บทที่ 3 ร่วมเรียงเคียงหมอน

เว่ยฉิงเริ่มถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นก่อนจะโยนไปกองไว้อย่างไม่ตั้งใจ ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้าง

เจ้าหมอนี่กำลังทำอะไร? กลางวันแสก ๆ…ไม่สิ มืดแล้ว แต่จะมาแก้ผ้าต่อหน้าข้าไม่ได้สิ!

เมื่อชายหนุ่มกำลังจะถอดเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายออก ถังหลี่รีบยกมือมาปิดตาตัวเองแน่น

“เฮอะ” เสียงดูแคลนดังขึ้นมาเบา ๆ เหนือศีรษะของนาง ก่อนที่จะรู้สึกถึงลมหายใจร้อน ๆ ที่ข้างหู

“ข้าไม่ทำอะไรเด็กผอมแห้งแบบเจ้าหรอก” ถังหลี่รู้สึกโกรธมาก นางยกมือขึ้นเท้าเอวมองไปที่เว่ยฉิงอย่างโกรธเคือง

“ผู้ใดจะสนใจเรือนร่างเหมือนโคถึกแบบเจ้า!” ทันทีที่สิ้นเสียง เมื่อนางเห็นเว่ยฉิงเข้าเต็มตา หญิงสาวเบิกตาโตอย่างตกตะลึง

นี่ ๆ…บุรุษผู้นี้…

อืม…ถึงจะแข็งเเรงเหมือนพวกโคถึกแต่รูปร่างกลับดีมาก ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แผ่นหลัง แผ่นอกที่ดูแข็งแกร่ง รวมถึงลอนกล้ามเนื้อที่หน้าท้องนั่นอีก ช่วงไหล่กว้าง เอวสอบ ทำให้รูปลักษณ์ของชายหนุ่มนั้นดุดันราวกับหมาป่า

ใบหน้าของถังหลี่ค่อย ๆ เปลี่ยนสี ยังดีที่เว่ยฉิงหันหลังให้ ไม่อย่างนั้นเขาต้องเห็นความอับอายของนางแน่!

หายใจเข้า….หายใจออก…

ถังหลี่ค่อย ๆ ปรับลมหายใจของตัวเองให้เป็นปกติที่สุด เว่ยฉิงถอดกางเกงของเขาออกก่อนจะหิ้วถังน้ำที่บรรจุน้ำเย็นเดินออกไปที่ลานหน้าบ้าน ชายหนุ่มยกถังน้ำขึ้นมาราดตัวเองตั้งแต่หัวลงมา

“…..”

“หลงเสน่ห์ข้าล่ะสิ” แววตาของเว่ยฉิงจ้องมองไปที่นางและยิ้มราวล้อเลียน หญิงสาวอุตส่าห์ควบคุมสติของตัวเองได้แล้ว แต่เขาก็หยอกล้อ ทำให้นางเขินอายยิ่งกว่าเดิม! ถังหลี่รีบวิ่งเข้าไปในบ้านก่อนจะปิดประตูดังปัง

ไอ้คนป่าไร้ยางอาย!

การจะเข้านอนในคืนนี้ก็ดูมีปัญหาเช่นกัน เรือนหลังนี้มีสามห้อง ห้องหนึ่งอัดแน่นไปด้วยฟืน อีกห้องหนึ่งก็เป็นของเด็ก ๆ ทั้งสาม และก็ดูเหมือนจะเหลืออยู่ห้องเดียว และมีเตียงเพียงหนึ่งเตียงเท่านั้น!

ถังหลี่จ้องไปที่เตียงเพียงชั่วครู่ก็ตัดสินใจขึ้นไปบนเตียง นางไม่ได้เตรียมที่นอนสำหรับตัวเองเอาไว้ จึงไม่มีทางเลือกมากนัก แม้เว่ยฉิงจะเป็นบุรุษที่ดูหยาบกระด้างแต่ที่จริงแล้วเขาเป็นคนรักความสะอาด ผ้าห่มและที่นอนของชายหนุ่มนั้นสะอาดและหอมกรุ่นเหมือนแดดยามเช้า

หญิงสาวผล็อยหลับไปก่อนที่จะได้ยินเสียงเปิดประตูและฝีเท้าเบา ๆ ที่เดินใกล้เข้ามาก่อนหยุดอยู่ข้างเตียง เว่ยฉิงตัวใหญ่มากทำให้เมื่อล้มตัวลงนอนเตียงก็ยุบฮวบลงเบียดถังหลี่ชิดเข้ากับผนัง

“เจ้าไม่คิดว่ามันอึดอัดหรอกหรือ?” ถังหลี่เปรยขึ้นมา เขาตัวใหญ่เกินกว่าจะมาเบียดนอนกับนางนะ เขาควรนอนที่พื้นสิ!

“เจ้ายังอยากนอนอยู่หรือไม่?”

“…นอนไปเลย!” ถังหลี่บ่นอุบก่อนจะจมเข้าห้วงนิทราไปอย่างรวดเร็ว

ตกดึกอุณหภูมิลดลงทำให้ถังหลี่รู้สึกหนาวขึ้นมา สัญชาตญาณทำให้หญิงสาวโผเข้าหาความอบอุ่นอย่างไม่รู้ตัว เรือนร่างนุ่มนิ่มซุกเข้าไปในอ้อมอกกว้างของเว่ยฉิง แม้ตัวของนางจะยังมีกลิ่นยาสมุนไพรติดอยู่แต่ก็ไม่สามารถกลบความหอมของกายแต่เดิมได้ เป็นเพราะหญิงสาวซุกเข้ามาในอ้อมแขนของเขา ชายหนุ่มจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะโอบนางเอาไว้ เว่ยฉิงหัวสมองว่างเปล่าทำได้เพียงวางฝ่ามือหยาบกระด้างไว้ที่เอวของอีกฝ่าย ใบหูของเขาขึ้นสีแดงก่ำท่ามกลางความมืดนั้น

รุ่งเช้าวันต่อมา

เมื่อถังหลี่ลืมตาตื่นขึ้นก็ไม่พบคนข้างกายแล้ว บนเตียงนอนเหลือเพียงแค่ไออุ่น ๆ ทิ้งไว้เท่านั้น หญิงสาวสะบัดผ้าห่มออก ลุกจากเตียงและใส่เสื้อผ้า เมื่อเดินออกมานางจึงพบว่าเว่ยฉิงกำลังวุ่นวายอยู่ในครัว

ถังหลี่เคาะประตูห้องของเด็กทั้งสาม บานประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือของลูกชาย เอ้อร์เป่ายืนอยู่และแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ส่วนต้าเป่ากำลังช่วยน้องสาวแต่งตัวอยู่ด้านใน ซานเป่านั่งง่วงงุนอยู่ข้างเตียง ดวงตาเปล่งประกายเมื่อเห็นถังหลี่

“ท่านแม่!”

“ข้าแต่งตัวให้นางเอง” ถังหลี่เดินไปลูบหัวต้าเป่าเบา ๆ ก่อนจะอุ้มซานเป่าขึ้นมาแนบอก ใบหน้าน้อย ๆ ถูไถไปกับแขนของนาง ดวงตาวาววับเป็นประกายคลอด้วยน้ำใส ๆ ของเด็กน้อยทำให้นางดูน่ารักน่าเอ็นดูมากยิ่งขึ้น

แม้ว่าต้าเป่าจะโตแล้ว แต่เขาก็ยังเป็นเด็กแค่หกขวบ เขาแต่งตัวให้น้องสาวไม่เรียบร้อยนัก ถังหลี่จึงช่วยลูกสาวแต่งตัวรวมถึงจัดระเบียบความเรียบร้อยให้ลูกชายทั้งสองคน ก่อนจะไล่ต้อนทั้งสามออกไปล้างหน้าล้างตา

เว่ยฉิงตั้งโต๊ะเสร็จเรียบร้อยพร้อมกวาดตามองดูเด็กทั้งสาม ความแตกต่างในการเลี้ยงดูของบิดาและมารดาคงเป็นเช่นนี้เอง บุตรของเขาทั้งสามคนเเต่งกายเรียบร้อย มีมวยผมเล็ก ๆ เหมือนก้อนซาลาเปาอยู่บนศีรษะสองก้อน พวกเขาดูสดชื่นและสะอาดสะอ้าน เว่ยฉิงมองไปที่ถังหลี่ด้วยแววตาที่อ่อนโยน เดิมทีตอนเขาซื้อตัวนางมาก็ไม่ได้คาดหวังว่าหญิงสาวผู้นี้จะมีความสามารถในการเลี้ยงดูบุตรของเขาได้ดีขนาดนี้

“วันนี้เจ้าอยู่บ้านดูลูก ข้าจะเข้าไปในเมืองซื้อชุดมาให้เจ้าสักสองชุด อยากได้อะไรเพิ่มอีกหรือไม่?” เว่ยฉิงถาม

แน่นอนว่าถังหลี่มีสิ่งของที่ต้องการมากทีเดียว ถึงแม้ว่าเว่ยฉิงจะขยันขันแข็งสักเพียงไหน แต่เมื่อมีลูกเล็ก ๆ ถึงสามคนแล้ว เขาย่อมขัดสนอยู่บ้าง ถังหลี่มองไปที่เสื้อผ้าที่ขาดเป็นรูของเว่ยฉิงแล้วพูดว่า

“ซื้อเข็มกับด้ายให้ข้า”

“ได้สิ”

เว่ยฉิงพุ้ยข้าวจนหมดภายในสองคำจากนั้นจึงเดินหันหลังออกจากประตูไป ถังหลี่ดูแลเด็กทั้งสามคนตลอดวัน หากนางก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายแต่อย่างใด

ตอนเที่ยงวันถังหลี่พาเด็กน้อยทั้งสามเข้านอน ในระหว่างที่สะลึมสะลืออยู่นั้น หญิงสาวก็ได้ยินเสียงดังมาจากลานหน้าบ้าน เป็นเว่ยฉิงที่เพิ่งกลับมาจากในเมือง หมู่บ้านนี้ค่อนข้างห่างไกลจากตัวเมืองมาก หากเดินทางด้วยเกวียนก็ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วยาม[1]เลยทีเดียว แต่เว่ยฉิงไม่มีเกวียน โชคดีที่เขากลับมาทันก่อนพระอาทิตย์จะตก

เมื่อเขามาถึงประตูหน้ารั้วบ้าน ก็เห็นว่าจางซิ่วเหนียงมายืนดักรออยู่แล้ว คนผู้นี้พูดจาฉะฉานสมเป็นแม่สื่อประจำหมู่บ้านนี้

“เว่ยฉิง ในที่สุดเจ้าก็กลับมา ข้ามีข่าวดีมาบอกเจ้า!” จางซิ่วเหนียงโบกผ้าเช็ดหน้าในมือพลางคลี่ยิ้มกว้าง

“เสี่ยวชุ่ยยอมแล้วนะ! ตราบใดที่เจ้าส่งเด็กทั้งสามไปหาครอบครัวใหม่ นางยินดีจะแต่งงานกับเจ้า! นอกจากนี้เสี่ยวชุ่ยยังบอกอีกว่าบ้านของหลี่เหลาซียังไม่มีลูก!”

จางซิ่วเหนียงเคยเป็นแม่สื่อจับคู่ให้เว่ยฉิงกับเฉินเสี่ยวชุ่ยมาก่อน แต่เนื่องจากลูกทั้งสามคนของเว่ยฉิง ทำให้ครอบครัวของนางปฏิเสธ แววตาของเว่ยฉิงดำมืดแฝงไปด้วยความโกรธ

“หลี่เหลาซี? เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือ? คนที่ทุบตีเมียตัวเองทุกวันแบบนั้นนะหรือ?” จางซิ่วเหนียงยิ้มแล้วพูดต่อว่า

“ทุบตีเมีย ก็ใช่ว่าจะทุบตีเด็ก ๆ นี่ ! ข้าว่าเป็นทางออกที่ดีนะ เขาช่วยเจ้าเลี้ยงเด็ก หากคิดถึงเจ้าก็ไปเยี่ยมเด็ก ๆ ได้บ่อยด้วย!”

“…”

“เสี่ยวชุ่ยเป็นบุปผางามของหมู่บ้านเรา มีหนุ่มสาวหลายคู่ที่ลงเอยกันเพราะข้าเป็นแม่สื่อ เว่ยฉิงเจ้าโชคดีแล้วนะ ปล่อยเด็กทั้งสามคนไปเถิด” ยิ่งได้ฟังใบหน้าของเว่ยฉิงกลับบิดเบี้ยวหนักยิ่งขึ้น

“ข้ามีภรรยาแล้ว”

“ภรรยา?!” จางซิ่วเหนียงตะลึง “เว่ยฉิงเจ้าอย่าได้มาโกหกข้าเพื่อปัดรำคาญเลย นี่ข้าหวังดีต่อเจ้านะ”

“เว่ยฉิงเจ้าต้องเห็นแก่ตัวบ้าง แม้ว่าเจ้าจะเก่งกาจแต่เพราะเด็กเหล่านั้นกลับทำให้เงินของเจ้าไม่พอใช้ ข้าขอพูดหน่อยเถิดถึงจะทำให้เจ้าเคืองก็ตาม หากเจ้าไม่ส่งเด็ก ๆ ออกไป เจ้าได้เป็นโสดตลอดชีวิตแน่!” นางมองไปที่เว่ยฉิงแบบไม่เชื่อสายตา เพราะชายหนุ่มมีลูกติดถึงสามคน ใครจะยอมแต่งด้วยเล่า!

“ท่านพี่ ท่านกลับมาแล้วหรือ?”

ในขณะนั้นเอง เสียงก็ดังขึ้นเบา ๆ มันฟังดูอ่อนโยนและมีเสน่ห์นุ่มนวล ดวงตาของจางซิ่วเหนียงเบิกกว้างขึ้น

ในบ้านของเว่ยฉิงมีผู้หญิงอยู่จริง ๆ!

———————————-

[1] 1 ชั่วยาม = 2 ชั่วโมง