ตอนที่ 6 ทำเกลือ

อาชิงกะพริบตาปริบ ๆ “เหมือนจะไปที่ภูเขาด้านหลังแล้ว”

“แย่แล้ว นางต้องหาโอกาสหนีแน่ ข้าจะไปดูเดี๋ยวนี้” อาอินยัดปลาที่เหลือเข้าปากไปอย่างรวดเร็ว พลางกำชับให้อาชิงคอยดูแลเผยยวนไว้ จากนั้นก็วิ่งไปที่ภูเขาด้านหลัง

โชคดีที่จี้จือฮวนเดินไม่เร็วนัก ไม่นานอาอินก็ไล่ตามนางทัน ก่อนจะเดินตามอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล หากสตรีผู้นี้คิดจะหนี ต่อให้ต้องสู้ตายกับนาง ก็ต้องเอาเงินคืนมาให้ได้

จี้จือฮวนรู้ตัวตั้งแต่แรกแล้ว และรู้ด้วยว่าเจ้าตัวน้อยนี่ชอบคิดมาก หากไม่ให้นางตามไปด้วย ไม่แน่อาจคิดว่านางกำลังมีแผนชั่วร้ายอะไรอยู่เป็นแน่ ดังนั้นให้ตามมาด้วยจะดีกว่า

ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม มีทะเลสาบอยู่บนภูเขาลูกนี้ รอบ ๆ ไม่มีหญ้าขึ้นเลยสักต้น และมักจะมีสัตว์ป่ามาปรากฎตัวอยู่บ่อย ๆ ดังนั้นชาวบ้านจึงไม่ค่อยมาที่แห่งนี้กัน ในนิยายยังเขียนเอาไว้ด้วยว่าเจ้าของร่างเดิมเคยไปดื่มน้ำที่นั่น แต่มันเค็มจนไม่สามารถเอามาดื่มได้ หากนางเดาไม่ผิด บางทีที่นั่นอาจจะเป็นทะเลสาบน้ำเค็มตามธรรมชาติก็ได้

จี้จือฮวนเดินตามทางเข้าไปในป่าทึบ เวลานี้พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แสงสลัว ๆ สาดส่องไปทั่วบริเวณ ราวกับว่าบนพื้นโลกได้ปกคลุมไปด้วยแสงสีทอง นางแหวกพุ่มไม้ออกก่อนจะมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามเบื้องหน้า

น้ำที่ใสราวกับกระจกสะท้อนภาพของดวงอาทิตย์สีแดงฉานและแสงยามเย็นบนท้องฟ้า ไม่ไกลนักมีผลึกสีขาวจับตัวกันเป็นก้อนอยู่บนพื้นทรายโดยรอบ หัวใจของจี้จือฮวนเต้นแรงขึ้นมา นางก้าวเร็ว ๆ ไปที่ริมทะเลสาบ วักน้ำขึ้นมาชิมดูและพบว่ามันเค็มมาก!

นี่เป็นทะเลสาบน้ำเค็มตามธรรมชาติจริง ๆ ด้วย

ในยุคนี้เกลือมีราคาแพงยิ่งกว่าข้าวเสียอีก ในบรรดาห้ารสชาตินั้น รสเค็มนับเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นเกลือจึงถูกยกให้เป็นเครื่องปรุงอันดับหนึ่ง มีของสิ่งนี้ยังต้องกลัวว่าจะไม่มีเงินอีกหรือ?

อาอินที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งก็มองเห็นทุกอย่างตรงหน้า พลันนั้นนางก็ขมวดคิ้วและเอ่ยด้วยความรังเกียจ “คงไม่ได้โง่จริง ๆ หรอกกระมัง น้ำที่คนในหมู่บ้านนี้ไม่ดื่มกัน แต่นางกลับเอามาดื่ม?”

จี้จือฮวนสะบัดชายกระโปรงผ้าป่านออก และเริ่มเก็บก้อนผลึกนั่นที่อยู่ตามชายฝั่งขึ้นมา กระทั่งใส่จนล้นแล้ว จึงได้หอบชายกระโปรงขึ้นก่อนจะเดินกลับบ้าน

อาอินเห็นดังนั้นจึงรีบซ่อนตัวทันที

จี้จือฮวนเงยหน้าขึ้นมอง ในป่าทึบทางทิศตะวันตกของทะเลสาบน้ำเค็มคือป่าไผ่ นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มีป่าไผ่วันหน้าก็สามารถทำเกลือไม้ไผ่ได้ และยังสามารถขุดหน่อไม้ได้ด้วย คิดได้เช่นนี้แล้ว ที่นี่ก็นับว่าไม่ได้เลวร้ายแต่อย่างใด อย่างน้อยก็ยังอาศัยประโยชน์จากสิ่งรอบตัวได้ วิธีการก็มีหลากหลายรูปแบบ จะอดตายก็ให้มันรู้ไป

การนั่งรออยู่เฉย ๆ โดยไม่ลงมือทำสิ่งใดเลย นั่นไม่ใช่นิสัยของนาง

จี้จือฮวนหอบชายกระโปรงเอาไว้ขณะที่เดินกลับบ้าน พร้อมกันนั้นก็สังเกตเห็นว่ามีร่างเล็ก ๆ ร่างหนึ่งกำลังเดินตามหลังมาติด ๆ

เด็กคนนี้ช่างดื้อรั้นจริง ๆ มิน่าเล่าถึงได้กลายเป็นตัวร้าย อีกทั้งในสนามรบยังสามารถทำให้ศัตรูตกใจกลัว และทำให้เด็กหยุดร้องไห้ตอนกลางคืนได้อีกด้วย

เมื่อกลับมาถึงบ้าน อาชิงก็ล้างหม้อที่ตุ๋นน้ำแกงปลาเรียบร้อยแล้ว และยืนรอที่หน้าประตูอย่างเขินอาย

จี้จือฮวนเดินเข้าไปในห้องครัว เขาก็ตามเข้าไปอย่างเงียบ ๆ และช่วยบังให้อาอินเอาไว้

รอจนอาอินมุดเข้าไปในห้องแล้ว จี้จือฮวนจึงตักน้ำร้อนออกมาจากหม้อที่ตั้งไฟอยู่ใส่ในอ่างใบเล็ก ๆ จากนั้นจึงกล่าวว่า “ยกไปเช็ดหน้าเช็ดตาเสีย อย่าลืมเช็ดให้พ่อเจ้าด้วยล่ะ”

อาชิงเดินเข้ามาหาอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็เงยใบหน้าน้อย ๆ นั้นขึ้นมองจี้จือฮวน “ท่านแม่ ท่านไปทำอะไรมาหรือขอรับ”

จี้จือฮวนเลิกคิ้วขึ้น “ไปหาเงินมา เจ้าไปได้แล้ว”

“อ่อ” อาชิงยกอ่างล้างหน้าไป เพิ่งเดินออกไปได้สองก้าว จู่ ๆ จี้จือฮวนก็เอ่ยถามว่า “พี่ใหญ่ของพวกเจ้าล่ะ? วันนี้ข้ายังไม่เห็นเขาเลย”

เผยจี้ฉือโตสุดในบรรดาเด็กทั้งสามคน และเป็นตัวการใหญ่สุดในนิยายอีกด้วย ตามหลักแล้วเขาควรจะอยู่ที่บ้าน ทว่าตอนนี้ฟ้ามืดแล้วนางก็ยังไม่เห็นเขา

อาชิงกลอกตาไปมา “พี่ใหญ่บอกว่าจะไปหาของกิน น่าจะอีกสองวันถึงจะกลับมาขอรับ”

เด็กอายุแปดขวบอย่างเขาจะไปหาของกินที่ไหนได้ แต่ในเมื่อพวกเขาไม่อยากพูด จี้จือฮวนก็ไม่ถาม จะได้ไม่ถูกพวกเขาเข้าใจผิดคิดว่านางกำลังวางแผนร้ายอะไรอีก อย่างไรเสียเขาก็เป็นตัวการใหญ่ ก่อนจะกลายเป็นตัวร้ายย่อมไม่มีทางเป็นอะไรไปก่อนแน่นอน

เมื่ออาชิงเข้ามาในห้อง อาอิงก็รีบดึงเขามาหาทันที ก่อนเอ่ยถามอย่างระแวดระวัง “สตรีผู้นั้นพูดอะไรกับเจ้า?”

อาชิงเล่าสิ่งที่คุยกับจี้จือฮวนให้อาอินฟัง นางก็ได้แต่กลอกตามองบน “นางหาเงินได้ที่ไหนกัน คุยโวทั้งนั้น เจ้าทำได้ดีมากที่ไม่บอกเรื่องของพี่ใหญ่ให้นางรู้ รีบไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ ข้าจะจับตาดูนางเอาไว้เอง”

จี้จือฮวนแช่ผลึกเกลือที่เก็บมาในอ่าง จากนั้นก็ตักน้ำอีกอ่างมาล้างเนื้อล้างตัว หลังจากทำความสะอาดเนื้อตัวอย่างลวก ๆ เสร็จแล้ว นางจึงได้มีเวลาพิจารณาหน้าตาของตนเองอย่างชัด ๆ

ใบหน้าของเจ้าของร่างเดิมนั้นคล้ายคลึงกับนางเจ็ดถึงแปดส่วน แต่เมื่อเทียบกับใบหน้าที่สดใสและสง่างามของนางแล้ว อาจเป็นเพราะเจ้าของร่างเดิมอายุยังน้อยจึงดูเด็กกว่านิดหน่อย คล้ายกับนางตอนอยู่มัธยมต้น เพียงแต่รอยสีเขียวกินพื้นที่ไปถึงครึ่งหนึ่งของใบหน้า แผลจากพิษที่เห็นได้ชัดเช่นนี้ กลับถูกคนอื่นมองว่าเป็นปานอย่างนั้นหรือ?

เห็นได้ชัดว่าตอนที่ท่านแม่ของนางตั้งครรภ์ได้ถูกคนวางยาพิษ มิน่าเล่าท่านแม่ผู้ให้กำเนิดของเจ้าของร่างเดิมถึงเสียชีวิตตั้งแต่ยังสาว ดูเหมือนว่าจวนจี้กั๋วกงอาจเป็นแหล่งซ่องสุมของพวกคนชั่วก็เป็นได้

พ่อที่ชั่วช้าของเจ้าของร่างเดิม ก็ไม่สามารถคาดหวังให้เขาคืนความเป็นธรรมให้เจ้าของร่างเดิมได้

รอยพิษไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะสิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือแผลที่เป็นหนองทางด้านซ้ายบนใบหน้าของเจ้าของร่างเดิม ที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงอมม่วงแล้ว บวกกับรอยพิษสีเขียวนั่น หากนางจะถูกเรียกว่าหญิงสาวที่อัปลักษณ์ที่สุดในเมืองหลวงก็ไม่แปลก

จี้จือฮวนมัดผมเป็นเปียง่าย ๆ แล้วปล่อยไว้ทางด้านหลัง ก่อนจะพับแขนเสื้อขึ้นและเริ่มทำงาน

ผลึกเกลือที่ถูกแช่ในน้ำละลายกลายเป็นน้ำเกลือ แต่อุปกรณ์ในบ้านยังมีไม่ครบ ดังนั้นจี้จือฮวนจึงเริ่มจากการต้มน้ำเกลือก่อน

และเนื่องจากครอบครัวนี้มีฐานะยากจน ดังนั้นตอนกลางคืนจึงขาดอุปกรณ์ในการให้แสงสว่าง ในครัวมีเพียงเปลวไฟจากเตาฟืนเท่านั้น เมื่อได้ยินเสียงกรนของอาชิง อาอินก็เริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมาเล็กน้อย

สตรีผู้นั้นกำลังทำอะไรกันแน่ คงไม่ได้คิดจะจุดไฟเผาพวกเขาหรอกกระมัง?

อาอินอดไม่ได้ที่จะคิดฟุ้งซ่าน และฝืนเปลือกตาเอาไว้ไม่ยอมหลับ

จี้จือฮวนมองไปที่น้ำเกลือในหม้อ ในใจก็คิดว่า ถ้ามีนมถั่วเหลืองสดและน้ำเกลืออิ่มตัวเหมือนที่บ้านก็คงจะดี

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีนมถั่วเหลืองสดถังหนึ่งปรากฏขึ้นบนเตา และมือของนางก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา ก่อนจะเห็นว่ามีน้ำเกลืออิ่มตัวขวดหนึ่งอยู่ในมือของนางด้วยเช่นกัน

คราวนี้จี้จือฮวนก็ไม่ต้องกังวลแล้ว นางรีบเทนมถั่วเหลืองสดลงในหม้อทันทีและแยกสิ่งเจือปนออกด้วยการใช้กระชอนตักสิ่งเจือปนที่ลอยขึ้นมา จากนั้นก็ปิดฝาหม้อโดยเหลือรูเอาไว้เล็กน้อย รอให้ผลึกสีขาวก่อตัวขึ้นในหม้อ จากนั้นจี้จือฮวนก็หยิบตะหลิวมาและเริ่มคนให้เข้ากัน รอจนกระทั่งด้านในเหลือเพียงเม็ดสีขาว ๆ ก็เทน้ำเกลืออิ่มตัวลงไปและรออย่างเงียบ ๆ

หลังจากทำทั้งหมดเสร็จแล้ว ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด จี้จือฮวนบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะออกจากห้องครัวไป ภาชนะทันสมัยที่บรรจุน้ำเกลืออิ่มตัวและนมถั่วเหลืองบนเตาก็หายไปในพริบตา

นางไม่ได้รีบร้อนกลับไปที่ห้องของตนเอง แต่กลับเดินไปเปิดประตูห้องของเรือนหลัก อาอินลืมตาขึ้นมาแทบจะในทันที

มาแล้ว สตรีผู้นี้ต้องการจะทำอะไรบางอย่างจริง ๆ ด้วย!

อาอินเกร็งไปทั้งตัวพลางกลั้นหายใจ ตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ หากสตรีผู้นี้ทำอะไรขึ้นมานางจะขอลุกขึ้นสู้ตาย

ทว่าจี้จือฮวนเพียงแค่ช่วยห่มผ้าให้อาชิง จากนั้นก็เอามือเล็ก ๆ ของเขายัดเข้าไปในผ้าห่ม จัดเรียงรองเท้าที่พวกเขาถอดทิ้งไว้อย่างมั่วซั่วให้เรียบร้อย ก่อนจะไปตรวจดูอาการของเผยยวนต่อ

อาอินรอให้นางเคลื่อนไหวอยู่ แต่หลังจากจี้จือฮวนแน่ใจว่าเผยยวนไม่ทำผ้าห่มเปื้อนแล้ว ก็ค่อย ๆ ย่องออกไปจากห้อง

สตรีผู้นี้คิดที่จะทำอะไรกันแน่ หรือว่าจะกลับตัวเป็นคนดีแล้วจริง ๆ?

ความเปลี่ยนแปลงที่มากเกินไปเช่นนี้ ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน แต่ว่ารูปร่างหน้าตาของนางก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย

หรือว่า…นางมีแผนการใหม่อย่างนั้นหรือ?