ตอนที่ 251 – ข่าวน่าตกใจ

เยี่ยเจินจีไปแล้ว โม่เทียนเกอจ้องมองน้ำชาที่เจิ่งนองไปทั่วอย่างว่างเปล่า นิ่งเงียบไปครึ่งค่อนวัน

เป็นเวลาพักหนึ่งที่รู้สึกเพียงว่าหัวสมองปั่นป่วน สุดท้ายแล้วคิดอะไรอยู่ก็บอกไม่ได้ชัดเจน

ผ่านไปนานโขจึงได้โบกแขนเสื้อ ร่ายวิชาเล็ก ๆ ให้คราบน้ำหายไปช้า ๆ

สามปี ถึงกับสลบไปสามปี ถ้าหากมิใช่ร่างกายเป็นอย่างที่เจินจีว่าเอาไว้คือผ่านการบำรุงมาอย่างยาวนาน นางไม่เชื่อจริง ๆ ว่าตนเองถึงกับจะสลบไปสามปี

สามปีหนึ่งความฝัน นางตระหนักถึงหลักเหตุผลของคำว่าได้รับไม่ยินดีสูญเสียไม่ยินร้าย แต่กลับไม่คาดว่าสิ่งที่รอนางอยู่กลับเป็นข่าวเช่นนี้

เดิมทีพอตื่นขึ้นมา ในใจสงบนิ่งและยินดี สำรวจจุดบกพร่องของสภาวะจิตใจ นางเตรียมว่าลำดับถัดไปจะกักตนก่อเกิดตาน ไม่คาดว่าเจินจีกลับพูดเช่นนี้กับนาง

นางไม่รู้ว่าในสมองควรจะคิดอะไร สามารถคิดอะไรได้ ถึงท้ายที่สุดไม่ว่าอะไรก็ไม่ไปคิด กลับสู่ห้องฝึกตนของตนเอง เข้าโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน นั่งสมาธิต่อไป

หลังวิญญาณไหลผ่านชีพจรปราณทั้งหมดเข้าสู่ตานเถียน สิ่งที่ทำให้โม่เทียนเกอรู้สึกมหัศจรรย์ก็คือส่วนลึกสุดของตานเถียนหลงเหลือพลังวิญญาณอันอบอุ่นที่แปลกประหลาดสายหนึ่งเอาไว้ พูดตามตรง พลังวิญญาณสายนี้เป็นสิ่งที่อุ่นและส่องสว่าง เพียงเพราะว่าพลังวิญญาณหยินของนางเดิมทีเย็นเยียบ ดังนั้นกลายเป็นอบอุ่น

นางลองควบคุมพลังวิญญาณประหลาดนี้ กลับพบว่าพลังวิญญาณนี้ปะปนอยู่กับพลังวิญญาณหยินของนางโดยไม่ยอมรับการควบคุม ค่อย ๆ ควบรวมเป็นก้อนกลม ส่วนนางนึกอยากจะหยุดมันกลับควบคุมไม่ได้

สุดท้ายพลังวิญญาณนี้ไหลไปรวมกับพลังวิญญาณหยินโดยสิ้นเชิง แต่ก่อให้เกิดวัฎจักร สลับไปสลับมาไม่หยุดยั้ง….

“เวลาคงที่ ความว่างเปล่าสมดุล โลกหล้าแบ่งเป็นหยินหยางและห้าธาตุ”

……..

ทองพบหยินแหลมคม เรียกว่าแรงกระตุ้น ทองพบหยางรวบรวมอัสนี เรียกว่าดึงดูด

ไม้พบหยินให้กำเนิดแก่นแท้ เรียกว่าวิญญาณ ไม้พบหยางขับไล่ความชั่วร้าย เรียกว่าแตกหัก

น้ำพบหยินรวมผลึก เรียกว่าสิ่งผิดปกติ ไม้พบหยางก่อเมฆา เรียกว่ามายา

ไฟพบหยินรวมวิญญาณ เรียกว่าอเวจี ไฟพบหยางเผาไม่สิ้น เรียกว่านิพพาน

ดินพบหยินไม่ตาย เรียกว่าสงบ ดินพบหยางแข็งแกร่ง เรียกกว่าไม่แตกหัก

อดไม่ได้ที่จะนึกถึงบทสวดของไท่หยวนลู่ขึ้นมาในใจ พลังวิญญาณครบห้าธาตุในร่างของนางกับพลังวิญญาณประหลาดนั้นก่อเกิดเป็นลูกพลังวิญญาณหนึ่งก้อน หนึ่งสว่างหนึ่งมืด เป็นเช่นเดียวกับแผนภูมิไท่จี๋ ธาตุทั้งห้าเชื่อมโยงกัน สลับระหว่างสว่างและมืด ต่อต้านกันและกัน แล้วก็กลมกลืนกับกันและกัน ในเจ้ามีข้า ในข้ามีเจ้า

ปราณทองทั้งกระตุ้นและดึงดูด ปราณไม้มีวิญญาณและแตกหัก ปราณน้ำผิดปกติและมายา…… พลังวิญญาณทุกประเภทมีสองคุณลักษณะ

โม่เทียนเกอตะลึง ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา

นางเข้าใจแล้ว สว่างมืดคือหยินหยาง ก้อนพลังวิญญาณลูกเล็ก ๆ นั้นมีคุณสมบัติทั้งหยินหยาง ไปถึงขอบเขตต้นกำเนิดที่แท้จริง

สิ่งที่นำพาความเปลี่ยนแปลงนี้มาก็คือพลังวิญญาณก้อนนั้นที่ทำให้นางรู้สึกอบอุ่น เห็นได้ชัดว่านี่ก็คือพลังวิญญาณหยาง

ตั้งแต่ที่เริ่มต้นฝึกตนเป็นเซียน เนื่องจากนางมีร่างหยินบริสุทธิ์ เวลาที่ดูดซับพลังวิญญาณ พลังวิญญาณหยางจะถูกกีดกันออกไปโดยอัตโนมัติ มีเพียงพลังวิญญาณหยินที่สามารถเข้าสู่ภายในร่างกายของนาง ถึงแม้คนอื่นจะใช้พลังวิญญาณถ่ายทอดเข้าสู่ชีพจรปราณของนาง ในพลังวิญญาณที่ผสมปนเปกันนั้น พลังวิญญาณหยางก็จะถูกขับไล่ออกมาโดยเร็ว ด้วยเหตุนี้เนิ่นนานแล้วนางก็ยังไม่เคยทราบเลยว่าพลังวิญญาณหยางอยู่ในร่างที่แท้แล้วให้ความรู้สึกเช่นไร

พลังวิญญาณหยางนี้เห็นได้ชัดว่ามิใช่พลังวิญญาณหยางสามัญ มันควบรวมและไม่กระจัดกระจาย รวมตัวและก่อเป็นรูปทรง สะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งเจือปนสักนิด ถึงจะเป็นเพียงสายใยเดียว แต่มั่นคงหนักแน่นถึงขีดสุด หยั่งลึกอยู่ในร่างของนาง ผสมผสานกับพลังวิญญาณหยินของนาง ไม่อาจแบ่งแยก สรุปแล้วมันมาจากที่ใดกัน

โม่เทียนเกอขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน เจินจีบอกว่าตอนที่นางสิ้นสติ มีคนสองคนบำรุงร่างกายให้นาง อย่าบอกนะว่า…..

คิดได้เช่นนี้ นางปัดแขนเสื้อลุกขึ้น ออกจากโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน ตรงไปที่โถงหลักของวังซ่างชิง

“ซือฟุ!”

ประมุขเต๋าจิ้งเหอกำลังนั่งอยู่บนบันลังก์มังกรของเขา ไม่ได้นั่งสมาธิ แล้วก็ไม่ได้ศึกษาวิชาเวทอะไร ยิ่งไม่ได้หัวเราะกับเหล่าสาวใช้ ทว่าอยู่ตัวคนเดียว ขมวดคิ้วจิบสุรา

โม่เทียนเกอเดิมอยากจะถามอะไร เห็นท่าทางนี้ของเขาก็ถามไม่ออกไปพักหนึ่ง ค่อย ๆ เดินเข้าใกล้ ร้องเรียกว่า “ซือฟุ?”

ประมุขเต๋าจิ้งเหอดื่มสุราหมดหนึ่งจอก เหลือบมองนางคราหนึ่ง แววตามึนเมา “อ้อ? เหตุใดไม่ปรับลมหายใจให้ดี ๆ ร่างกายปรับเข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันนี้แล้วหรือ”

“อืม กำลังมีบางเรื่องอยากเรียนถามซือฟุ….” โม่เทียนเกอหยุดไป ถามก่อนว่า “ซือฟุ ท่านเป็นอันใดไปแล้ว”

ประมุขเต๋าจิ้งเหอขมวดคิ้วส่ายหน้า “บอกสถานการณ์ของเจ้ามาก่อน ก่อนหน้านี้ข้าดูในร่างของเจ้าพลังวิญญาณไม่ผิดแปลกไป ตัวเจ้าเองรู้สึกเช่นไร มีปัญหาอะไร”

“ปัญหานั้นไม่มี” โม่เทียนเกอว่า “เพียงแต่ ข้าพบว่าในตานเถียนมีพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นมาหนึ่งก้อน พลังวิญญาณก้อนนี้ประหลาดมาก”

“อ้อ?” ประมุขเต๋าจิ้งเหอเลิกคิ้ว “ประหลาดอย่างไร”

โม่เทียนเกอใคร่ครวญช้า ๆ “ซือฟุท่านก็ทราบว่าถึงข้าจะเป็นรากวิญญาณต้นกำเนิด แต่เป็นร่างหยินบริสุทธิ์ ในร่างมีหยินไร้หยาง ถึงจะสามารถฝึกต้นกำเนิดเล็กของพลังวิญญาณหยิน ทว่าไม่มีทางฝึกจนกลายเป็นสมดุลหยินหยาง ความโกลาหลแรกเริ่มของวัฎจักรห้าธาตุ แต่ตอนนี้ข้าพบว่าในร่างมีพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นหนึ่งก้อน พลังวิญญาณนี้ผสมผสานกับพลังวิญญาณหยินของข้าได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่ง ก่อเกิดเป็นสถานการณ์ที่สลับหมุนเวียน…..ข้าสังเกตมาพักหนึ่ง พบว่าหลังจากผสมพลังวิญญาณก้อนนั้นเข้าไป ได้ครอบครองสองสภาวะของห้าธาตุ ดังนั้น ข้าคาดการณ์ว่านั่นน่าจะเป็นพลังวิญญาณหยาง”

ประมุขเต๋าจิ้งเหอได้ยินเช่นนี้ สายตาเปล่งประกายขึ้นมา “หลังจากผสมพลังวิญญาณก้อนนั้นไปแล้วเกิดความผิดปกติขึ้นไหม”

“ไม่มี” โม่เทียนเกอเอ่ย “ข้าครุ่นคิดอยู่นาน พบว่านี่จึงเป็นความโกลาหลแรกเริ่มที่แท้จริง ถ้าหากข้าอยากจะฝึกศาสตร์แห่งต้นกำเนิดไปถึงขีดสุด ก็จะเป็นระดับชั้นเช่นนี้”

“…….”

เมื่อเห็นรอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของประมุขเต๋าจิ้งเหอ โม่เทียนเกอก็งุนงง “ซือฟุ พลังวิญญาณหยางก้อนนี้ในร่างข้าสรุปว่ามาจากที่ใด เจินจีบอกว่า ตอนที่ข้าสิ้นสติไป ท่านกับ…..กับโส่วจิ้งซือเกอขัดเกลาร่างกายให้ข้า หรือว่าพวกท่าน…..”

ประมุขเต๋าจิ้งเหอรินสุรา ยิ้มแย้มเล็กน้อย แต่ไม่ตอบคำ

โม่เทียนเกอรออยู่ครู่หนึ่ง อดถามอีกไม่ได้ว่า “ซือฟุ?”

ประมุขเต๋าจิ้งเหอดื่มสุราจอกนี้แล้วจึงว่า “เทียนเกอ ซือฟุอยากบอกเล่าเรื่องหนึ่งกับเจ้า เจ้าเตรียมใจไว้ให้ดี”

ได้ยินดังนี้แล้ว โม่เทียนเกอก็ขมวดคิ้ว “ซือฟุ…..” มีเรื่องหนักหนาอะไร สำคัญขนาดนี้เลยหรือ

“เจ้าอย่ากังวล ไม่ใช่เรื่องร้าย”

เห็นสีหน้าของโม่เทียนเกอแล้วประมุขเต๋าจิ้งเหอก็ยิ้มอย่างเอ็นดูและเมตตาถึงสิบส่วน ดึงนางมานั่งลงตรงข้ามตนเองด้วยตัวเอง แล้วยังรินสุราให้นาง

“ซือฟุ…..”

ประมุขเต๋าจิ้งเหอเริ่มกล่าว “พลังวิญญาณในร่างเจ้ามาจากพวกเราจริง ๆ คุณสมบัติของซือฟุเจ้าก็รู้อยู่ ข้ามีรากวิญญาณธาตุไฟเดี่ยว ถือว่าดียิ่ง สิ่งที่น่าเสียดายคือโชคชะตาไม่เข้าข้าง ไม่ว่าจะก่อเกิดตันหรือว่าผูกจิตวิญญาณล้วนไม่ถือว่ามีพรสวรรค์”

โม่เทียนเกอจ้องมองเขา ไม่เอ่ยคำ นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ นางทราบดี

ประมุขเต๋าจิ้งเหอกลับคล้ายไม่ทราบว่านางจิตใจกระสับกระส่าย ค่อย ๆ พูดอย่างแช่มช้าต่อไปว่า “คิดว่าเจ้าก็น่าจะมีความเข้าใจอยู่บ้าง ร่างนั้นผสมผสานหยินหยาง พลังวิญญาณก็ผสมผสานหยินหยาง เมื่อเป็นเช่นนี้ พลังวิญญาณพอเข้าสู่ในร่างกายของเจ้าก็จะกระจัดกระจายออกไปอย่างรวดเร็วมาก มีเพียงพลังวิญญาณหยางบริสุทธิ์จึงจะสะอาดบริสุทธิ์เช่นนี้ จึงสามารถตกค้างอยู่ในร่างกายของเจ้าได้อย่างยาวนานเช่นนี้ ดังนั้นแล้ว พลังวิญญาณหยางในร่างของเจ้าจึงน่าจะมาจากคนที่มีร่างหยางบริสุทธิ์ หรือว่า คนที่ร่างเข้าใกล้ร่างหยางบริสุทธิ์”

เห็นโม่เทียนเกอสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ประมุขเต๋าจิ้งเหอก็ยิ้มออกมา “แน่นอนว่าไม่ใช่เหวยซือ (คำเรียกตัวเองของอาจารย์) ถ้าหากเหวยซือมีร่างหยางบริสุทธิ์ อีกทั้งมีรากวิญญาณเดี่ยว จะสูญเสียเวลาหลายปีนี้ได้อย่างไร”

โม่เทียนเกอไม่พูดจาครึ่งค่อนวัน สีหน้าบนใบหน้าแปรเปลี่ยนไม่หยุด ผ่านไปเนิ่นนานจึงเอ่ยปากว่า “ซือฟุ อย่าหยอกล้อข้าเลย พูดให้จบในครั้งเดียวเถิด”

ประมุขเต๋าจิ้งเหอยิ้ม “เจ้าไม่ต้องเป็นเช่นนี้ เจ้ากราบเข้าสำนักอาจารย์มาหลายปีนี้ เหวยซือปฏิบัติต่อเจ้าเช่นไร ในใจเจ้าน่าจะทราบกระจ่าง”

ในพริบตานั้นโม่เทียนเกอเกิดความระแวงขึ้นมาจริง ๆ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของประมุขเต๋าจิ้งเหอ กดความระแวงลงไป พยายามกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “ข้ารู้ ซือฟุต่อเถิด”

พลังวิญญาณหยางบริสุทธิ์มาจากใคร นางรู้อยู่แล้ว บนโลกถึงกับมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้หรือ นางได้พบถังเซิ่นคนหนึ่งแล้ว จะยังมีคนร่างหยางบริสุทธิ์อีกคนได้อย่างไร

ประมุขเต๋าจิ้งเหอส่ายจอกสุราในมือ เอ่ยตรง ๆ ว่า “ที่จริงแล้ว ซือเกอของเจ้ามิใช่ร่างหยางบริสุทธิ์”

โม่เทียนเกอประหลาดใจ หลุดปากร้องออกมาว่า “นี่เป็นไปได้อย่างไร” มิใช่ร่างหยางบริสุทธิ์ แล้วเหตุใดจึงสามารถมีพลังวิญญาณหยางบริสุทธิ์ ในสมองของนางครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ถามอีกว่า “หรือว่า……มีวิชาเวทอะไรแปรเปลี่ยนไป”

“เจ้าพูดถูกครึ่งหนึ่ง” ประมุขเต๋าจิ้งเหอพยักหน้า หันกลับมาถามว่า “เจ้ารู้หรือไม่ บนโลกนี้มีวัตถุวิญญาณอย่างหนึ่งเรียกว่าลูกประคำวิญญาณพลังหยาง”

“ลูกประคำวิญญาณพลังหยาง?” โม่เทียนเกอขมวดคิ้วครุ่นคิด กล่าวช้า ๆ ว่า “…..คล้ายกับว่าเคยเห็นจากบันทึกโบราณ แต่เอ่ยอ้างถึงโดยไม่อธิบาย แท้จริงแล้วเป็นเช่นใด ข้ากลับไม่รู้”

“พูดให้ชัดเจนแล้ว บนโลกนี้ไม่ได้มีเพียงลูกประคำวิญญาณพลังหยาง ยังมีลูกประคำวิญญาณพลังหยิน ตอนที่ท้องฟ้าแผ่นดินแรกแบ่งแยก หยินหยางสองพลังผสมผสาน ก่อเกิดเป็นเส้นเลือดวิญญาณนับไม่ถ้วน แต่มีวัตถุประหลาดประเภทหนึ่งก่อเกิดขึ้นในเส้นเลือดวิญญาณ เชี่ยวชาญในการดูดกลืนพลังวิญญาณหยางหรือว่าพลังวิญญาณหยินในเส้นเลือดวิญญาณ นานแสนนาน วัตถุประหลาดนี้จะดูดกลืนพลังวิญญาณหยางและพลังวิญญาณหยินทั้งหมดในเส้นเลือดวิญญาณจนไม่มีเหลือ ก่อกำเนิดลูกประคำวิญญาณพลังหยางหรือว่าลูกประคำวิญญาณพลังหยิน”

“ลูกประคำวิญญาณพลังหยินหยางสองอย่างนี้ แต่โบราณกาลถึงปัจจุบันพบเห็นบนโลกน้อยยิ่ง ดังนั้นอ่านเจอในบันทึกโบราณได้น้อย เรื่องบังเอิญก็คือโส่วจิ้งซือเกอของเจ้าเผอิญโชคดีได้รับลูกประคำวิญญาณพลังหยางหนึ่งลูกร้อยกว่าปีก่อน”

“……” โม่เทียนเกอสีหน้าแปรเปลี่ยน เข้าใจแล้วว่าเกิดเรื่องอะไร

ประมุขเต๋าจิ้งเหอกล่าวต่อ “ได้รับลูกประคำเช่นนี้ เดิมข้าก็เพียงนึกว่าพลังวิญญาณหยางในร่างเขาจะแข็งแกร่งยิ่ง พอดีว่าสิ่งที่เขาฝึกเป็นวิชาเวทระบบอัคคีอีก เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ส่งเสริมซึ่งกันและกันพอดี ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายหลังกลับเป็นเพราะเจ้า”

“เพราะ….ข้า?”

“มิผิด” ประมุขเต๋าจิ้งเหอยิ้ม “สรุปแล้วเป็นเช่นใด ให้ตัวเขาเองบอกกับเจ้าเถิด บางคำพูดออกมาจากซือฟุจะไม่เหมาะสม”

โม่เทียนเกอมุมปากขยับเขยื้อน สุดท้ายอดเอ่ยไม่ได้ว่า “ซือฟุ ตอนเริ่มต้น ตอนเริ่มต้นที่ข้ากราบเข้าสำนักอาจารย์ ใช่หรือไม่ว่า…….ใช่หรือไม่ว่า…..”

“ไม่ใช่” นางพูดได้ครึ่งหนึ่ง ประมุขเต๋าจิ้งเหอก็เข้าใจความหมายของนางแล้ว หลังจากปฏิเสธอย่างเด็ดขาดก็ยิ้มเอ่ยว่า “รับเจ้าเข้าสำนัก ถึงจะไม่ใช่สิ่งที่เหวยซือตั้งใจ แต่ก็ไร้ซึ่งเจตนา ตอนนี้เจ้าเป็นศิษย์ปิดสำนักของซือฟุ ซือฟุไม่ว่าจะอย่างไรก็จะไม่บังคับฝืนใจอันใดกับเจ้า เส้นทางภายหลังสุดท้ายแล้วจะไปอย่างไรยังต้องดูตัวเจ้าเอง”

พูดถึงตรงนี้ ประมุขเต๋าจิ้งเหอยิ้มขึ้นมาอีก ยื่นมือไปตบไหล่ของนางอย่างอ่อนโยน “อย่าได้คิดมาก เจ้าควรจะก่อเกิดตัน ถ้าเอาจิตใจไปไว้ที่อื่น เลี่ยงไม่ได้ที่จะปรากฏจุดบกพร่องในสภาพจิตใจ มิใช่เรื่องดี”

“……อืม” โม่เทียนเกอพยักหน้า พยายามสงบสติอารมณ์

ถึงนางจะมีนิสัยแวดระแวง แต่ยิ่งเชื่อมั่นในการประเมินของตนเอง กราบเข้าสำนักของซือฟุมาจวนจะสี่สิบปีแล้ว ซือฟุปฏิบัติต่อนางอย่างไร นางเห็นอยู่กับตา รับรู้ได้ด้วยตัวเอง ถ้าหากซือฟุมีจิตใจชั่วร้ายอะไร หลายปีนี้จำเป็นอันใดที่จะปฏิบัติต่อนางเช่นนี้

เพียงแค่ว่า จู่ ๆ ได้ยินข่าวนี้ นางอดจิตใจสั่นไหวมิได้ นี่สุดท้ายแล้วเป็นสถานการณ์เยี่ยงไร ยังมีสามปีนี้…. นับว่าเป็นอะไรอีกเล่า

………………………………..

ตอนที่ 252 – บาดเจ็บสาหัส