บทที่ 3 ภูตน้อยผู้อาภัพ (รีไรท์)
บทที่ 3 ภูตน้อยผู้อาภัพ (รีไรท์)
เขากวักมือเรียก แล้วคนรับใช้ที่อยู่ทางด้านหลังก็ยื่นซาลาเปาลูกโตที่ห่อด้วยกระดาษซับน้ำมันมาให้ทันที
“รับไปสิ”
แววตาของเด็กตรงหน้าเป็นประกายขึ้นมาทันที
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”
คราวนี้ นางถือซาลาเปาลูกโตด้วยสองมือที่ขาวสะอาด ซาลาเปาที่ร้านนี้ทำใช้วัตถุดิบชั้นดีมากมาย และมันก็มีขนาดใหญ่แทบจะเท่าใบหน้าของนางแล้ว
เสี่ยวเป่ากัดซาลาเปาเข้าปาก แก้มนิ่มขาวนวลราวหิมะพองกลมในพริบตา เด็กหญิงตัวน้อยกำลังกินซาลาเปาอย่างจริงจังและมีความสุขยิ่งนัก
หลินเจิ้งชิงอดไม่ได้ที่จะมองไปด้านข้าง ซาลาเปาร้านนี้อร่อยจริง ๆ หรือ?
พวกเขาไม่สามารถอยู่ที่นี่นานเกินไปได้ หลินเจิ้งชิงวางแผนจะพาคนออกไปเมื่อซูเสี่ยวเป่าอิ่ม
ทว่าตอนที่เขากำลังจะสั่งให้คนออกเดินทางต่อ ซูเสี่ยวเป่าก็ดึงชายเสื้อของเขาและถามอย่างระมัดระวังว่า
“ข้าขอซื้อของได้หรือไม่เจ้าคะ? เสี่ยวเป่าขอเวลาเพียงนิดเดียวเท่านั้น”
หลินเจิ้งชิงยอบกายลง มือลูบศีรษะของเด็กหญิงที่นางกำนัลรับใช้รวบผมที่แห้งแล้วให้เป็นมวยน่ารัก ดูคล้ายกับนางฟ้าตัวน้อยเสด็จจากสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์
“ย่อมได้ องค์หญิงน้อยสามารถทำได้ทุกสิ่งที่ต้องการพ่ะย่ะค่ะ”
เสี่ยวเป่ายิ้มกว้างจนคิ้วและดวงตาโค้งราวพระจันทร์เสี้ยว นางดูงดงามและเปล่งประกายที่สุด กลิ่นอายความสุขแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายเด็กหญิงโดยไม่รู้ตัว
เป็นเรื่องง่ายมากที่ผู้คนจะตกหลุมรักนาง
“เช่นนั้น ขอข้านำเงินออกมาก่อนนะเจ้าคะ”
นางหยิบกระเป๋าใบเล็กออกมาจากเสื้อผ้าชุดเก่าอย่างระมัดระวัง และเหรียญทองแดงข้างในก็ส่งเสียงดังกรุ๊งกริ๊ง
เสี่ยวเป่าเทเหรียญทองแดงทั้งหมดออกมานับทีละเหรียญ
เหรียญทองแดงห้าสิบเหรียญ ซึ่งแต่ละเหรียญล้วนสะอาดหมดจด
ทั้งหมดนี้เป็นของที่มารดาคนสวยทิ้งไว้ให้นาง
เด็กหญิงถือเหรียญทองแดงห้าสิบเหรียญอยู่ในมือและกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า
“ข้า…ข้าอยากจะซื้อเมล็ดพันธุ์เจ้าค่ะ”
ซูเสี่ยวเป่ามีความลับ ก่อนที่นางจะกลายเป็นบุตรสาวของท่านแม่นั้น อันที่จริง นางเคยเป็นภูตพฤกษาที่กำลังเจริญวัยใกล้จะก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ สำหรับภูตพฤกษามันเป็นเรื่องง่ายที่จะรอดพ้นจากทัณฑ์สวรรค์ เพราะกฎแห่งสวรรค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาแตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์อื่น
ทว่า…นางกลับอาภัพ!
ด่านเคราะห์ครั้งล่าสุด นางกลับเผอิญประสบกับมังกรวารีทมิฬ ซึ่งกำลังข้ามผ่านด่านเคราะห์ ทัณฑ์อัสนีของมังกรวารีทมิฬตนนั้นรุนแรงยิ่ง โชคไม่ดีที่นางเข้ามาพัวพัน แล้วสติของนางก็ดับวูบไปในทันที
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางก็กลายเป็นเด็กแรกเกิดไปเสียแล้ว
นางกลายเป็นมนุษย์ได้สำเร็จ แต่พลังวิญญาณหายไป!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ทีไรก็นึกโมโหขึ้นมาทุกที!
โชคดีที่โลกนี้มีพลังวิญญาณเช่นกัน ทั้งยังแข็งแกร่งกว่าโลกที่แล้วมาก นางจึงค่อย ๆ สะสมพลังวิญญาณในร่างกายซึ่งมารดาคนสวยเคยใช้มาก่อน
แต่ร่างกายของมารดาอ่อนแอเกินไป พลังวิญญาณจึงมีเพียงเล็กน้อยและเสี่ยวเป่าก็ไม่สามารถช่วยเหลือมารดาได้ เพราะนางยังเด็กเกินไป
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เสี่ยวเป่าพลันรู้สึกเศร้าขึ้นมา
เมื่อครั้งที่ยังเป็นภูตพฤกษา สิ่งที่ซูเสี่ยวเป่าชื่นชอบมากที่สุดคือการรวบรวมเมล็ดพันธุ์ทุกชนิด จากนั้นก็เสาะหาสถานที่เพื่อปลูกและเฝ้าดูมันเติบโต
ตอนนั้น นางชอบขึ้นไปบนภูเขาเป็นครั้งคราวเพื่อเก็บเมล็ดพืช สิ่งที่นางได้มามักเป็นดอกไม้และพืชป่าทั่วไป
ทว่าตอนนี้นางเป็นมนุษย์แล้ว ไม่สามารถกินได้เพียงน้ำหวานและน้ำค้างอีกต่อไป แต่นางต้องกินอาหารด้วย
เมื่อเผชิญกับความอดอยากก่อนหน้านี้ เสี่ยวเป่าจึงต้องการซื้อเมล็ดพันธุ์เพิ่มเติม เมื่อไปถึงบ้านใหม่ นางสงสัยว่าจะปลูกมันได้หรือไม่
น่าเสียดายที่นางไม่สามารถนำเมล็ดพันธุ์ที่เก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้มาได้
หลินเจิ้งชิงรู้สึกเป็นทุกข์มากขึ้นเมื่อเห็นเหรียญทองแดงห้าสิบเหรียญที่เด็กน้อยถืออยู่
นางเป็นถึงพระธิดาเพียงพระองค์เดียวในราชวงศ์ต้าเซี่ย ทว่าชีวิตของนางน่าสงสารเกินไป
หลินเจิ้งชิงกล่าวว่า “ได้แน่นอน องค์หญิงน้อย ท่านสามารถซื้อได้มากตราบที่ท่านต้องการ”
ซูเสี่ยวเป่าเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มหวานในทันที ท่านลุงผู้นี้ใจดีมาก
เพราะเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ไม่ได้มีราคาแพงมาก นางจึงสามารถซื้อได้มากมายด้วยเหรียญทองแดงห้าสิบเหรียญในมือ
เสี่ยวเป่าเลือกเมล็ดผักแต่ละเมล็ดที่อวบที่สุดและแข็งแรงที่สุดสิบชนิดอย่างระมัดระวัง
นางสามารถทำให้เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ดีขึ้นได้หากรับมันไปดูแลด้วยตนเอง!
“มีเท่านี้เองหรือเจ้าคะ?”
ซูเสี่ยวเป่ามองดูเมล็ดพันธุ์ไม่กี่ชนิด ก่อนจะหวนนึกถึงเมล็ดพันธุ์ที่นางเคยเก็บไว้มากขึ้นเรื่อย ๆ
“นี่…นี่คือเมล็ดพันธุ์ที่ผู้คนนิยมซื้อไปเพาะปลูกทั้งสิ้น”
เสี่ยวเอ้อร์ประจำร้านเกาหัวแล้วตบมือราวกับจำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“โอ้ จริงด้วย! ก่อนหน้านี้มีกองคาราวานพ่อค้าผ่านมาที่ตำบลของเรา พวกเขานำของแปลก ๆ มาให้ หนึ่งในนั้นเป็นเมล็ดพันธุ์ที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน เถ้าแก่ของเราก็ซื้อมาและพยายามขายนานแล้ว แต่น่าเสียดายที่ขายไม่ออก เจ้ารออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวข้าจะไปตามเถ้าแก่ออกมาคุย”
พูดจบ เสี่ยวเอ้อร์ก็รีบวิ่งเข้าไปยังห้องที่อยู่ด้านในและบอกเจ้าของร้าน จากนั้นนางก็เห็นชายวัยกลางคนเดินออกมาพร้อมกับเมล็ดพืชด้วยรอยยิ้มมีลับลมคมใน
“นี่คือเมล็ดพันธุ์ที่ข้าซื้อมาจากกองคาราวาน เจ้าลองดูว่ามีสิ่งที่ต้องการหรือไม่?”
ขณะที่พูด เจ้าของร้านก็ยื่นเมล็ดให้หลินเจิ้งชิง เพราะในหมู่พวกเขาเห็นได้ชัดว่าหลินเจิ้งชิงดูจะเป็นผู้รับผิดชอบการใช้จ่ายทั้งหมด
ซูเสี่ยวเป่าเขย่งเท้า ชะเง้อคอมองของในมือเถ้าแก่อย่างกระตือรือร้น
เด็กหญิงที่เนื้อตัวขาวราวหิมะดูน่าสงสารเล็กน้อย
“ให้นางดู”
หลินเจิ้งชิงแสดงท่าทางให้เด็กหญิงตัวน้อยดู
เจ้าของร้านก็ฉลาดเช่นกัน เขาส่งเมล็ดพันธุ์ให้ซูเสี่ยวเป่าพร้อมกับรอยยิ้ม
เด็กหญิงเห็นเมล็ดพันธุ์ของผลไม้หลายชนิดได้อย่างรวดเร็ว
ในบรรดาเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น นางพอใจกับเมล็ดแตงโมมากที่สุด เมล็ดสีดำขนาดเล็กดูแล้วราวกับว่าพวกมันไร้ซึ่งชีวิต
“ข้าอยากได้เมล็ดทั้งหมดนี้ ราคาเท่าไหร่หรือเจ้าคะ”
เถ้าแก่ยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่
“เพราะเมล็ดพันธุ์พวกนี้มาจากต่างอาณาจักร ข้าต้องใช้เงินจำนวนมากซื้อพวกมัน แต่ข้าขายสิ่งเหล่านี้ที่นี่ไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงขายให้เจ้าในราคาถูกสุด ๆ เมล็ดทั้งหมดนี้ราคาหนึ่งร้อยเหรียญทองแดงเท่านั้น”
หลังจากเขาพูดจบ รอยยิ้มก็หายไปจากใบหน้าของเสี่ยวเป่าทันที
เมื่อรวมกับเมล็ดพันธุ์ที่นางเลือกไว้ก่อนหน้านี้ พวกมันก็มีราคามากกว่าหนึ่งร้อยเหรียญทองแดงแล้ว!
เด็กหญิงก้มมองเหรียญทองแดงห้าสิบเหรียญ พลันรู้สึกถึงความยากจนของตนเองในพริบตา
นางถอนหายใจ
“เช่นนั้นข้า…” ขอซื้อมันแค่บางส่วน
“เอาทั้งหมดนี้เลย”
ก่อนที่ซูเสี่ยวเป่าจะทันได้พูดส่วนที่เหลือ น้ำเสียงหนักแน่นของหลินเจิ้งชิงก็ดังขึ้นมา แล้วเขาก็ยื่นก้อนเงินให้เถ้าแก่ร้าน
ซูเสี่ยวเป่า “!!!”
ก้อนเงิน คนรวยนี่นา!
“โอ๊ะ ทราบแล้วขอรับ!”
เถ้าแก่รับเงินไปอย่างรวดเร็วและมอบเมล็ดพันธุ์ให้ราวกับกลัวว่าคนซื้อจะเปลี่ยนใจ
เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมองอย่างขอบคุณ
“ขอบคุณท่านลุงมากเจ้าค่ะ ไว้เสี่ยวเป่ามีเงินเมื่อใดจะต้องใช้คืนท่านลุงอย่างแน่นอน”
มารดาสอนนางเสมอว่า เมื่อยืมเงินผู้อื่นมาแล้วก็ต้องใช้คืนเสมอ มิเช่นนั้นนางจะกลายเป็นเด็กไม่ดี
หลินเจิ้งชิงมององค์หญิงน้อยด้วยความรู้สึกสงสาร ตัวเขาเองก็มีบุตรเช่นกัน แต่ลูก ๆ ของเขาซุกซนเกินกว่าจะควบคุมได้
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงประทับใจเด็กน้อยที่มีนิสัยสุภาพอ่อนหวานอย่างซูเสี่ยวเป่า และต้องอย่าลืมว่านางถึงเป็นธิดาเพียงองค์เดียวของคนผู้นั้นด้วย