ตอนที่ 4 สถานการณ์ดีขึ้น

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 4 สถานการณ์ดีขึ้น

ตอนที่ 4 สถานการณ์ดีขึ้น

ซูเถาพยักหน้า “ไม่มีปัญหา ฉันจะดูแลเขาอย่างดี”

“ไม่จำเป็นหรอก เขามีเงินติดตัวอยู่ หากอยากกินอะไรก็สั่งเอา แค่คอยดูเขาอยู่ห่าง ๆ ก็พอครับ”

ซูเถาเข้าใจว่าเป็นเพราะเขากลัวว่าเมื่อคนคนนี้ฟื้นตัวต้องการออกตามเขาไปแก้แค้น

ถ้าพูดตรง ๆ เงิน 1,000 เหลียนปังเป็นค่ารักษาความปลอดภัย ค่าพยาบาล และเป็นค่าตอบแทนสำหรับเธอ

หากแต่ซูเถายังกังวลเล็กน้อย “คุณเองก็ต้องระวังตัวด้วยเหมือนกัน ถ้าสู้ไม่ได้ก็ถอยก่อน ฉันจะอยู่ตรงนี้คอยเปิดประตูให้เมื่อกริ่งดังขึ้น”

มีกระแสความอบอุ่นแผ่ซ่านทั่วหัวใจของสือจื่อจิ้น ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังรอให้พวกเขากลับบ้าน

ชายหนุ่มกำหมัดแน่น “ขอบคุณมาก รบกวนด้วย”

หลังจากพูดเสร็จ คนกลุ่มนี้ก็รีบออกไปอย่างเอิกเกริก

หลังจากพวกเขาจากไป ซูเถาก็กังวลอยู่พักหนึ่ง ลูบมือแล้วมองยอดเงิน 1,523 เหลียนปัง ก็รู้สึกพึงพอใจ

ควรใช้จ่ายยังไงดี?

ต้องการซื้อกะละมังอีกใบเพื่อที่จะได้ใช้ดื่มน้ำและล้างตัวในอนาคต แต่สุดท้ายก็กัดฟันและใช้เงิน 1,000 เหลียนปังเพื่อเปิดห้องเดี่ยว

[ห้องเดี่ยว 1 ห้องได้รับการพัฒนาเป็นห้องเดี่ยว 2 ห้องพร้อมให้บริการแล้ว]

เพื่อใช้เงินทำเงิน นอกจากนี้สือจื่อจิ้นและกลุ่มของเขาดูเหมือนจะต้องการที่พัก

ทันใดนั้นก็มีแรงสั่นสะเทือนที่ใต้ฝ่าเท้า และมีประตูอีกบานผุดขึ้นบริเวณทางเดินเดิม ซูเถาเดินสาวเท้าเข้าไปใกล้ และเห็นว่ามันมีขนาดเท่ากับห้องเดี่ยวเดิม แถมยังเป็นห้องเปล่าอีกด้วย

จากนั้นซื้อเตียงไม้เนื้อแข็งราคาถูก

200 เหลียนปัง

ทันใดนั้นเตียงไม้เนื้อแข็งเดี่ยวก็ปรากฏขึ้นในห้องและมันก็เข้าคู่กับชุดผ้าปูที่นอนสีขาว 4 ชิ้น ผ้านวมให้ความรู้สึกนุ่มนิ่มสบายและอบอุ่นยามได้สัมผัส

ดีกว่าที่ขายในห้างสรรพสินค้าพื้นฐานมาก!

เธอยังจำได้ว่าหลี่หรงเหลียนใช้เงินมากกว่า 400 เหลียนปังเพื่อซื้อผ้าห่มสำหรับเจียงจิ่นเวย แต่คุณภาพไม่ดีเท่าผ้านวมที่เธอจ่ายไป 200 เหลียนปัง

ในที่สุดก็กัดฟันซื้อห้องน้ำที่เรียบง่ายแบบลวก ๆ ที่ถูกที่สุดในร้านตกแต่งบ้าน ราคาเพียง 300 เหลียนปัง มีทั้งโถสุขภัณฑ์ อ่างน้ำและฝักบัว

[เงื่อนไขการเช่าเสร็จสมบูรณ์ ขอให้โฮสต์เลือกโหมดการเช่ารายวัน เช่าระยะสั้น เช่ารายเดือน หรือเช่ารายปี หลังจากเลือกแล้ว ราคาและการตกแต่งจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายในเวลาที่กำหนด]

ครั้งนี้ซูเถาเลือกที่แบบการเช่าระยะสั้นเป็นเวลา 15 วัน

[ห้องเดี่ยวหมายเลข 002 เปิดให้เช่าระยะสั้น 15 วัน ตามระบบการตกแต่งภายในค่าเช่าระยะสั้นอยู่ที่ 4,000 เหลียนปัง หากคุณต้องการเพิ่มค่าเช่า ขอให้โฮสต์ซื้อของตกแต่งบ้านคุณภาพสูงขึ้น]

ซูเถาร้องว้าวในใจ อย่างที่คาดไว้การลงทุนเท่านั้นที่จะได้ผลตอบแทน

แต่เมื่อมองไปที่ยอดคงเหลือ 23 เหลียนปัง เธอก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ มีหนทางอีกยาวไกลในการหาเงิน และการเป็นเจ้าของอสังหาฯ นั้นก็ไม่ง่ายนัก

ซูเถานั่งอยู่บนพื้นแข็ง ๆ ตัดสินใจซื้อเตียงให้ตัวเองก่อนหลังจากได้ค่าเช่าระยะสั้น!

สำหรับมื้อกลางวัน ซูเถาออกไปที่ร้านสะดวกซื้อที่ใกล้ที่สุดกับเขตเถาหยางในฐานตงหยางตามปกติ และใช้เงิน 2 เหลียนปังเพื่อซื้อพายเนื้อและดื่มน้ำเย็นฟรีในร้าน

หลังจากกินเสร็จแล้ว เธอยังซื้อชุดอาหาร 8 เหลียนปังไปให้รองกัปตันเฉิน

การใช้จ่ายเงินของผู้อื่นต้องทำด้วยจิตสำนึก

ตอนนี้เธอน่าสงสารจริง ๆ

ใครจะไปรู้ว่าด้วยที่ดิน 3,000 ตารางเมตร เป็นถึงเจ้าของอสังหาฯ สามห้อง ทั้งเนื้อทั้งตัวกลับมีเงินเพียง 13 เหลียนปังเท่านั้น

ถ้าถูกปล้นก็คงอายน่าดู

“น้องสาว มาจากนอกฐานหลักใช่ไหม” พี่ชายพนักงานคิดเงินเป็นคนพิการ ร่างกายท่อนล่างของเขามีขาเทียมราคาถูก การเคลื่อนไหวของเขาจึงกระตุกและเชื่องช้า

ซูเถาพยักหน้า

พี่ชายพนักงานคิดเงินพลางถามเธอว่า “แล้วเธอเห็นที่ดินไม่ไกลจากประตู 2 ไหม มีคนเห็นเปิดเป็นห้องพัก ราคาเท่าไหร่ คนธรรมดาจะจ่ายไหวไหม”

ซูเถาคิดไม่ถึงว่าจะมีคนให้ความสนใจในเวลาเพียงวันเดียว

เธอพูดง่าย ๆ อย่างใจกว้าง “จ่ายไหวสิ ก็ขึ้นอยู่กับขนาดที่คุณต้องการ ห้องเดี่ยวขนาด 10 ตารางเมตรที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิต ราคาเพียง 3,000 เหลียนปังและไม่จำเป็นต้องมีคะแนนสมทบ”

รายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่อคนในฐานตงหยาง คือ 8,000 เหลียนปัง และราคา 3,000 นั้นถือว่าไม่สูงเกินไป

พี่ชายพนักงานคิดเงินอย่างมีความสุขและเริ่มซักไซ้คำถามอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย ซูเถาเองก็ตอบคำถามเหล่านั้นด้วยความยินดี

เมื่อรู้ข้อมูลทั้งหมดก็หยิบเครื่องมือสื่อสารทันทีราวกับจะโทรหาครอบครัวของตน

ซูเถาเม้มปาก ดูเหมือนว่าความต้องการที่อยู่อาศัยของทุกคนยังคงสูงมาก ดังนั้นไม่ว่าเธอจะเปิดกี่ห้อง ก็ไม่ควรกังวลเกี่ยวกับการเช่า

ซูเถากำลังถือข้าวและวางแผนที่จะไปยังมุมหนึ่งที่ไม่มีใครอยู่ และเทเลพอร์ตกลับไปที่เถาหยาง

ทันใดนั้นก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง “เถาเถา?”

เธอหันศีรษะกลับไปตามเสียงเรียก และเห็นพ่อเฮงซวยที่ไม่เคยเหลียวแลเธอ ไม่อินังขังขอบ และแสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอด

ซูเจี้ยนหมิงถือกระเป๋าเอกสารสวมเสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน รายล้อมด้วยเพื่อนร่วมงานในชุดเดียวกัน ตอนแรกซูเถากะว่าจะไม่สนใจ แต่เพื่อนร่วมงานของเขาดันพูดว่า

“เหล่าซู นี่คือลูกสาวของนายที่เข้าร่วมกองทัพบุกเบิกโดยสมัครใจใช่ไหม เด็กคนนี้เพิ่งอายุเท่าไหร่เอง คุณกับภรรยายอมปล่อยเธอไปได้ยังไง ลูกสาวคนโตของฉันอายุสามสิบแล้วฉันยังไม่กล้าปล่อยให้เธอออกไปเผชิญอันตรายนอกตงหยางคนเดียว ฉันเกรงว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บหรือถูกรังแก”

ใบหน้าของซูเจี้ยนหมิงเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ

“เถาเถาของเรายืนกรานว่าอยากเข้าร่วมกองทัพ ตั้งแต่เด็กเธอมีนิสัยเหมือนผู้ชายและเธอไม่อยากเอาแต่อยู่บ้านเฉย ๆ และตอนนี้เธอเองก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เราเองเป็นพ่อแม่ต้องสนับสนุนการตัดสินใจของลูก”

ซูเถาฟังแล้วรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา

เพื่อนร่วมงานยิ้มให้กันเมื่อได้ยินคำพูดอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ซูเจี้ยนหมิงผู้เลื่องชื่อเรื่องไม่สนใจครอบครัวและไม่รักลูกสาวแพร่กระจายจนผู้คนรู้กันไปทั่วมานานแล้ว

ซูเจี้ยนหมิงไม่สามารถปกปิดสีหน้าของตนได้ ดังนั้นจึงฝืนยิ้มเพื่อแสดงความเป็นห่วงต่อซูเถา

“ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง ต้องเริ่มภารกิจเมื่อไหร่ ต้องการความช่วยเหลืออะไรจากพ่อหรือเปล่า”

ความคิดของซูเถาเปลี่ยนไป และแสร้งบีบน้ำตาออกมาทันที

“พ่อ…พ่อเคยรับผิดชอบอะไรด้วยเหรอ ยังเหลือเวลาอีกสองวันก่อนการตรวจร่างกายของกองทัพบุกเบิก แต่หนูถูกไล่ออกจากบ้าน ไม่มีที่อยู่ หลังจากที่พ่อแม่พี่ชายและพี่สาวกลับมาถึงบ้าน หนูก็แอบตามมาแล้วนอนที่หน้าประตูบ้านในตอนกลางคืน เช้ามาหนูก็รีบออกไปก่อนที่จะมีใครเห็น เพราะกลัวจะถูกด่าทอว่าทำให้ทุกคนรำคาญ…”

“เหล่าซู นายทำแบบนี้มันเกินไปหรือเปล่า”

“หญิงสาวเล็ก ๆ ต้องลำบากแค่ไหนนายรู้ไหม”

ใบหน้าของซูเจี้ยนหมิงเปลี่ยนไป แต่เขายังคงรักษาศักดิ์ศรีและพูดว่า

“เรื่องนี้ฉันไม่รู้เรื่องเลย เรื่องที่บ้านภรรยาเป็นคนดูแลจัดการ ฉันต้องกลับไปถามให้แน่ชัด เถาเถา พ่อผิดเอง พ่อทำให้ลูกต้องลำบาก เอาเงินไปชีวิตอยู่ข้างนอกสักสองสามวันก่อนนะ ให้เวลาพ่อสักพัก แล้วพ่อจะไปรับลูกกลับมา”

โอนเงินมา 3,000 เหลียนปัง

ซูเถาฝืนยกมุมปากขึ้น และแสร้งทำเป็นร้องไห้อีกครั้ง

“มีอะไรโทรหาพ่อนะ ถ้าไม่อยากเข้าร่วมกองทัพบุกเบิกบอกพ่อ พ่อจะเป็นคนจ่ายเงินให้เอง”

ซูเถาคิดว่าคำพูดของเขามันก็เป็นเพียงแค่ลมปาก ถ้าเธอยังเป็นเพียงแค่เด็กน้อย ก็คงจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดหมดใจ และต้องการให้เขาตัดสินใจแทนตนเอง

แต่ที่ผ่านมาเธอเป็นคนดีมาโดยตลอด แต่หลังจากเกิดเรื่องและสูญเสียความทรงจำ ก็มักจะถูกคนอื่นรังแก แม้แต่แม่แท้ ๆ ก็ปฏิบัติต่อเธอและพี่สาวด้วยความลำเอียง

เมื่อโตขึ้นเธอไม่สามารถไว้วางใจในตัวเขาได้อีกต่อไป

ทันทีที่เงินตกอยู่ในกำมือของซูเถา เธอกล่าวคำขอบคุณลวก ๆ สองสามคำแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว

เธอไม่ต้องการเห็นสิ่งที่เรียกว่าสมาชิกในครอบครัวของเธอแม้แต่วินาทีเดียว