“ฉันไม่ยอม … ฉันไม่ยอม! ถ้าฉันทำได้อีก…ถ้าฉันยังสู้ต่อได้อีก…”

สายตาเริ่มพร่ามัว โลกก็เริ่มจมดิ่งสู่ความมืดมิด

หนึ่งปี ? สองปี? ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่ปีช่วงเวลาค่อยๆไหลผ่านไปเรื่อยๆ ความรู้สึกของการมีชีวิตก็เริ่มหวนกลับคืนมา

“อึก… อ่า …”

เย่เฉินหายใจอย่างตะกละตะกลาม ทันใดนั้นเขาก็ผงะลืมตาลุกขึ้นนั่งทันที เย่เฉินรู้สึกเวียนหัวเป็นอย่างมาก

“ที่นี้คือ…..”

ผนังบ้านสีขาวขุ่นหลังคาที่ปิดทับด้วยวอเปเปอร์ เตียงไม้เก่าๆ พัดลมเพดานที่ผุพัง กระจกเงา โต๊ะไม้แกะสลักที่มีรอยหนูแทะ

ความรู้สึกแปลกประหลาดแต่คุ้นเคยปรากฏขึ้นในใจของเขา นี่คือบ้านที่ฉันเช่ามาสามปี

หลังจากเงียบไปชั่วครู่ เย่เฉินผุดตัวลุงขึ้นยืนและเดินไปใกล้โต๊ะหันมองไปยังนาฬิกาปลุกเรือนเก่า

5 มีนาคม 2036 18:00 น.

เย่เฉินจ้องมองไปที่นาฬิกาปลุกอย่างละเอียด ร่างกายเขาค่อยๆสั่นอย่างรุนแรง

ก่อนประวัติศาสตร์ผานกู่!

ใช่แล้ว วันนี้เวลา 20.00 น. ฝนอุกกาบาตจากฟากฟ้าพุ่งเข้าชนโลก ในวันนี้ทุกสิ่งบนโลกได้เติบโตขึ้นอย่างกะทันหันด้วยความเร็วสองถึงสามร้อยเท่า

วันนี้กฎของสวรรค์และโลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง มนุษยชาติทั้งหมดได้ย้อนกลับไปสู่ยุคของอาวุธเย็น

วันนี้ตัวตนที่ชื่อ ผานกู่ ปรากฏตัวขึ้น โลกถูกยึดครองโดย ผานกู่! แม้กระทั่งเงินที่เคยมีจะถูกเปลี่ยนกลายเป็นคะแนนเครดิต

ในวันนี้เกมส์ที่ทุกสิ่งมีชีวิตสามารถเข้าร่วมได้ก็จะเปิดขึ้นอย่างเป็นทางการ

ในช่วงเริ่มต้นของเกมส์ พื้นที่ผู้เล่นมือใหม่จะมีพื้นฐานมาจากยุคสามก๊ก

ตราบเท่าที่คุณสามารถหากุญแจสำคัญในโซนมือใหม่ได้ คุณได้ออกจากพื้นมือใหม่และเข้าสู่พื้นที่ยุคก่อนประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการ…

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เย่เฉินก็กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว

ก่อนการเกิดใหม่ เย่เฉินไม่ได้เป็นที่รู้จักทั้งยังอยู่ในระดับต่ำสุด แม้กระทั้งเมื่อเขาได้เข้าไปในโลกแห่งเกมเขาก็ยังต้องทนทุกข์ทรมานเป็นอย่างมากเพราะเย่เฉินเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าไม่มีพื้นหลังใดๆ

ในโลกแห่งเกมเย่เฉินต้องต่อสู้เพียงลำพัง อย่าว่าแต่จะไปเปรียบเทียบกับคนของกองกำลังขนาดใหญ่เลยแม้แต่จะเอาชีวิตรอดในแต่ละวันยังลำบาก

ในช่วงเริ่มต้น เย่เฉินไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเกมเลย เมื่อเย่เฉินได้ค้นพบความลับทั้งหมดมันก็สายเกินไปแล้ว

กองกำลังต่างๆแข็งแกร็งขึ้นจนไม่อาจทำลายได้ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านการเงินหรือทรัพยากร

ระดับรากหญ้าที่ต่ำต้อยอย่างเย่เฉินจะไปเทียบอะไรได้

จนกระทั้งวันหนึ่ง เย่เฉินในชีวิตก่อนถูกฆ่าภายใต้คมเขี้ยวของปีศาจหมาป่า เขาไม่คิดเลยว่าจะได้โอกาศย้อนกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง

บ้านเช่าที่ทรุดโทรม.

เย่เฉินเงียบอยู่เป็นเวลานานจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มันได้ปลุกเย่เฉินให้ตื่นขึ้นจากการจมอยู่ในความคิด เขาหยิบโทรศัพท์มือถือที่มีลักษณะเหมือนวัตถุโบราณออกมาจากกระเป๋ากางเกงเย่เฉินมองไปที่มันและตัดสายทิ้ง เจ้าของของบาร์ที่เขาทำงานโทรมา หากเย่เฉินรับสายเขาก็จะโดนดุด่าและต้องรีบไปทำงาน

นี้คือเรื่องหน้าเศร้าของคนตัวเล็กๆที่ต้องใช้ชีวิตอย่างอดทนเพื่อที่จะมีชีวิตต่อไป ไม่มีโอกาศ ไม่อาจไขว่คว้าสิ่งใด มีเพียงต้องพึ่งพามือคู่นี้ของตัวเองและทนอยู่อย่างยากลำบาก

แต่ตอนนี้เส้นทางของเย่เฉินได้เปลี่ยนไปแล้ว อีกไม่นานโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ถึงแม้ว่าคนรวยจะยังมีเงิน เมื่อเวลานั้นมาถึงสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญมากกว่าคือความแข็งแกร่ง!

ใช่ความแข็งแกร่ง!

อีกไม่นานโลกนี้ความแข็งแกร่งสำคัญที่สุด!

กฎแห่งป่าที่ซึ่งคนอ่อนแอถูกกลืนกินโดยคนแข็งแกร่งโดยปราศจากข้อกังขา ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์เผ่าพันธุ์สัตว์ประหลาดที่กำลังจะปรากฏขึ้นหรือเผ่าพันธุ์แม่มด ก็ไม่มีข้อยกเว้นใดๆเพราะนี้คือกฎแห่งป่า

เย่เฉินระบายลมหายใจอยู่เป็นเวลานาน จึงเดินไปหยิบรองเท้า เขาหยุดคิดอยู่ชั่วครู่จึงตัดสินใจที่จะออกไปข้างนอก

หลังจากขึ้นรถสาย 10 เย่เฉินยืนหลบอยู่ที่มุมรถ เช่นเดียวกับผู้คนมากมายต่างยืนอยู่เงียบ ๆ เหมือนคนแปลกหน้าที่ไม่ได้รวมเข้ากับเมืองที่พลุกพล่านเหมือนเหล่านักท่องเที่ยว

มีเพียงแค่ดวงตาคู่นั้นสว่างขึ้นเป็นครั้งคราว เมื่อรถไฟใต้ดินแล่นผ่านจากป้ายนึงไปยังอีกป้ายหนึ่ง บนรถไฟใต้ดินชายและหญิงสนทนากันหลากหลายหัวข้อมากมายซับซ้อน หลังจากผู้คนระลอกแล้วระลอกเล่าผ่านไป เย่เฉินไม่คิดที่จะให้ความสนใจ เย่เฉินกำลังไปยังสวนป่าที่อยู่ในเมืองซึ่งที่นั่นมีสิ่งที่เย่เฉินต้องการ มันอาจเป็นสิ่งที่ทำให้การต่อสู้ของเย่เฉินง่ายดายยิ่งขึ้น

เมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยงานเลี้ยงและความคึกคัก บนถนนการจราจรติดขัดเช่นเคย มองเห็นไฟรถยาวเหมือนงูยักษ์ไม่มีที่สิ้นสุด เสียงแตรของรถดังเข้าหูตลอดเวลา

เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของผู้คนเดินถนนที่สัญจรไปมาบนถนนคือคนนอกเมืองที่ต้องวุ่นวายกับชีวิตของพวกเขา ผู้คนภายในเมืองส่วนใหญ่มีบ้านมีรถ พวกเขาแทบไม่จำเป็นต้องไปทำงาน คนเหล่านั้นมีเงินเหลือกินเหลือใช้

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผู้คนในเมืองและยังมีคนอีกมากมายที่ยังต้องทำงานหนักเพื่อดำรงชีวิตอยู่ในแต่ละวัน

หลังจากลงจากรถไฟใต้ดินแล้วเย่เฉินก็เหมือนกับผู้คนจำนวนมากที่เดินข้ามสะพานลอยและมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางของพวกเขา เพียงไม่นานเย่เฉินก็มาถึงด้านนอกของสวนป่า

เมื่อมองไปที่สวนสาธารณะที่ปิดอยู่ เย่เฉินครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเขาก็เดินไปยังมุมที่ไม่มีผู้คนและปีนข้ามกำแพงและเข้าไปในอสวนป่า เวลาล่วงเลยมาถึง 19:30 น. ช่วงนี้ช่วงเวลานี้ภายในสวนป่าเงียบสงบเป็นอย่างมาก

เย่เฉินพยายามหลีกเลี่ยงสัญญาณรักษาความปลอดภัยในแต่ละจุด จากนั้นตรงไปยังริมทะเลสาบเทียมและนั่งรอคอยบนม้านั่ง เขาหันมองไปยังผืนน้ำสีฟ้าที่กระเพื่อมอยู่ตรงหน้าเขาอย่างเงียบ ๆ

เมื่อเข็มนาฬิกาชี้ไปที่ 20 นาฬิกา ท้องฟ้าที่มืดมิดก็ถูกฉีกกระชากออกทันที!

ฝนดาวตกขนาดใหญ่จำนวนมากส่องแสงบนท้องฟ้า

เย่เฉินผุดลุกขึ้นยืนและแหงนมองไปยังท้องฟ้า

มันมาแล้ว!!!