บทที่1ตอนที่ 2

เมืองอาร์คาซัม

เป็นเมืองที่เป็นที่ก่อตั้งของสถาบันโซลมินาติ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่นการเรียนรู้

สถาบันนั้นตั้งอยู่กลางใจเมืองและมีการสร้างถนนคล้ายกับใยแมงมุมล้อมรอบตัว

ทางตอนเหนือของสถาบันมีพื้นที่ทางการเมืองของเมืองนี้ เป็นหน่วยงานที่คอยบริหารและควบคุมเมือง เป็นที่ๆแหล่งของขุนนางผู้ร่ำรวยจัดการทางการเมืองนี้

ฝั่งตะวันออกเป็นเขตอยู่อาศัยซึ่งมีหอพักของนักเรียนและประชาชนทั่วไปอยู่เป็นจำนวนมาก และทางตอนใต้เป็นพื้นที่การค้าซึ่งมีการรวบรวมสินค้าทุกประเทศมาไว้ที่นี่

นอกจากนี้ยังมีกิลด์นักผจญภัยและเหล่านักเรียนสามารถหางานทำโดยการเป็นนักผจญภัย

ทางทิศตะวันตกเป็นเขตของช่างฝีมือที่มีช่างจำนวนมากมารวมตัวกัน มีช่างมากมายจากหลายประเทศต่างมารังสรรค์ผลงานอยู่แถบทางตะวันตกกันเป็นประจำ

ถนนทางตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกนอกเมือง มีป่าทึบกระจายอยู่รอบๆคอยปิดกั้นการมองเห็นของผู้คน

สัตว์อสูรเองก็ต่างปรากฏตัวในป่าแห่งนี้ ตั้งแต่สัตว์อสูรระดับต่ำไปจนถึงระดับสูง

อย่างไรก็ตามสัตว์อสูรที่ทรงพลังโดยทั่วไปจะอาศัยอยู่ส่วนลึกของป่ามันจะไม่ปรากฏตัวแถวๆเมืองและถนนหลัก

มีกระท่อมที่ถูกสร้างในป่า แถวๆนั้นเองมีชายหนุ่มและหญิงชราที่ถือดาบอยู่ที่สวนหลังกระท่อม

คนหนึ่งคือโนโซมุ เบลาตี้ นักเรียนสุดห่วยแตกแห่งปี 2

แล้วหญิงชราอีกคนก็มีนามว่าชิโนะ

การเผชิญหน้ากันของทั้งสองคน หญิงชราปล่อยแรงกดดันมหาศาลซึ่งคนละชั้นกับมาร์เลย

ในการซ้อมประลองรายบุคคล เขายังตอบโต้มาร์ได้บ้าง แต่ว่าการเผชิญหน้ากับหญิงชราท่านนี้มันเป็นการโจมตีเพียงฝ่ายเดียว เปรียบเสมือนโนโซมุเป็นของเล่น

การปะทะกันของดาบและจากนั้นภายในสามดาบนั้นก็ทำให้เขาเสียหลัก หญิงชราคนนั้นไล่ตามโนโซมุที่กำลังกลิ้งไปและเหวี่ยงดาบลงโดยไม่ลังเล

 โนโซมุพุ่งเน้นความสนใจไปยังส่วนขาของเขาจากนั้นเปิดใช้งาน คิ“ก้าวพริบตา”

เร่งความเร็วในทันใดและพุ่งออกไป แต่ในทันทีนั้นหญิงชราก็พุ่งตามมาและฟาดดาบตามมา ปลายดาบนั่นเกือบจะฟาดโดนโนโซมุแล้ว

ตอนนี้เองเขาหยุดตัวเองไม่ได้ ดังนั้นจึงเอี้ยวตัวหลบโดยใช้ขาข้างหนึ่งเป็นตัวเบรคทำให้ตัวเขาสไลด์ไปกับพื้น

แต่ทันใดนั้นหญิงชราก็ตามท่าทางของเขาทันที

โนโซมุเหวี่ยงดาบในแนวทแยงเล็งไปทางไหล่ของหญิงชรา หญิงชราตอบโต้ด้วยการผ่อนแรงด้วยการกระโดดหลบจากนั้นเอาหญิงชราพลิกดาบที่วางไว้โดยไม่โดนตัวเขา

อย่างไรก็ตามหญิงชราคนนั้นก็เตะขาเขา

โนโซมุที่คิดว่าหลบไม่ได้นั้นจึงพยายามจะกระโดดถอยหลัง จากนั้นเขาเตะเข้าไปที่ด้ามดาบที่พาดไว้ระหว่างเอวของหญิงชรา และแทงดาบไปแต่พลาดเป้า

โนโซมุล้มลงไปกับพื้นไม่มีเวลาให้ลุกขึ้น จากนั้นหญิงชราก็เอาดาบจ่อคอ

「……ข้าขอยอมแพ้」

「อืม ยังอีกยาวไกลนะพ่อหนุ่ม การฝึกเองก็เป็นก้าวสำคัญ」

หญิงชราพูดเช่นนั้นพร้อมกับเก็บดาบ หญิงชราคนนี้ชื่อชิโนะเป็นอาจารย์ของโนโซมุ

ข้าพบเธอเข้าตอนที่ฝึกอยู่ในป่า

ในตอนนั้นที่ข้ารู้สึกหมดหวังเพราะโดนลิซ่าหักอกและไม่สามารถทำตามคำมั่นสัญญาได้ ข้าก็มาฝึกฝนอย่างหนัก

ราวกับจะหนีความเป็นจริง ฝึกอย่างเอาเป็นเอาตายราวกับหมดอาลัยตายอยาก

ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเมื่อหญิงชราคนนั้นส่งเสียงเรียกข้า เพราะเธอทนไม่ได้กับการฝึกอันไร้ความหมายของข้า

「ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว โนโซมุเอ๋ย เตรียมตัวให้พร้อม」

「ครับ อาจารย์」

โนโซมุตอบรับเสียงเรียกของหญิงชรา

แม้ว่าเสียงจะดูเหนื่อยๆ แต่เขาก็เตรียมตัวสำหรับมื้อเย็นด้วยน้ำเสียงชัดเจน

(แม้ว่าตอนนี้จะดูเหมือนกับพืชล้มลุก แต่ก็ยังคงเติบโตได้อีก)

ข้าจ้องมองไปที่เขาพร้อมกับพึมพำเช่นนั้น

ตอนที่ข้าพบกับเขา เขาฝึกอยู่ในป่าด้วยสภาพที่ฝืนตัวเอง

ทำการฝึกซ้ำไปซ้ำมาโดยไร้ซึ่งการพักพ่อน ความเหนื่อยล้าที่สะสมทำให้กล้ามเนื้อของเขาผอมบาง สภาพเหมือนคนกำลังลาโลก ผิวหนังที่มือถูกลอกออกจนหมด ข้อต่อเป็นแผลอักเสบอย่างหนักและร่างกายที่ดูโสมม

ถึงแม้ข้าจะพูดเช่นไร แต่ก็ไม่มีทีท่าที่จะหยุดลง

ใบหน้าที่เห็นในตอนนั้นดูเหมือนคนที่ฝืนตัวเองและฝึกต่อไปเพื่อคว้าอะไรบางสิ่ง

เมื่อข้าเห็นเขาในสภาพเช่นนั้น ด้วยอายุเพียงแค่นั้นมันทำให้ข้าอยากจะตายเสียกระไร

 一ข้าพยายามจะเมินไปสักพักหนึ่งแต่เมื่อเวลาผ่านไปดวงตาของยิ่งดำดิ่งลงสู่เหวมากยิ่งขึ้น

แม้ว่าเขาจะไม่ได้คิดอะไรเลย แต่เขาก็ก้มลงพร้อมกับเหวี่ยงดาบออกไปอย่างไร้ความหมายราวกับยอมรับชะตากรรม เป็นตอนนั้นเองที่เขาถูกสัตว์อสูรโจมตี

มันเป็นหมาป่าตัวใหญ่ อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้มักจะอยู่กันเป็นกลุ่ม

เป็นสัตว์อสูรระดับต่ำที่ถูกจัดการได้โดยนักผจญภัยทั่วไป แต่ว่าสภาพของมันตอนนี้สำหรับคนที่หมดแรงแล้วมันก็เปรียบเสมือนมังกร

สติของโนโซมุที่เลือนลางและบาดเจ็บไปทั่วร่างกาย เลือดที่ไหลอยู่เต็มตัวไม่มีใครที่จะช่วยเขาได้

เขาไม่ยอมแพ้กับสถานการณ์เช่นนั้นพยายามดิ้นรนสู้ต่อไปท่ามกลางความสิ้นหวัง

เขาสู้กับหมาป่าแม้ว่าจะเสียเลือดจนเกือบจะตายแล้วก็ตาม

“ข้ายังไม่อยากตาย”“ข้าจะไม่ยอมแพ้”

ฝีมือดาบและเทคนิคนั้นเรียกได้ว่าอ่อนหัด อย่างไรก็ตามดวงตาที่มืดมิดนั่นกลับส่องแสงสว่างราวกับจะบอกว่า “จะต้องมีชีวิต”ต่อไป

ก่อนที่ข้าจะรู้ตัวข้าก็ไปฆ่าพวกหมาป่าเพื่อช่วยชีวิตเขาเอาไว้แล้ว

หนึ่งสัปดาห์ต่อมามีเด็กหนุ่มที่ฝึกใช้คาตานะแทนที่จะใช้ดาบธรรมดาอยู่หน้ากระท่อมข้า

———————————————————–

หลังอาหารมื้อเย็นทำความสะอาดแล้วเขาก็นั่งตรงข้ามกับอาจารย์และดื่มชาด้วยกัน

ผมที่พบกับอาจารย์ เรียนวิชาดาบกับเธอและเรียนรู้หลายๆสิ่งหลายอย่างจนถึงทุกวันนี้

ข้ารู้สึกเหมือนเห็นแสงแห่งความหวังที่ส่องสว่างอยู่ท่ามกลางความมืดมิด

หลังจากถูกลิซ่าทิ้ง รอบตัวข้าก็ไม่มีใครมายืนเคียงข้างอีกต่อไป ตัวข้าที่เริ่มฝึกกับพวกหมาป่าเหล่านั้นราวกับหลีกหนีชีวิตประจำวันและทำร้ายตัวเองเรื่อยมา

ในพรมแดนแห่งความเป็นและความตายข้า “ยังไม่อยากตาย”มากกว่าที่”ตายๆไปซะก็ดี”

“ไม่อยากตาย” คือความรู้สึก “ที่ต้องการมีชีวิต” มันกลายเป็นอารมณ์ “ที่ว่าอย่ายอมแพ้” ด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่

ข้าที่ได้รับการช่วยเหลือจากอาจารย์ก็กลายมาเป็นศิษย์และฝึกฝนต่อไป

ท้ายที่สุดแล้วมันเป็นดั่งความเจ็บปวดเหนือคณานักเมื่อนึกถึงลิซ่า แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว

นั่นคงเป็นเพราะมีอาจารย์อยู่เคียงข้าง

เมื่อนึกได้เช่นนั้นข้าก็จ้องมองอาจารย์ผู้ซึ่งกำลังเคี้ยวขนมพร้อมกับดื่มชาด้วยรอยยิ้มสดใส ข้าเองก็ยิ้มเล็กน้อยหลังจากเห็นภาพตรงหน้า อาจารย์ที่แกร่งเปรียบเสมือนปีศาจปรากฏตัวขึ้นมา ภาพลักษณ์นั่นไม่เข้ากับอายุเลยจริงๆ

「อะไรของเจ้ากันน่ะ นี่จ้องข้าตาเขม็งหลงรักข้าแล้วรึไงกัน?」

จากนั้นเองอาจารย์ก็ยิงมุกออกมาอย่างแรง

「เอ่อก่อนพูดก็ช่วยดูอายุของท่านด้วยนะครับ ไม่ว่าผมจะเป็นยังไงก็เถอะผมก็มีกำแพงที่กั้นระหว่างความต่างของอายุอยู่นะครับ!!」

สภาพนั่นทำให้ข้าช็อคไปทันทีเลย เผลอเล่นใหญ่ไปซะแล้ว อาจารย์เองก็ชกมาที่หน้าของข้าราวกับปาเป้า

ยิ่งกว่านั่นนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ขนมกับชาไม่ปลิวไปตามสายลม

「โนโซมุ นี่แกว่ายังไงนะ?」

อาจารย์จ้องข้าตาเขม็งพร้อมกับแสดงท่าทีราวกับมังกรขย่มขวัญศัตรู ถัดมานั้นเองกำแพงป้องกันอันตรายก็ทำงานตัวข้าก้มลงกับพื้นพร้อบกับขอโทษอย่างจริงจัง

「อะเอ่อ ยะยังไงก็ตาม ขออภัยด้วยที่ล่วงเกิน ทะ-ท่าน อ-าจารย์ด้วยนะครับ」

อาจารย์แสดงเทคนิคชั้นสูงให้ข้าเห็นโดยไม่จำเป็น แม้ว่าข้าจะเป็นเพียงคนตบมุก

อาจารย์ที่เกษียณตัวเองแล้วนั่นเป็นคนที่แกร่งอย่างมากในทวีปแห่งนี้แน่ ถ้าจะให้พูดก็คือ “อาจารย์น่ะเก่งจนเป็นแนวหน้าของสถาบันฝึกดาบเลย”

ยังไงก็ตามนักดาบที่เก่งที่สุดในเมืองนี้ก็คือ จิฮัด รัลเดล เขาเป็นอัศวินแรงค์ S และเป็นนักดาบที่มีชื่อเสียงมากในทวีปนี้

อาจารย์ที่มีพลังเทียบเท่ากับคนๆนั้นเป็นใครกันแน่

หลังจากดื่มชาในขณะที่จมปลักอยู่กับความคิดก็ได้เวลากลับหอพักแล้ว

「ถ้างั้นละก็อาจารย์ ข้าขอตัวกลับก่อนนะ」

「อุมุ ไว้เจอกันพรุ่งนี้ละเจ้าศิษย์ไม่ได้ความ」

「ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับอาจารย์」

————————————

ข้าที่เห็นโนโซมุกลับไปก็กลับเข้ากระท่อม

เขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว เขาไม่รู้ตัวเลยว่าความสามารถทางกายภาพของเขาสูงขึ้นไปเพราะความสามารถในการพันธนาการของเขา และแม้ว่าทักษะดาบจะไม่ถึงขั้นเทียบข้าได้ แต่เขาเองก็เขยิบเข้าใกล้ข้ามาอีกก้าวแล้ว

มันเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมากหากพิจารณาจากการเติบโตที่ผ่านมาในหนึ่งปี

แต่เดิมแล้วเขามีนิสัยใช้ดาบโค้งมากกว่าจะเป็นดาบตรง

แทนที่จะใช้พลังของแขนในการออกแรงเขาใช้แรงทั้งตัวในการเหวี่ยงมัน

มันเป็นความพยายามของเขาที่พยายามจะแข็งแกร่งขึ้นเหนือสิ่งอื่นใด แม้ว่าจะพยายามหลีกหนีความเป็นจริงอยู่ก็ตาม

ตอนแรกก็ยังคงให้ฝึกด้วยการเหวี่ยงดาบธรรมดาและวิ่งรอบๆป่า

แน่นอนก็มีถูกพวกสัตว์อสูรโจมตีเข้ามาบ้าง แต่ก็ป้องกันตัวเองได้ ตามที่คาดไว้ข้าพยายามจัดการสัตว์อสูรส่วนเกินที่จะควบคุมได้

ต่อไปก็เป็นการต่อสู้จำลอง

โดยธรรมชาติแล้วข้าทุ่มเทหมดหน้าตักแต่ไม่เอาให้เขาถึงตาย

ข้าล้มเขาลงโดยไม่ให้คำแนะนำอะไรเลยสักนิดและการที่เขาได้แผลมันก็เป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันไปแล้ว ตอนนี้ข้าเองก็ยังรับมือกับเขาได้อยู่แต่ก็เริ่มมีบางครั้งที่ข้าพลาดจนกระดูกหักเช่นกัน

เขาได้อดทนต่อการฝึกหนักที่ถูกกำหนดไว้ โดยปกติแล้วคนทั่วไปจะลาออกในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ด้วยซ้ำ

ด้วยทักษะปัจจุบันของเขาไม่ต้องสงสัยเลยอีกไม่นานเขาก็จะยืนเผชิญหน้ากับข้าได้อย่างแน่นอน ถ้าไม่โดนพันธนาการนั่นผูกมัดเอาไว้

เหตุผลส่วนใหญ่เขาไม่สามารถเอาชนะในการต่อสู้จำลองในโรงเรียนได้เนื่องจากพันธนาการนั่น

การที่ถูกจำกัดพละกำลังนั่น แถมยังไม่มีพลังเวทย์ แม้แต่เวทย์ฝึกหัดยังใช้ไม่ได้

การเสริมพลังด้วยคิเองและอุปกรณ์ที่เสริมพลังเวทย์ก็ใช้งานไม่ได้อีก

อีกอย่างหนึ่งที่จะคอยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายก็คือการฝึกเขาให้ใช้คิได้อย่างถูกต้อง แต่ทักษะนั่นก็เป็นอะไรที่ต้องใช้พลังสูงมากและโอกาสพลาดจนผลย้อนเข้าตัวก็สูง ดังนั้นจึงให้ใช้ในการต่อสู้จำลองไม่ได้

โชคดีที่ความสามารถทางกายภาพนั่นต้องใช้พลังและกล้ามเนื้อไม่ได้ถูกพันธนาการเอาไว้ แต่ว่าโดยส่วนบุคคลแล้วความสามารถตามปกติมันก็เหมือนเครื่องจักรทื่อๆอันหนึ่งเลย เลยต้องหมั่นฝึกเข้าไว้

อย่างไรก็ตามเนื่องจากผลของการเสริมความแข็งแกร่งเช่น คิ อยู่ในระดับต่ำจึงไม่สามารถมองการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามออก หากฝ่ายตรงข้ามยิ่งเก่งก็คงทำอะไรไม่ได้มากนัก

ทำยังไงก็ออกมาแย่ไปซะหมดเลย

ความกังวลอีกประการก็คือเขายังไม่ได้กำหนดเป้าหมายที่แน่ชัดเลย

มันอาจจะดีสำหรับการต่อสู้เพราะว่า “อยากจะมีชีวิต” แต่ว่าในอนาคตมันค่อนข้างน่าเป็นห่วง

ถ้าหากถามหาว่า “เพราะอะไรเจ้าถึงต้องแสวงหาความแข็งแกร่ง”

 หากเจ้าขับเคลื่อนความแข็งแกร่งโดยไม่มี“หัวใจ” ผลมันก็จะไม่เป็นไปตามที่เจ้าหวัง

และหัวใจเพียงหนึ่งเดียวของเขาก็พังทลายไปแล้ว

ข้าก็ไม่รู้หรอกว่าเขาจะทำยังไงต่อไปในอนาคต แต่ว่าข้าจะพยายามบอกเขาทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อไม่ให้มานึกเสียใจเช่นข้า