บทที่ 4 ภารกิจเสร็จสิ้น

บทที่ 4 ภารกิจเสร็จสิ้น

เมื่ออู๋ฝานเข้าใกล้ฝูงกระต่ายอสูรในระยะห่างราวสองเมตรอีกครั้ง กระต่ายอสูรสองตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดจึงพุ่งมาทางอู๋ฝานเช่นเดิม ห้วงสีดำในดวงตาของมันดูหนาเข้มยิ่งขึ้น

อู๋ฝานก้าวเท้ากลับอย่างไม่รู้ตัว เมื่อนึกถึงคำดูถูกของหัวหน้าหมู่บ้าน เขาจึงฝืนสงบใจลงอีกครั้ง เขาจับจ้องยังกระต่ายอสูรทั้งสอง ยามเมื่อกระต่ายอสูรทั้งสองเข้ามาใกล้ อู๋ฝานจึงฟาดแท่งไม้ลงใส่ ร่างกระต่ายอสูรกระเด็นลิ่ว

ทว่าก่อนอู๋ฝานจะทันได้ยินดี กระต่ายอสูรอีกตัวหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ตัวเขาเป็นที่เรียบร้อย กรงเล็บอันแหลมคมยื่นยาวเข้าหาร่างของอู๋ฝานจนฉีกเอาเสื้อที่ใส่อยู่ขาดวิ่น ขณะเดียวกัน แขนของเขาก็ปรากฏรอยถลอก ทิ้งไว้ซึ่งรอยแผลสามเส้นเด่นชัดบนแขน

“บ้าฉิบ! เจ็บโว้ย!” ใบหน้าอู๋ฝานซีดเซียว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากระต่ายจะข่วนคนได้เจ็บขนาดไหน แต่กระต่ายอสูรตรงหน้ามันทำคนอื่นเจ็บจริง

“อีกแล้วเหรอ? คิดว่าฉันคนนี้รังแกได้ง่ายหรือไงกัน?” กระต่ายที่ฝากรอยแผลไว้กับอู๋ฝานเมื่อครู่ ตอนนี้พุ่งเข้าหาอู๋ฝานอีกครั้งหนึ่ง ความดุร้ายในตัวของอู๋ฝานถูกกระตุ้นขึ้นมา ตัวเขาจะต้องมาแพ้กระต่ายตัวแค่นี้หรืออย่างไร?

เมื่อกระต่ายอสูรกระโดดเข้าหาตรงหน้าอู๋ฝาน แท่งไม้ในมือจึงกวัดแกว่งอีกครั้ง ฟาดเข้าใส่กระต่ายอสูรลงตรงหน้าผากของมันพร้อมเสียง ‘โป๊ก’ ดังขึ้น

ร่างกระต่ายกระเด็นลิ่วประหนึ่งลูกเบสบอลและร่วงหล่นตุบลงกับพื้นพร้อมดิ้นรน เท้าทั้งสี่กระตุกอยู่หลายครั้งจนสุดท้ายก็แน่นิ่งไป

อู๋ฝานผ่อนลมหายใจโล่งอก ก่อนจะลืมตาเบิกกว้าง เพราะผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที กระต่ายอสูรเมื่อครู่ที่นอนนิ่งกลับหายวับไป!

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!

อู๋ฝานขยี้ดวงตาอย่างแรง กระนั้นก็ยังไม่เห็นร่างกระต่ายอสูร ราวกับมันไม่เคยอยู่ตรงนั้นมาก่อน

“หรือว่าจะฝันไป?” อู๋ฝานยังคงขยี้ตาพลางพึมพำกับตัวเอง

เสียงจักรกลซึ่งเคยทำอู๋ฝานหวาดกลัวหลายครั้งแต่ภายหลังค่อยคุ้นชินดังขึ้น

[เลเวลเพิ่มขึ้น]

[เปิดการทำงานจอค่าสถานะตัวละคร]

[เปิดการทำงานระบบกระเป๋า]

เสียงความสำเร็จหลากหลายดังขึ้นต่อเนื่อง อู๋ฝานตกใจยืนนิ่ง

ตอนนี้เองที่อู๋ฝานได้ตระหนักว่ามันเหมือนกับตัวเองกำลังเล่นเกมอยู่

ก่อนหน้านี้อู๋ฝานไม่นึกคิดมาก่อน เพราะทั้งหมดมันดูสมจริง ไม่คล้ายกับเกมแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้มันปรากฏภารกิจ มอนสเตอร์ป่า เลเวล จอค่าสถานะ ทั้งหมดนี้รวมกัน หากบอกว่าไม่เหมือนเกมก็แปลกจนเกินไป

“หรือจะบอกว่าเทพสวรรค์อะไรนั่นส่งเรามายังโลกของเกมงั้นเหรอ?” อู๋ฝานครุ่นคิดกับตัวเอง

ภายหลังครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง อู๋ฝานจึงเรียกจอค่าสถานะตัวละครขึ้นมา มันปรากฏตรงหน้าสายตาของอู๋ฝานราวกับหน้าจอจากเครื่องฉาย

ชื่อ : อู๋ฝาน

เลเวล : 1

อาชีพ : ไม่มี

ความแข็งแกร่ง : 1

ความว่องไว : 1

สติปัญญา : 1

ความอดทน : 1

พลังชีวิต : 100

มานา : 100

อุปกรณ์ : แท่งไม้ผุพัง พลังโจมตี 1

ค่าสถานะของอู๋ฝานเรียบง่ายอย่างถึงที่สุด เป็นตัวละครมือใหม่ถอดด้าม มันจึงยิ่งทำอู๋ฝานมั่นใจยิ่งขึ้น ว่าตัวเขาอยู่ในโลกแห่งเกม

ส่วนกระเป๋าหลังก็ไม่มีอะไรมาก มีทั้งหมดสิบช่อง แต่ละช่องว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยแม้สักอย่าง

ขณะอู๋ฝานกำลังตรวจสอบค่าสถานะ กระตายอสูรที่ถูกส่งร่างกระเด็นลิ่วไปด้วยการโจมตีครั้งแรกดิ้นรนพร้อมวิ่งกลับเข้าหาเขาอีกครั้งหนึ่ง โดยพลังชั่วร้ายในดวงตาของมันยังไม่ได้เลือนหายไปไหน

ทันทีที่ได้รู้ว่าอยู่ในโลกแห่งเกม และกระต่ายอสูรก็เป็นมอนสเตอร์ป่า อู๋ฝานจึงยิ่งไม่ต้องคิดช่างใจแต่อย่างใด ยามเมื่อกระต่ายอสูรวิ่งเข้าหาตัวเขา จึงใช้แท่งไม้ในมือฟาดหวดใส่มัน ภายหลังร่างของมันกระทบกับพื้นและไม่อาจยืนขึ้นได้อีก เป็นอันว่าดับดิ้นสิ้นลม

และร่างของกระต่ายอสูรก็เป็นเหมือนดังก่อนหน้าที่ไม่ช้าก็หายวับไป

ภายหลังฆ่ากระต่ายอสูรไปสองตัว อู๋ฝานจึงมีประสบการณ์สังหารกระต่ายอสูร เพราะภารกิจต้องสังหารกระต่ายอสูรสิบตัว เขาจึงลงมือสังหารพวกมันอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่ากระต่ายอสูรจะเป็นฝ่ายโจมตีก่อน แต่ระยะห่างที่ปลอดภัยคือสองเมตร พวกมันจะโจมตีก็ต่อเมื่อเข้าใกล้ ทำให้อู๋ฝานสามารถจัดการพวกมันทีละตัวโดยไม่เป็นฝ่ายถูกโจมตีก่อน อย่างไรก็ตาม แม้เป็นกระต่ายธรรมดา หากกระตุ้นมัน ยังถูกมันกัดเอาไว้ นับประสาอะไรกับกระต่ายอสูรที่เป็นฝ่ายโจมตีก่อน ต่อให้ถูกเล่นงานสักครั้งหนึ่ง มันก็ยังถือว่าเจ็บอยู่ดี

“ฮ่า ๆ ความดุร้ายก่อนหน้านี้หายไปไหนหมดแล้วล่ะ? เข้ามาสิ” อู๋ฝานที่ถือแท่งไม้ไว้ในมือราวกับครองฟ้าดินสังหารกระต่ายอสูรฝูงใหญ่ไปในเวลาอันสั้น เป็นการเติมเต็มภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าหมู่บ้าน

อู๋ฝานเลเวลเพิ่มขึ้นจากหนึ่งไปสอง ค่าสถานะทุกอย่างจึงกลายเป็น 2 และพลังชีวิตกลายเป็น 110

“เลเวลเพิ่มขึ้นหนึ่ง ก็ได้ค่าสถานะเพิ่มขึ้นมาหนึ่ง” อู๋ฝานพึมพำขณะเดินกลับไปยังหมู่บ้าน “ความเร็วการเพิ่มเลเวลก็เชื่องช้า สังหารกระต่ายอสูรไปตั้งมาก เพิ่มมาได้แค่เลเวลเดียวเอง แต่ถ้าเป็นเกมเพิ่มเลเวลได้จนถึง 999 โดยใช้แค่มีดเล่มเดียว ก็ถือเป็นเกมใกล้เจ๊งแล้ว”

“หัวหน้าหมู่บ้าน ผมกลับมาแล้ว!” เมื่อเข้ามาในหมู่บ้าน อู๋ฝานจึงทักทายหัวหน้าหมู่บ้าน ภารกิจก็เสร็จสิ้นไปแล้ว เขาจึงคาดหวังจะได้รับรางวัลจากหัวหน้าหมู่บ้าน

“โอ้ เจ้าเองหรือ?” หัวหน้าหมู่บ้านไม่เผยท่าทีใดยามพบเห็นอู๋ฝานกลับมา ไม่ได้กระตือรือร้นเหมือนดังพบเห็นอู๋ฝานกลับมาครั้งก่อน “ทำไมกลับมาอีกแล้วล่ะ? ไม่ได้โดนกระต่ายอสูรฆ่าตายมาใช่ไหม? เฮ้อ คนหนุ่มสมัยนี้ทำไมไร้ค่าถึงขนาดนี้ได้กันนะ?”

อู๋ฝานที่เหงื่อโทรมกายจึงชี้ที่คอของตัวเอง “หัวหน้าหมู่บ้านปรามาสใครกัน? ใครบอกว่าผมโดนกระต่ายอสูรฆ่าตายมา? ผมเป็นคนฆ่าพวกมันต่างหาก ภารกิจที่ได้รับมาก็ทำเสร็จแล้ว เงื่อนไขครบถ้วน ส่งรางวัลภารกิจมาให้ได้แล้วครับ อาวุธเทพก็ดี เทพประทานพรก็ได้”

โชคดีที่เขากลับมาก็ตอนที่สังหารกระต่ายอสูรครบแล้ว หากไม่งั้นก็คงไม่รู้ว่าจะถูกชายชราเหยียดหยามอะไรอีกบ้าง

“ฆ่าหมดแล้วหรือ?” หัวหน้าหมู่บ้านชะงักไปก่อนจะจับจ้องมองอู๋ฝาน สุดท้ายจึงเผยรอยยิ้มอันคุ้นเคยที่ใบหน้า เฒ่าชราคว้ามือของอู๋ฝานมาด้วยความยินดี “ข้าจึงมองคนไม่ผิด ไร่นาของหมู่บ้านรอดพ้นแล้ว ข้าขอเป็นตัวแทนของคนในหมู่บ้านแสดงความขอบคุณต่อเจ้า”

หัวหน้าหมู่บ้านเฒ่าชราจับมือของอู๋ฝานเขย่าพร้อมเอ่ยคำชมไม่ขาดปาก

“หัวหน้าหมู่บ้าน คำชมเชยอะไรนั่นพอได้แล้วครับ รางวัลของผมล่ะ ไม่ขอเรียกร้องอะไรมากมายก็แล้วกัน อาวุธเทพสักสิบชิ้น หรือแปดชิ้นก็ได้ หรือไม่ก็สัตว์เลี้ยง เอาเป็นสัตว์เทพก็น่าจะดี ผมไม่ใช่คนโลภมากมายอะไร” อู๋ฝานเร่งรีบหยุดการกระทำของหัวหน้าหมู่บ้าน เขาต้องการมุ่งตรงเข้าประเด็น

“อาวุธเทพ? ไม่มีหรอก” หัวหน้าหมู่บ้านส่ายศีรษะ

“แล้วสัตว์เทพล่ะ?”

“ก็ไม่มีเหมือนกัน” หัวหน้าหมู่บ้านส่ายศีรษะอีกครั้ง

“อาวุธเทพก็ไม่มี สัตว์เทพก็ไม่มี หัวหน้าหมู่บ้านยากไร้ขนาดนั้นเลยเหรอ?” อู๋ฝานเริ่มโกรธขึ้นมา “ถ้าเป็นเกมอื่น พวกเขาจะมอบอาวุธเทพหรือสัตว์เทพสำหรับใช้ในช่วงเริ่มเกมให้นี่ นี่มันเกมกากประสาอะไรกัน?”