ที่แรกเลยที่ฉันมุ่งหน้ามาจากโรงเรียน ก็คือร้านของอาจารย์

ถึงอาจารย์จะดูแลฉันเป็นอย่างดี แต่ฉันก็ไม่งี่เง่าถึงขนาดจะให้อาจารย์มาพิธีจบการศึกษาหรอก หรือต่อให้ไม่มีเรื่องนั้น อาจารย์ก็มีเรื่องอื่นต้องจัดการอยู่ดี

ร้านของอาจารย์อยู่ใกล้กับโรงเรียน และยังอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างดีในเมืองหลวงเลย

เพราะแบบนั้น มันเลยสะดวกกับฉันมากเลยกับการเดินทางไปกลับในการทำงานพิเศษ และก็ทำให้ฉันได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าเลยด้วย

ฉันไม่รู้เรื่องราคาที่ดินหรอก แต่หน้าร้านหันหน้าชนกับถนนหลักแบบนี้ ก็คงจะเป็นทำเลทองนั่นแหละเนอะ?

ขนาดตอนที่ฉันทำงานพิเศษอยู่ ลูกค้าก็เดินเข้าๆ ออกๆ ร้านอยู่ตลอดเวลาเลย

 

“อาจารย์ค้า~ สวัสดีค่า~”

 

ฉันทักทายอย่างร่าเริง และเดินเข้าทางประตูหลังร้านอย่างทุกที

ฉันลาออกจากงานพิเศษก่อนจะสอบจบการศึกษาไปแล้ว เพราะงั้น ถึงจะไม่ชอบนักหรอก ฉันทำงานอยู่ที่นี่มาตั้ง 5 ปี ก็เลยได้รู้จักทุกคนพอควร

เพราะแบบนั้น ท่านก็เลยยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่บอกว่า ‘ยินดีด้วยนะที่เรียนจบแล้ว’ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดมือเลย

 

“โอ้ ซาราสะ ยินดีด้วยนะที่เรียนจบแล้ว”

 

ที่หลังร้าน ในร้านเล่นแร่ ผู้หญิงที่สวยมากๆ ก็ทักทายฉัน

เป็นคนที่พูดค่อนข้างห้วน ไม่เข้ากับหน้าตาของท่านเลย

ดูเหมือนยังอายุ 20 กลางๆ อยู่เลย?

แต่ ก็เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่ดูอายุจริงไม่ออกเลย เพราะหน้าตาของท่านไม่ได้เปลี่ยนไปเลยซักนิดตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

นี่แหละ อาจารย์ของฉันเองล่ะ

ความสามารถของอาจารย์ อยู่ในระดับชั้นแนวหน้าเลย

น่าตกใจที่ว่า ท่านเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับปรมาจารย์ซึ่งมีอยู่แค่หยิบมือเดียวในประเทศนี้ ที่เรียกได้ว่าท่านมีอิทธิพลมากกว่าขุนนางทั่วๆ ไปซะอีก

แถม นักเล่นแร่แปรธาตุระดับปรมาจารย์คนอื่นๆ ก็แก่กันหมดแล้ว แต่อาจารย์ก็ยังดูสาวเป็นแบบนี้อยู่เลย

ช่วยไม่ได้หรอก ก็อยากจะบอกว่าฉันไม่รู้อายุจริงๆ ของอาจารย์เลย ว่ามั้ย?

แต่ก็น้า ส่วนนึงก็เพราะหน้าตาของอาจารย์ด้วย ท่านเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่ดังมากๆ แม้แต่ในเมืองหลวงนี่ และท่านก็ได้รับงานคำร้องอยู่เรื่อยๆ เลย

จนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้เป็นลูกจ้างของร้านแบบนี้น่ะ

ฉันจะไม่ลงรายละเอียดหรอก แต่ถ้าจะให้สรุปยังไงงั้นเหรอ… คงเป็นเรื่องบังเอิญกับโชคล่ะมั้ง?

“ขอบคุณเลยนะคะ ต้องขอบคุณอาจารย์เลย ฉันเลยเรียนจบมาได้แบบนี้น่ะ”

 

ฉันโค้งก้มหัวขอบคุณอาจารย์อีกครั้งนึง และอาจารย์ก็ตอบรับด้วยการโบกมือเบาๆ

 

“ไม่ต้องถ่อมตัวแบบนั้นหรอก ได้ยินหรือเปล่า? เห็นว่าเธอได้คะแนนสอบเกือบอันดับ 1 เลยนี่”

“อาเระ? จริงเหรอคะ?”

 

ฉันได้รางวัลจากการสอบมาเยอะเลยก็จริงนะ แต่แทบไม่เคยได้ที่ 1 เลย…?

ทุกครั้งที่มีการสอบ ก็จะมีการแปะประกาศ 10 อันดับแรกเอาไว้ ฉันก็เลยเห็นอันดับของตัวเองได้อยู่

ฉันตรวจดูทุกครั้งเลยเพราะมันเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าฉันจะได้เงินรางวัลหรือเปล่า แต่ทุกครั้งก็มักจะมีคนซัก 2-3 คนอยู่อันดับเหนือฉันอยู่ตลอดเลย

จำชื่อพวกเขาไม่ค่อยได้หรอก แต่ก็มั่นใจแล้วว่าพวกเขาเป็นขุนนางนะ

แค่ดูนามสกุลก็รู้แล้วล่ะ แล้วมันก็เกี่ยวกับเรื่องเงินรางวัลด้วย

 

“ขุนนางเหรอ เอาเถอะ นั่นน่ะนะ ที่พวกนั้นได้อันดับแบบนั้นก็เพราะได้สวมเกี๊ยะมานั่นแหละ”

“เห งั้นเหรอคะ?”

“หือ? เธอไม่สนใจเหรอ?”

TN: 下駄を履かせる (Getawohakaseru) แปลตามตัวอักษรเลยจะแปลว่า “ให้สวมเกี๊ยะไม้” ตัวบทสำนวนจะหมายความว่า การทำให้บางอย่างสูงขึ้น เช่น คะแนน

อาจารย์เอียงคอด้วยท่าทางสงสัยนิดหน่อย พอเห็นท่าทางตอบรับที่นิ่งๆ ของฉัน

ฉันรู้นะว่ามันออกจะเจ้าเล่ห์ไปนิดนึง แต่ฉันไม่สนเรื่องนี้จริงๆ

พูดกันตามตรง ตราบใดที่มันไม่มีผลการเงินรางวัลจากการสอบของฉันแล้ว ฉันก็ไม่สนหรอกว่าตัวเองจะได้ที่ 1 หรือเปล่า

นอกจากขุนนางจะบริจาคช่วยเหลือโรงเรียนแล้ว พวกเขายังปฏิเสธทุนการศึกษาและเงินรางวัลด้วย

พอฉันคิดว่า ทั้งทุนทั้งเงินรางวัลที่ฉันได้มาจากเงินบริจาคพวกนั้นแล้ว ฉันก็อยากจะพูดขอบคุณกับพวกเขาซะมากกว่า

จะสวมเกี๊ยะกี่ชั้นก็เชิญเลยค่า

พอฉันตอบไปแบบนั้น อาจารย์ก็หัวเราะ แล้วก็พยักหน้าให้

 

“เกรดหรือคะแนนสอบเนี่ย พอเธอเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ไม่ว่ายังไง เธอก็เพิ่มระดับของตัวเองได้ตามการพยายามของเธอเอง―――อา แล้วคะแนนของขุนนางก็จะถูกประเมินด้วยหลักเกณฑ์เดียวกันในการตัดสินการไล่ออกอยู่แล้ว เพราะงั้นก็ไม่มีทางจะมีนักเล่นแร่แปรธาตุที่ต่ำกว่ามาตรฐานอยู่แล้ว จริงมั้ย?”

 

แต่ว่า พอมาถึงเรื่องการหางานหลังจากเรียนจบเนี่ย เกรดก็ดูจะมีผลนิดนึงนะ

แต่ว่า คนที่จ้างงานพวกเขาก็รู้อยู่แล้วด้วยว่าพวกเขาเพิ่มระดับขึ้นมาเพราะเกี๊ยะที่สูงขึ้นมาจากการเป็นขุนนางล่ะนะ…

―――ไม่ใช่ว่ามันยิ่งจะยากกว่าสำหรับขุนนางที่ถูกประเมินว่าไม่เหมาะสมงั้นเหรอเนี่ย?

ขุนนางที่ทำตัวใหญ่โตในโรงเรียนก็มีอยู่บ้างนะ แต่ก็ไม่ได้มีใครเป็นคนโหดร้ายเลย เพราะรุ่นพี่ที่ดูแลฉันคนนึงก็เป็นลูกสาวของมาร์ควิสเหมือนกัน ฉันเลยไม่ได้ไปเกี่ยวข้องอะไรกับคนพวกนั้นขนาดนั้นด้วย ฉันก็ไม่มีภาพจำที่ไม่ดีเลย

แล้ว 1 ปีหลังจากที่รุ่นพี่เรียนจบไปแล้วงั้นเหรอ?

ก็เป็นไปได้สวยเลยนะ

ขุนนางที่มีปัญหาแบบนั้นอยู่ในโรงเรียนจนถึงปีสุดท้ายไม่ได้อยู่แล้วด้วย

และอีกอย่าง ถ้าเกิดนักเรียนยังอยู่จนถึงชั้นปี 5 ได้ล่ะก็ แทบจะเป็นที่แน่นอนแล้วล่ะว่าแม้แต่สามัญชนก็เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุได้

พอคิดถึงเรื่องของสถานะทางสังคมของขุนนางแล้ว การแสดงความเป็นศัตรูจะสร้างปัญหามากกว่าเยอะเลย

ในอนาคต ฉันอาจจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับปรมาจารย์ได้ด้วยเหมือนกันก็ได้นะ

 

“ถ้างั้น อาจารย์คะ ออกไปด้วยได้หรือเปล่าคะ? ฉันกังวลเรื่องเงินมากเกินไปนี่ด้วย ฉันอยากจะซื้อสารานุกรมยกชุดเลยน่ะค่ะ…”

“หือ? ยังไม่ได้ไปอีกเหรอ? วันนี้ฉันไม่มีแผนอยู่แล้วล่ะ ถ้างั้นก็ได้เลย”

 

[สารานุกรมแปรธาตุ (ทั้งหมด 10 บท)]

มันคือคัมภีร์แห่งวิชาเล่นแร่เลยที่ทุกคนต้องมีเลย ถ้าเกิดว่าเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่สมบูรณ์พร้อมนะ

ตอนที่ฉันเริ่มทำงานพิเศษที่ร้านของอาจารย์อยู่ซักพัก ฉันก็เคยถามอาจารย์ดู

คำถามคือ ‘ถ้าได้เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุแล้ว ควรจะมีอะไรก่อนงั้นเหรอคะ?’

ในตอนนั้น อาจารย์ก็แนะนำหนังสือนี่เลย [สารานุกรมแปรธาตุ]

สิ่งแรกสุดที่นำสู่การเล่นแร่แปรธาตุ ตราบใดที่มีหนังสือชุดนี้ที่อธิบายรายละเอียดและกระบวนการทุกอย่างในการเล่นแร่แปรธาตุแล้ว มันก็จะช่วยปูทางสู่การเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุให้พวกเราได้เลยล่ะ

‘ฉันจะหาหนังสือสุดยอดแบบนั้นได้ที่ไหนเหรอคะ!?’ ฉันคิดยังงั้น อาจารย์ก็สำทับมาอย่างสบายๆ เลยว่า ‘ไหนๆ ก็พูดแล้ว เธอซื้อมันได้ที่ร้านค้าในโรงเรียนเลยนะ’

ที่อึ้งที่สุดก็คือ มันซื้อได้ง่ายๆ เลยที่ร้านค้าในโรงเรียนนี่แหละ

ถึงจะรู้สึกไม่สบายใจยังไงไม่รู้กับความเป็นจริง แต่วันรุ่งขึ้น ฉันก็เอาเงินที่หามาอย่างยากลำบากมา และออกไปซื้อของอย่างร่าเริง

 

แล้ว ฉันก็ทรุดลงกับพื้นเลย

 

ราคาสินค้าในใบสั่งซื้อที่คุณป้าดูแลร้านบอกคือ 7,500,000 แรร์

ขนาดในเมืองหลวงนี่ ราคาขนาดนั้นมันซื้อบ้านใหญ่ๆ ได้หลังนึงเลยนะ

ต่อให้เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุแล้ว มันก็ไม่ใช่ราคาที่มือใหม่จะจ่ายได้ง่ายๆ เลย

ยิ่งกว่านั้น คิดว่าถ้าเป็นนักเรียนจะว่ายังไงล่ะ

นี่เป็นราคาขายที่ดีแล้วใช่มั้ยเนี่ย?

มันต่างจากสมุดกับหมึก 100 แรร์ที่ฉันมาซื้อที่นี่บ่อยๆ มากเกินไปแล้วนะ

เรื่องสถานที่ในการตามหาเนี่ยมันง่ายมาก แต่เรื่องราคานี่มันไม่ง่ายซักนิดเลยเนี่ยสิ!

แน่อยู่แล้ว ฉันก็ล้มเลิกความคิดจะซื้อมัน แล้วก็ไปบ่นกับอาจารย์

จากนั้น อาจารย์ก็ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะบอกว่า ‘เพราะแบบนั้น มันถึงเป็นเรื่องธรรมดาเลยที่จะต้องเก็บเงินจากการไปเป็นเด็กฝึกงานในร้านก่อนยังไงล่ะ แล้วมันก็ไม่ได้จำเป็นต้องซื้อทั้ง 10 เล่มในครั้งเดียวตั้งแต่แรกแล้วด้วย’ ถึงอาจารย์จะบอกแบบนั้น แต่ท่านก็ชี้ทางออกให้

‘ถ้าเธอซื้อผ่านฉัน เธอจะซื้อได้ในราคา 5,000,000 นะ ถ้าเธอเก็บเงินได้เท่านั้นทันตอนที่เรียนจบล่ะก็ ฉันจะให้เธอซื้อได้ในราคาถูกแล้วกัน’

5 ล้าน! ลดไปตั้ง 2,500,000 แรร์เลย!

…ไม่สิ แต่มันก็ยังเป็นราคาที่ยังซื้อบ้านได้เลยอยู่ดีนั่นแหละ

 

แต่ว่า ทำไมสารานุกรมแปรธาตุถึงต้องแพงขนาดนั้นเลยน่ะเหรอ?

หนึ่งในเหตุผลก็คือ ตัวหนังสือเล่มนี้เองก็เป็น [อาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ)] พิเศษเหมือนกัน

มีแค่นักเล่นแร่แปรธาตุเท่านั้นที่จะสามารถอ่านมันได้ สำหรับคนอื่นแล้ว มันก็จะดูเหมือนหนังสือเปล่าๆ เลย

ยิ่งกว่านั้น แม้แต่นักเล่นแร่แปรธาตุเอง การจะอ่านแต่ละบทได้ก็ขึ้นอยู่กับระดับของพวกเขาด้วย

ไม่สิ กลับกันมากกว่า ระดับของนักเล่นแร่แปรธาตุจะขึ้นกับบทที่พวกเขาอ่านได้

นักเรียนจบใหม่ที่เพิ่งจบการศึกษาจากโรงเรียนเลยเนี่ยจะอ่านได้แค่บทที่ 1 หรือก็คือระดับที่ 1 นั่นแหละ

หลังจากนั้น แต่ละบทที่สามารถอ่านได้มากขึ้น ระดับก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย แล้วถ้าเกิดถึงจุดที่อ่านได้ถึงบทที่ 10 แล้ว ก็จะไปถึงระดับที่ 10 นั่นเอง โดยทั่วไปแล้ว นักเล่นแร่แปรธาตุจนถึงระดับที่ 3 จะเป็นมือใหม่, 4 จะเป็นระดับเบื้องต้น, 7 จะเป็นระดับกลาง และในที่สุด 10 ก็จะถูกเรียกว่านักเล่นแร่แปรธาตุระดับสูง

มีนักเล่นแร่แปรธาตุในสัดส่วนที่น้อยมากเลยที่สามารถไปจนถึงนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสูงได้ ส่วนคนที่ไปจนถึงระดับสูงยิ่งกว่านั้นอย่างระดับปรมาจารย์เหมือนอย่างอาจารย์เนี่ยก็ยิ่งน้อยกว่าอีก

แน่นอนว่าเพราะมันเป็นของแบบนี้ด้วย การตัดสินว่าหนังสือเล่มนี้เป็นของแท้หรือเปล่าก็เลยเป็นเรื่องยากไปด้วย

คนธรรมดาไม่สามารถแยกมันกับหนังสือเปล่าๆ ได้ เพราะอย่างนั้น พวกเขาก็จะไม่สามารถปฏิเสธหรือยืนยันได้เลยว่า ‘นี่คือสารานุกรมแปรธาตุ’ หรือเปล่า

สำหรับเรื่องนี้ นักเล่นแร่แปรธาตุมือใหม่เองก็ไม่ต่างกัน ต่อให้หน้าแรกนอกจากบทที่ 1 จะเป็นหน้าเปล่าๆ ก็บอกไม่ได้อยู่ดีว่านั่นเป็นของปลอมหรือเปล่า

ดังนั้น ระบบการตรวจสอบยืนยันก็เลยจำเป็นกับเรื่องนี้เลย

นั่นคือ ความช่วยเหลือจากนักเล่นแร่แปรธาตุที่สามารถตรวจสอบเนื้อหาที่มีอยู่ในหนังสือได้ และทำการรับรองว่าหนังสือเป็นของจริง

แต่ว่า ถ้าอยากจะซื้อหนังสือจนถึงบทที่ 10 ก็จำเป็นจะต้องมีความช่วยเหลือจากนักเล่นแร่แปรธาตุอย่างน้อยระดับสูงขึ้นไป

หรือไม่ก็ให้นักเล่นแร่แปรธาตุรุ่นพี่ซักคนมาช่วยรับรองมัน

แน่นอนว่า การทำแบบนี้ไม่ได้ทำกันฟรีๆ ไม่มีค่าตอบแทนด้วย เพราะงั้น ค่าใช้จ่ายในเรื่องนี้ก็จะเพิ่มเข้าไปในค่าสินค้าอีก

นั่นก็คือเหตุผลอีกข้อนึงที่ทำให้สารานุกรมแปรธาตุแพงมากๆ เลยด้วย

 

จะว่าไปแล้ว สารานุกรมแปรธาตุบางครั้งก็มีขายแบบมือสองตามร้านหนังสือด้วยเหมือนกัน แต่อาจารย์บอกว่า ‘พวกนั้นน่ะ แทบจะหลับตาชี้ได้เลยว่าเป็นของปลอมแน่นอน เพราะงั้น ไม่ต้องยื่นมือเข้าไปยุ่งกับพวกมันหรอก’

แน่นอนว่า ถึงความเป็นไปได้ที่หนังสือจะถูกปล่อยออกมาจากนักเล่นแร่แปรธาตุที่เลิกกิจการไปแล้วก็ไม่ใช่ 0 แต่นอกจากบทที่ 1 กับ 2 แล้ว แทบไม่มีทางเลยที่จะปล่อยออกมาทั้ง 10 บท

อย่างน้อย อาจารย์ก็บอกว่าท่านไม่เคยเห็นของจริงตามร้านหนังสือมือสองเลยซักครั้ง

ถ้าเกิดไปซื้อของคุณภาพแย่ๆ มาล่ะก็ เขาอาจจะฉวยโอกาสที่ไม่สามารถตรวจสอบได้เพราะระดับที่ต่ำเกินไป ให้ของจริงอยู่แค่ 3 บทแรกที่แม้แต่มือใหม่ก็ตรวจสอบได้ แล้วก็หลอกลวงด้วยการให้บทอื่นๆ หลังจากนั้นเป็นของปลอมหมดเลย

ถึงอย่างนั้น ก็มีนักเล่นแร่แปรธาตุที่บางครั้งก็ยังเครียดกับราคาของสินค้าจริงอยู่ จนเหมือนน้ำตาตกกันเลยนะ

 

“แต่ว่า เก็บออมจนได้ 5,000,000 แรร์จริงๆ นี่มันก็…”

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง อาจารย์ก็มองที่ฉันด้วยสายตาที่มีความรู้สึกหดหู่ยังไงไม่รู้ ซึ่งฉันก็เห็นด้วยอย่างสุดใจเลย

เพราะฉันอดออมมาจริงๆ เลยนี่นา…

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ถึงฉันจะมีเงินเก็บรวมกันในระดับที่เรียกได้ว่ามีเงินเยอะแล้วก็ตาม ฉันก็ไม่เคยซื้อของฟุ่มเฟือยซักครั้งเลยนะ จะไม่ชมกันหน่อยเหรอ?

อื้อ! สุดยอดไปเลยเนอะ! ฉันน่ะ!

 

TN: ลองดูภาพบรรยากาศการสอนของศิษย์อาจารย์คู่นี้ในมังงะกันครับ ^^