ตอนที่ 6 คำบ่นและแผนการในอนาคต (มุมของเรด)

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

ตอนที่ 6 คำบ่นและแผนการในอนาคต (มุมของเรด)

 

ครั้งแรกที่ฉันได้พบกับเขาคือตอนที่เรียนมอต้น ปี 3

 

เนื่องจากวันนั้นออกโรงเรียนมาช้าจึงต้องรีบเดินทางไปยังโรงเรียนกวดวิชาให้เร็ว ฉันจึงเลือกใช้เส้นทางลัดแถวตรอกแคบๆ ―――และมันทำให้ฉันได้พบกับพวกวายร้าย

 

 

「———โอยะโอยะ ไม่คิดมาก่อนเลยน๊า ว่าจะมีมนุษย์มาพบเข้าแบบนี้」

 

 

การมีอยู่ของพวกมันนั้นเป็นตำนานเมืองที่เกิดขึ้นมาก่อนอัศวินดำเสียอีก

 

วายร้ายที่โจมตีผู้คนจากในเงามืด

 

การดำรงอยู่ของพวกมันไม่ได้รับการยอมรับเป็นวงกว้าง เพราะมันโผล่มาและก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จำนวนเหยื่อก็เพิ่มขึ้นทุกวัน มันคือสิ่งที่คอยกันกินสังคมมนุษย์ไปทีละนิด

 

สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าของฉันคือชายที่สวมสิ่งที่คล้ายกับหน้ากากกันแก๊สพิษ

 

 

「ยินดีที่ได้รู้จักนะ คุณหนู ฉันกาเซล วายร้ายแห่งชั้นบรรยากาศ」

 

 

สิ่งเดียวที่ฉันคิดได้ก็คือวิ่ง ฉันรีบหันหลังกลับและเตรียมหนีทันที ทว่าร่างกายของฉันก็ล้มลงกับพื้นเสียก่อน

 

 

 

「อ- อึก…อ่ะ」

 

 

หายใจไม่ออก

 

ไม่สิต้องบอกว่าพยายามหายใจแล้วแต่อากาศมันไม่ยอมเข้ามาเลย ราวกับว่ามีบางอย่างควบคุมอากาศภายในร่างของฉันให้เหลือเพียงแค่พอประคองสติไม่ให้สลบไป

 

ด้วยความสับสนที่เกิดขึ้นกับร่างของตัวเอง ฉันพยายามเอามือจับคอตัวเองและบิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด

 

 

「โถโถโถ คงจะเจ็บปวดน่าดู หายใจไม่ออกล่ะสิ แต่ไม่ต้องกังวลไป ฉันไม่ได้ทำถึงขั้นสุญญากาศหรอกก็แค่เอาให้พอรู้สึกถึงประสบการณ์ที่ความกลัวค่อยๆ คืบคลานเกาะกินร่างกายเธอเท่านั้นเอง ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ หายใจเข้าสิ」

 

「แฮกๆ ……」

 

 

เจ็บปวดเหลือเกิน

 

น้ำตาของฉันไหลออกมาไม่หยุดด้วยความสิ้นหวัง

 

วายร้ายตรงหน้ามองฉันและยิ้มอย่างมีความสุข

 

 

「อ๊า ยอดเยี่ยม! แต่ยังไม่พอหรอก! เอาสิ แสดงมันออกมายิ่งกว่านี้!! อยากจะกินอีก ต้องรีบหาสถานที่ที่มีเหล่าของเล่นมากกว่านี้…」

 

 

พอนึกย้อนกลับไปคงจะไม่ได้มีแค่ฉันที่ตกอยู่ในอันตรายเพราะเจ้าตัวนี้มันสามารถควบคุมความหนาแน่นของชั้นบรรยากาศได้

 

สิ่งที่มันต้องการจะทำก็คือการสังหารหมู่

 

 

「ไม่นะ ไม่ไหวแล้ว ถ้างั้นก็ทำให้ชั้นบรรยากาศทั่วบริเว―――」

 

「โย้ว」

 

 

เป็นเสียงของใครบางคนที่ไม่ใช่ฉันกับเจ้าวายร้าย

 

ฝั่งวายร้ายเป็นฝ่ายตอบสนองต่อเสียงนั้นก่อนและหันหน้าไปหาทิศที่เสียงส่งมา

 

 

 

「แกมัน! อัศ―――」

 

 

ชั่วพริบตาก็เกิดเสียงกระแทกเบาๆ ขึ้น แล้วฉันก็เริ่มกลับมาหาใจได้สะดวกเช่นเดิม

 

เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นระหว่างสูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอดราวกับคนกำลังขึ้นมาอยู่เหนือผิวน้ำ ก็พบว่าวายร้ายคนนั้นอยู่ในสภาพไร้หัวและนอนกองกับพื้น

 

 

 

「ไอ้หมอนี่ก็จ้องจะเล่นฉันอยู่สินะ? …เอาเถอะ จะใช่ไม่ใช่ก็ไม่สำคัญละ」

 

 

คนที่ยืนอยู่แทนที่วายร้ายคือชายสวมชุดสูทแปลงร่างที่เหมือนหลุดออกมาจากอนิเมะหรือรายการที่พวกเด็กผู้ชายชอบดู

 

เขาขว้างสิ่งที่ดูคล้ายกับลูกบอลในมือลงพื้น

 

 

 

「หืม!? 」

 

 

มันคือหัวของวายร้ายที่กำลังทรมานฉันอย่างมีความสุขก่อนหน้านี้

 

แล้วเขาก็รู้สึกว่าตัวฉันแสดงอาการหวาดกลัวหัวที่หล่นลงพื้นนั่น

 

 

 

「อ่ะ…เออ….เอาไงดีฟะ……」

 

ร่างของเขาได้ถูกสะท้อนเข้ากับแสงจันทร์ กลไกของชุดแปลงร่างนั้นเหมือนจะมีการเคลื่อนไหวมากกว่าที่ฉันคิด

 

ชุดของเขาปกคลุมไปด้วยสีดำทั้งตัว หน้ากากที่คลุมหัวก็มีความโดดเด่นตรงดวงตาอันกลมโตสองข้าง

 

 

เกราะบริเวณ ไหล่ อก แขน ขา เหมือนจะถูกสร้างขึ้นมาปะติดปะต่อกับชุดของเขาในภายหลัง บริเวณอกซ้ายก็มีสิ่งที่เหมือนสายไฟโผล่ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ส่วนบริเวณอกขวานั้นถูกสลักคำว่า 『0 ซีโร่』เอาไว้

 

 

――― แม้มันจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกสร้างมาจนเสร็จและถูกแต่งเติมเสริมนั่นนี่เข้าไปทีหลัง แต่ฉันก็ไม่สามารถละสายตาจากมันได้เลย

 

 

「……ใครกัน」

 

「คะ? 」

 

ตอนเขาทำท่าเหมือนจะคุยกับฉัน ทว่าเขาก็หันไปอีกทางหนึ่งทันทีที่สัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างเข้ามา

 

ทิศทางที่สายตาของเขาเบนไป―――มีหญิงสาวผมยาวกำลังนั่งอยู่บนกองซากเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าๆ

 

 

 

「ตอนที่ยัยนี่ถูกทำร้ายไม่คิดจะมาช่วยหน่อยหรือไง? แล้วเธอเป็นใครกัน? 」

 

「จะเรียกว่าเป็นฝ่ายที่อยู่ตรงกลางไม่ได้เข้ากับฝั่งไหนก็ได้นะ แต่ฉันถูกใจนายชะมัด」

 

 

เธอพูดออกมาหมดเปลือก

 

แต่ชายในสูทสีดำก็ยกหมัดขึ้นทันที เจตนาฆ่าของเขาชัดเจนเป็นอย่างมาก

 

ทว่าหญิงสาวก็ยกมือขึ้นราวกับจะขอยอมแพ้

 

「ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อ อัลฟ่า เรามาเป็นเพื่อนกันดีกว่าน่า จากนี้ก็ขอฝากตัวด้วย」  

เธอเป็นหญิงสาวที่สวยมากๆ เสียจนคิดว่าหลุดออกมาจากเทพนิยาย

 

 

แต่ว่าเดี๋ยวก่อนนะ

 

ชื่อของเธอคืออะไรนะ ทั้งที่รูปลักษณ์นั้นไม่น่าจะลืมเลือนได้ง่ายแท้ๆ เกิดอะไรขึ้นกับหัวของฉันกัน

 

 

จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็เริ่มพูดคุยกันแล้วความทรงจำของฉันก็จบที่ตรงนั้น

 

 

นั่นคือครั้งแรกที่ฉันได้เจอกับคัตสึมิคุงหรือที่รู้จักกันในชื่ออัศวินดำ

 

ถึงแม้เขาจะจำไม่ได้ แต่ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นผู้ช่วยชีวิตฉันเอาไว้

 

————-

 

「อากาเนะ อากาเนะ!」

 

「หือ? 」

 

 

…..ฉันคงจะเผลอหลับไปสินะ

 

 

 

「เธอมาหลับอะไรเอาตอนกำลังจะไปห้องประธานเนี่ย」

 

 

คิราระปลุกฉันขึ้นมาขณะที่เผลอหลับระหว่างอยู่ในลิฟต์

 

เธอคือเยลโล่ หญิงสาวผู้ชอบใช้ภาษาคันไซแปลกๆ แต่ถ้าเป็นตอนปกติเธอก็สามารถพูดได้เหมือนคนทั่วไป

 

บางครั้งก็ชวนทำให้ฉันสับสนจริงๆ …

 

 

 

「คิดว่าคราวนี้เขาเรียกพวกเราไปคุยอะไรกันนะ」

 

「ก็คงไม่พ้นเล่นมุกแปลกๆ อีกนั่นแหละ」

 

สถานที่แห่งนี้ใช่ไม่อาคารที่ประชาชนทั่วไปจะสามารถเข้ามาได้เพราะมันได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาล

 

ส่วนประธานที่ฉันกำลังพูดถึงก็คือคนที่ทำให้พวกเรากลายเป็นจัสติสครูเซเดอร์ นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะเรมะ คาเนะซากิ

 

วันที่เขาเรียกให้พวกฉันขึ้นไปที่ห้องทำงานของบนซึ่งอยู่บนสุดของสำนักงานใหญ่ ฉันละสงสัยจริงๆ ว่าเขามีเรื่องอะไร

 

 

 

 

「ขออนุญาตค่ะ ท่านประธานพวกเราจัสติสครูเซเดอร์ได้มาถึงตามคำเชิญแล้ว」

 

จากนั้นประตูห้องก็เปิดเองโดยอัตโนมัติ

 

ตรงกลางห้องทำงานของประธานนั้นมีโต๊ะและเก้าอี้ที่ใช้ในโรงเรียนวางไว้อยู่ 3 ตัวพร้อมกับกระดานไวน์บอร์ดที่ตั้งไว้ตรงหน้าโต๊ะ

 

 

 

 

「มากันแล้วสินะครับ ทุกคน」

 

「ประธาน….พูดแบบปกติเถอะ」

 

「อะปัดชะว๊อกกิ้ง!」

 

 

ชายร่างบางผมสีบลอนด์สะบัดผมไปมาทันที พร้อมกับเสียงที่แสนน่ารำคาญ

 

ใช่แล้วหมอนี่แหละประธานของบริษัทคาเนะซากิ เรมะ คาเนะซากิ

 

เพราะเขาปรากฏตัวด้วยท่าทีจริงจังในตอนแรกซึ่งมันต่างจากพฤติกรรมปกติของเขา ฉันก็เลยรู้สึกแปลกนิดหน่อย

 

ไม่รู้เพราะอะไรเขาถึงชอบใส่ชุดคลุมสีขาวทับกับชุดธรรมดาและทำตัวเหมือนคุณครูในโรงเรียน

 

 

 

「คุณครูคนนี้โกรธมากเลยนะเออ」

 

「ค-คะ……? 」

 

 

คุณครู? อิตานี่อยู่ดีๆ ก็มาคอสเพลทำตัวเป็นครูเฉย

 

ก็ไม่แปลกหรอกนะเพราะเจอแต่ละครั้ง เรียกว่าไม่ซ้ำกันเลย เอาเป็นว่าเขาเรียกพวกฉันมาทำไมกัน?

 

ชุดสูทก็ไม่ได้แอบเอาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตด้วยสิ

 

 

 

 

「พวกเธอไม่ควรหลอกให้เขาเรียกชื่อพวกเธอนะ….คุณครูผิดหวังในตัวพวกเธอจริงๆ 」

 

「「「……」」」

 

 

เห้อคิดมากไปเองสินะ

 

นี่ถึงกับต้องเล่นใหญ่เตรียมโต๊ะรอ พร้อมไวท์บอร์ดเลยเหรอยะ

 

 

「แก้ตัวมาสิ」

 

 

ก็คงเป็นฉันที่ต้องพูดสิน้า

 

ถึงจะมา 3 คนแต่ฉันคือคนเสนอแผนนี้

 

 

「ก็เพราะฉันขอให้เขาเรียกชื่อฉันแบบปกติแล้วเขาไม่ยอมนี่คะ ดังนั้นก็เลยคิดว่าหากสร้างสถานการณ์ขึ้นมาสักหน่อยก็น่าจะได้….」

 

「ไม่ใช่ว่าครูไม่เข้าใจนะ แต่การกระทำแบบนี้ก็ไม่น่าชื่นชมเอาเสียเลย」

 

 

พอถูกประธานตอกแบบนี้ก็พูดไม่ออกเลย

 

รู้หรอกว่าตัวเองทำอะไรผิดไป

 

แต่ว่าหากต้องการร่นระยะห่างระหว่างเขา อย่างน้อยก็ต้องเรียกชื่อกันให้ได้เสียก่อน แผนนี้มันเกิดขึ้นมาเพราะแบบนั้นแหละ

 

 

 

 

 

「เขาเป็นคนค่อนข้างไวต่อความรู้สึกนะไม่ว่าจะด้านดีหรือไม่ดี เขาคงตกใจมากแน่ๆ เพราะเขาคงไม่คิดหรอกว่าพวกเธอจะทำแบบนั้นกับเขา」

 

「……คัตสึมิคุง」

 

หรือก็คือเขามีความไว้วางใจในตัวพวกเราระดับหนึ่ง

 

พอถูกคนภายนอกมองมาก็ได้เข้าใจว่าเราทำอะไรไม่ดีกับเขาลงไปซะแล้ว

 

 

 

「ความดุดันมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่หรอก เพราะการจะเปิดใจเขาได้นั้นต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก」

 

「แล้ววิธีที่พวกเราใช้มันพลาดตรงไหนกัน? 」

 

「ขออธิบายอย่างงี้นะ แม้ว่าพวกเธอจะโจมตีเขาทางวาจา เขาก็ไม่คิดจะผลักไสพวกเธอออกไป ทำให้ฉันคำนวณได้ว่าวิธีการที่เธอทำตอนนี้ ส่งผลให้เขาตอบโต้กลับด้วยอัตราส่วนที่ซึน 8 เดเระ 2!」

 

 

ประธานอธิบายพลางเขียนไวท์บอร์ด

 

ไม่เข้าใจที่หมอนี่พูดเลยสักนิด แต่ฉันก็นึกถึงเรื่องที่ไม่พอใจออก

 

 

 

「ตะ-แต่ว่า ตอนที่ฉันเข้าไปกอดเขาตอนเขาฝันร้าย พอตื่นมาเขาวิ่งไปอ้วกเลยนะคะ……」

 

 

「ไม่หรอก นั่นถือเป็นการตัดสินใจที่ดี เธอเลือกคำตอบได้ถูกต้องแล้ว」

 

 

ตัดสินใจดีงั้นเหรอ?

 

ทั้งที่ฉันคิดว่าเขารู้สึกรังเกียจฉันจนหนีไปอ้วกซะอีก

 

 

「ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก」

 

「……เอ๋」

 

「เขามักจะมีอาการแบบนั้นหลังจากฝันเสมอ ดังนั้นการเฝ้าระวังเรื่องสุขภาพจิตของเขาก็น่าเป็นห่วงทีเดียว」

 

 

หน้าอกของฉันเหมือนรู้สึกถูกบีบรัด

 

มันไม่ใช่ความรู้สึกที่โล่งใจเลยสักนิดเมื่อรู้ว่าเขาไม่ได้อ้วกเพราะฉัน แต่ฉันกลับรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้

 

เขาดูหวาดกลัวเป็นอย่ามาก

 

ตอนที่เขาหลับเขาเป็นเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งที่พยายามดิ้นรนขอความช่วยเหลือจากใครสักคน

 

 

 

「ในอดีตเกิดอะไรขึ้นกับคัตสึมิคุงกันแน่คะ? 」

 

 

พอฉันถามไปประธานก็เอามือลูบคางคิดไปมา

 

 

「เราได้ตรวจสอบอดีตของเขาหมดแล้วนะ แต่ว่าฉันคงจะไม่สามารถบอกพวกเธอได้หรอก」

 

「เอ๋……ทำไมล่ะคะ!? 」

 

 

「ของมันแน่อยูแล้วเพราะเธอรู้สึกเห็นใจเขามากเกินไป ยิ่งถ้าได้ยินเรื่องราวของเขา สิ่งที่เขาต้องเจอ ความโศกเศร้าของเขา สายตาของเธอคงมองเขาแบบตอนนี้ไม่ได้แน่ และฉันจะไม่ยอมให้พวกเธอเป็นแบบนั้นเด็ดขาด」

 

 

มันหนักหนาขนาดนั้นเลยเหรอ

 

แม้ว่าฉันจะสู้กับเขามาหลายครั้ง แต่ฉันก็ไม่เคยรู้เลยว่าเขาต้องแบกรับอะไรไว้มากแค่ไหน

 

 

「มันไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีหรอกนะ การที่ต้องอยู่กับเขาเพราะความสงสาร อยากจะไปเลียแผลให้เขาขนาดนั้นเลยเหรอ? แต่ถ้าคิดว่าตัวเองพร้อมจริงๆ ฉันจะเล่าให้ฟังก็ได้นะ นรกที่เขาต้องเจอในตอน 7 ขวบน่ะ ขอบอกไว้เลยว่ามันเทียบไม่ได้กับเรื่องเด็กน้อยที่หาได้ในเน็ต」

 

 

พวกเราพูดอะไรไม่ออก

 

ก็จริงว่าหากอยากรู้ก็คงจะเค้นถามประธานได้

 

แต่เราอยากจะให้เขาเปิดใจและเล่าเรื่องราวให้พวกเราฟังด้วยตัวเขาเอง

 

「แต่ไม่ต้องห่วงไปเพราะตอนนี้อาการเขาเขากลับมาเป็นปกติหลังส่งซูชิคุณภาพสูงให้」

 

 

「「「เอ๋!? 」」」

 

 

「ก็ตามนั้นแหละ อาหารที่พวกเธอสั่งมาเพื่อทำการขอโทษเขาและกินกันอย่างมีความสุขทำให้ค่าอารมณ์ของเขากลับมาคงที่แล้ว」

 

 

หลังจากบ่นเรื่องเครียดขนาดนี้ให้ฟังจะบอกว่าคัตสึมุคุงกลับมาอารมณ์ดีเพราะซูชิแล้วงั้นเหรอ?

 

ก-ก็จริงว่า เขาตื่นเต้นกับการรออาหารเดลิเวอรี่ แต่ระหว่างที่กินก็เห็นทำหน้าบูดบึ้งอยู่นะ ทำไมกันล่ะ?!

 

 

คำพูดของประธานทำให้บรรยากาศตึงเครียมที่บิ้วมาตั้งนานมันล่มไปหมดแล้ว

 

 

 

「เอาล่ะ พอเทศน์ให้พวกเธอฟังเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลากลับไปสู่โหมดปกติเสียที」

 

ประธานโยนเสื้อกาวน์ทิ้งและสะบัดผมบลอนด์ไปมา ท่าทางของเขาดูผ่อนคลายขึ้น

 

 

「วันก่อนฉันตรวจร่างกายของเขามาแล้ว แน่นอนว่าไอ้จ้อนก็เช็ค」

 

「หา……!? 」

 

หน้าของพวกเราแดงกันหมด

 

พอกลับมาโหมดปกติ ไอ้หมอนี่ก็เริ่มพูดจาแปลกๆ ทุกที!

 

 

 

「โดยสรุปก็คือร่างกายของเขายังสมบูรณ์อย่างที่มนุษย์ควรจะเป็น แม้จะผ่านชีวิตอันโหดร้ายมา ร่างกายของเขาก็ไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร ทั้งที่เจอมาขนาดนั้นจะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดฉันก็ไม่แปลกใจแท้ๆ …ถึงใจหนึ่งฉันจะแอบหวังให้เขาเป็นก็เถอะ……แปลกคนจริงๆ 」

 

 

「ถึงจะพูดเล่นเฉยๆ ฉันก็ไม่ขำนะคะ เรื่องที่เปลี่ยนร่างเป็นสัตว์ประหลาดน่ะ……」

 

มันไม่ใช่เรื่องน่าล้อเล่นเลย

 

ฉันรู้ดีว่าเขาต่างออกไป

 

ฉันจ้องมองไปยังประธานด้วยความคิดแบบนั้น

 

 

 

「ก็มันน่ากลัวนี่นา การที่เราไม่สามารถไขปริศนาความลับพวกนี้ได้」

 

「นี่ประธาน! ฉันไม่คิดว่าคำพูดนั้นมันเป็นเรื่องที่สมควรนะคะ!!」

 

「เยลโล่!ในเวลาแบบนี้ เธอต้องพูดสำเนียงคันไซจอมปลอมสิ! เดี๋ยวก็แยกไม่ออกกันพอดีว่าใครพูด!」

 

「อ่ะ เออ……」

 

 

คิราระพูดออกมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาในห้อง แล้วประธานก็สั่งให้เธอเปลี่ยนไปพูดภาษาคันไซทันที

 

แม้จะเห็นจนชินตาแล้ว แต่ก็แอบสงสัยอยู่ดีว่ามันมีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษไหมนะ?

 

 

「———สูทแปลงร่างที่ฉันใช้เวลาทั้งชีวิตทุ่มเทให้กับมัน หรือที่เรียกกันว่าจัสติสเชนเจอร์ ในที่สุดมันก็กลายเป็นพลังที่ไว้ต่อต้านเหล่าร้ายได้สำเร็จ」

 

「เอ้า เปลี่ยนเรื่องเฉย」

 

「ต้องขอบคุณสิ่งนั้นที่ทำให้ฉันสามารถร่วมมือกับรัฐบาลและสร้างจัสติสครูเซเดอร์ขึ้นมาได้สำเร็จ ก่อนจะเจอกับพวกเธอผ่านการตรวจสุขภาพปลอมๆ เพื่อเฟ้นหาผู้เหมาะสมกับสูทแปลงร่างนี้!!」

 

 

สิ่งที่หมอนี่ทำไม่ได้ต่างอะไรกับองค์กรชั่วร้ายเลย

 

ก็เข้าใจอยู่หรอกว่ามันต้องปิดเป็นความลับ แต่พอได้รู้มันก็อดคิดไม่ได้ว่าหมอนี่มันนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง

 

 

「หากจะบอกว่าจัสติสเชนเจอร์คือการนำพลังของ 3 คนรวมเป็นหนึ่งเดียว อัศวินดำ ไม่สิ! จัสติสเชนเจอร์โปรโตไทป์เซโร่ ก็คือนำพลังงานมหาศาลมารวมกันไว้ในชุดชุดเดียว! พวกเธอคิดดูสิพลังที่ควรจะอยู่กับคน 3 คนต้องมารวมกันอยู่ที่คนคนเดียว!!」

 

ประธานนำปากกาขึ้นมาเขียนตัวอักษรบนไวท์บอร์ดไปมา

 

 

「ไม่ใช่แค่นั้น!! ในตอนแรกชุดแบบมันไม่ควรจะสร้างผลลัพธ์ในทางปฏิบัติได้ขนาดนั้นแท้ๆ กลับกันประสิทธิภาพที่สามารถดึงออกมาใช้ได้มันห่วยกว่าตัวรุ่นหลังจากนั้นหลายเท่าตัว———จนสามารถพูดได้ว่ามันคือความผิดพลาด!!」

 

 

คงจะเหมือนการฝืนเอาเครื่องยนต์รถหรูไปใส่ในรถธรรมดาละมั้ง

 

 

「นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันตัดสินใจว่าจะกำจัดความผิดพลาดนี้ออกไป ทว่าชุดต้นแบบมันกลับตกไปอยู่ในมือของคัตสึมิ โฮมุระ ที่กำลังเป็นเด็กมอต้นอยู่ในขณะนั้น!!」

 

 

ใช่แล้ว คัตสึมิคุงเริ่มต่อสู้ในเงามืดมาตั้งแต่ช่วงมอต้น

 

บางทีการเข้ามาสู่โลกแห่งสังเวียนเต็มตัวคงมอปลาย แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไงเขาก็คือสิ่งที่ผิดปกติมากจริงๆ

 

 

「แล้วความสงสัยของฉันก็ได้ก่อตัวขึ้น! ทำไมเขาถึงดึงพลังของมันออกมาได้! ทำไมเขาถึงเอาชนะพวกวายร้ายได้!! ทำไมเขาถึงใช้งานสูทโดยไม่ได้รับความ้เสี่ยงใดๆ เลย!! ฉันสงสัยจนตัวสั่นไปหมดแล้ว ขอเพียงเข้าถึงภูมิปัญญานั้นได้จะให้ฉันแก้ผ้าโดดลงทะเลเหนือก็ไม่หวั่น จะถวายอะไรให้ก็ยอม!!」

 

มุ่งมั่นจนเข้าขั้นคลั่งจริงๆ

 

ประธานในตอนนี้เหมือนจะไม่มีอะไรมาหยุดเอาไว้ได้อีกแล้ว

 

พวกฉันจึงปล่อยให้เขากรีดร้องออกมาสักพักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะกลับมาสงบสติอีกครั้ง

 

 

 

「เร็วๆ นี้ฉันก็เลยตัดสินใจว่าจะให้เขาสวมสูทและวัดค่าพลังอีกครั้ง」

 

「「「……ห๊า!? 」」」

 

 

ไอ้หมอนี่มันพูดบ้าอะไรกัน!

 

 

「ฉันได้รับอนุญาตจากเขาแล้ว ก็นะหมกตัวอยู่แต่ในห้องมานาน สงสัยคงอยากจะออกมาสูดอากาศภายนอกบ้าง พอฉันเข้าไปเสนอเขาก็สนองทันที แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่ยอมให้ฉันทำชุดใหม่ให้น้า ฮ่าๆๆๆ 」

 

 

อดตกใจไม่ได้จริงๆ ว่าประธานแอบไปทำอะไรนั่นนี่ลับหลังเราเยอะขนาดไหน

 

 

 

「จริงสิ มีบางอย่างที่ฉันอยากจะบอกพวกเธอด้วย ก็เลยเรียกมา」

 

 

ประธานเดินมาหาฉันก่อนจะยื่นกระดาษที่พับไว้ให้

 

มันคือข้อมูลของแบบทดสอบที่คัตสึมิคุงทำคราวก่อน

 

 

 

「แบบทดสอบในครั้งนี้ทางรัฐบาลบอกว่าจะเผยแพร่ข้อมูลให้สาธารณชนได้รู้」

 

「เอ๋ ตั้งใจจะเปิดเผยเหรอคะ? 」

 

 

「อ้า ฉันจะเพิ่มข้อมูลที่เธอได้จากเขาผ่านการถามปากเปล่าด้วยนะ แต่ว่าอาจจะต้องแก้ไขข้อมูลอะไรนิดหน่อยก่อนปล่อยออกไปเพราะบางอย่างก็ให้คนรู้ไม่ได้นี่นะ」

 

 

 

ประธานพูดต่อในขณะที่พวกเราก็นั่งฟังอย่างว่าง่าย

 

 

 

「รัฐบาลเองก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อความดีที่อัศวินดำทำไว้ด้วยสิ พวกเธออาจจะคาดไม่ถึง….แต่วายร้ายที่เขาเล่ามานั้นมันเป็นตัวอันตรายขนาดที่สร้างหายนะให้กับญี่ปุ่น ไม่สิโลกใบนี้ได้เลยด้วยซ้ำ」

 

「「「……!」」」

 

 

หากเป็นเจ้าตัวยิ้มนั่นก็พอจะเป็นไปได้

 

แต่ตัวอื่นอย่างทากไฟฟ้านี่ก็รวมด้วยเหรอ?

 

 

「การเปิดเผยข้อมูลภายในแบบสอบถามที่เป็นข้อมูลส่วนตัวของเขาก็เป็นประโยชน์กับพวกเราเหมือนกัน แน่นอนว่าเขายินยอมแล้ว」

 

「เขายอมเหรอคะ? 」

 

「อ้า เขาคงตระหนักได้ว่าปฏิเสธไปก็ไม่ช่วยอะไร อีกทั้งมันอาจจะเป็นประโยชน์กับเขาในอนาคตหากให้ความร่วมมือดี」

 

 

 

ประธานหยิบกระดาษที่วางอยู่ขึ้นมาดู

 

 

「…จากนิสัยด้านขี้เล่นตบมุกของเขาแล้ว ฉันว่าคงได้รับความนิยมจากสาวน่าดูเนอะ!!」

 

「พูดแบบนี้พวกฉันไม่ขำนะคะ….」

 

 

ฉันละเบื่อกับการพูดอะไรไร้สาระของประธานจริงๆ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้แยแสและยิ้มร่า

 

「ฉันจะบอกตามตรงนะ ว่าฉันอยากจะให้เขามาร่วมงานกับเราไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เพราะยังไงประเทศนี้ก็มีเพียงพวกเธอ 3 คนที่คอยปกป้องอยู่ หากพวกเธอหายไปเราคงไม่เหลืออะไรเลย」

 

「แต่เจ้าโอมาก้ามัน……」

 

「ก็ใช่ว่าพวกเราจัดการมันไปแล้ว แต่พวกเธอคิดเหรอว่ามันคือจุดสิ้นสุด? 」

 

「……」

 

 

ฉันตกใจกับคำพูดของประธาน

 

แต่มันก็พอจะสัมผัสได้ว่าเรื่องน่ารำคาญยังไม่จบ

 

การต่อสู้ของพวกเรายังคงดำเนินต่อไป

 

 

 

「นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันต้องการพลังของเขา เพื่อจะทำให้สำเร็จพวกเราจึงต้องผูกมิตรสร้างสายสัมพันธ์กับเขาและทำให้เขาเปิดใจ สร้างกระแสเพิ่มความนิยมให้กับเขา…..เพื่อจัสติสครูเซเดอร์!!」

 

「สรุปนี่คือสาเหตุที่เรียกมาสินะคะ……? 」

 

 

 

「อยู่ดีๆ มาบอกแบบนี้มันก็」

 

「งานช้าง」

 

 

ถึงจะถูกบอกว่าทำให้เขาเปิดใจ สร้างสัมพันธ์กับเขาก็เถอะ แต่มันง่ายขนาดนั้นซะที่ไหน

 

พอเห็นว่าพวกเราเหมือนไม่รู้จะทำยังไงกันดีเขาก็แสดงความหงุดหงิดจนตบโต๊ะ

 

 

 

「ให้ตายสิพวกเธอนี่!! ถ้ามันยากนักก็ใช้ร่างกายเข้ายั่วเลยเซ่!!!」

 

 

 

ร่างกาย!?

 

หน้าของฉันเริ่มแดงขึ้นมาทันทีเพราะเจอมุกสกปรกนี่

 

 

 

「คุณมันแย่สุดๆ เลย!! นี่มันการล่วงละเมิดทางเพศนะคะ!!」

 

 

「เฮ้อ แค่เล่นมุกลามกนิดหน่อยก็ถูกหาว่ารล่วงละเมิดทางเพศ!! สังคมสมัยนี้นี่มันอยู่อยากจริงๆ เลยน้อ!!」

 

 

「ก็เพราะมีคนอย่างเจ้าอยู่ไง!!」

 

 

「ช่วยหยุดพูดสำเนียงคันไซปลอมๆ ได้บ่? อุฮะฮี้!」

 

 

ประธานทำเสียงสูงเพื่อล้อสำเนียงของคิราระ ก่อนจะบีบจมูกตัวเองทำเสียงตลกๆ

 

ไม่รู้คิดไปเองไหม แต่เหมือนฉันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างขาดจากคิราระที่อยู่ข้างๆ ฉัน

 

 

「ก็สวยสิยะ เดี๋ยวฉันจะเป็นคนกระชากกระดูกสันหลังของเจ้าออกมาหื้อหมดเลยเด้!」

 

「คิราระ! อย่านะ ไม่งั้นเดี๋ยวก็เป็นตามที่หมอนั่นต้องการหรอก!!」

 

「ฆ่าได้หยามไม่ได้! จัดมาดิ๊!」

 

อาโออิกับฉันพยายามอย่างสุดแรงเพื่อไม่ให้คิราระเอื้อมมือไปหยิบจัสติสเชนเจอร์

 

ถึงประธานคนนี้จะเป็นพวกสารเลว แต่เขาก็คือหนึ่งในคำสำคัญสำหรับความอยู่รอดของมนุษยชาติ

 

 —————-

 Note 1 : คนสติดีหาได้ที่ไหน

 Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code