เมื่อได้ฟังรายงานจากฮาโรลด์ พ่อและแม่ของเขาก็เชื่ออย่างสนิทใจว่าคลาร่าและลูกสาวของเธอ คลอเล็ตนั้นตายแล้ว ไม่แม้จะสงสัยในตัวของลูกชายเลยสักนิด 

     แม้ว่าลูกชายของพวกเขาเพิ่งจะสังหารผู้หญิงและเด็กมาหมาดๆ แต่พวกเขากับเอาแต่ยกย่องลูกของตนประมาณว่า “ลูกช่างมีพรสวรรค์ด้านเวทย์มนตร์จริงๆ” และเหตุนี้ถ้าหากพ่อแม่ของเขาไม่จัดการเกี่ยวกับระบบความคิดในเรื่องความสำคัญใหม่แล้วล่ะก็ คาซูกิรู้สึกว่าช่องว่างระหว่างเขาและพ่อแม่นั้นคงไม่มีวันถูกเติมเต็มได้แน่ในชั่วชีวิตนี้  ไม่แม้จะมีวันที่มองหน้ากันได้ติด

     อืม อาจเพราะพวกเขาเชื่ออย่างหลับหูหลับตาในตัวของลูกชาย แถมพวกเขาไม่คิดที่จะซักไซร้อะไรอีกด้วย สำหรับตอนนี้คาซูกิคิดว่าคงพอแล้วที่จะยืนยันว่า แผนการช่วยเหลือคลาร่าและคลอเล็ตนั้นสำเร็จได้ด้วยดี

     พูดตามตรง ช่วงเวลานี้เขาควรจะมีความสุข แต่ว่า . . ตอนนี้กับมีปัญหาใหม่รอคอยอยู่ สำหรับคาซูกิเองเวลานั้นถือเป็นสิ่งที่มีค่า สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้มีเพียงอธิษฐานให้คลอเล็ตสามารถใกล้ชิดกับลินเนอร์ได้เท่านั้น

     ยกเรื่องพวกนี้เอาไว้ก่อน สิ่งที่ตอนนี้กำลังกวนใจคาซูกินั้นคือการหาวิธีจัดการปัญหาเกี่ยวกับความไม่พอใจของประชาชนที่เริ่มลุกลาม เหตุเกิดจากความกดดันในด้านการบริหารจัดการของตระกูลสโตร์ก พูดสั้นๆก็คือการเก็บภาษีที่แพงเกินไป 

     เกี่ยวกับดินแดนของตระกูลสโตร์กนั้น ยกเว้นแนวภูเขาที่สูงตระหง่านทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ราบทอดยาวจนถึงที่นั้นคือดินแดนของตระกูลสโตร์กทั้งหมด และทางหลวงสายหลักยังทอดผ่านอยู่ไม่ห่างจากตัวเมืองนัก ถือได้ว่าเมืองนี้อยู่ในจุดทำเลทองแห่งการคมนาคม แม้ว่าจะไม่มีมหาสมุทรอยู่โดยรอบเมือง แต่ว่ายังมีแม่น้ำที่ไหลมาจากน้ำพุร้อนบนภูเขาไหลผ่านใกล้ตัวเมือง และผืนป่าที่ทอดยาวตั้งแต้ทิศตะวันตกเฉียงเหนือถึงทิศตะวันออก คงจะเรียกว่าดินแดนแห่นผืนป่าคงไม่ผิดนัก

การเข้าออกของผู้คนและเม็ดเงินนั้นไหลเวียนดี ธรรมชาติรายล้อมอุดมสมบูรณ์ อุตสาหกรรมทั้งหลักและรองนั้นรุ่งเรื่องมาก

     แม้ว่าเมืองของตระกูลสโตร์กจะเจริญมากแต่ถือว่ายังเป็นเมืองเล็กๆ และดินแดนของตระกูลสโตร์กนั้นไม่ได้กว้างใหญ่อะไร พวกเขาจึงไม่สามารถทำกำไรจากผลประโยชน์เหล่านี้ได้มากนัก 

แถมตระกูลสโตร์กยังเก็บภาษีอย่างมหาโหด

     สำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในใจกลางของเมืองถือว่าเป็นผู้ที่มีรายได้ดีพอสมควร พวกเขาจึงไม่มีปัญหาอะไรมากนักสำหรับการจ่ายภาษี แต่สำหรับเกษตรกรย่านชานเมืองแล้ว มันถือว่าเป็นภาระหนักอย่างมาก

     โดยเฉพาะ เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ได้เกิดภัยธรรมชาติขึ้น แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีก็เถอะ แต่ทว่าความเสียหายต่อผลิตผลนั้นหนักพอสมควร และเหตุนี้ ทำให้รายได้ของพวกเขาตกต่ำลงไปอีกจนถึงภาวะขาดทุน

     ด้วยเหตุนี้ ทางฟาร์มต่างๆเริ่มที่จะออกมาร้องเรียน ขอร้องให้ช่วยลดภาษีลงชั่วคราว แต่ทว่า มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คู่สามีภรรยาคู่นี้จะรับฟังเรื่องร้องขออะไร แถมยังตอบกลับมาด้วยอีกว่า “ถ้าพวกแกยังสร้างความรำคาญไม่เลิก ข้าจะขึ้นภาษีอีก” มันเป็นการยุติปัญหาโดยการข่มขู่ชัดๆ

     คงจะพูดได้เต็มปากว่า ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการปกครองขนาดไหน แต่ว่าในเกมส์มันก็ไม่ได้มีรายละเอียดในส่วนนี้มากนัก ถ้าหากไม่มีเอกสารของนอร์แมน คาซูกิก็คงไม่สังเกตเห็นถึงสิ่งนี้

ถ้าหากสภาพปัจจุบันยังคงเป็นแบบนี้กินเวลาอีกนานแล้วล่ะก็ ความไม่พอใจจะถูกสะสมจนมากขึ้น เหตุเพราะแรงกดดันจากตระกูลสโตร์กอย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อความอดทนถึงขีดสุด เวลานั้นคือสัญญาณแรกของการล่มสลายของตระกูลสโตร์กอย่างแน่นอน

     แต่ก็.  . สำหรับคาซูกิแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตระกูลนี้ มันก็ไม่มีอะไรที่เขาสามารถจะทำได้อีกแล้ว แต่ว่าถ้าหากไม่ทำอะไรเลยเขาคงได้มีโอกาสลิ้มรสประสบการณ์แห่งหายนะนี้โดยตรงซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะผ่านเรื่องนี้ไปได้โดยที่ไม่ได้มีแผนรองรับ 

 

     [ ขอโทษนะคร๊าบ~ . . หึ? นั้นนายกำลังทำอะไรอยู่รึ ? ]

 

     ผู้ที่โผล่หน้าเข้ามาจากประตูที่เปิดอยู่ ไม่แม้จะรอให้เจ้าของห้องอนุญาติ  1 ในผู้สมคบคิดในแผนการช่วยเหลือคลาร่า เขาคือ เซ็น หรือเจ้าคนบังคับรถม้า

     ไงก็ตาม หลังจากตอนนั้น แม้ว่ามันจะไม่มีงานอะไรให้เขาทำต่อ แต่มันกลับกลายเป็นว่าเขามักมาเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ฮาโรลด์กำลังทำอยู่เสมอๆ ซึ่งแม้ว่าฮาโรลด์จะรำคาญเต็มทน และดุด่าว่าด้วยวาจารุนแรงเพียงใด ไอ้หมอนี่มันก็เอาแต่หัวเราะแห้งๆ . . 

     เซ็นนั้นอายุเพียง 19 ปี เป็นคนหนุ่มรุ่นเดียวกับคาซูกิในชาติที่แล้ว และในหมู่ผู้ชายที่ทำงานอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ เขาเป็นคนที่อายุใกล้เคียงกับฮาโรลด์ที่สุด และสิ่งที่คาซูกิคิด การคงอยู่ของเจ้าหมอนี่ทำให้คาซูกิรู้สึกหาเพื่อนได้ง่ายขึ้น 

     ไอ้หมอนี้มันช่างเหมือนกับสุนัข . .  จริงๆก็คล้ายๆล่ะนะ มันคงจะบอกได้ว่าบุคคลิกของเซ็นนั้นทำให้คนรอบข้างนั้นรู้สึกง่ายๆสบายๆนั้นเอง

     เซ็นได้แต่เอียงคอสงสัยเมื่อเขาเห็นพฤติกรรมแปลกๆของคาซูกิ แม้ว่าจะบอกว่าแปลกๆ แต่จริงๆแล้วคาซูกิก็แค่กำลังจดบันทึกการเจริญเติบโตของพืชผักที่ปลูกที่ระเบียงตรงหน้าต่างสูงประมาณประมาณ 50 cm 

 

     [ ไม่ใช่เรื่องของแก เห้ยไวๆ ปิดประตูซะ ]

     [ เอ~โต เหมือนได้กลิ่นเรื่องที่เป็นความลับแฮะ ]

 

     หลังจากปิดประตูที่ด้านหลังของเขา ดังคาด เซ็นกล่าวออกมาราวกับน้องหมากำลังตื่นเต้นพร้อมกับเหลือบมองไปยังระเบียงที่หน้าต่าง สำหรับท่าทีที่เขาแสดงออกมานั้น มันคงจะบอกได้ว่ามันเป็นกริยาที่ไม่สุภาพซักเท่าไร 

     ส่วนเรื่องแปลงผักที่ระเบียงนั้นมันมีกระถางอยู่ราว 20 กระถางได้ และมันถูกแบ่งออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 ประเภทของพืชที่ใช้ปลูก ส่วนเหตุผลที่ทำแบบนี้ นั้นเพราะในหมู่กลุ่มที่ปลูกนั้นมีบางส่วนที่ดูโดดเด่นกว่าเพื่อน

 

     [ หัวมันเบล และ บูลน่า เอ่อ . .  กับ กรู๊ดแดง . . ท่านปลูกไว้กินเองหลังจากพวกมันโตเต็มที่แล้วหรือครับ ? ]

     [ หรือแกอยากจะให้ข้าควักไส้แกออกมา แล้วเอาไปต้มพร้อมกับผักพวกนี้ แล้วค่อยยัดลงกระเพราะแกไง๊ ? (*คิดว่าผมปลูกมาให้เซ็นกินงั้นรึ ?) ]

     [ ไม่ครับ ขอบคุณ ! ]

     [ . . . . .  ]

 

     ถ้าหากปากยังคงเป็นแบบนี้ พวกเราคงไม่มีวันที่จะได้คุยกันอย่างสบายๆแน่นอน แม้ว่าคาซูกิเริ่มที่จะจิตตกเพราะปากของเขาอีกครั้ง แต่มือของเขาก็ยังไม่หยุดจดบันทึก และตามที่เซ็นกล่าว พวกนี้คือผักที่สามารถกินได้ ขอเพิ่มเติมสักหน่อยนะ ผักเหล่านี้คือท๊อบ 3 พืชนิยมเพาะปลูกหลักของหมู่เกษตรกรในดินแดนสโตร์ก

 

     [ แต่เอ๋ . . ดูเหมือนว่าวิธีการเลี้ยงดูจะแตกต่างกันอยู่แหะ ? ]

 

     โดยไม่แม้จะกลัวกับคำที่คาซูกิกล่าวออกมา เซ็นถามต่อด้วยท่าทีที่ดูสนใจสุดๆ 

ราวกับหัวใจที่ถูกสร้างจากเหล็กกล้า ผู้ที่ไม่เคยจิตตก ผู้ดูเหมือนจะมีความอดทนเทียบเท่ากับกระสอบทราย เขาช่างเป็นชายที่ฟื้นตัวได้ไวยิ่งนัก 

     ในขณะที่กำลังชื่นชมเซ็นอยู่ในใจ  คาซูกิได้ดึงขวดแก้วบางอย่างออกมา

 

     [ เจ้าพวกนี้คือสิ่งที่ใช้ผสมกับน้ำให้พวกผักงั้นรึครับ ? ]

 

     สิ่งที่อยู่ในมือคาซูกินั้น มันเหมือนกับสิ่งที่เหล่าแฟนๆเกมส์ [ Brave Hearts ] รู้จักกันดี ขวดสีฟ้าอ่อนกึ่งโปร่งใส มันคือสิ่งที่มีประโยชน์เป็นอย่างมากตั้งแต่เริ่มเกมส์ ไอเทมที่สามารถทำให้อัตตราฟื้นฟูพลังกายเป็น 2 เท่า มันชื่อว่า [ Life Potion ] 

 

     [ ไลท์โพชั่นสำหรับ . . . พืชงั้นรึครับ . . . ? ]

 

     เซ็นนั้นไม่เคยได้ยินเทคนิคการเพราะปลูกพืชแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต แถมไอ้ต้นที่ได้รับไลท์โพชั่นนั้นมันกับโตและดูฉ่ำน้ำมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด สายตาของเซ็นตอนนี้แสดงถึงความช๊อคที่มีต่อความคิดที่ไร้ขอบเขตเกินกว่าสามัญสำนึกธรรมดาของคาซูกิ 

แต่ว่า สำหรับคาซูกิแล้ว นี้มันเป็นเพียงแค่เรื่องธรรมดา

     ในระบบของเกมส์ [ Brave Hearts ] นั้นมี ” การผสม ” อยู่ โดยการผสมหลายๆสิ่งที่แตกต่างกันก็จะสามารถสร้างไอเทมได้ แต่ว่าไม่ใช้ทุกๆอย่างจะมาผสมกันได้หรอกนะ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคน นอกจากนี้ แม้ว่าตามคู่มือของเกมส์จะเคยบอกเอาไว้ว่าส่วนผสมที่ใช้ได้สำหรับการเพาะปลูกนั้นมีเพียงน้อยมาก แต่เหล่าผู้เล่นก็สามารถค้นหาสิ่งที่ใช้ได้จนได้ ดังคำกล่าวที่ว่า “แม้นักแม่นปืนจะกระจอกสักเพียงใดก็สามารถยิงถูกเป้าได้ถ้าหากเขามีกระสุนที่มากพอ”

     ในที่สุด ความจริงเรื่องการเพิ่มผลผลิตโดยการใช้ไลท์โพชั่นหรือโพชั่นที่แพงกว่าอย่าง “Ether” นั้นก็เป็นที่รู้จักโดยทั่ว และนั้นทำให้เหล่าผู้เล่นมากมายเปลี่ยนอาชีพจาก”ผู้กล้า” มาเป็น”ชาวสวน”กัน พวกเขาต่างสาดกระจายน้ำยาฟื้นพลังไปทั่วไร่ของพวกเขา แน่นอน คาซูกิก็เป็น 1 ในผู้เล่นเหล่านั้น

     สำหรับการทดสอบนี้ก็เพื่อดูว่าวิธีนี้ยังสามารถประยุกข์ใช้กับในโลกนี้ได้รึไม่ คาซูกิจึงเตรียมกระถางมากมาย ดินสำหรับปลูกพืช เมล็ดพันธุ์ และไลท์โพชั่นที่ใกล้หมดอายุ ที่ถูกเก็บจนลืมอยู่ในคลังสินค้าของตระกูลสโตร์ก แน่นอนนอร์แมนเป็นคนจัดหาสิ่งเหล่านี้มาให้

     แต่ทว่า แม้เหล่าพืชจะสามารถเติบโตได้ดีโดยใช้เพียงไลท์โพชั่น แต่พวกมันกลับโตเร็วเกินไป เร็วจนพวกมันแห้งตายก่อนที่จะได้ทันออกผล ดังนั้น จึงจำเป็นต้องผสมกับน้ำธรรมดา และการทดลองที่ซ้ำไปซ้ำมาหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุด ก็สามารถหาสัดส่วนของน้ำและไลท์โพชั่นจนได้ 

     คาซูกิดึงผลเรดกรู๊ดออกมา 2-3 หัวและโยนไปทางเซ็น

 

     [ โอะ~ตก~ตก ]

     [ กินซะ ]

     [ ดิบ ? ]

 

     เซ็น ผู้ที่รับผลเหล่านั้นเกือบไม่ทัน เขาไม่ได้ซ่อนความไม่พอใจที่แสดงออกทางสีหน้าเลยซักนิดหลังจากได้ยินคำสั่งของฮาโรลด์ 

     คาซูกินั้นเข้าใจความรู้สึกดี เพราะในหมู่พืชผักผลไม้ที่คาซูกิรู้จัก รสชาติของเรดกรู๊ดนั้นมันใกล้เคียงกับหัวหอมใหญ่ ก็จริงอยู่ที่ว่ามันก็กินได้แม้ว่าจะยังไม่ถูกทำให้สุก แต่ว่าผักชนิดก็ควรนำไปปรุงก่อนโดยใช้ความร้อนนะ

 

     [ เป็นการลงโทษที่แกทำเรื่องไม่ยั้งคิดชอบพาตัวเองไปเสือกเรื่องของชาวบ้านดีนัก ]

     [ . . . เอ๋ กะ. .ก็ได้ ]

 

     อาจเพราะยอมแพ้ จึงเลิกที่จะทำตัวต่อต้าน ในที่สุดเซ็นก็กัดเรดกรู๊ด 

     “กร๊อบ” เป็นเสียงที่อยากได้ยินดังออกมาจนได้

 

     [ หือ !? ]

 

     เซ็นที่กลืนเรดกรู๊ดลงคอไปถึงกับส่งเสียงออกมา

 

     [ อะไรกัน ความหวานที่มากกว่าผลธรรมดานี่มันอะไรกัน เห้ยทำไมมันอร่อยจังเนี้ย !? ]

     “รู้สึกดีจริงๆที่เห็นปฎิกิริยาแบบนั้น . .นี่สิ สมกับเป็นวิธีการทำฟาร์มโดยใช้ไลท์โพชั่น ” สำหรับภาพเหล่านี้ มันเกินกว่าที่คาซูกิหวังไว้นัก 

     แต่ว่าตอนนี้มันยังเร็วไปที่จะดีใจ นั้นเพราะเพียงแค่คำวิจารณ์ของเซ็นคนเดียวนั้นมันยังไม่เพียงพอ

 

     [ เอาพวกนี้ไปที่ครัวและกลับมาหลังจากเอามันไปทำเป็นอาหารแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยมาเปรียบเทียบเรื่องรสชาติที่แตกต่างกับแบบกินสดๆ ทีนี้จะได้รู้ซักทีว่ามันมีค่าพอนำออกสู่ตลาดรึยัง  ส่วนข้อมูลอื่นๆ ค่อยกลับมาถามล่ะกัน ]

     [ รับทราบ! ]

 

     เซ็นโค้งตัวเคารพอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่ในมือซ้ายของเขายังถือเรดกรู๊ดอยู่แท้ๆ มันช่างดูกิริยาไม่เหมาะสมเลยซักนิด

 

     [ ถ้าหากเรื่องที่แกได้รับมันมาจากไหนหรือใครสั่งแกมาทำแพร่งพรายออกไปล่ะก็ . . แกจะถูกส่ง- ]

     [ มันเป็นความลับใช่มั้ยครับ เข้าใจแล้วน่า~ ท่านฮาโรลด์! ]

 

     เซ็นตอบกับมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มกว้าง สำหรับเขาแล้ว มุมมองที่เขามีต่อเด็กชายคนนี้ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากเหตุการณ์ในครั้งก่อน

     แต่ก่อน เขาคิดเพียงแค่ว่าเจ้าเด็กนี่มันช่างหยิ่งผยองแบบสุดๆ,เอาแต่ใจโครตๆ,เป็นไอ้งั่งเด็ก,ไอ้เด็กเหลือขอ บลาๆ. แต่ตอนนี้ เขากลับพบว่าโดยธรรมชาติแล้ว ฮาโรลด์เป็นคนที่ตรงข้ามกับที่เขาคิดไว้ 

ทั้งจิตใจดี ใช้สติปัญญาของตนเพื่อคนอื่นที่สถานะทางสังคมต่ำกว่าเขา อีกทั้งมีความคิดและความฉลาดที่เป็นผู้ใหญ่ ถึงแม้ว่าเขาจะยังคงทำตัวหยิ่งผยองอยู่เสมอแต่ดูเหมือนว่าที่เขาทำแบบนั้นคงเพราะมีเป้าหมายอะไรบางอย่าง

     เมื่อได้รู้ความจริงพวกนี้ สำหรับเขาที่เห็นฮาโรลด์มักพูดจาดุร้ายอยู่เสมอนั้น เขาไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากว่ามันเป็นสิ่งที่ฮาโรลด์แกล้งทำ อาจเพราะ ฮาโรลด์ไม่ต้องการให้ตนดูเป็นเด็กจึงเลือกใช้วิธีนี้

เพราะงั้น สำหรับเรื่องที่เข้ามาในห้องและคุยนู่นคุยนี้กับฮาโรลด์นั้น แม้ว่าจะถูกด่าหรือปากหมาใส่เพียงใด มันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเลย

     เมื่อพิจารณาอายุของฮาโรลด์แล้ว แม้เขาอยากจะเป็นเพื่อนกับฮาโรลด์ แต่เขาก็รู้ดีว่าสถานะทางสังคมของเขาและฮาโรลด์นั้นแตกต่างกัน แต่ปัญหานี้จะหมดไปถ้าหากได้เขาเป็นเพื่อนกับฮาโรลด์ตั้งแต่สมัยเด็ก แต่ว่าเซ็นนั้นก็พึ่งจะเคยพูดคุยกับฮาโรลด์ครั้งแรกก็เมื่อไม่กี่วันก่อนเอง 

แม้ว่าเซ็นจะแสดงกิริยาที่ไม่สุภาพนักต่อหน้าฮาโรลด์ แต่มันกลับกลายเป็นว่าตัวฮาโรลด์เองไม่สนใจเลยซักนิด ไม่แม้จะแสดงถึงความไม่พอใจเลยด้วยซ้ำ

     สำหรับเซ็น ฮาโรลด์ สโตร์กนั้นเป็นคนที่หน้าคบเป็นอย่างมาก

    และอีกครั้ง ที่ฮาโรลด์นั้นกำลังพยายามทำอะไรบางสิ่งกับเจ้าเรดกรู๊ตนี่ แน่นอน เรื่องพวกนี้เขานั้นไม่มีความรู้เกี่ยวกับมันเลยซักนิด ไม่แม้จะเคยคิดถึงมันด้วยซ้ำ เพราะงี้ เซ็นถึงได้มีความสุขที่ได้ช่วยเหลือท่านฮาโรลด์เท่าที่เขาจะช่วยได้ก็ตาม