ตอนที่ 8 สัปดาห์ที่ 9 อาคิยามะ เออิชิ (1)

ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ

วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ผมถูกรุ่นพี่นาคาจิมะลากมาค้างที่บ้านอีกแล้ว พูดให้ถูกคือถูกพาตัวมาเมื่อวานเย็น ส่วนสาเหตุก็คืออยากให้ผมช่วยติวหนังสือให้

           ใช่ครับ ทุกท่านฟังไม่ผิด รุ่นพี่อยากให้ผมติวหนังสือให้

           เรื่องนี้ต้องขอเล่าย้อนไปไกลสักหน่อย น่าจะประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน หลังจากได้มีโอกาสไปบ้านของรุ่นพี่นาคาจิมะ ความสัมพันธ์ของผมกับรุ่นพี่ก็ดูเหมือนจะสนิทแนบแน่นขึ้นไปอีก

           แต่ผมก็ไม่ได้รังเกียจความแนบแน่นนี้หรอกนะ ถึงจะบอกไม่ถูกว่ารุ่นพี่เห็นผมเป็นอะไรระหว่างเพื่อน รุ่นน้อง หรือที่ระบาย แต่เขาถือว่าใจดีกับผมพอสมควรเลย

           กลับมาที่การให้ผมไปช่วยติวให้รุ่นพี่นาคาจิมะ จุดเริ่มต้นมันมาจากเดตของรุ่นพี่กับแฟนสาวสุดเพอร์เฟคของเขาที่ผมยังคงสงสัยว่ารุ่นพี่ไปล่อลวงเขามาได้ยังไง แต่ผมไม่กล้าถาม

           เดตวันนั้นของรุ่นพี่เป็นเดตเพื่อขอโทษคุณคาวากุจิ สาเหตุก็เพราะรุ่นพี่ไปมีเรื่องชกต่อยแล้วเรื่องราวลุกลามใหญ่โตจนถูกพักการเรียน ซึ่งผิดสัญญาที่ให้ไว้กับคุณคาวากุจิที่ว่าจะแค่ชกต่อยเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจะตั้งใจเรียน โดยสรุปแล้วก็คือแฟนสาวงอนแล้วรุ่นพี่ก็ต้องง้อ

           ผมผู้ซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ถูกรุ่นพี่ลากไปช่วยเลือกของขวัญขอโทษให้คุณแฟน หลังเดินเลือกกันเป็นชั่วโมงๆ เราก็ได้ดินสอกด2 แท่ง ลายแมวเข้าคู่กัน

           ผมบอกรุ่นพี่ว่าถ้าคุณคาวากุจิถามว่าทำไมถึงเลือกดินสอกดมาให้บอกเธอไปว่า เหตุผลแรก ฉันอยากเข้ามหาวิทยาลัยพร้อมกับเธอให้ได้ สัญญาว่าจะตั้งใจเรียนให้มากขึ้น ดินสอกดนี้ซื้อมาเพื่อขอโทษที่ผิดสัญญาหนก่อน แล้วก็เพื่อกระตุ้นเตือนตัวเองถึงสัญญาครั้งนี้ ส่วนอีกเหตุผลคืออยากมีของใช้ที่เป็นคู่กันกับเธอเพิ่มขึ้น แบบที่คู่รักอื่นๆ เขามีกัน

           ผลการเดตวันนั้นออกมาน่าประทับใจ คุณคาวากุจิยอมให้อภัยรุ่นพี่แถมยังยินดีที่ได้ของขวัญด้วย ตอนแรกที่ได้ยินรุ่นพี่เล่าให้ฟังผมเองก็ดีใจแต่พอบอกว่าคุณคาวากุจิอยากขอบคุณที่ไปช่วยรุ่นพี่เลือกของขวัญผมถึงกับร้อง “เอ๊ะ” ออกมา

           อย่างที่คุณเดาแหละครับ คุณคาวากุจิรู้ว่าบทพูดบรรยายเหตุผลที่เลือกของขวัญนั้นไม่ใช่ความคิดของรุ่นพี่ เธอเลยรีดความจริงจากรุ่นพี่และท้ายที่สุดหวยก็มาออกที่ผม

           รุ่นพี่นาคาจิมะนัดผมไปที่บ้านในวันเสาร์ที่จะถึงในสัปดาห์นั้นและผมก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะสายตาของรุ่นพี่มันบอกแบบนั้น พอถึงวันนัดผมก็ไปถึงบ้านรุ่นพี่ก่อนเวลานัดนิดหน่อย แต่คนที่มาเปิดประตูคือคุณคาวากุจิ เธอเชิญผมเข้าบ้านแล้วตัวเองไปชงชามาเสิร์ฟ ทำเอาผมเกิดความรู้สึกเหมือนตัวเองมาเยี่ยมรุ่นพี่ที่ทำงานแล้วภรรยาของรุ่นพี่เป็นคนออกมาต้อนรับ

           ส่วนรุ่นพี่กำลังดูทีวีที่โซฟา พอผมไปถึงก็ร้องเรียกให้มานั่ง รุ่นพี่เอาเบาะรองมาวางรอบโต๊ะเตี้ย เอามือตบเบาะแปะๆ ให้ผมนั่งลง

           เดิมเป้าหมายในวันนี้คือคุณคาวากุจิจะติวหนังสือให้รุ่นพี่ แต่เนื่องจากอยากจะขอบคุณผมด้วยเธอเลยจะช่วยติวให้ผมอีกคน

           แล้วการติวก็ดำเนินไป คุณคาวากุจิเก่งสมกับที่รุ่นพี่อวยไว้จริงๆ แม้บทเรียนของโรงเรียนจะไม่เหมือนกัน แต่เธอก็ติวให้รุ่นพี่ได้อย่างถูกต้อง เทคนิคต่างๆ ของเธอเองก็ไม่ธรรมดา แสดงให้เห็นว่าเธอต้องพยายามมาไม่น้อยเลย

           แต่ถึงเธอจะเก่งกาจขนาดไหนก็คงไม่เข้าใจในตัวผมอยู่ดี เพราะแทนที่ผมจะให้เธอช่วยติวให้ มันกลายเป็นผมกำลังช่วยเธอติวให้รุ่นพี่

           หลังการติวช่วงแรกผ่านไป คุณคาวากุจิก็ทนความสงสัยไม่ไหว เธอถามผมถึงเรื่องการเรียนและความรู้ ความสามารถต่างๆ รวมถึงเรื่องราวสมัย ม.ต้น ของผม ผมเองก็ตอบไปตามตรงเพราะไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับอะไร 

           คุณคาวากุจิทำตาโตดูแล้วเหมือนแมวตอนตกใจ ส่วนรุ่นพี่นาคาจิมะนี่อ้าปากค้างไปแล้ว

           การติวหลังจากนั้นจึงกลายเป็นผมติวให้รุ่นพี่ และอ่านหนังสือกับคุณคาวากุจิแทน

           ตัดภาพมาปัจจุบัน ตอนนี้ผมกำลังช่วยติวให้รุ่นพี่นาคาจิมะอยู่ในห้องของรุ่นพี่ที่ตอนนี้มีสภาพเหมือนสนามรบย่อมๆ ระหว่างรุ่นพี่กับหนังสือเรียนวิชาต่างๆ และรุ่นพี่ก็ดูพร้อมที่จะพลีชีพให้การสอบที่จะมาถึงในวันจันทร์หน้าเสียเหลือเกิน

           ส่วนสาเหตุก็คือถ้าสอบตกแม้แต่วิชาเดียว คุณคาวากุจิจะไม่ยอมวิดีโอคอลมาเชียร์ตอนงานกีฬาบอล แถมจะไม่ให้บัตรเข้างานเทศกาลดนตรีฤดูฝนที่ปีนี้จะจัดขึ้นที่สนามกีฬากลางของเมืองในช่วงสุดสัปดาห์กลางเดือนมิถุนายน

           โดยเทศกาลดนตรีฤดูฝนนี้จะจัดขึ้นสองวัน โดยวันแรกจะเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ ได้มาโชว์ความสามารถกัน ส่วนวันที่สองจะเป็นการแสดงของวงดนตรีอาชีพ ถือเป็นเทศกาลที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงออก อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของเมืองไปพร้อมๆ กัน ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว ท่านผู้ว่าเขาว่ามาแบบนั้น

           ส่วนตัวผมน่ะ ไม่เคยแม้แต่จะเดินผ่านตอนเขาจัดงานด้วยซ้ำ

           “รุ่นพี่ครับข้อนี้ยังผิดอยู่นะครับ ข้อสังเกตต้องดูตรงนี้นะครับ ถ้าจับจุดสังเกตตรงนี้ได้ก็จะรู้วิธีคิดครับ” 

           “โอ๊ส!!” 

           รุ่นพี่นาคาจิมะยังคงไฟแรงเต็มที่ แต่การที่ลุยทบทวนบทเรียนโดยไม่พักเลยไม่ใช่สิ่งที่ดี การพักอย่างเหมาะสมต่างหากที่จะช่วยให้สมองจดจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

           ผมชวนรุ่นพี่นาคาจิมะออกไปซื้อขนมที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ เพื่อเป็นการผ่อนคลายร่างกาย ขากลับระหว่างเดินกินไอศกรีมกันไป รุ่นพี่ก็เอ่ยถามเกี่ยวกับกับแข่งขันงานกีฬาบอลที่จะมีขึ้นหลังการสอบ

           “นายจะมาซ้อมบาสกับฉันไหม? ชวนพวกเพื่อนนายมาด้วยก็ได้” 

           “พวกนั้นไม่มาหรอกครับ ไกลขนาดนี้ ผมยังสงสัยเลยว่าทำไมรุ่นพี่ไม่เรียนโรงเรียนแถวนี้” 

           “ก็ไม่มีโรงเรียนไหนรับชั้นน่ะซิ” 

           รุ่นพี่นาคาจิมะตอบมาหน้าตาเฉย แต่ผมไม่ได้พูดอะไร รุ่นพี่เลยเล่าต่อ

           “สมัย ม.ต้น ฉันค่อนข้างเกเรน่ะ เลยมีประวัติเสียๆ หายๆ เยอะ เพื่อนที่คบกันมายังกลัวฉันเลย” 

           “ต้องเกเรขนาดไหน เพื่อนถึงไม่คบครับเนี่ย” 

           ผมถามไปลอยๆ ไม่ได้กะให้รุ่นพี่ตอบอะไร แต่เขาก็ตอบผมมา

           “ตอน ม.ต้น ปี 3 ฉันอัดผู้ใหญ่คนหนึ่งหมดสติเข้าโรงพยาบาล โชคดีที่เขาไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมาย แต่ตอนนั้นก็เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตเลยล่ะ เกือบจะไม่จบ ม.ต้น ซะแล้ว ฮ่าๆ” 

           [‘ไม่ได้บาดเจ็บมากแต่เข้าโรงพยาบาลเนี่ยนะ ‘] 

           ผมหันไปมองหน้ารุ่นพี่ที่เล่าเรื่องของตัวเองได้หน้าตาเฉยเหมือนกับเล่าเรื่องของคนอื่น 

           “ตอนนั้นมีแค่พ่อ แม่ แล้วก็มินะเท่านั้นที่อยู่ข้างฉัน พอจบเรื่อง มินะก็มาขอให้ฉันเลิกมีเรื่องชกต่อย” 

           รุ่นพี่กินไอศกรีมคำสุดท้าย ก่อนพูดขำๆ ว่า

           “ฉันเลยสารภาพรักกับเธอ บอกเธอว่าถ้าอยากให้ฉันเลิกชกต่อยกับคนอื่นก็มาคบกับฉัน มาคอยคุมฉันที” 

           “จริงจังปะครับ?” 

           รุ่นพี่หันมาพยักหน้า ก่อนเดินยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี

           [‘อ่า…รุ่นพี่ไปล่อลวงคุณคาวากุจิมาแบบนี้เองซินะ’]