บทที่ 6 เป็นแบบนี้นี่เอง!

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 6 เป็นแบบนี้นี่เอง!

บทที่ 6 เป็นแบบนี้นี่เอง!

ป้าใหญ่หวังใจดีมากที่มอบชามไก่ใบโตกับอู๋ฝาน แม้ว่าเขาจะรู้สึกอยากอาหารมาก แต่สุดท้ายก็กินไม่หมด หลังจากเรอออกมาด้วยความอิ่ม เขาก็ถอนหายใจออกมาและนำไก่ที่เหลือใส่กระเป๋าเพื่อเก็บไว้กินเวลาท้องหิว

“เอาล่ะ เปิดหน้าสถานะ!” จากนั้นอู๋ฝานก็จำได้ว่าควรตรวจสอบสถานะของตัวเอง

อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องรู้สึกผิดหวัง สถานะทั้งหมดไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย กล่าวก็คือ ชามไก่เมื่อกี้เป็นแค่ไก่ธรรมดาเท่านั้น

“เอาเถอะ รสชาติของมันดีมาก ฝีมือป้าหวังเยี่ยมไปเลย ดูเหมือนว่าเราจะต้องกลับมากินอีกในอนาคต” อู๋ฝานคิดกับตัวเอง

แม้มันจะไม่ได้เพิ่มคุณสมบัติพิเศษและทำให้เขารู้สึกผิดหวัง แต่เขายังคงพึงพอใจกับรสชาติของไก่ที่ได้กิน ยิ่งไปกว่านั้นการจับไก่เป็นภารกิจง่ายๆ จึงไม่แปลกที่เขาจะไม่ได้รับของรางวัลอย่างอาวุธวิเศษ

“ยังไงซะอย่าเพิ่งคิดเกี่ยวกับเลเวล 999 หรือแม้แต่อาวุธเทพในช่วงเริ่มต้นจะดีกว่า” อู๋ฝานเริ่มเข้าใจว่าเกมนี้แตกต่างจากเกมที่เว่อร์วังอลังการเกินจริงอย่างที่เคยพบเห็นตามโลกอินเทอร์เน็ต การพัฒนาระดับนั้นรวดเร็วมาก และยังแจกอุปกรณ์ระดับเทพมากมาย แต่ว่าเกมนี้ค่อนข้างสมจริงมากกว่าเกมขยะพวกนั้นมาก ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น ความเจ็บปวด หรือการรับรู้รสชาติ พวกมันล้วนสมจริงทั้งหมด

“ดูเหมือนเทพสวรรค์คนนั้นจะมีอำนาจพลังบางอย่างที่สามารถสร้างโลกเกมเสมือนจริงได้” อู๋ฝานครุ่นคิดกับตัวเอง

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจของป้าหวังแล้ว อู๋ฝานไม่ได้ออกไปต่อสู้กับสัตว์อสูรหรือรับภารกิจอื่นทันที แต่เดินไปรอบๆ หมู่บ้าน ก่อนพบว่าเขาเป็น ‘ผู้เล่น’ คนเดียวที่นี่ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องเร่งรีบและตั้งใจทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่อาจพบเจอในวันหน้า

กระทั่งอาทิตย์ลับขอบฟ้า โลกตกอยู่ในความมืด อู๋ฝานพึมพำเสียงเบา “ถ้าชายชราคนนั้นไม่ได้โกหก เราควรเดินทางกลับไปได้”

ดั่งเช่นความคิด ในวินาทีต่อมาความมืดเข้าครอบงำการมองเห็นของเขาอีกครั้ง แต่ไม่นานสายตาของเขาก็เริ่มปรับมาเห็นตามปกติ และนั่นทำให้เขาเห็นห้องเช่าของตัวเองที่คุ้นเคย

“นี่เรากลับมาแล้วเหรอ?!”

“ดูเหมือนว่าชายชราจะไม่ได้โกหกนะนี่!” อู๋ฝานมองไปรอบๆ และพูดกับตัวเอง “ถึงกระนั้น ทำไมเขาถึงบอกว่าการข้ามมิตินี้สามารถเปลี่ยนชะตากรรมของเราได้? ก็แค่ได้ไปโลกของเกมเสมือนจริง แล้วมันจะช่วยเปลี่ยนโลกความเป็นจริงนี้ได้ยังไง? คำพูดของคำกำกวมและยังปล่อยให้ต้องคิดเอาเองอีก”

อู๋ฝานนั่งลงบนเตียงพลางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเวลานาน แต่เขาคิดไม่ตกว่าการเดินทางข้ามมิติจะช่วยโลกความจริงของเขาได้อย่างไร

“ช่างมัน อย่าไปคิดมากเลย ลุกไปล้างหน้าหาอะไรกิน แล้วออกไปวิ่งดีกว่า” จากปากคำของชายชรา หลังจากข้ามมิติไปยังโลกเกม เวลาในโลกความจริงจะเดินไปข้างหน้าเช่นกัน ทว่าความเร็วของเวลานั้นแตกต่างกัน เขาสามารถไปยังโลกเกมครั้งละสิบสองชั่วโมง ขณะที่โลกความจริงผ่านไปเพียงสี่ชั่วโมง

ดังนั้นเมื่ออู๋ฝานเดินทางกลับมา มันจึงกลายเป็นเวลารุ่งสางแล้ว

“คงจะดีไม่น้อยถ้าสามารถเอาชามไก่ที่เหลือในกระเป๋าออกมาที่นี่ได้” เมื่อคิดว่าต้องหาอะไรกิน อู๋ฝานก็นึกถึงไก่ที่ป้าใหญ่หวังเคยให้เขาก่อนหน้า

เดิมทีอู๋ฝานเก็บชามส่วนที่เหลือไว้ในกระเป๋า เพราะคิดว่าจะได้นำออกมากินเมื่อท้องหิว แต่หลังจากเดินสำรวจรอบหมู่บ้าน เขาก็ลืมมันไปเสียสนิท

วินาทีต่อมา อู๋ฟานก็ต้องตกตะลึง

เมื่อเขานึกถึงกระเป๋าเป้สะพายหลังของตัวเอง หน้าจอเสมือนจริงที่คุ้นเคยพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา และหน้าจอนั้นมีช่องสี่เหลี่ยมสิบช่อง ซึ่งเหมือนกับกระเป๋าเป้ที่เขาเคยเห็นก่อนหน้า!

“บ้าไปแล้ว! เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?! ทำไมกระเป๋าเป้ใบนั้นถึงมาอยู่ในโลกความจริงได้ล่ะ?” อู๋ฝานอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกไปด้วยความพรั่นพรึง สีหน้าซีดเผือดราวกับเพิ่งเห็นผีสาง

อู๋ฝานคิดว่าตัวเองตาฝาดไป ดังนั้นจึงกะพริบตารัวหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเห็นกระเป๋าใบเดิม และไก่อีกครึ่งชามยังคงอยู่ในนั้นเช่นกัน

อู๋ฝานพยายามดึงแผงคุณสมบัติออกมาอย่างเร่งรีบ และสิ่งที่เห็นก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง แผงคุณสมบัติตรงหน้าเหมือนกับกระเป๋าเป้สะพายหลังไม่มีผิดเพี้ยน

แล้วอู๋ฝานก็พยายามเอื้อมมือไปหยิบชามไก่ออกมา ในพริบตาชามใบโตก็มาอยู่ในมือของเขา และในชามใบนั้นมีไก่ของป้าใหญ่หวังที่มอบให้เขาก่อนหน้า!

จากนั้นเขาลองใส่ชามไก่กลับไปเข้าในกระเป๋าอีกครั้ง และเขาก็ทำได้สำเร็จอย่างที่คาดคิด อู๋ฝานดูเหมือนเพิ่งค้นพบของเล่นใหม่ จึงลองหยิบมันออกและใส่กลับอยู่หลายครั้ง จากนั้นเขาก็เล่นสนุกอยู่กับของเล่นนี้สักพัก

“ไม่รู้เลยว่าจะใส่สิ่งของจากโลกนี้เข้าไปได้หรือเปล่า?” อู๋ฝานคิดดังนั้นก็เริ่มค้นหาสัมภาระในห้อง

โต๊ะเล็ก ไม่ได้! ไม้แขวนเสื้อ ไม่ได้! ม้านั่ง ก็ยังไม่ได้!

อู๋ฝานพยายามใส่ของหลายอย่างลงไป แต่พบว่ามันไม่สามารถใส่ลงกระเป๋าได้เลย เขาจึงทำได้แค่ยอมรับความจริงว่ามันมีข้อจำกัด

“เอาเถอะ แบบนี้ก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่” อู๋ฝานเริ่มเข้าใจสิ่งต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว “ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าการเทเลพอร์ตจะช่วยเหลือเราในโลกความจริงได้ยังไง ที่แท้สิ่งของจากโลกนั้นสามารถนำออกมาใช้ได้นี่เอง!”

อู๋ฝานเดินสำรวจหมู่บ้านตลอดทั้งวัน และพบว่ามีเหมืองอยู่รอบๆ หมู่บ้าน ซึ่งเหมืองเหล่านั้นไม่มีเจ้าของ นอกจากเหมืองแล้ว ยังมีป่าไม้ที่อุดมไปด้วยสมุนไพรและพืชผลไม้แปลกตาหาดูได้ยาก ถ้าสิ่งเหล่านั้นเอาออกมาข้างนอกได้ บางทีมันอาจช่วยเขาได้จริงๆ

ยิ่งอู๋ฝานคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกถึงความเป็นไปได้ที่มากขึ้นพร้อมความตื่นเต้นที่เพิ่มอย่างทวีคูณ

ใช้เวลานานกว่าที่อู๋ฝานจะคลายความตื่นเต้นลง หลังจากกินไก่ที่เหลือในชาม เขาก็ตัดสินใจออกไปข้างนอก หลังจากไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน นอกจากจะไม่ง่วงซึม เขากลับรู้สึกว่ามีแรงมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

บ้านเช่าของอู๋ฝานอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเจียงโจว มหาวิทยาลัยเจียงโจวมีชื่อเสียงติดอันดับหนึ่งในบรรดามหาวิทยาลัยทั้งหมดในจังหวัด แล้วยังติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ แน่นอนว่าที่พักอาศัยใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยระดับนี้ราคาไม่ถูกนัก แม้แต่บ้านเช่าหลังเล็กก็ยังมีราคาที่ค่อนข้างสูง

ที่อู๋ฝานอาศัยอยู่ที่นี่ได้ไม่ใช่เพราะเขาร่ำรวย แต่เป็นเพราะความบังเอิญครั้งที่เขาขึ้นรถเมล์ เขาเห็นโจรฉุดกระเป๋าเงิน ในตอนนั้นเขาเพิ่งเรียนจบและยังเป็นหนุ่มเลือดร้อน เขาจึงทนอยู่เฉยไม่ได้เมื่อเห็นเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เขาไม่เพียงก่นด่าและไล่ตามอีกฝ่าย แต่ยังจับโจรคนนั้นได้ด้วย แต่ทว่าระหว่างการพัวพันเขาได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย

ถึงกระนั้นทำดีย่อมมีรางวัลตอบแทน เป้าหมายของหัวขโมยคือคุณน้าวัยสี่สิบปี เธอรู้สึกขอบคุณอู๋ฝานอย่างมาก และเมื่อรู้ว่าอู๋ฝานกำลังมองหาบ้านเช่า เธอจึงให้เขาเช่าบ้านหลังหนึ่งในราคาแสนถูก ซึ่งบ้านหลังนี้ก็คือบ้านเช่าปัจจุบันที่อู๋ฝานอาศัยอยู่ แม้จะมีขนาดเล็ก แต่คนจำนวนมากต้องการเช่าและให้ราคาที่สูง ท้ายที่สุดมันเป็นย่านที่สภาพแวดล้อมดีและยังอยู่ใกล้ใจกลางเมือง ดังนั้นอู๋ฝานจึงรู้สึกขอบคุณน้าคนนั้นอยู่ในใจเสมอมา