ลาพิส คลูเอ ลา ลูเมต
เผ่าพันธ์อมนุษย์ที่อยู่ในโลกของเอสโก้…เอลฟ์สาวที่ไม่ว่าใครก็ต้องหลงรักแถมเธอยังเป็นเจ้าหญิงจากเผ่าเอล์ฟอีกด้วย และหลังจบเกม
ถ้ามีลาพิสอยู่ในปาร์ตี้ก็จะสามารถเข้าไปดูดันเจี้ยนต้นไม้โลกที่อยู่ในประเทศของเธอได้
พูดง่ายๆก็คือ เธอรวยยิ่งกว่าตระกูลซันโจอีก
ไม่ใช่แค่รวยอย่างเดียว แต่ยังแข็งแกร่งอีกต่างหาก จะบอกว่าแข็งแกร่งที่สุดในเรื่องการต่อสู้ระยะไกลก็ไม่ได้เวอร์เกินจริงแต่อย่างใด
อาวุธเวทย์ของเธอ [ธนูสมบัติ : อิริโอวา ซิเรมา] (บุปผาเพลิงสีชาติ) นั่นน่ะ มันสูตรโกงชัดๆ
ถ้าอยู่ห่างกันเกินไปละก็ ได้โดนฆ่าก่อนจะได้เข้าประชิดตัวแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ารวมกับคอนโซลที่มีแล้ว ก็ยิ่งจะเพิ่มโอกาสในการจัดการกับคู่ต่อสู้ระยะกลางได้ด้วย
ดังนั้น วิธีเดียวที่จะชนะได้ คือต้องเข้าไปใกล้ ๆ เท่านั้น
บอกตรง ๆ ว่า การสู้กับเธอใน [รูทด้านมืด] นั้น ยากยิ่งกว่าลาสต์บอสอีก
แถมลาพิสนั้น ก็ยังเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งที่มีโอกาสในการฆ่าฮิอิโระมากที่สุดอีกด้วย
ในรูทของเธอนั้น ฮิอิโระต้องตายไปกี่ครั้งก็ไม่รู้
(ถูกคืนชีพด้วยเวทมนตร์และถูกฆ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า)
ถ้าทำตัวแย่ใส่เธอเมื่อไหร่ ก็จะโดนฆ่ายังกับแมลงเลยล่ะ อาจจะเป็นเพราะเธอเป็นเอล์ฟด้วยก็ได้มั้ง ซึ่งเหตุผลการตายของฮิอิโระที่น่าขำที่สุดเลย นั่นก็คือ การที่ไปกืนไอศกรีมที่เธอเก็บไว้นี่แหละ…
แต่ตอนนี้นี่ บอกเลยว่าขำไม่ออก….ขำไม่ออกเลยซักนิด
“อะไร เป็นอะไรไปงั้นเหรอ”
ผมสีทองที่ยาวจนถึงเอว ผมสีทองนั้นของเธอ มันเปล่งประกาย แม้จะอยู่ในสถานที่ร้างที่ไม่ค่อยมีแสง
เธอรวบผมของเธอแล้วมองมาทางผม เธอสวยมากซะจน…คิดได้แค่ว่ายังไงก็เป็นแค่ตัวละครในเกมเลย
“ผู้ชาย งั้นเหรอ”
เธอหัวเราะแล้วเอามือข้างหนึ่งปิดปากไว้
“ถึงจะเข้ามาช่วยโดยที่ไม่ได้คิดอะไรก็เถอะ…แต่ถ้ารู้เป็นผู้ชายละก็ คงจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยแล้วล่ะนะ”
เพราะนอกจากฮิอิโระแล้วผู้ชายคนอื่น ๆ ก็เป็นแค่ตัวประกอบกันหมด ตอนเล่นเกมผมก็เลยไม่ได้สังเกตเลย แต่ดูเหมือนว่าผู้ชายในโลกที่จะได้รับการปฏิบัติที่ค่อนข้างจะไม่ดีเลย หรือถ้าให้พูดง่ายๆก็คือถูกเลือกปฏิบัตินั่นเอง
ก็นะ ถ้าจะบอกว่าของมันแน่อยู่แล้ว มันก็แน่อยู่แล้วจริง ๆ นั่นแหละ
ผู้ชายนั้นห้ามแตะต้องยูริ และผู้ชายที่อยู่ท่ามกลางยูรินั้นจะต้องตาย สิ่งเหล่านี้ถือเป็นสามัญสำนึกของโลกนี้เลย เพราะงั้นโลกนี้ผู้ชายจึงถูกเมินและถูกกดขี่
ถ้าผมได้เกิดใหม่มาเป็นเด็กผู้หญิงล่ะก็ ผมเองก็คงจะเมินพวกผู้ชายและทำลายเจ้าฮิอิโระเหมือนกัน
เพราะงั้นผมก็คงพูดอะไรไม่ได้
“แถมคะแนนยังมีแค่ 0 อีก”
เรื่องคะแนนน่ะ ไม่ว่าใครก็สามารถมองเห็นผ่านอุปกรณ์เวทย์ได้กันทั้งนั้น
บางทีลาพิสคงเห็นคะแนนของผมแล้วละมั้ง เธอก็เลยหัวเราะออกมาแบบนั้น
“เธอน่ะ รีบกลับบ้านไปก่อนจะดีกว่านะ ก่อนที่จะเจ็บตัวน่ะ”
ก็พอเข้าใจเรื่องที่ถูกปฏิบัติเหมือนไอ้บ้าอยู่หรอกนะ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาทำแบบนั้นแล้ว
ยัยนั่น….ยัยนั่นไม่อยู่สินะ
ผมหันมองรอบ ๆ ไปมา แต่พอไม่เห็นผู้หญิงที่ไม่อยากเจอหน้าที่สุดในช่วงเวลานี้แล้ว ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเลย
“เดี๋ยวเถอะ นี่ฟังอยู่รึเปล่าเนี่ย!”
ไม่รู้เป็นเพราะไปเมินเธอรึเปล่า ลาพิสก็เลยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลย
“อา โทษทีนะ โทษที รอดไป ๆ ถ้างั้นก็ ลาก่อนนะ”
อันตร๊าย อันตราย ในช่วงเวลานี้ ลาพิสจะยังไม่มีธนูสมบัติ ดังนั้นช่วงเริ่มต้นจึงยังไม่ใช่ปัญหาอะไร…ผมก็เลยตอบไปตามความเหมาะสม
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”
จะเอายังไงกันแน่ฟระ!! จะให้กลับบ้านหรือจะให้อยู่นี่กันแน่ เอาซักทางสิเห้ย!!
“นี่เธอน่ะ รู้รึเปล่าว่าฉันเป็นใคร”
“เอล์ฟที่แต่งตัวเหมือนผู้หญิงโรคจิต”
“มะ ไม่ใช่นะ! นี่มันชุดทางการต่างหาก!! ละ…แล้วนี่มองตรงไหนอยู่กันน่ะ!?”
“หน้าอก ต้นขา หน้าอก แล้วก็ต้นขาไง”
“อย่ามาตอบตามความจริงสิยะ!! อย่ามามองอีกนะ!! ขอโทษมาเลย!!”
เธอหน้าเริ่มแดง และพยายามดึงกระโปรงลงให้รู้สึกยาวขึ้น
เดิมทีก็เป็นคนที่โกรธง่ายอยู่แล้วด้วย แต่พอมาตอนนี้ พอเห็นเธอไม่ยอมปล่อยผมไป ผมเลยรู้สึกว่าผมน่าจะตอบโต้ผิดพลาดแน่ๆ
“……”
พูดตามตรง ผมชอบลาพิสตอนที่อยู่กับตัวเอกมากนะ แต่ถ้าถามว่าชอบลาพิสแบบเดี่ยว ๆ มั้ยละก็…อืม…ยังไงเสน่ห์ของเด็กคนนี้ก็คงเป็นจุดที่หยอกล้อกับพวกตัวเอกเพื่อช่วยผ่อนคลายความเครียดนั่นแหละน้า
ยูริน่ะ จะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อมี 2 คนน่ะนะ…ก็ถ้ามีคนเดียวมันก็แย่น่ะสิ
“มะ…มองอะไรอยู่กันน่ะ…บอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าฉันน่ะ มีคะแนนอยู่ตั้ง 30,000 เชียวนะ”
เธอยืดอกที่ก็ไม่ค่อยมีเยอะขึ้น
“ห่างกับเธอตั้ง 30,000 เลยนะ เข้าใจรึเปล่า?”
“เอ๊ะ!? นั่นหมายความว่า!?”
พอผมแสดงสีหน้าประหลาดใจ ใบหน้าของลาพิสก็ดูสดใสขึ้นด้วยความหวัง
“ห่างกัน 30,000 คะแนน…งั้นเหรอ…!?”
ลาพิสค่อย ๆ ลดธนูลงอย่างเงียบๆ
“โชคดีไปนะ”
ลาพิสพูดเบา ๆ ในขณะที่กำลังเดือดปุดๆ
“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว…เดี๋ยวจะฝึกการต่อสู้ให้ก็แล้วกัน….เตรียมตัวไว้ซะ…”
โอ๊ะ กะจะทำร้ายร่างกายโดยใช้การฝึกเป็นของอ้างสินะ
ในรูทของเธอนั้น ฮิอิโระต้องตายในระหว่างฝึกซ้อมไปกี่ครั้งกันนะ…มาไว้อาลัยให้กับเหล่าวีรบุรุษฮิอิโระผู้จากไปกันเถอะ
“ก็ยินดีรับข้อเสนอนั้นนะ แต่ว่ามีเงื่อนไขอยู่”
ก็นะ เพียงเท่านี้ก็จะพอยั่วยุเธอได้มากกว่าเดิมล่ะนะ
“ถ้าฉันชนะละก็ ขอคอนโซลที่เธอมีอยู่ไปหนึ่งอันนะ”
ยังไงก็คงจะขุดหาคอนโซลที่ทั้งระดับและความแรร์ต่ำไม่ได้อยู่แล้วด้วย…เพราะงั้น นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีเลย ขอขูดรีดหน่อยก็แล้วกัน
“อะไร นี่คิดว่าจะชนะได้งั้นเหรอ”
เธอยื่นหน้าขึ้นและยิ้มเย้ยหยัน
“ถ้าชนะละก็ ไม่ใช่แค่อย่างเดียวหรอก แต่ฉันจะให้ทุกอย่างเลยล่ะ”
“อ๊ะ งั้นเหรอ…ถ้างั้น เพื่อไม่ให้มีการโกงกันเกิดขึ้น เรามาแลกกันตรวจเช็คอุปกรณ์เวทย์เพื่อความยุติธรรมก่อนแล้วกัน พอดีนี่ถือเป็นมารยาทในการดวลกันของตระกูลซันโจน่ะนะ แล้วก็เธอน่ะ ต่อสู้ระยะไกลใช่มั้ยล่ะ เราเว้นระยะห่างกันไว้ดีมั้ย?”
ผมกับลาพิสแลกและตรวจสอบอุปกรณ์เวทย์ของกันและกัน
เธอทำหน้าเยาะเย้ยและยื่นคุกิ มาซามูเนะมาให้ผม
“เอาประมาณนี้ฉันก็ไม่ว่าอะไรนะ”
รู้อยู่แล้วล่ะว่าเธอต้องพูดแบบนั้น
ผมยิ้มอยู่ภายในใจ
ก็ไม่ใช่ว่าลาพิสในช่วงแรกจะแย่ในการต่อสู้ระยะประชิดหรอกนะ
แต่เธอจะค่อย ๆ ไปเริ่มเชี่ยวชาญในการต่อสู้ระยะไกลมากขึ้นในช่วงหลัง ๆ น่ะ
เพราะเธอคงจะค่อนข้างมีความมั่นใจในการต่อสู้ระยะประชิดอยู่พอตัวล่ะมั้ง ก็เลยกล้าพูดแบบนั้นออกมา
“ถ้างั้น จะเริ่มแล้วนะ”
“โอเค”
ลาพิสถือธนูในมือด้วยใบหน้ายิ้มที่ดูผ่อนคลาย
“นี่เมด ช่วยให้สัญญาณทีสิ”
เมดตระกูลซันโจที่กำลังคอยเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ก็ได้พยักหน้าแบบเขิน ๆ และชูมือขึ้น
และจากนั้นก็กวาดมือลง
“เริ่มได้!!”
ลาพิสเว้นระยะห่างตามที่คาด
เธอใช้นิ้วจับสายธนูและกระโดดถอยหลังและพยายามจะกดทริกเกอร์—แต่เธอก็ทำไม่ได้
“เอ๊ะ!?”
“คร้าบ”
ผมชักดาบคุกิ มาซามุเนะออกมา–
“มันจบแล้วล่ะ”
ผมจ่อดาบแสงไว้ตรงคอของเธอ
…เหงื่อหยดลงมาจากหน้าผากของเธอในตอนที่เธอกำลังถูกดาบแสงที่เปลี่ยนรูปร่างไปมาได้จ่อไว้อยู่
“ทะ…ทำไมกันล่ะ…ไม่เห็นรู้เกี่ยวกับการทำงานแบบนี้ของคอนโซลเลย…พอกดทริกเกอร์รูปร่างของดาบมันก็เปลี่ยนแปลงไป…มะ…มันจะเร็วเกินไปแล้วนะ…แล้วทำไมการเสริมพลังกายของฉันถึง…ไม่ทำงานกันล่ะ…”
ผมแบมืออีกข้างหนึ่งของผม
ที่มือของผมมันมีคอนโซลที่อยู่บนอุปกรณ์ของเธออยู่
“เอ๊ะ!? ถอดออกไปตั้งแต่เมื่อไหร–ตอนที่แลกกันตรวจสอบอุปกรณ์เมื่อกี้นี้งั้นเหรอ!! ทำไมถึงไม่รู้สึกตัวเลยล่ะ!?”
“ก็เพราะฉันติดคอนโซลกาก ๆ ของฉันเข้าไปแทนน่ะสิ กะไว้แล้วแหละว่า ถ้าแค่มองผ่าน ๆ ยังไงก็คงดูไม่ออกแน่ ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ ล่ะก็ คงจะรู้สึกตะหงิดใจกับเรื่องน้ำหนักของอาวุธแล้วแหละ…บางทีมันคงจะเป็นเรื่องที่เกินตัวเกินไปสำหรับเจ้าหญิงที่มีคะแนนตั้ง 30,000 คะแนนล่ะสินะ”
ลาพิสหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย
“อะ…ไอ้ขี้ขลาด…!”
“การต่อสู้น่ะมันไม่มีขี้ขลาดหรืออะไรทั้งนั้นแหละ มีใครเขาห้าม [ถอดคอนโซลของคู่ต่อสู้] รึไง การที่ยอมยื่นอาวุธให้กับคู่ต่อสู้ที่กำลังจะสู้ด้วยน่ะ มันก็มีแต่พวกโง่เท่านั้นแหละ”
ผมยกเลิกเวทมนตร์และเก็บคาตานะกลับเข้าไปในฝัก
“ตามสัญญา ฉันขอรับทุกอย่างไปล่ะนะ ความใจกว้างนี่ก็ดีนะ ขอบคุณหลาย ๆ “
ผมพยายามถอดคอนโซลทั้งหมดออกจากอุปกรณ์ของเธอ…
แต่ผมก็หันไปเห็นลาพิสที่กำลังน้ำตาคลอเบ้า ผมจึงค่อย ๆ วางอุปกรณ์ลงบนพื้น
“อะ…เอาแค่อันเดียวก็แล้วกัน”
สะ…สมแล้วจริงๆ น้ำตานางเอกนี่มัน…ทำให้คดีพลิกได้จริง ๆ…
ว่าไปแล้ว ถึงผมจะทำตัวอวดดีแล้วชนะเธอมาได้ก็เถอะ แต่พอมาถึงขนาดนี้แล้วก็เริ่มรู้สึกกังวลซะแล้วสิ ค่อนข้างจะสงสัยเลยว่าเธอจะมีความแค้นจนกลายมาเป็นผู้ท้าชิงที่เลวร้ายที่สุดในการฆ่าผมรึเปล่า หรือการที่เน้นการเพิ่มพลังในการต่อสู้มากกว่าการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับนางเอกมันจะผิดงั้นเหรอ?
“นะ…เหนื่อยหน่อยนะ…”
ผมค่อย ๆ ขยับออกไปจากตรงนั้น แต่จู่ ๆ ก็มีคนมาคว้าชายเสื้อของผมเอาไว้
“….อีกรอบ”
“ครับ?”
“ขออีกรอบ!!”
ลาพิสตะโกนพร้อมดวงตาที่แดงก่ำ
“มาดวลกัน อีกรอบซะ!!”
ผมที่ได้ยินแบบนั้น ก็รีบวิ่งหนีออกไปจากดันเจี้ยน พร้อมกับทิ้งเจ้าหญิงที่ตะโกนไล่หลังมาว่า [ฉันจริงจังนะ!!] ไว้ด้านหลัง
[ติดตามการเคลื่อนไหวเรื่องนี้ได้ที่เพจ Okuse-Translator]