ตอนที่ 3  สู่ขอบรรพบุรุษกลับมา

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 3  สู่ขอบรรพบุรุษกลับมา

หลินม่ายไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย เธอกลับมาที่บ้านใหม่อย่างสบายใจ

แม้จะเป็นคืนวันแต่งงาน แต่เธอรู้ดีว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะไม่มีวันทำอะไรเธอ

ไม่ใช่เพราะเขาเป็นสุภาพบุรุษแต่อย่างใด เป็นเพราะเขาต้องรักษาความบริสุทธิ์ดุจดั่งหยกเพื่อหลินเพ่ย อีกอย่างหลินเพ่ยก็ไม่อนุญาตให้เขาทำแบบนี้ด้วย ดังนั้นหลินม่ายจึงได้สบายใจขนาดนี้

หลังจากที่หลินม่ายย่างเท้าเดินเข้าไปในบ้านใหม่ อู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็เดินตามเข้ามา

ทันทีที่เข้ามาก็ทำการปิดประตู ก่อนจะจ้องเขม็งมายังหลินม่ายด้วยความโกรธอย่างไม่ปิดบังท่ามกลางความมืด

นัยน์ตาคู่นั้นได้กวาดตามองไปยังแสงจันทร์นอกหน้าต่างแวบหนึ่ง แววตาฉายความโหดเหี้ยมเหมือนดวงตาของหมาป่าชั่วร้าย

ครั้นเห็นหลินม่ายเตรียมตัวเข้านอน เขาก็พลันโกรธฉุนเฉียว กระชากตัวเธอลงจากเตียง แล้วตวาดด้วยความเกรี้ยวกราด 

“เธอยังจะหลับลงอีกเหรอ? พี่สาวของเธอแสนดีกับเธอขนาดนั้นกล้าหลอกหล่อนได้ เธอยังมีความเป็นคนอยู่ไหม?”

หลินม่ายถูกเขาฉุดกระชากลากถูอย่างไม่มีเหตุผลจนเกือบล้มไปกองกับพื้น

เธอเกาะผนังที่เปื้อนไปด้วยคราบสกปรกให้ยืนอย่างมั่นคง ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “หล่อนดีกับฉันยังไงไม่ทราบ นายพูดให้ฉันฟังหน่อยสิ!”

อู๋เสี่ยวเจี๋ยนอ้าปากค้าง ครุ่นคิดอยู่ครึ่งค่อนวันก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าหลินเพ่ยแสนดีกับหลินม่ายอย่างไร

ความดีที่หล่อนมีต่อผู้อื่นล้วนแต่มาจากคำบอกเล่าเท่านั้น ไม่เคยมีการปฏิบัติให้เห็นเป็นกิจจะลักษณะ

หลังจากอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่ครึ่งวัน ก็ได้พูดว่า “หล่อนไม่ได้โหดเหี้ยมเหมือนกับเธอ ที่แทงข้างหลัง!”

หลินม่ายยิ้มพลางพยักหน้า “ที่แท้การเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงต่อสาธารณะนั้นเรียกว่าการแทงข้างหลัง แต่การให้น้องสาวเอาคะแนนสอบไปให้หล่อนเรียกว่าทำดีกับน้องสาว ใช้การแต่งงานของน้องสาวมาแลกกับเงินค่าเล่าเรียนและเงินใช้ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งเสื้อผ้าสวยๆ เหล่านั้นเรียกว่าการทำดีกับน้องสาว ทั้งยังแอบวิ่งมาบอกกับแม่ของนายคืนก่อนแต่งงานว่าฉันเป็นผู้ป่วยกระเสาะกระแสะ แบบนี้ไม่เรียกว่าแทงข้างหลังหรอกเหรอ”

อู๋เสี่ยวเจี๋ยนโต้แย้งกลับไปอย่างไร้เหตุผล “พี่สาวของเธอไม่เคยทำไร่ทำนามาก่อน ก็ควรให้โอกาสในการเข้ามหาวิทยาลัยกับหล่อนถึงจะเหมาะสมที่สุด เธอแต่งงานกับฉันแล้ว จะต้องอยู่อย่างหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินไปตลอดชีวิต จะเอาสินสอดและผ้าเหล่านั้นไปทำไม? เธอเหมาะสมงั้นเหรอ? แล้วการที่พี่สาวของเธอย่องมาบอกกับแม่ว่าเธอเป็นผู้ป่วยร่างกายอ่อนแอมันสร้างผลกระทบต่อเธอมากขนาดนั้นเชียวเหรอ เธอคิดจะจับจุดอ่อนของหล่อนงั้นสิ!”

หลินม่ายหัวเราะเยาะเบา ๆ “เก่งนี่ ไม่ว่าหลินเพ่ยสุดที่รักของนายจะทำอะไรก็ดูสมเหตุสมผลไปเสียทุกอย่าง แต่ฉันไม่มีสิทธิ์โกรธ ไม่อย่างนั้นก็จะถูกกล่าวหาว่าโหดเหี้ยม! งั้นฉันจะโหดเหี้ยมให้นายเห็นเอง! ดังนั้นนายต้องตรงไปตรงมา ห้ามยั่วโมโหฉันเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันจะวิ่งไปบอกอาจารย์ของหล่อนที่โรงเรียน ว่าหล่อนเอาชื่อและคะแนนของฉันไปแอบอ้าง!”

“เธอ!” อู๋เสี่ยวเจี๋ยนโกรธจนอยากจะบีบคอเธอให้ตายเสีย

หลินม่ายเชิดหน้าขึ้น “ส่วนนาย? นับตั้งแต่คืนนี้ไปนายต้องนอนบนพื้น ไม่อย่างนั้นจงรับผลที่ตามมา!” 

พูดจบก็ขึ้นเตียงนอน

ในชาติที่แล้วเธอกับอู๋เสี่ยวเจี๋ยนเป็นสามีภรรยากัน และต้องทนนอนพื้นมาห้าปีเต็ม

กระทั่งเธอเปิดกิจการเล็ก ๆ ในเมืองจนหาเงินได้ จึงได้มีเงินทุนไปซื้อเตียงสนามมาเพิ่มอีกหนึ่งเตียง 

ไม่ใช่เพราะอู่เสี่ยวเจี๋ยนใจดีอะไรหรอก แต่ต้องการเกาะเธอเพื่อหารายได้มาช่วยปรนเปรอเสื้อผ้าเครื่องประดับของหลินเพ่ย ให้มีชีวิตเหมือนกับดาราสาวผู้โด่งดัง จะสร้างผลกระทบต่อรูปร่างหน้าตาของหล่อนไม่ได้

แต่โลกใบนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว อู่เสี่ยวเจี๋ยนก็ต้องนอนบนพื้น

อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจ้องเขม็งมาทางเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธอยู่เนิ่นนาน กระทั่งกัดฟันแล้วพูดว่า “จิตใจของเธอนับวันยิ่งร้ายกาจทุกวัน ฉันไม่มีวันรักเธอแน่นอน!”

ถ้าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนพูดแบบนี้ในอดีต เธอจะต้องตื่นตระหนก

เพราะเธอรักอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจนโงหัวไม่ขึ้น จึงยอมเชื่อฟังเขาไปเสียทุกอย่าง ยอมยกสินสอดของตัวเองให้หลินเพ่ย เพียงเพื่อให้เขาหันมามองตัวเองบ้าง

ยอมเป็นเครื่องมือหาเงินทั้งชีวิต เพื่อให้เขารู้สึกดีกับตัวเอง

เธอในตอนนั้นมีแค่ความคิดนี้ ถ้าเขาไม่สามารถรักเธอได้ตลอดชีวิตนี้ ชีวิตของเธอจะมีความหมายอะไร?

แต่เธอไม่ใช่เธอในอดีตอีกแล้ว เธอในตอนนี้เห็นความชั่วร้ายของเขาจนหมดสิ้น ทำไมจะต้องสนใจความรู้สึกที่เขามีต่อเธอด้วย!

ตอนนี้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนกลับเอาความรู้สึกนั้นมาขู่เธอ ช่างน่าขันสิ้นดี

หลินม่ายพ่นประโยคหนึ่งออกมาท่ามกลางความมืด “ไม่สนหรอก!”

อู๋เสี่ยวเจี๋ยนอึ้งงันไป เธอต้องร้องไห้คร่ำครวญเพราะเขาไม่ต้องการเธอไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงพูดกับเขาว่า ‘ไม่สน’ ?

คาดไม่ถึงว่าหญิงโง่คนนี้จะหลอกให้ตายใจ เขายิ้มเยาะอย่างเย็นชา “เราจะคอยดู ดูว่าเธอไม่สนหรือปากแข็งกันแน่!”

หลินม่ายยังมิวายพ่นออกไป “แม้แต่ความสามารถนายก็ยังไม่มี กล้าดียังไงถึงคิดว่าฉันสนใจ!”

ไม่เพียงแต่ไม่สนใจแล้ว เธอยังเตะเขาทิ้งท้ายหนึ่งทีอีกด้วย!

ต้องอยู่กับเขาตลอดชีวิตงั้นเหรอ? เป็นเครื่องมือหาเงินให้เขาและพี่สาวชั่ว? ในโลกใบนี้ พวกเขาอย่าได้แม้แต่จะคิด!

อู๋เสี่ยวเจี๋ยนโกรธจนลมออกหู

วันที่สองหลังแต่งงาน หลินม่ายต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงด่าทอด้วยความโกรธเคืองของเหยาชุ่ยฮวา

เธอขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งบนเตียง จากนั้นก็พูดกับอู๋เสี่ยวเจี๋ยนที่นอนอยู่ยบนพื้นว่า “เช้าวันนี้ฉันอยากกินไข่ตุ๋น ถ้าไม่มีไข่ตุ๋นก็รับผลที่ตามมาได้เลย”

ชาติที่แล้วเธอต้องออกไปทำงานในเมืองตั้งแต่อายุ 20 ปี ไม่มีปีไหนเลยที่จะได้ใช้ชีวิตกับอู๋เสี่ยวเจี๋ยนอย่างมีความสุข 

ตอนนี้เธอกลับมาเกิดใหม่ ได้อยู่ในบ้านของพวกเขาอีกครั้ง ไม่ว่าเธอจะอยากกินอะไร สวมเสื้อผ้าแบบไหน มันคือสิ่งที่เธอต้องทุ่มเทเมื่อครั้งในอดีต และเธอก็ต้องการเอาสิ่งเหล่านั้นกลับคืนมา ไม่จำเป็นต้องมารับผิดชอบเรื่องพวกนี้

อู๋เสี่ยวเจี๋ยนถลึงตาใส่เธอด้วยความโกรธอยู่เนิ่นนาน แต่กลับต้องทำตาม เพราะอนาคตของหลินเพ่ยสำคัญกว่า

เช้าตรู่ หลินม่ายต้องอยู่ท่ามกลางเสียงก่นด่าของเหยาชุ่ยฮวา ต้องกินไข่ตุ๋นและข้าวหนึ่งชามกับถั่วฝักยาวดองท่ามกลางสายตาโกรธเคืองของทุกคน

หมู่บ้านในตอนนี้ไม่นิยมกินบะหมี่ในตอนเช้า มื้อเช้าจะเป็นข้าวต้มเสียส่วนใหญ่

ครั้นกินเสร็จเธอก็วางตะเกียบ ไม่ล้างชาม ก่อนเดินตรงกลับห้องไป

เหยาชุ่ยฮวาโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ “หล่อนแต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้ สะใภ้ที่แต่งเข้ามาต้องทำทุกอย่าง เราสู่ขอสะใภ้ หรือสู่ขอบรรพบุรุษกันแน่!”

อู๋จินกุ้ยทนหลินม่ายไม่ไหวอีกต่อไป

ไม่รู้ว่านังหญิงสารเลวคนนี้จะควบคุมลูกชายของเขาได้ยังไง 

เพื่อเธอแล้วเขาต้องยอมทะเลาะกับแม่ตัวเองตั้งแต่เช้าตรู่ บังคับให้แม่ของเขาตุ๋นไข่ให้นังสารเลวนั้นกิน กินเสร็จก็สะบัดตูดหนีไม่ทำอะไร!

เขาตบโต๊ะอย่างแรง แล้ววิ่งไปยังหน้าประตูห้อง ก่อนจะหยิบเอามาดของเจ้าบ้านออกมาพูดกับหลินม่ายว่า “ถ้าเธอไม่ล้างจาน ฉันจะให้เสี่ยวเจี๋ยนจัดการเธอ!”

หลินม่ายหลุดหัวเราะ “คุณพ่อว่าลูกชายของคุณพ่อจะทุบฉันได้เหรอ ลูกชายของคุณพ่อยอมจัดการสองสามีภรรยาอย่างพวกคุณดีกว่าจัดการฉันอีกค่ะ!”

ประโยคนี้เธอไม่ได้พูดเหลวไหล

ในอดีตหลินเพ่ยอยากเลื่อนตำแหน่ง เจ้านายจึงบอกเป็นนัย ๆ ให้หล่อนเอาตัวเข้าแลกโดยไม่มีการผูกพัน

แต่หล่อนไม่ชอบตาแก่หัวล้านมีอายุ หล่อนจึงไม่ยอม เลยให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนวางยาอู๋เสี่ยวเถาผู้เป็นน้องสาว จากนั้นก็พาตัวอู๋เสี่ยวเถาไปนอนบนเตียงเจ้านายของหล่อน ถึงจะสามารถเลื่อนขั้นได้

ผู้ชายคนนั้นค่อนข้างวิปริตในเรื่องบนเตียง อู๋เสี่ยวเถาต้องได้รับความอัปยศ จึงร้องไห้คร่ำครวญมาบอกพ่ออู๋และแม่อู๋

พ่ออู๋และแม่อู๋โกรธจัดและวิ่งไปคิดบัญชีกับหลินเพ่ย แต่กลับถูกลูกชายคนโตของตัวเองตบหน้าจนบวมแดง

สองสามีภรรยาอู่จินกุ้ยเห็นหลินม่ายมั่นใจ จึงเข้าไปถามอู๋เสี่ยวเจี๋ยนด้วยความไม่สบายใจ “ลูกยอมจัดการพ่อแม่ดีกว่าจัดการหล่อนจริง ๆ เหรอ?”

หลินม่ายพูดเสริมว่า “เพื่อหลินเพ่ยแล้วเขาจะไม่มีวันสั่งสอนฉัน ดังนั้นเขาจึงกล้าสั่งสอนพวกคุณก็เพื่อหล่อน พวกคุณอย่าเกลียดผิดคนละ”

อู๋เสี่ยวเจี๋ยนชำเลืองมองเธอด้วยความโกรธแค้นแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดกับพ่อแม่ของเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย “หยุดทะเลาะกันได้แล้ว ผมเก็บจานไปล้างเอง!”

พฤติกรรมของเขาเป็นข้อพิสูจน์คำพูดของหลินม่ายได้ดี เหยาชุ่ยฮวาเห็นแล้วก็โกรธกระฟัดกระเฟียด 

นางคิดแผนการร้อยแปดพันเก้ามาจัดการหลินม่ายไว้แล้ว ประกอบกับความชิงชังที่ถูกสกุลหลินสูบเอาสินสอดไปมากมาย

แต่ตอนนี้ยังใช้ไม่ได้สักแผนการเดียว แถมลูกชายคนโตก็ยังมาทำให้นางโกรธอีก

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

คิดจะกดขี่ข่มเหงภรรยาเวอร์ชันนี้เหรอ ฝันไปเถอะสามีกะหลั่วเอ๊ย อย่ามาหอนมาโบ้ทีหลังแล้วกัน

ไหหม่า(海馬)