดของภรรยาผู้ใหญ่บ้าน ผู้หญิงในหมู่บ้านต่างก็จินตนาการให้ตัวเองเสร็จสรรพถึงบทละครอันขมขื่นของชีวิตชายชราและเด็กทารกตัวน้อยที่ถูกขับไล่ออกจากบ้าน