ในขณะเดียวกันกับที่อารอนกำลังจับเวลาเพื่อรอฉีดยาอะไรบางอย่างให้กับอลิซอยู่นั้น ทางด้านในป่าด้านหน้าคลินิกเองก็ได้มีชายหนุ่มสองคนที่สวมใส่ชุดเกราะหนังกับชุดผ้าคลุมสีแดงปิดหน้าปิดตากำลังค่อยๆ ย่างเท้าเข้าไปใกล้ตัวคลินิกด้วยท่าทางระมัดระวังเต็มเปี่ยมอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน

โคร๊ม!!

“——!?”

แต่ว่าทันใดนั้นเองประตูคลินิกที่เป็นเป้าหมายของพวกเขาก็กลับถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรงจนทำให้ทั้งสองคนถึงกับสะดุ้งไปเล็กน้อยก่อนที่พวกเขาจะรีบสะบัดปืนในมือที่มีรูปร่างแตกต่างไปจากปืนยาวของพรีมูล่าค่อนข้างมากไปทางเด็กสาวร่างเล็กที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาทางพวกเขาอย่างรวดเร็วและร้องสั่งเธอออกมา

“หยุด! อย่าขยับ!!”

“ปืนกลเบารุ่นล่าสุดของเมืองแพนเทร่างั้นหรอ…”

อลิซที่ได้ยินเสียงร้องสั่งของหนึ่งในทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงได้ขมวดคิ้วจ้องมองดูปืนที่หน้าตาแปลกไปจากปืนยาวหรือปืนพกสั้นที่ใช้กันอย่างแพร่หลายอยู่ชั่วขณะก่อนจะพูดพึมพำออกมาและเร่งฝีเท้าพุ่งเข้าใส่ทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงทั้งสองคนให้รวดเร็วกว่าเดิมจนทำให้หนึ่งในทหารรับจ้างพวกนั้นตัดสินใจที่จะเปิดฉากยิงเข้าใส่เด็กสาวผมสีขาวในทันที

“ยิงเลย!”

ปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้ง!!

ในทันทีที่ทหารรับจ้างคนที่พูดสั่งขึ้นมาได้กดนิ้วลงบนไกปืนของเขามันก็ได้ลั่นกระสุนพลังงานวิซสีเขียวออกมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ทางด้านทหารรับจ้างอีกคนหนึ่งนั้นกลับมีท่าทีลังเลเล็กน้อยเมื่อเขาได้เห็นว่าคนที่กำลังพุ่งเข้ามาเป็นเพียงแค่เด็กสาวคนหนึ่งจนทำให้ฝนกระสุนพลังงานวิซที่เป็นสีเหลืองของเขาถูกส่งออกมาช้ากว่าเพื่อนของเขาไปจังหวะหนึ่ง

“คิดถูกจริงๆ ที่ขอยืมของตานั่นมาใช้ก่อนแบบนี้น่ะ…”

ถึงแม้ว่าทางด้านอลิซจะเห็นว่ามีห่าฝนกระสุนวิซสองสีกำลังพุ่งเข้ามาหาเธออย่างต่อเนื่องแต่ว่าเธอก็กลับไม่มีท่าทีกังวลใจเลยแม้แต่น้อยและสะบัดใบดาบสีขาวที่กำลังเรืองแสงสีเขียวอ่อนออกมาจางๆ ไปทางเบื้องหน้าพร้อมกับร้องตะโกนออกมา

“พี.คิว ออน!!”

ปึ๊ก! ปึ๊ก! ปึ๊ก! ปึ๊ก!

ใบดาบสีขาวที่อลิซสะบัดมันออกไปนั้นได้ทำให้เกิดกำแพงอากาศสีเขียวอ่อนแบบเดียวกับที่อารอนเคยใช้มันป้องกันกระสุนน้ำแข็งของพรีมูล่าให้กับนากาอย่างไม่มีผิดเพี้ยนก่อตัวขึ้นมาเบื้องหน้าของเธอและมันก็ได้ช่วยปกป้องตัวเธอจากห่าฝนกระสุนที่กำลังพุ่งเข้ามาจนทำให้อลิซสามารถย่นระยะเข้าไปใกล้ทหารรับจ้างทั้งสองคนได้อย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องหลบหลีกเลยแม้แต่น้อย

“นั่นมัน… ควอรันทีนของฉันงั้นหรอ…?”

ภาพของกำแพงอากาศที่ปรากฏขึ้นมานั้นได้ทำให้อารอนที่ปกติแล้วจะทำหน้าเฉยชาเหมือนกับเบื่อหน่ายโลกอยู่ตลอดเวลาถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะว่าเมื่อดูผ่านๆ แล้วมันแทบจะไม่แตกต่างไปจากกำแพงอากาศที่เขาใช้เป็นประจำเลยแม้แต่น้อย

แกร๊ก—

แต่ว่าหลังจากนั้นไม่นานท่าทางเคร่งเครียดของอารอนก็ได้ผ่อนคลายลงไปเล็กน้อยเมื่อเขาได้เห็นว่ากำแพงอากาศที่อลิซใช้งานมันออกมาได้เกิดรอยแตกร้าวขึ้นมาเป็นวงกว้างในทุกๆ ครั้งที่มีกระสุนวิซตกกระทบเข้าใส่มัน

“ให้ตายสิ…”

ในขณะเดียวกันทางด้านอลิซที่ได้เห็นว่ากำแพงอากาศสีเขียวอ่อนของเธอเปราะบางกว่าที่เธอคาดการณ์เอาไว้มากก็ได้แต่ต้องเริ่มที่จะคิดหาแผนการอย่างอื่นที่ไม่ใช่การชนกับศัตรูตรงๆ แบบนี้แทน

เปรี๊ยะ—!

แต่แล้วในขณะที่อลิซกำลังพยายามคิดหาแผนการเพื่อย่นระยะเข้าไปให้ใกล้ทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงทั้งสองคนให้มากขึ้นกว่าเดิมเพื่อที่จะได้ใช้ดาบในมือของเธอโจมตีเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามอยู่นั้น อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงแตกร้าวดังลั่นดังออกมาจากตัวปืนของทหารรับจ้างที่เป็นคนยิงกระสุนวิซสีเขียวออกมาก่อนที่ทันใดนั้นเองฝนกระสุนวิซสีเขียวของเขาจะหยุดลงไปอย่างกะทันหันพร้อมๆ กับที่ชายหนุ่มผู้ที่เป็นเจ้าของปืนได้แต่ต้องร้องสบถออกมาด้วยความอารมณ์เสีย

“เฮ้ย—มันใช่เวลามั้ยเนี่ย—”

หลังจากที่สิ้นเสียงของทหารรับจ้างหนุ่มคนนั้นเขาก็ได้รีบยื่นมือไปดึงเอาตลับกระสุนที่ถูกเสียบเอาไว้ที่ตรงกลางตัวปืนออกมาและโยนมันทิ้งออกไปไกลก่อนจะล้วงเอาตลับกระสุนอันใหม่ออกมา ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็ได้ทำให้เพื่อนทหารรับจ้างของเขาได้แต่ต้องเหลือบตากลับมามองเขาเล็กน้อยด้วยความเหนื่อยใจ

แต่ทว่าในชั่วขณะที่เขาละสายตาออกมาจากเด็กสาวผมสีขาวนั้นเขาก็กลับได้พบว่าเด็กสาวผมสีขาวที่เมื่อสักครู่นี้กำลังพุ่งตรงเข้ามาโดยใช้กำแพงอากาศสีเขียวอ่อนในการป้องกันตัวเองได้หายไปจากเบื้องหน้าเขาซะแล้วจนทำให้เขาได้แต่ต้องพูดพึมพำออกมาด้วยความประหลาดใจ

“หายไปไหน…..”

“เสร็จฉันล่ะ…!”

“—!?”

เสียงของอลิซที่ดังขึ้นมาจากเบื้องล่างในระยะประชิดนั้นได้ทำให้ทหารรับจ้างหนุ่มสะดุ้งสุดตัวเมื่อเขาได้พบว่าอลิซได้ฉวยโอกาสเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งวินาทีที่เขาละสายตาออกมาจากเธอเพื่อไถลตัวพุ่งเข้ามาถึงตัวเขาในระยะประชิดเสียแล้วอีกทั้งเธอก็ยังมีท่าทีเหมือนกับมั่นใจว่าจะสามารถจัดการเขาได้อย่างง่ายๆ ได้อีกด้วย

“อย่ามาดูถูกกันนะโว้ยยัยเด็กนี่!!”

ทหารรับจ้างหนุ่มได้ร้องตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับพยายามที่จะดีดตัวถอยไปทางด้านหลังเพื่อที่จะได้ใช้ปืนกลในมือของเขาสาดกระสุนเข้าใส่อลิซอีกครั้งหนึ่ง

“ช้าน่า!! พี.คิว.ออน!”

แต่ถึงอย่างนั้นการกระทำของเขาก็จัดว่าเชื่องช้าไปเล็กน้อยเมื่ออลิซได้สะบัดดาบสีขาวของเธอเข้าใส่กลางลำตัวของเขาก่อนที่เขาจะทันได้ขยับตัวเสียอีก

วิ๊ง—

ในจังหวะที่ทุกคนคิดว่าจะได้เห็นเลือดสีแดงสดสาดกระจายออกมาจากร่างกายของทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงนั้นเอง ตัวใบดาบสีขาวของอลิซก็ได้เรืองแสงสีเขียวออกมาเล็กน้อยก่อนที่มันจะสร้างกำแพงอากาศสีเขียวอ่อนขนาดเล็กๆ ขึ้นมาที่เบื้องหน้าของใบดาบเอาไว้จนทำให้คมดาบของเธอไม่สัมผัสถูกร่างกายของอีกฝ่ายก่อนที่ตัวกำแพงอากาศจะแตกกระจายออกในจังหวะที่มันกระทบเข้ากับร่างกายของทหารรับจ้างผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น

เพล๊ง!!

“อ๊ากกกกก!?”

ทหารรับจ้างหนุ่มที่ถูกใบดาบที่ห่อหุ้มด้วยกำแพงอากาศหวดเข้าใส่นั้นได้ส่งเสียงกรีดร้องทิ้งท้ายเอาไว้เมื่อร่างกายของเขาได้ถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนปลิวกระเด็นหายเข้าไปในบริเวณป่าด้านหน้าหมู่บ้านในขณะที่ทางด้านทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงอีกคนหนึ่งที่กำลังจัดการเปลี่ยนตลับกระสุนอยู่ก็ได้แต่ต้องหันไปมองตามร่างของเพื่อนเขาที่กำลังปลิวกระเด็นอยู่ด้วยความตกตะลึงและรีบเร่งมือเปลี่ยนตลับกระสุนก่อนจะใช้มันสาดกระสุนวิซสีเหลืองจำนวนมากเข้าใส่ร่างของอลิซอีกครั้ง

“ด๊อค!? หนอยแก!!”

ปั้งปั้งปั้งปั้ง

“กระบอกที่ตกอยู่นั่นเป็นธาตุลมงั้นสินะ…”

อลิซที่เห็นว่าคู่ต่อสู้ของเธอได้สาดกระสุนวิซสีเหลืองจำนวนมากออกมาได้เหลือบตาไปมองปืนกลเบาของทหารรับจ้างคนที่เธอเพิ่งจะดีดกระเด็นออกไปเผลอทำหลุดมือทิ้งเอาไว้ไม่ห่างไปจากร่างของเธอสักเท่าไหร่นักและออกตัวพุ่งไปคว้ามันมาถือเอาไว้พร้อมกับสร้างกำแพงอากาศขึ้นมาในแนวนอนก่อนที่เธอจะกระโดดขึ้นไปเหยียบมันเอาไว้

ฟุ๊บ—เพล้ง!!

ในชั่วพริบตาที่ฝ่าเท้าของอลิซสัมผัสเข้ากับกำแพงอากาศนั้นมันก็ได้แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับดีดร่างกายของเธอขึ้นไปสูงกลางอากาศจนทำให้ทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงคนที่เหลืออยู่แสยะยิ้มออกมา

“โง่หรือเปล่ายัยเปี๊ยก!! อยู่กลางอากาศแบบนั้นแล้วจะหลบยังไ—”

ในขณะที่ทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงที่ดูท่าทางว่าเหมือนจะเลือดร้อนกว่าเพื่อนของเขามากพอตัวกำลังจะพูดดูถูกอลิซออกมาและสาดกระสุนเข้าใส่เธอนั้น เขาก็ได้แต่ต้องรีบยกมือขึ้นมาบังหน้าของตัวเองเอาไว้เพราะว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหลังร่างกายของอลิซนั้นก็คือดวงตะวันยามเที่ยงวันที่กำลังสาดแสงแดดแรงกล้าสวนกลับลงมาจนทำให้เขาถึงกับตาพร่านั่นเอง

“ธาตุลม… ธาตุลม… เอาล่ะ…!”

ปังปังปังปังปัง!! เพล้ง!!

ส่วนทางด้านอลิซที่กำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศนั้นก็ได้พลิกตัวปืนกลเบาไปมาเล็กน้อยเพื่อสำรวจดูกลไกของมันก่อนที่เธอจะจับมันเอาไว้อย่างทะมัดทะแมงแล้วจึงลั่นไกส่งกระสุนออกมาอย่างต่อเนื่องจนคริสตัลที่ถูกบรรจุเอาไว้ด้านในตลับกระสุนส่งเสียงแตกร้าวออกมาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามันถูกใช้งานจนเกิดขีดจำกัด

“ชิ!”

ถึงแม้ว่าทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงเลือดร้อนคนนั้นจะตาพร่าจนแทบจะมองไม่เห็นอะไรแต่ว่าเขาก็ยังสามารถคาดเดาได้จากเสียงปืนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเขาจึงได้รีบพุ่งตัวหลบไปทางด้านข้างอย่างรวดเร็วและเล็งปืนไปยังบริเวณที่อลิซน่าจะร่วงหล่นลงมาพร้อมกับลั่นไกปืนในมือของเขาออกไปในทันที

ผลัก!

“—!?”

แต่ทว่าก่อนที่นิ้วของเขาจะได้กดลงไปที่ไกปืนนั้นอยู่ๆ ไหล่ของเขาก็ถูกกระแทกอย่างแรงโดยปืนกลเบาที่อลิซถือเอาไว้เมื่อสักครู่นี้ก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีเสียงของอลิซดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเขา

“ทีนี้ก็ตามเพื่อนของนายไปซะ!! พี.คิว.!”

“…ยังหรอกโว้ย!!”

เคล๊ง!

ถึงแม้ว่าทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงเลือดร้อนคนนั้นจะถูกอลิซบุกเข้าประชิดตัวทางด้านหลังได้อย่างไม่ทันตั้งตัวก็ตามแต่ว่าเขาก็ยังสามารถที่จะสะบัดมือไปดึงเอาดาบที่เขาพกติดตัวไว้ออกมาป้องกันตัวเองจากคมดาบของอลิซเอาไว้ได้ทันถึงแม้ว่าดาบของเขาจะถูกดีดอย่างแรงเพราะตัวกำแพงอากาศสีเขียวที่แตกกระจายออกจนแทบจะปลิวกระเด็นหลุดมือออกไปก็ตามที

“……..”

และในชั่วขณะเดียวกันนั้นเอง ทางด้านอารอนที่คอยเฝ้าดูสถานการณ์จากทางด้านในคลินิกและได้เห็นว่าผู้บุกรุกกำลังวุ่นวายอยู่กับการรับมืออลิซในระยะประชิดก็ได้ดันหลังนากากับพรีมูล่าเบาๆ เป็นสัญญาณให้ทุกๆ คนรีบขึ้นไปแอบอยู่บนรถเพื่อเตรียมพร้อมการเดินทางกันก่อน

“ตอนนี้ล่ะ… พวกเรารีบแอบไปปีนขึ้นรถกันก่อนเร็ว…”

“อื้อ!!”

“อย่าเพิ่งส่งเสียงดังสิพรีมูล่า”

ถึงแม้ว่าอารอนจะกระซิบบอกกับทุกคนเบาๆ แล้วก็ตาม แต่ว่าทางด้านพรีมูล่านั้นกลับมีท่าทีตื่นเต้นขึ้นมาและขานตอบอารอนกลับไปเสียงดังจนทำให้ทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงที่ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเหลือบตากลับไปมองทางด้านคลินิกและได้พบเข้ากับทุกๆ คนที่กำลังแอบย่องออกมา ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาได้รีบตัดสินใจที่จะดีดตัวถอยหลังเว้นระยะห่างออกมาจากอลิซก่อนพร้อมกับยกมือขึ้นมาเป่าปากส่งสัญญาณให้กับพรรคพวกของเขาที่เหลืออยู่ในทันที

“ชิ—คิดจะหนีงั้นหรอ…”

ฟวี๊~~~

“พี.คิว.ออน!!”

เพล๊ง!!

ถึงแม้ว่าอลิซจะรีบพุ่งตัวตามไปเพื่อหวังที่จะจัดการเขาให้ได้ก่อนที่เขาจะได้เรียกกำลังเสริมมาก็ตามที แต่ว่ามันก็ไม่ทันการเพราะว่าทันทีที่สิ้นเสียงเป่าปากของทหารรับจ้างหนุ่ม อลิซก็สามารถสัมผัสได้ว่ากลุ่มคนอีกสองคนที่ในตอนแรกยืนเฝ้าระวังอยู่ที่บริเวณด้านหลังคลินิกกำลังเคลื่อนตัวมาทางนี้อย่างรวดเร็วเสียแล้วจนทำให้เธอได้แต่ต้องรีบหันไปทางนั้นเพื่อเตรียมรับมือในทันที

“เอาล่ะ…ต่อไปก็—อึ้ก–!?”

แต่แล้วในขณะที่อลิซกำลังจะพุ่งตัวเพื่อเข้าไปดักรอโจมตีกำลังเสริมของทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงที่หัวมุมของคลินิกนั้นเธอก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ไหล่ซ้ายของเธอเมื่อแผลบนไหล่ของเธอได้เปิดออกอีกครั้งเพราะการต่อสู้เมื่อสักครู่นี้จนทำให้เธอต้องพูดบ่นออกมา

“ตกลงยาที่ตานั่นให้มามันใช้ได้ผลจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย…”

ในขณะที่อลิซกำลังตรวจสอบสภาพไหล่ซ้ายของตนเองด้วยความหงุดหงิดอยู่นั้น กำลังเสริมของทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงที่เป็นชายหญิงคู่หนึ่งที่แต่งตัวด้วยเครื่องแบบแบบเดียวกันก็ได้วิ่งโผล่พ้นมุมอาคารออกมาพร้อมกับร้องสั่งทุกคนขึ้นมาเสียงดัง

“หยุด! อย่าขยับ!!”

“หยุดวิ่งแล้ววางอาวุธลงเดี๋ยวนี้!!”

ในขณะที่ทางด้านทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงที่เป็นผู้หญิงได้พูดสั่งอลิซที่ใช้ดาบสีขาวของเธอปักเอาไว้กับพื้นเพื่อพยุงตัวเองเอาไว้ออกมา ทางด้านทหารรับจ้างชายอีกคนหนึ่งก็ได้ร้องสั่งพวกนากาและอารอนกับพยาบาลผมบลอนด์ของเขาที่กำลังวิ่งตรงไปยังรถบรรทุกขึ้นมาเสียงดังพร้อมกับเล็งปืนกลเบาในมือเข้าใส่จนทำให้ทุกคนต้องหยุดฝีเท้าลงตามที่อีกฝ่ายพูดสั่งขึ้นมาก่อนแต่โดยดี

“………”

ในขณะที่ทุกคนกำลังเหลือบตามองดูท่าทีของกันและกันอยู่จนดูเหมือนว่าพวกเขากำลังปรึกษากันโดยไร้ซึ่งคำพูดนั้น ทางด้านพรีมูล่าที่คิดน้อยที่สุดและถือคติประจำใจว่ามีเพียงแค่พี่ชายกับเพื่อนๆ ของเธอเท่านั้นที่สามารถสั่งให้เธอทำสิ่งต่างๆ ได้ก็ได้แอบเอื้อมมือไปสัมผัสกับปืนยาวของเธออย่างช้าๆ

“ก็บอกว่าอย่าขยับไง! ฉันเตือนแล้วนะ!!”

ทหารรับจ้างชายที่เห็นการกระทำของพรีมูล่าได้ร้องเตือนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับขยับปืนกลเบาในมือของเขาเล็กน้อยเพื่อเป็นการข่มขู่ ซึ่งการตักเตือนของทหารรับจ้างหนุ่มนั้นก็ได้ทำให้นากาต้องเหลือบตาไปมองทางด้านพรีมูล่าเล็กน้อยด้วยความสงสัยก่อนที่เขาจะรีบพุ่งมือไปคว้าข้อมือของพรีมูล่าเอาไว้เพื่อห้ามปรามเธอเอาไว้ก่อน

“หยุดเลยนะพรีมูล่า”

ปั้ง!!

แต่ทว่าการขยับตัวอย่างกะทันหันของนากาก็กลับทำให้ทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงเข้าใจไปว่าเด็กหนุ่มกำลังเล่นลูกไม้อะไรบางอย่างอยู่เขาจึงได้ลั่นไกส่งกระสุนออกมาหนึ่งนัดเพื่อเป็นการตักเตือน เพราะคิดว่าไม่ว่ายังไงกระสุนพลังวิซหนึ่งนัดจากปืนกลเบารุ่นใหม่ของเขาที่มีความรุนแรงน้อยกว่าปืนยาวรุ่นเก่าที่ยิงได้ทีละนัดของพรีมูล่ามากก็น่าจะเพียงพอที่จะข่มขู่กลุ่มคนเบื้องหน้าที่เป็นเด็กวัยรุ่นไปซะเกินครึ่งได้และไม่ทำให้เกิดอันตรายอะไรมากนักอยู่แล้ว

แต่ถึงอย่างนั้นทหารรับจ้างหนุ่มก็กลับไม่ได้รู้ว่าในกลุ่มคนเบื้องหน้าของเขามีเด็กหนุ่มอย่างนากาที่ไม่มีพลังวิซปะปนอยู่ด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วเวลาที่กระสุนวิซตกกระทบกับร่างกายของใครสักคน มันก็จะถูกพลังวิซที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเป้าหมายตามธรรมชาติอยู่ตลอดเวลาหักล้างจนสูญเสียพลังทำลายส่วนมากไปจนทำให้คนที่โดนยิงรู้สึกเหมือนกับถูกต่อยหนักๆ เต็มแรงด้วยสนับมือหรือว่าถูกเขวี้ยงก้อนหินแข็งๆ ใส่อย่างแรงเพียงเท่านั้น

ซึ่งถึงแม้ว่าตัวนากาที่ไม่สามารถใช้วิซได้จะไม่รู้เรื่องนี้เพราะว่ายังไม่เคยมีใครบอกเขาก็ตาม แต่ว่าทางด้านอารอนนั้นกลับรู้ดีว่ากระสุนวิซที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาจะสามารถทำอันตรายให้กับเด็กหนุ่มผมสีดำที่ไม่สามารถใช้วิซได้มากขนาดไหนเขาจึงได้สะบัดร่มสีดำของเขาไปทางเบื้องหน้าเพื่อเตรียมที่จะสร้างกำแพงอากาศขึ้นมาป้องกันให้กับเด็กหนุ่มในทันที

เพล้ง—

แต่ว่าก่อนที่กำแพงอากาศของอารอนจะได้ปรากฏขึ้นมานั้น อยู่ๆ หนึ่งในกระจกหน้าต่างของคลินิกก็ได้แตกกระจายออกพร้อมๆ กับที่มีชายร่างยักษ์ผิวสีขาวซีดกับผมสีขาวที่มีส่วนสูงมากกว่าสองเมตรพุ่งตัวออกมาจากหน้าต่างของคลินิกมาหยุดอยู่ที่เบื้องหน้ากลุ่มของนากาและยื่นมือของเขาออกมาบังกระสุนวิซที่กำลังพุ่งเข้ามาหาอย่างไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

ปึ๊ก!!

“………”

กระสุนวิซที่ตกกระทบกับฝ่ามือของชายร่างยักษ์ได้หมุนควงพยายามที่จะเจาะผิวหนังของชายร่างยักษ์อยู่ชั่วขณะก่อนที่มันจะแตกสลายหายไปโดยทิ้งเอาไว้เพียงแค่รอยแดงเล็กน้อยบนผิวสีขาวซีด

ซึ่งชายร่างยักษ์ก็ได้หรี่นัยน์ตาสีแดงของเขาจ้องมองทหารรับจ้างชายด้วยสายตาเยือกเย็นจนทำให้ทหารรับจ้างหนุ่มเผลอก้าวถอยไปสองสามก้าวก่อนที่ชายร่างยักษ์จะละสายตาออกมาเพื่อหันกลับไปทางด้านหน้าต่างบานที่เขาพุ่งตัวออกมาที่ในขณะนี้ได้มีหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่มีเส้นผมสีแดงและมีหูกับหางจิ้งจอกฟูๆ กำลังชะโงกหน้าออกมามองดูเรื่องที่เกิดขึ้นภายนอกคลินิกด้วยท่าทีสนอกสนใจจนทำให้ชายร่างยักษ์ที่เห็นแบบนั้นได้แต่ต้องพูดสั่งขึ้นมาสั้นๆ

“เอริ ไปขับรถ…”

“เห~~ ต้องกลับตอนนี้เลยจริงหรอ~ ฉันยังไม่ทันได้พักให้หายเหนื่อยเลยนะ~”

“แต่ตอนขามาเธอแทบไม่ได้ขับ…”

ชายร่างยักษ์ผมสีขาวได้พูดตอบหญิงสาวหูจิ้งจอกที่ถูกเรียกว่าเอริกลับไปสั้นๆ ก่อนที่ทันใดนั้นเองทหารรับจ้างชายที่ถูกสายตาของชายร่างยักษ์ข่มขู่ไปเมื่อสักครู่นี้จะร้องตะโกนปลุกใจตนเองขึ้นมาเสียงดัง

“คิดว่าตัวใหญ่แล้วฉันจะกลั—”

ผลัก—โคร๊ม!!!

แต่ว่าก็ยังไม่ทันที่ทหารรับจ้างชายจะได้ร้องตะโกนขึ้นมาจนจบชายร่างยักษ์ก็ได้ดีดตัวเข้าไปพุ่งหมัดเข้าใส่ที่กลางลำตัวของเขาอย่างรุนแรงจนทำให้เขาถึงกับปลิวกระเด็นออกไปด้วยความเร็วที่มองแทบไม่ทันและกระแทกเข้ากับต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ริมชายป่าจมล้มระเนระนาดเป็นทางยาวก่อนจะนอนแน่นิ่งไปอีกทั้งปืนกลเบาที่เขาถือเอาไว้ก็ยังหักงอผิดรูปจนดูแล้วไม่น่าจะใช้งานได้อีกต่อไปอีกด้วย

และเมื่อชายร่างยักษ์เห็นว่าทหารรับจ้างชายได้นอนแน่นิ่งไปแล้วเขาก็เหลือบไปจ้องทหารรับจ้างหญิงที่กำลังใช้ปืนสั้นกระบอกหนึ่งเล็งไปทางอลิซอยู่ด้วยแววตาเฉยชาแล้วจึงผงกหัวไปทางทหารรับจ้างชายที่นอนแน่นิ่งอยู่ราวกับอยากจะบอกว่าให้เธอยอมแพ้และพาเขาไปรักษาซะ

ซึ่งนั่นก็ทำให้ทหารรับจ้างหญิงที่เห็นแบบนั้นมีท่าทีลังเลเล็กน้อยก่อนที่เธอจะก้าวเดินถอยเว้นระยะห่างจากอลิซไปสองสามก้าวเพื่อดูท่าทีแล้วจึงเก็บปืนพกในมือไปเมื่อเธอเห็นว่าชายร่างยักษ์ไม่มีท่าทีว่าจะเข้ามาโจมตีเธอและออกวิ่งไปช่วยพยุงทหารรับจ้างชายขึ้นมาแล้วจึงพาเพื่อนของเธอวิ่งตรงหายเข้าป่าหน้าหมู่บ้านไป

“พวกพี่คิดจะหนีไปไหนหะ!?”

ทันใดนั้นเองพรีมูล่าที่เห็นว่าเสื้อผ้าของอลิซตรงบริเวณไหล่ซ้ายถูกย้อมเป็นสีแดงเพราะเลือดจากปากแผลที่ฉีกออกก็ได้ร้องตะโกนขึ้นมาเสียงดังพร้อมกับชักปืนยาวของเธอออกมาเล็งเข้าใส่แผ่นหลังของทหารรับจ้างชายหญิงที่กำลังพยุงกันหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

แต่ทว่าก่อนที่พรีมูล่าจะได้ลั่นไกออกมาชายหนุ่มร่างยักษ์ก็ได้ยื่นมือออกมาขวางปากกระบอกปืนของพรีมูล่าเอาไว้พร้อมกับพูดห้ามขึ้นมา

“ไม่จำเป็น… ไปขึ้นรถ…”

“เอ๋?”

พรีมูล่าที่ถูกขัดขวางการลงมือได้หลุดเสียงร้องออกมาเล็กน้อยด้วยความแปลกใจพร้อมกับหันไปจ้องมองเขาด้วยความสับสนเหมือนกับไม่รู้ว่าตนเองควรจะทำตามที่เขาสั่งดีหรือไม่ จนกระทั่งเธอได้เห็นเขาเดินเข้าไปช่วยนางพยาบาลผมบลอนด์กับอารอนตรวจดูอาการบาดเจ็บของอลิซเธอจึงได้ยอมเก็บปืนยาวของตนและเดินกลับไปหานากาที่นั่งรออยู่บนกระบะหลังรถแต่โดยดี

ส่วนทางด้านชายร่างยักษ์ที่เดินตรงเข้าไปหาอลิซนั้นก็ได้ยื่นมือออกไปอุ้มเธอขึ้นมาและพูดบอกอารอนกับนางพยาบาลผมบลอนด์ไปพร้อมๆ กัน

“ไปรักษาบนรถ…”

“ด—เดี๋ยว—!?”

“เป็นคนเจ็บก็อยู่เฉยๆ …”

ชายหนุ่มร่างยักษ์ได้พูดเตือนอลิซที่พยายามดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมแขนของเขาออกมาเบาๆ และเดินตรงไปทางรถกระบะโดยไม่สนใจเสียงร้องโวยวายของอลิซเลยแม้แต่น้อยก่อนที่ทันใดนั้นเองเขาจะสังเกตเห็นโมโกะที่กระโดดลงมาจากหลังรถกระบะและกำลังวิ่งตรงเข้ามาทางพวกเขาด้วยสีหน้าเป็นห่วงจนทำให้เขาต้องหยุดฝีเท้าลงเพื่อรอให้โมโกะวิ่งเข้ามาดูอาการของอลิซใกล้ๆ ก่อน

“……..”

แต่ทว่าเด็กสาวหูแมวที่วิ่งตรงเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นห่วงนั้นก็กลับวิ่งเลยเขากับอลิซไปและพุ่งตัวเข้าไปหยิบปืนกลเบาที่อลิซเขวี้ยงมันเข้าใส่คู่ต่อสู้ขึ้นมากอดเอาไว้ด้วยแววตาเป็นประกายแล้วจึงวิ่งตรงไปหยิบเอาตลับกระสุนของทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงที่ตกกระจายอยู่ทั่วบริเวณหลังจากที่พวกเขาโดนอลิซหวดด้วยกำแพงอากาศจนกระเด็นหายไปขึ้นมาเก็บเอาไว้

ซึ่งการกระทำของโมโกะนั้นก็ได้ทำให้ชายร่างยักษ์หรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วจึงหันไปจ้องมองนากาที่กำลังกุมขมับอยู่ที่ด้านบนรถกระบะจนทำให้นากาถึงกับสะดุ้งสุดตัวและรีบร้องเรียกโมโกะที่กำลังสำรวจดูซากปืนกลเบากระบอกที่ถูกต่อยจนหักงอผิดรูปอยู่ด้วยท่าทีเสียดายแบบปิดไม่มิดขึ้นมาเสียงดัง

“โมโกะ! รีบๆ กลับมาขึ้นรถได้แล้ว!”

“อ่ะ— มาแล้วๆ”

โมโกะที่ได้ยินเสียงร้องเรียกได้รีบมัดเข็มขัดของเธอเป็นสายสะพายให้กับปืนกลเบาและพาดมันไพล่หลังเอาไว้อย่างส่งๆ ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปปีนขึ้นกระบะด้านหลังรถอย่างรวดเร็ว

และเมื่อชายร่างยักษ์เห็นว่าทุกคนปีนกลับขึ้นไปอยู่บนหลังกระบะรถเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาก็ได้ส่งตัวอลิซที่เขากำลังอุ้มเอาไว้อยู่ให้กับนากาและอารอนที่รอรับอยู่ที่ด้านบนแล้วจึงปีนเข้าไปในด้านในตัวห้องโดยสารด้านหน้าที่มีหญิงสาวหูจิ้งจอกผมสีแดงนั่งรออยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบพร้อมกับพูดสั่งเธอออกมา

“ครบแล้ว… ออกรถ…”

“ค่าๆ ~ คนที่อยู่ด้านหลังนั่นน่ะจับเอาไว้ให้ดีๆ นะ~~”

หญิงสาวหูจิ้งจอกที่ได้รับคำสั่งจากชายร่างยักษ์ได้พูดตอบเขากลับไปด้วยน้ำเสียงลากยาวแล้วจึงชะโงกหน้าออกมาจากห้องโดยสารเพื่อพูดเตือนผู้โดยสารที่นั่งอยู่ทางด้านหลังด้วยน้ำเสียงรื่นเริงก่อนที่เธอจะส่งวิซของเธอเข้าใส่ตัวรถยนต์จนทำให้เครื่องยนต์ของรถกระบะเริ่มทำงานและหลังจากนั้นรถกระบะที่มีทุกคนโดยสารอยู่ก็ได้พุ่งตรงออกไปจากหมู่บ้านด้วยความรวดเร็ว

“รีบพาตัวอลิซมาเข้าทางด้านในนี่เร็วนากา… ส่วนคนอื่นๆ เว้นที่ออกไปหน่อย…”

หลังจากที่รถกระบะของพวกเขาเคลื่อนตัวออกมาจากหมู่บ้านโมริโกะได้สักพักหนึ่งจนอารอนมั่นใจว่าพวกเขาคงจะไม่ถูกซุ่มโจมตีจากภายในป่าที่ล้อมหมู่บ้านเอาไว้แล้วอารอนก็ได้พูดสั่งนากาที่ล็อกตัวอลิซเอาไว้ไม่ให้กลิ้งกระดอนไปตามความเร็วของรถให้ส่งตัวคนเจ็บไปหาเขาที่นั่งประจำการอยู่ด้านในพร้อมกับพูดสั่งพรีมูล่ากับโมโกะให้กระเถิบเว้นที่ให้เขาทำการรักษาให้เด็กสาวผมสีขาวขึ้นมาจนทำให้นากาต้องรีบส่งตัวอลิซไปให้อารอนในทันที

“อ—อ่า เข้าใจแล้ว”

“โอ๊ย—มันเจ็บนะ! เดี๋ยวฉันค่อยๆ ขยับไปเองก็ได้หน่า!”

อลิซที่ถูกนากากับนางพยาบาลช่วยกันเคลื่อนย้ายร่างของเธอเข้าไปส่วนด้านในของท้ายรถกระบะได้ร้องโวยวายออกมาเล็กน้อยเพราะว่าทั้งสองคนแทบจะไม่ได้เบามือเลยแม้แต่น้อย

“เอาล่ะ… พวกเธอสองคนจับตัวอลิซเอาไว้ให้อยู่นิ่งๆ หน่อย…”

ถึงแม้ว่าอารอนจะได้ยินเสียงร้องโวยวายของอลิซเข้าไปแล้วแต่ว่าเขาก็ไม่ได้คิดที่จะปราณีเลยแม้แต่น้อยและดึงเอาเข็มฉีดยาจำนวนหนึ่งออกมาก่อนจะเลิกเสื้อของอลิซออกจนทำให้นากาได้เห็นรูบนไหล่ของอลิซที่ชุ่มไปด้วยเลือดและปากแผลที่ฉีกขาดจนดูน่าสยดสยองยิ่งกว่าตอนที่เขาเข้าไปเจอเธอในป่าเสียอีก

สวบ!!

“กรี๊ดดดดด—!?”

ในทันทีที่อารอนปักเข็มฉีดยาเข้าใส่ร่างของอลิซนั้นเด็กสาวผมสีขาวก็ถึงกับหลุดเสียงกรีดร้องออกมาสุดเสียงก่อนที่เธอจะพูดต่อว่าอารอนออกมา

“บ—เบามือหน่อยสิ!?”

“เธอเล่นออกไปสู้จนแผลฉีกกลับมาแบบนี้แล้วยังจะมีหน้ามาพูดอีกหรือไง…”

อารอนพูดบ่นกลับไปใส่เด็กสาวเล็กน้อยก่อนที่เขาจะมองสำรวจดูบาดแผลแล้วจึงยื่นมือออกไปรับผ้าสะอาดกับขวดยาที่นางพยาบาลผมบลอนด์ของเขายื่นมาให้พร้อมกับพูดรายงานขั้นตอนการรักษาคร่าวๆ ออกมาให้คนไข้ของเขาฟัง

“เลือดออกมากขนาดนี้คงจะรอให้ยาชาออกฤทธิ์ก่อนไม่ได้แล้วสิ… ถ้างั้นก็คงจะต้องเริ่มทำความสะอาดแผลแล้วก็เย็บแผลกันเดี๋ยวนี้เลย… ทั้งสองคนจับตัวอลิซเอาไว้ให้แน่นๆ ล่ะ… ส่วนนากาถ้านายทนดูไม่ได้ก็หันไปทางอื่นก่อนละกันแต่ยังไงก็ห้ามปล่อยมือเด็ดขาดเลยล่ะ…”

“อ—อื้ม”

นากาที่ได้ยินคำพูดสั่งของอารอนได้พยายามจับตัวอลิซเอาไว้ให้แน่นขึ้นไปกว่าเดิมและหันหน้าหนีไปทางอื่นในขณะที่ทางด้านตัวอลิซที่ถูกล็อกตัวเอาไว้กับพื้นนั้นก็ได้พยายามพูดถ่วงเวลาเอาไว้เพื่อให้ยาชาที่อารอนฉีดให้ก่อนหน้านี้ออกฤทธิ์ก่อน

“ด—เดี๋ยวก่อนสิ รออีกแป๊บเดียวยาชามันก็จะออกฤทธิ์แล้วไม่ใช่หรือไง ไม่เห็นจะต้องรีบขนาดนั้—”

“ว๊าาาาวววว นี่ๆ โมโกะจังๆ คิดว่ารถคันนี้มันวิ่งได้เร็วขนาดไหนอ่ะ?”

ในขณะที่อลิซกำลังพยายามพูดถ่วงเวลาออกมาอยู่นั้นเสียงของเธอก็ถูกกลบไปด้วยเสียงร้องด้วยความตื่นเต้นของพรีมูล่าที่กำลังมองดูวิวทิวทัศน์ต่างๆ ที่กำลังพุ่งผ่านพวกเธอไปด้วยความเร็วสูงจนทำให้โมโกะที่กำลังนั่งสำรวจปืนกลเบาทั้งสองกระบอกที่เธอหยิบฉวยมาได้ได้แต่ต้องพูดตอบเธอกลับไปส่งๆ

“ก็ไม่รู้สิ… แต่ยังไงมันก็น่าจะเร็วกว่าเธอตอนที่วิ่งไปวิ่งมาในหมู่บ้านแน่ๆ อยู่แล้วล่ะ”

“อะไรกันเนี่ยโมโกะจังตั้งใจตอบกันหน่อยสิ! อ่ะ— โมโกะจังทำอะไรอยู่อ้ะ”

พรีมูล่าที่ได้รับคำตอบแบบขอไปทีจากโมโกะได้พูดบ่นออกมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพูดถามขึ้นมาเมื่อเธอสังเกตเห็นสิ่งที่โมโกะกำลังทำอยู่ ซึ่งนั่นก็ทำให้โมโกะได้รีบพูดตอบพรีมูล่ากลับไปด้วยท่าทีที่ผิดกับเมื่อสักครู่นี้ลิบลับ

“ก็ฉันกำลังหาวิธีใช้งานเจ้าปืนพวกนี้อยู่เนี่ยแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ยอมรับวิซของฉันเลยนี่สิ… ปัญหาน่าจะอยู่ที่ตรงนี้ล่ะมั้ง… เอ้าฮึ๊บ!”

โมโกะที่กำลังพูดตอบพรีมูล่ากลับไปได้มองสำรวจดูตัวปืนอยู่อีกสักพักหนึ่งก่อนที่เธอจะดึงเอาตลับกระสุนที่ถูกเสียบเอาไว้ทางด้านล่างของตัวปืนออกมาจนเผยให้เห็นตัวกระสุนที่มีลักษณะเหมือนกับกล่องสีใสขนาดเล็กๆ ที่มีก้อนคริสตัลสีเหลืองขนาดเล็กถูกบรรจุเรียงกันเอาไว้ด้านในเป็นแถว

“อื้ม… ไหนเธอลองใส่วิซลงไปหน่อยสิพรีมูล่า—”

“กรี๊ดดด—”

ในขณะที่โมโกะกำลังจะส่งตลับกระสุนไปให้พรีมูล่าลองใช้งานดูอยู่นั้นเองก็ได้มีเสียงกรีดร้องของอลิซดังขึ้นมาชั่วขณะก่อนที่เสียงของเธอจะเงียบลงไปอย่างกะทันหันราวกับว่าเธอโดนเอาอะไรบางอย่างมาอุดปากเอาไว้

“ตะกี้นี้มันเสียงของพี่อลิซนี่นา—”

“พรีมูล่า! เธอลองใส่วิซลงไปในตลับกระสุนนี่หน่อยสิ!”

ในขณะที่พรีมูล่ากำลังจะหันกลับไปมองดูอลิซที่อยู่ๆ ก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมานั้นโมโกะก็ได้ใช้ตลับกระสุนทั้งอันทิ่มไปที่แก้มของพรีมูล่าเพื่อดึงความสนใจของเด็กสาวผมชมพูออกมาจากเหตุสยองเบื้องหลังจนทำให้พรีมูล่าที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอลิซได้แต่ต้องหันกลับมาบ่นเพื่อนสาวของเธอเบาๆ

“โอ๊ยๆ — โมโกะจังอย่าเอาของมาจิ้มหน้ากันสิ!”

พรีมูล่าที่ถูกโมโกะใช้ตลับกระสุนทิ่มใส่ได้รับเอาตลับกระสุนมาจากเพื่อนของเธอและลองส่งวิซธาตุน้ำแข็งของเธอเข้าใส่มันเหมือนกับที่เธอทำกับกระสุนของตัวเองเป็นประจำก่อนที่เธอจะต้องพูดถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจเมื่อมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย

“เอ๋~? ไม่เห็นมันจะมีอะไรเกิดขึ้นเลยอ่ะโมโกะจัง”

ในขณะที่พรีมูล่ากำลังพูดบ่นออกมาอยู่นั้นเธอก็ได้เขย่าๆ ตลับกระสุนในมือของเธอไปด้วยจนทำให้หนึ่งในตัวลูกกระสุนที่ถูกบรรจุอยู่ภายในหลุดออกมา ซึ่งนั่นก็ทำให้พรีมูล่าที่สังเกตเห็นว่าตัวคริสตัลที่ถูกบรรจุเอาไว้ภายในตลับกระสุนมันเป็นคริสตัลสีเหลืองสำหรับธาตุดินได้แต่ต้องร้องออกมาเสียงดัง

“ไอ้นี่มันคริสตัลวิซของธาตุดินไม่ใช่หรอโมโกะจัง แบบนี้หนูจะใช้งานมันได้ซะที่ไหนอ้ะ!?”

“ก็แค่ให้ลองเผื่อเอาไว้เฉยๆ เองหน่า เพราะขนาดฉันเองที่ธาตุหลักเป็นธาตุดินก็ยังใช้งานมันไม่ได้เลยนี่… ท่าทางว่ามันคงจะเป็นคริสตัลวิซประเภทที่จดจำวิซของผู้ใช้เอาไว้ล่ะมั้ง… แบบนี้ดูท่าทางว่าถ้าไม่เปลี่ยนคริสตัลพวกนี้ยกแผงก็คงจะเอาปืนพวกนี้ไปใช้ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะมั้งเนี่ย”

“เห……”

พรีมูล่าที่ได้ยินคำอธิบายยาวยืดของโมโกะได้ส่งเสียงลากยาวออกมาจนทำให้โมโกะที่ได้ยินแบบนั้นเหลือบสายตากลับไปมองเด็กสาวหัวชมพูที่กำลังทำสีหน้าเอ๋อๆ อยู่ชั่วขณะแล้วจึงพยายามพูดอธิบายออกมาเพิ่มเติม

“คือแบบว่ามันก็คล้ายๆ กับปืนยาวของเธอนั่นแหล่ะ เวลาที่เธอเตรียมกระสุนเอาไว้แล้วถ้าเกิดว่ามีใครแอบฉกปืนของเธอไปเขาก็จะใช้งานมันไม่ได้เพราะว่ามันมีวิซของเธอหลงเหลืออยู่ที่ตัวคริสตัลจนมันไม่ยอมรับวิซของคนอื่นน่ะ… แต่ว่ามันก็มีข้อยกเว้นอยู่ตรงที่ถ้าเกิดว่าคนที่แอบหยิบปืนของเธอไปเขามีความสามารถในการดัดแปลงตัวคริสตัลจนทำให้มันคลายวิซของเธอออกมาได้ หรือถ้าเกิดว่าเขาสามารถควบคุมวิซได้เก่งพอเขาก็อาจจะดึงเอาวิซของเธอที่ตกค้างอยู่กับตัวคริสตัลออกมาได้นั่นแหล่ะ”

“เอ๋~? แล้วทำไมเขาถึงต้องดึงวิซของหนูออกมาด้วยอ้ะ?”

ในทันทีที่โมโกะพูดอธิบายออกมาจนจบพรีมูล่าที่ได้ละความสนใจจากคำอธิบายของโมโกะเพื่อหันออกไปมองดูวิวรอบตัวรถตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ก็ได้หันกลับมาพูดถามโมโกะเสียงใส ซึ่งนั่นก็ทำให้โมโกะถึงกับชะงักไปเล็กน้อยเพราะดูท่าทางว่าสิ่งที่เธอพูดอธิบายออกมายืดยาวจะไม่ได้เข้าหัวทุยๆ ของเด็กสาวผมชมพูไปเลยแม้แต่น้อย จนทำให้โมโกะได้แต่ต้องถอนหายใจออกมาแล้วจึงพูดสั่งเด็กสาวตัวแสบขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ

“เฮ้อ… เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ ตอนนี้เธอช่วยฉันแงะก้อนคริสตัลข้างในตลับกระสุนนั่นออกมาให้หน่อยสิ”