ในสถานที่เงียบสงบภายในป่า ห่างจากเมืองเนตรสายลมหนึ่งกิโลเมตรมีเรือนแห่งหนึ่ง ผู้คุ้มกันสี่คนที่ยืนตรงประตูคือยอดฝีมือหลอมกระดูก

จั๋วฝานกับลั่วหยุนชางมาพร้อมกับลั่วหยุนไห่และหัวหน้าผางพร้อมฑูต

“พ่อบ้านจั๋ว คุณหนูลั่ว เชิญ!”

ชายคนนั้นสุภาพมาก เขาเปิดประตู ยืนด้านข้าง ก้มหัวให้พวกเขาผ่าน คนอื่นขมวดคิ้วด้วยความสงสัยและความไม่พอใจก็แผดเผาในดวงตา

พวกเขาคือผู้คุ้มกันของราชวงศ์ มักได้รับการต้อนรับไม่ว่าจะไปไหน

แต่ชายคนนี้ได้ไปเชิญหัวหน้าตระกูลไร้ชื่อและยังก้มหัวให้อีกฝ่ายต่อหน้าพวกเขา

ชายคนนั้นรับรู้ได้ถึงสายตา แต่แค่ยิ้มเยาะ

[พวกโง่อย่างเจ้าจะไปรู้ได้ไงว่าคนเหล่านี้สำคัญแค่ไหน?]

[พ่อบ้านจั๋วคือเพื่อนของนายท่าน ผู้ที่แม้กระทั่งผู้อาวุโสฟางฉิวไป๋ยังหมายตา เขาแค่ต้องพูดคำเดียว และเขาก็จะได้เป็นศิษย์ของฟางฉิวไป๋ จากนั้นแม้แต่องค์จักรพรรดิก็ยังต้องให้ความเคารพ]

[สำหรับอีกสาม พวกเขาคือเพื่อนของพ่อบ้านจั๋ว เราไม่สามารถแสดงท่าทีเสียมารยาทได้]

ฑูตลอบบ่นในใจ แต่ยังสวมรอยยิ้มขณะนำทางพวกเขาเข้าข้างใน

ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงสวนหย่อม

มีศาลาหลังหนึ่งตั้งอยู่ตรงกลางพร้อมด้วยโต๊ะหินด้านใน เจ้าอ้วนนั่งในที่นั่งอันทรงเกียรติและคนที่ยืนด้านหลังเขาก็คือเทพกระบี่ขลุ่ยหยก ฟางฉิวไป๋

ด้านข้างเจ้าอ้วนคือเหล่ยหยุนเทียน โดยมีเหล่ยยู่ถิงกับเสี่ยวซีด้านหลังเขา อีกด้าน มันคือไช่หรวงกับบุตรชายเขา ไช่เซียวถิง

มีเก้าอี้ว่างสองตัวรอบโต๊ะสำหรับจั๋วฝานและลั่วหยุนชาง

“นี่ต้องเป็นการพบกันของสามหัวหน้าตระกูล”จั๋วฝานลูบจมูกและก้าวถอยหลัง ปล่อยให้เหล่ยหยุนไห่เป็นผู้นำ

“พี่จั๋ว..”

ลั่วหยุนไห่ไม่เข้าใจ ขณะที่จั๋วฝานยิ้ม”แสดงให้พวกเขาเห็นถึงศักดิ์ศรีของผู้นำตระกูล อย่าปล่อยให้พวกเขาดูถูกเจ้า”

ลั่วหยุนไห่เข้าใจทันที

มันเห็นได้ชัดว่าการพบกันครั้งนี้คือระหว่างสามผู้นำตระกูลและราชวงศ์ แต่หลังเหตุการณ์ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมองเนตรสายลมทั้งหมดก็รู้ว่าผู้นำตระกูลลั่วที่แท้จริงคือจั๋วฝาน

แม้กระทั่งราชวงศ์ก็อาจมองจั๋วฝานเป็นนายของตระกูลลั่ว

จั๋วฝานทำแบบนี้เพื่อไม่ให้ล้ำเส้น และปล่อยให้ตระกูลลั่วเข้าแสงสว่าง เขาอยากระบุความจริงที่ว่าผู้นำตระกูลลั่วยังมีชื่อลั่ว

“เชิญเข้ามา”

ฑูตเห็นเจ้าชายสามและก้มหัว 90 องศาให้จั๋วฝานเพื่อแสดงความเคารพ

แต่นี่มีผลแตกต่างกับทุกคน เจ้าอ้วนตกตะลึง [เมื่อไรที่ผู้คุ้มกันตระกูลราชวงศ์ถ่อมตนขนาดนี้?]

ตระกูลเหล่ยกับตระกูลไช่มีความคิดเห็นเดียวกัน

ตอนผู้คุ้มกันคนนี้มาเชิญพวกเขา เขาก็หน้าด้านอวดดี ถือหางตัวเองโดยไม่คุยตอบพวกเขาเลยแม้แต่น้อย แต่กับตระกูลลั่ว พวกเขาปฏิบัติเหมือนกับแขก

สองตระกูลรู้สึกหวาดหวั่นในใจ แต่รู้สึกอิจฉามากกว่า พวกเขาคือตระกูลของเมืองเนตรสายลมกันหมด แต่กลับได้รับการปฏิบัติที่ต่างกันเหมือนสวรรค์กับนรก

มีแค่ฟางฉิวไป๋เท่านั้นที่ยิ้ม เดาว่าจั๋วฝานอาจบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้ฑูต แต่นี่กลับทำให้เขาชื่นชมอีกฝ่ายกว่าเดิม

ภายใต้การเรียกอย่างสุภาพของฑูต ตระกูลลั่วก้าวเข้าศาลา ลั่วหยุนชางทักทายเจ้าอ้วน”ข้าลั่วหยุนชาง น้อมพบฝ่าบาท!”

ระหว่างทางมา ฑูตได้บอกพวกเขาถึงนายของเขา คนอื่นทำตามลั่วหยุนชางด้วยความเคารพ แต่จั๋วฝานแค่ยักไหล่

เจ้าอ้วนโบกมือ ไม่ถือสากับท่าทางของจั๋วฝาน”เชิญนั่ง”

ลั่วหยุนชางกับน้องชายนางนั่งลง ขณะที่จั๋วฝานกับหัวหน้าผางยืนด้านหลัง

เจ้าอ้วนเหลือบมองจั๋วฝาน ลอบพยักหน้า[มีอำนาจมาก แต่ไร้ความอวดดี เขาเป็นคนจงรักภักดี!]

ฟางฉิวไป๋ยิ่งชื่นชมกว่าเดิม

พฤติกรรมของจั๋วฝานได้ฝังในใจพวกเขา การใช้พลังของตัวเองเพื่อปกป้องนาย และมีมารยาทพอจะปกป้องเกียรติของเจ้านาย ในสายตาตระกูลราชวงศ์ เขาเป็นข้าราชการที่่หายากและมีค่ามาก

เจ้าอ้วนเริ่ม”ข้าเชิญผู้นำตระกูลทั้งสามมาในวันนี้ตามคำสั่งขององค์จักรพรรดิเพื่อเปิดเผยความสัมพันธ์อันยาวนานนับพันปีระหว่างสามตระกูล”

ทุกคนหันไปมอง

“ผู้นำตระกูลทั้งสามต้องได้รับคำสั่งจากผู้นำคนก่อนว่าห้ามเป็นศัตรูกันเด็ดขาด และบางทีอาจกล่าวถึงการช่วยเหลือกันด้วย”

เจ้าอ้วนยืนขึ้น”ยิ่งไปกว่านั้น พลังของสามตระกูลต้องไม่ออกห่างเมืองเนตรสายลมจนกว่าไข่มุกจะส่องแสง”

ไช่หรงกับเหล่ยหยุนเทียนมองเจ้าอ้วนด้วยคาวมสงสัย ขณะที่ลั่วหยุนชางเห็นน้องชายพยักหน้าให้

“ฮ่าๆๆ จริงๆแล้ว นี่คือข้อตกลงระหว่างผู้ก่อตั้งตระกูลราชวงศ์และสามผู้นำตระกูลในตอนนั้น หรือที่เรียกกันว่าบัญชาไข่มุกลี้ลับ”เจ้าอ้วนยิ้ม”ตระกูลไช่ ตระกูลลั่ว ตระกูลเหล่ยและเจ็ดตระกูลใหญ่นั้นเหมือนกัน พวกเขาคือข้าราชการที่พักดี เป็นผู้ก่อตั้งจักรวรรดิ”

“ว่าไงนะ?”

เหมือนระเบิดถูกโยนใ่สพวกเขา ตัวแทนของสามตระกูลตกใจ พวกเขาไม่เคยคิดว่าต้นกำเนิดพวกเขาจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แต่ทำไมพวกเขาถึงตกต่ำขนาดนี้?

เจ้าอ้วนเดาความคิดพวกเขาได้’ขอโทษด้วย นี่คือสิ่งที่เราเป็นหนี้ตระกูลพวกเจ้า”

เจ้าอ้วนถอนหายใจ”ตอนนั้น จักรวรรดิเทียนหวี่เพิ่งก่อตั้งและไม่มั่นคง ท่านบรรพชนและผู้ก่อตั้งจึงส่งแม่ทัพทั้งเจ็ดออกไปทั่วอาณาจักรเพื่อดูแลส่วนต่างๆและตัั้งดินแดนขึ้น นี่ทำให้พวกเขามีอำนาจมากพอจะเทียบเคียงราชวงศ์ ต่อมาพวกเขาได้กลายเป็นเจ็ดตระกูลใหญ่”

“ในเวลาแค่ยี่สิบปี เจ็ดตระกูลใหญ่เติบโตขึ้นมาก และความโลภก็ยิ่งมีมาก ราชวงศ์ไม่สามารถต้านพวกเขาได้และต้องวางแผนเพื่อทำให้พวกเขาอ่อนแอ เจ็ดตระกูลใหญ่ตระหนักดีว่าจะไม่มีผู้ชนะในสงครามนี้และสงบศึก แต่ผลกระทบก็โหดร้าย ผู้คนทนทุกข์ จักรวรรดิระส่ำระส่าย และมันก็ห่างจากการล่มสลายแค่ก้าวเดียว”

“แต่นี่เกี่ยวกับเรายังไง?”จั๋วฝานขมวดคิ้ว

เจ้าอ้วนสูดหายใจลึก ยืดหลังตรง”ทุกคน พูดตามตรง ตระกูลพวกเจ้าคือผู้ก่อตั้งจักรวรรดิเรา ถ้าผู้อาวุโสพวกเขายังนั่งในสภา อย่างน้อยพวกเขาก็มีชื่อเสียงไม่น้อยกว่าสี่เสาหลัก!”

ทุกคนสูดอากาศเย็นเข้าปอด

สี่เสาหลักคือผู้สนับสนุนของจักรวรรดิเทียนอวี่ เป็นผู้นำด้านกองทัพ เศรษฐกิจ การเมือง เรื่องภายนอก..พวกเขาคือกลุ่มคนเดียวที่มีความสามารถต้านทานเจ็ดตระกูลใหญ่

มีข่าวลือว่า พลังของสี่เสาหลักแข็งแกร่งจนทำให้ราชวงศ์หวั่นเกรง

ตระกูลราชวงศ์ สี่เสาหลัก และเจ็ดตระกูลใหญ่คือตัวแทนอำนาจสูงสุดของจักรวรรดิ แต่ก็โดนจำกัดกันด้วยสมดุล ถ้าฝ่ายหนึ่งหายไป สมดุลจะพังและจักรวรรดิจะล่มสลาย

ไม่มีใครสามารถเชื่อได้ว่าบรรพบุรุษพวกเขาจะยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้

เจ้าอ้วนเสียรอยยิ้มไป”ท่านบรรพชนในตอนนั้นได้ถ่ายทอดคำสั่งปฏิบัติการไข่มุกลับให้บรรพบุรุษพวกเจ้าเพื่อป้องกันสงครามอีกครั้งจากเจ็ดตระกูลใหญ่ จักรพรรดิใช้ข้ออ้างทุกชนิดเพื่อลดระดับบรรพบุรุษของพวกเจ้าให้อยู่ในเมืองเนตรสายลม กลายเป็นตระกูลธรรมดา แต่ตระกูลจักรพรรรดิสามารถรวมสามตระกูลให้เป็นตระกูลใหญ่ที่เทียบเท่ากับเจ็ดตระกูลใหญ่ได้ตลอด สิ่งนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อสงครามระหว่างเจ็ดตระกูลใหญ่แตกหักอีกครั้ง จากนั้นตระกูลใหม่นี้จะเข้ามาเพื่อเพิ่มสมดุล”

“แต่ต่อให้ตระกูลที่แปดจะปรากฏ มันก็ไม่สามารถหยุดเจ็ดตระกูลใหญ่ได้”ลั่วหยุนชางสงสัย

จั๋วฝานพูดตัดเจ้าอ้วนด้วยรอยยิ้ม”คุณหนู จุดประสงค์ของตระกูลที่แปดไม่ใช่เพื่อหยุดพวกเขาแต่เพื่อเพิ่มสมดุล สงครามจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อฝ่ายหนึ่งมั่นใจว่าจะชนะ แต่สงครามที่ผู้ชนะต้องจ่ายด้วยราชาหนักย่อมไม่เกิดเว้นแต่สองฝ่ายจะเกลียดกันเข้ากระดูก บางครั้ง เมื่อสองขุมอำนาจเริ่มขัดแย้งกัน มันก็ง่ายที่จะแก้เพราะไม่มีใครอยากได้รับความเสียหายอย่างหนัก”

ลั่วหยุนชางพยักหน้าและเจ้าอ้วนก็ชมจั๋วฝาน”พ่อบ้านจั๋วน่าทึ่งมาก ตระกูลลั่วจะต้องยิ่งใหญ่แน่”

ริมฝีปากของไช่หรงกระตุกจากความเสียใจที่เขารู้สึก

ถ้าเขาไม่ตอแยจั๋วฝาน เขาอาจสามารถผูกมัดเขาได้ เด็กนี่คืออัจฉริยะในรอบพันปี

‘เจ้าชายสาม เรารู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างสามตระกูล สิ่งที่ข้าอยากรู้คือ ท่านจะทำยังไงเพื่อให้เรากลายเป็นตระกูลที่แปด”จั่วฝานจ้องเจ้าอ้วน

เจ้าอ้วนพยักหน้าด้วยความชื่นชม”สมกับเป็นพ่อบ้านจั๋ว ตีตะปูที่หัวพอดี”

“แน่นอน อำนาจของราชวงศ์มากพอจะสร้างตระกูลใหม่ขึ้นมาได้ในเวลาอันสั้น ส่วนที่ยากคือการเก็บความลับ!”จั๋วฝานยิ้ม”ท่านคิดว่าเจ็ดตระกูลใหญ่จะนั่งดูพวกเราเติบโตขึ้นจนถึงระดับพวกเขาหรือไง?”

แผ่นหลังของไช่หรงกับเหล่ยหยุนเทียนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

พวกเขาดีใจที่บรรพบุรุษตัวเองเคยเป็นคนใหญ่โต พวกเขาคิด[ตระกูลข้าจะได้รับการสนับสนุนของราชวงศ์]

แต่จั๋วฝานก็ได้ฉุดพวกเขาลงมา

ไม่ต้องพูดถึงการเติบโต เจ็ดตระกูลใหญ่ย่อมไม่ปล่อยให้ตระกูลใหม่เติบโตจนถึงระดับเดียวกับพวกเขา พวกเขาต้องโดนทำลายขณะที่อ่อนแออยู่

ไช่หรงกับเหล่ยหยุนเทียนรู้สึกขอบคุณกับคำเตือนของจั๋วฝาน

ราชวงศ์อยากให้อำนาจของเจ็ดตระกูลใหญ่สมดุล แต่ทั้งสามอยากมีชีวิตอยู่รอด

ไช่หรงชื่นชมความรอบคอบของจั๋วฝาน