ตอนที่ 7 คุณหนูใหญ่ไร้มารยาท ตอนที่ 8

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 7 คุณหนูใหญ่ไร้มารยาท / ตอนที่ 8 วินิจฉัยโชคเคราะห์ของญาติครั้งแรก

ตอนที่ 7 คุณหนูใหญ่ไร้มารยาท

ชีวิตที่เกิดใหม่นำมาซึ่งความสุขความยินดี ทั้งยังขจัดหมอกควันชั่วร้ายของตระกูลฉินที่เพิ่งผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้สลายไปได้เล็กน้อยด้วย

นางฉินผู้เฒ่ามองหลานชายตัวน้อยทั้งคู่ สายตาของนางเปี่ยมไปด้วยความสุข แต่ก็ยังมีแววกังวลเล็กน้อย แล้วน้ำตาของนางก็ไหลริน

หากฝาแฝดคู่นี้เกิดมาเร็วกว่านี้สักปีคงจะดีกว่านี้มาก แต่ตอนนี้พวกเขากลับเป็นเด็กที่คลอดก่อนกำหนดตั้งแต่เจ็ดเดือน อ่อนแอและผอมแห้งจนไม่รู้จะเลี้ยงรอดหรือไม่

“ท่านแม่ ท่านเองก็เหน็ดเหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถิดเจ้าค่ะ ทางนี้ให้พวกสะใภ้ดูแลกันไปก็พอแล้ว” สะใภ้หวังเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยนเบาๆ

นางฉินผู้เฒ่าพยักหน้าพลางเอ่ย “ให้ใครไปจ้างแม่นมมาสักสองคนด้วย”

สะใภ้กู้คลอดลูกคราวนี้ไม่เพียงคลอดก่อนกำหนดเท่านั้น แต่ยังคลอดยากด้วย กว่าจะคลอดออกมาได้ก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอด แล้วยังต้องมาคอยเลี้ยงดูประคบประหงมทารกอีก หากหวังจะให้นางให้นมลูกอีกก็คงจะไม่เพียงพอ จึงต้องจ้างแม่นมมาช่วยเท่านั้น

ก่อนที่สะใภ้หวังจะได้พูดอะไรออกมา สะใภ้เซี่ยก็เอ่ยขึ้นก่อน “ท่านแม่ เราจะเอาเงินจากไหนมาจ้างแม่นมสองคนล่ะเจ้าคะ”

การยึดทรัพย์ค้นบ้านเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ตระกูลของพระสนมเหมิงกุ้ยเฟยจงใจปราบปรามพวกเขา ไม่ต้องพูดถึงของมีค่าเลย แม้แต่เครื่องประดับที่พวกนางสวมติดตัวไว้ยังถูกปลดออกไปด้วยไม่น้อย แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาจ้างแม่นมพร้อมกันถึงสองคนเล่า

“ต่อให้ไม่มีเงิน ก็ไม่มีแม้แต่จะให้เงินเดือนแม่นมสองคนเชียวหรือ” นางฉินผู้เฒ่าเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา

สะใภ้เซี่ยไม่ต้องการจะเดือดร้อนไปด้วยจึงเอ่ย “ท่านแม่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วพวกเราซื้อตัวสาวใช้มาสักกี่คนด้วยสิเจ้าคะ ที่ติดตามพวกเรามาก็มีแค่สามคน ครอบครัวใหญ่ออกอย่างนี้ ทั้งเด็กเล็กผู้ใหญ่จะดูแลกันได้ทั่วถึงอย่างไรเจ้าคะ”

ส่วนที่บ้านเก่าหลังนี้ก็มีบ่าวรับใช้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น

นางฉินผู้เฒ่าโกรธจนแทบหงายหลัง หญิงโง่คนนี้ยังคิดว่าตระกูลฉินเป็นเหมือนเมื่อก่อนที่มีบ่าวรับใช้ล้อมหน้าล้อมหลังอีกหรือ ฝันไปเถิด

“ไปหาแม่นมมาก่อนสองคน” นางฉินผู้เฒ่าคร้านจะถือสาหญิงโง่พวกนี้ หันไปสั่งสะใภ้คนโต “เด็กสองคนนี้เกิดก่อนกำหนดจึงต้องดูแลอย่างระมัดระวัง ควรจะมีแม่นมสองคน น้องสะใภ้สามของเจ้าก็ต้องอยู่ไฟให้ครบสองเดือนด้วย”

“เจ้าค่ะ”

“นังหนูซี…”

นางฉินผู้เฒ่าเพิ่งจะเอ่ยเรียกและมองไปรอบๆ แต่กลับพบว่าฉินหลิวซีไม่อยู่ตั้งนานแล้ว จึงอดอึ้งไปไม่ได้

ฉีหวงและหมอตำแย่ได้ช่วยกันจัดการทำความสะอาดทางสะใภ้กู้จนเรียบร้อยแล้ว เมื่อนางเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ย “คุณหนูของข้าเหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว จึงขอตัวไปพักผ่อนก่อน เชิญนายหญิงผู้เฒ่าไปพักผ่อนก่อนเถิดเจ้าค่ะ”

นางฉินผู้เฒ่า “!”

สะใภ้เซี่ยแค่นเสียงเบาๆ “ผู้อาวุโสยังอยู่นี่กันหมด ทั้งยังอดหลับอดทนกันทั้งคืน นางเป็นเด็กเป็นเล็กกลับจากไปโดยไม่บอกกล้าวสักคำ ช่างไร้มารยาทเสียจริง!”

ฉีหวงเอ่ยเรียบๆ “คุณหนูของข้าทั้งฝังเข็มทั้งนวดให้ฮูหยินสาม เหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจอย่างมาก อีกอย่างสุขภาพร่างกายของนางก็ไม่ค่อยดี ฮูหยินรองน่าจะรู้เรื่องนี้ดี ก็ไม่น่านำเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้มาทำให้คุณหนูของเราต้องลำบากจึงจะถูกนะเจ้าคะ” ถึงอย่างไรที่คุณหนูถูกส่งตัวมาเติบโตที่บ้านเก่านี้ก็เป็นเพราะสาเหตุนี้

“เจ้า!” สะใภ้เซี่ยโมโหมาก นังเด็กบ้านี่ปากดีนัก

ฉีหวงย่อกายลงคำนับหญิงชราพลางเอ่ย “นายหญิงผู้เฒ่า บ่าวยังจะต้องจัดยาให้ฮูหยินสามตามคำสั่งของคุณหนูใหญ่ ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”

นางฉินผู้เฒ่าโบกมืออย่างเหนื่อยล้า

ฉีหวงเพิ่งจะเดินออกไปพร้อมกับหมอตำแยได้ไม่นานก็มีเสียงนางฉินผู้เฒ่าตำหนิสะใภ้เซี่ยดังออกมาจากในห้อง นางตะคอกอย่างเย็นชา

“ท่านแม่ อย่าได้โมโหไปเลยเจ้าค่ะ รักษาสุขภาพด้วย น้องสะใภ้รอง เจ้ารีบขอโทษท่านแม่แล้วออกไปพักผ่อนพร้อมท่านแม่เสียเถิด” สะใภ้หวังไม่พอใจสะใภ้รองผู้นี้ยิ่ง นี่มันเวลาอะไร ไม่มีเรื่องก็ยังหาเรื่องได้ อีกฝ่ายไม่เหนื่อยบ้างหรือ ตัวนางเองยังเหนื่อยจนจะไม่ไหวอยู่แล้ว

สะใภ้เซี่ยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหยุด นางเอ่ยเอาอกเอาใจหญิงชราเล็กน้อยและกำลังจะประคองหญิงชราออกไป อย่างไรก็ตาม หลังจากพวกนางก้าวไปได้เพียงก้าวเดียว ร่างของหญิงชราก็อ่อนแรงและล้มลงทันที

“ท่านแม่!”

ตอนที่ 8 วินิจฉัยโชคเคราะห์ของญาติครั้งแรก

ฉินหลิวซีดึงมือที่จับชีพจรกลับมา สีหน้าของนางดูย่ำแย่เล็กน้อย

นางเกลียดการถูกรบกวนเวลานอนที่สุด

“ซีเอ๋อร์ ท่านย่าของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” สะใภ้หวังเห็นสีหน้าย่ำแย่ของฉินหลิวซีแล้ว รู้สึกใจไม่ดีขึ้นมาทันที

ฉินหลิวซีลืมตาขึ้นและถามไปคนละเรื่อง “ปีนี้ท่านย่าอายุเท่าไหร่เจ้าคะ”

สะใภ้หวังและคนอื่นๆ ตกตะลึงไปทันที

“ท่านย่าของเจ้าปีนี้อายุห้าสิบห้าปีแล้ว” สะใภ้หวังเอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว “เพียงแต่ ซีเอ๋อร์ เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับสุขภาพร่างกายของท่านย่าเจ้าด้วยหรือ”

ฉินหลิวซีสอดมือของนางฉินผู้เฒ่ากลับเข้าไปใต้ผ้าห่มแล้วเอ่ยเรียบๆ “ท่านย่าอายุมากแล้วประจวบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ คาดว่าหลายวันมานี้คงจะพยายามยืนหยัดรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ตอนนี้พอเชือกที่ตึงแน่นคลายออกแล้วจึงทนไม่ได้อีกต่อไป หดหู่ วิตกกังวล คิดมากจึงได้หมดสติไปเช่นนี้”

นางขยับนิ้วคำนวณเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรเกี่ยวกับความมั่งคั่ง ความยากจน โชคดีหรือโชคร้ายในชีวิตของหญิงชราที่นางสามารถทำนายได้จากการจับชีพจร

ดวงชะตาของนางฉินผู้เฒ่านั้นเกิดในตระกูลขุนนาง ชีวิตคู่ราบรื่น ลูกหลานเต็มบ้าน แต่ตอนนี้ตรงโถงน้ำตาของนางปรากฏเส้นยุ่งเหยิง บุตรธิดาโชคร้าย เกรงว่าจะหาความสุขในครอบครัวได้ยาก ชีพจรของนางบ่งบอกถึงบั้นปลายที่ลำบาก ร่างกายพิการ และนางเองก็จะอยู่ได้ไม่นาน

ฉินหลิวซีจึงได้ถามถึงอายุของหญิงชรา นางอายุห้าสิบห้า เหลือเวลาไม่มากแล้ว!

ฉินหลิวซีลดสายตาของนางลง ยิ่งทำให้สีหน้าของนางดูเฉยเมยมากขึ้นไปอีก

“แล้วจะรักษาอย่างไร ไม่สิ เจ้ารักษาได้หรือไม่ พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าว่าเรียกหมอมาดูอาการท่านแม่น่าจะดีกว่านะเจ้าคะ” สะใภ้เซี่ยกังวลร้อนใจเล็กน้อย

นอกจากหญิงชราจะเป็นแม่สามีของนางแล้วก็ยังเป็นอาหญิงของนางด้วย นางฉินผู้เฒ่าเป็นที่พึ่งของนางในตระกูลฉินนี้ จะเป็นอะไรไปไม่ได้ ฉินหลิวซีเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เรียนวิชาแพทย์มาจากไหนก็ไม่รู้ อาจจะเรียนไม่จบก็ได้ จะฝากความหวังไว้ที่อีกฝ่ายคนเดียวไม่ได้

ใบหน้าของฉินหลิวซีมืดมน “นี่ท่านกำลังสงสัยข้าหรือ”

นางไม่พอใจ ถึงกับสงสัยในความสามารถของนางเสียด้วย

เมื่อสะใภ้หวังเห็นสีหน้าบึ้งตึงของฉิวหลิวซีก็ขึงตาใส่สะใภ้เซี่ยทันที จากนั้นจึงเอ่ย “ข้าเห็นว่าซีเอ๋อร์ตัดสินใจได้ดี บ้านเราเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ไม่ว่าอะไรๆ ก็ต้องอาศัยท่านแม่ ตอนนี้พอผ่อนคลายลงแล้ว มันก็สะท้อนผลเป็นธรรมดา แต่ซีเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้ท่านแม่ก็เคยไม่สบาย ขอให้หมอมาช่วยจับชีพจรตรวจอาการให้นางด้วยได้หรือไม่”

ฉินหลิวซียังพอไว้หน้าแม่ใหญ่ผู้นี้บ้าง “พวกท่านจะทำอะไรก็ตามใจเถิด” แล้วจึงหันไปก็เอ่ยกับฉีหวง “เดี๋ยวเจ้าให้ลุงหลี่ไปที่โรงหมอซ่ง เชิญท่านหมอมาตรวจชีพจรให้ท่านย่าหน่อย”

“เจ้าค่ะคุณหนู”

ฉินหลิวซีเอ่ยจบแล้วและกำลังจะจากไป แต่สะใภ้หวังก็หยุดนางไว้ก่อน

“ซีเอ๋อร์ บ้านเรามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ บ่าวรับใช้ที่ติดตามพวกเรามาด้วยก็มีแค่สามคนเท่านั้น สองคนคือติงหมัวหมัวและจวี๋เอ๋อร์ที่คอยรับใช้ท่านย่าของเจ้า และอีกคนคือเสิ่นหมัวหมัวที่อยู่ข้างกายข้า ตอนนี้อาสะใภ้สามของเจ้าต้องใช้แม่นมสองคนเพื่อดูแลน้องชายของเจ้าสองคนอีก พวกเราก็ไม่ค่อยจะรู้จักคุ้นเคยกับเมืองหลีเท่าไรนัก เรื่องนายหน้าหาคนทำงานนี่เจ้าว่าอย่างไรบ้าง”

ฉินหลิวซีเอ่ย “แค่สั่งให้ลุงหลี่ไปจัดการหาคนมาก็พอ ส่วนเรื่องอื่น…” นางหยุดไปสักพักก่อนจะพูดกับฉีหวง “เจ้าคอยอยู่ใกล้ฮูหยินคอยรับใช้พวกนาง ช่วยจัดการงานจิปาถะพวกนี้ให้เข้าที่ไปก่อน”

“แต่คุณหนูจะไม่มีคนคอยดูแล” ฉีหวงลังเลเล็กน้อย

“ยังมีเฉินผีอยู่ไม่ใช่หรือ ข้าเองก็ไม่ได้ออกไปข้างนอก หากมีอะไรข้าจะให้เขามาบอกเจ้า” สีหน้าของฉินหลิวซีปรากฏแววหงุดหงิด นางต้องการนอนพักผ่อนเดี๋ยวนี้

ฉีหวงได้ยินน้ำเสียงก็รู้ทันทีว่านางหงุดหงิดเพราะอดนอนแล้ว จึงรับคำอย่างรวดเร็ว

ฉินหลิวซีเดินออกไปจากห้องโดยไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ

“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านดูสิ นางชักสีหน้าใส่พวกเราใช่หรือไม่ ท่านต้องสั่งสอนมารยาทนางจริงๆ แล้ว” สะใภ้เซี่ยโกรธจัด

สะใภ้หวังรำคาญใจเล็กน้อย เหลือบมองสะใภ้เซี่ยแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สะใภ้รอง เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าพวกเราอยู่ในสถานการณ์เช่นไร”

สะใภ้เซี่ยตกตะลึง เม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย “ข้าจะไปดูท่านแม่สักหน่อย”

สะใภ้หวังนวดหว่างคิ้วด้วยความเหนื่อยล้าสุดแสน วันที่เลวร้ายเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเอง!