เฉินเถียนเถียนรู้สึกเจ็บที่ท้ายทอยจนไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้ มันเจ็บจนแทบทนไม่ไหว
รอเดี๋ยวนะ… ก่อนหน้านี้เธอจำได้ว่าเธอตกบันไดหัวฟาดพื้นตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมจึงยังรู้สึกเจ็บอยู่ล่ะ?
ตอนนี้เธอรู้สึกว่าทุกอย่างมันเลวร้ายมาก ทั้งร่างกายถูกทับไว้โดยไม่สามารถขยับตัวได้ ข้างใต้ทั้งเย็นและแข็งทำให้ไม่สบายตัวมาก เฉินเถียนเถียนพยายามพลิกตัวเพื่อหันไปอีกทางแต่ศีรษะก็กระแทกเข้ากับบางสิ่งอย่างแรง
ศีรษะที่รู้สึกปวดมากอยู่แล้วในตอนแรก พอโดนกระแทกเข้าไปอีก ยิ่งรู้สึกปวดมากขึ้นกว่าเดิม
เธอขมวดคิ้วแน่นเพราะไม่อาจลืมตาได้โดยง่าย สิ่งแรกที่เห็นคือเตียงไม้แกะสลักตกแต่งด้วยผ้าม่านสีข้าว กลิ่นอายยุคโบราณปะทะเข้ากับจมูกของเธอเต็ม ๆ
ที่นี่คงไม่ใช่โรงพยาบาลหรอกมั้ง… ไม่มีโรงพยาบาลไหนจะตกแต่งห้องหับได้หรูหราเช่นนี้แน่
ทุกสิ่งรอบตัวแปลกประหลาดไปหมด แม้จะประหลาดใจแต่ก็ยังพยายามยันตัวลุกขึ้น จนตอนนี้เองที่เธอตระหนักได้ว่ามือทั้งสองข้างถูกมัดเอาไว้ ขาทั้งสองก็ด้วยเช่นกัน
นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย เจ็บจะตายอยู่แล้วยังคิดจะมัดฉันไว้แบบนี้อีกเหรอ?
“ตื่นแล้วหรือ?”
“คุณเป็นใคร?”
เฉินเถียนเถียนเงยหน้าขึ้นพร้อมกับประหลาดใจเมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาผมยาวสวมใส่ชุดในยุคสมัยจีนโบราณราวกับเป็นบุตรชายของตระกูลใหญ่ที่แสนร่ำรวย อีกทั้งยังมีบริวารอยู่ด้านหลังอีกด้วย
ชายคนนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะทรงกลม ในมือของเขาถือถ้วยแก้วโปร่งใสที่ดูงดงามประณีต
เฉินเถียนเถียนเบิกตากว้างทันทีเมื่อได้เห็นแก้วชาใบนี้ เป็นเพราะคุณปู่เคยสั่งสอนเธอเลยมีความรู้สึกมีความรู้และเข้าใจเรื่องราวของวัตถุโบราณอยู่บ้าง
“ช่างงดงามเสียจริง! ถ้วยใบนี้เนื้อเนียนละเอียด มีสีสันดุจหยกเคลือบ… และเรืองแสงเปล่งประกายด้วย… แต่น่าเสียดาย…” เฉินเทียนเถียนยังคงมองประกายระยิบระยับของถ้วยที่สะท้อนแสงจันทร์นอกหน้าต่าง ตั้งแต่เกิดมาจนอายุมากกว่ายี่สิบปีนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นถ้วยเรืองแสงของจริง
ดวงตาของเฉินเทียนเถียนยังคงจับจ้องไปที่ถ้วยเรืองแสง ขณะที่ชายแปลกหน้าผู้ถือถ้วยใบนั้นค่อยๆเดินมายังเตียงของเธอ ประกายตาของเขาชวนให้รู้สึกกังวล อีกทั้งรูปลักษณ์ที่ดูก้าวร้าวนั้นก็ยิ่งทำให้เฉินเทียนเถียนรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
“เสียดายอะไร?”
“เสียดายที่สิ่งของพวกนี้ล้ำค่าเกินไป มันน่าจะเป็นของที่พวกมีฐานะอย่างเศรษฐีเอาใช้ในงานศพ สิ่งของแบบนี้ถ้าเอามาเพื่อชื่นชมก็พอได้ แต่การเอามาใช้มันก็ค่อนข้างจะ…”
เขาพอเข้าใจถึงสิ่งที่นางกล่าวออกอยู่บ้างพร้อมพยักหน้าแล้ววางแก้วลงบนโต๊ะ
ขณะนั้นเฉินเถียนเถียนก็พยายามขยับตัวไปมาแต่ก็ไม่อาจดิ้นหลุดได้ ความอึดอัดกำลังถาโถมเธอไม่น้อย
มองดูจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เธอน่าจะข้ามภพมาแล้วแน่นอน ซึ่งในชาติภพก่อนเธอไม่เคยชื่นชอบเรื่องราวที่มักจะเกิดขึ้นในนิยายเลย แต่ตอนนี้เธอกลับตกอยู่ในสภาวะเช่นนั้นเสียแล้ว
ถ้าหากรู้ตั้งแต่แรก แม้จะไม่ชอบ แต่เธอก็จะลองอ่านมันดูสักหน่อย มันคงจะดีกว่าเรื่องราวในตอนนี้แน่… เพราะเธอไม่รู้อะไรเลย!
แต่ก็ช่างมันเถอะ ไม่มีเวลาจะมาคิดเรื่องเหลวไหลพวกนี้แล้ว ตอนนี้ต้องรีบหาวิธีหนีออกไปจากที่นี่ดีกว่า
“ข้าพอจะมีความรู้เกี่ยวกับวัตถุโบราณบ้างนิดหน่อย เราสามารถนั่งคุยกันได้นะ… แต่ช่วยแก้มัดให้ข้าก่อนได้หรือไม่?”
ช่างน่าสนใจ! เขาเป็นนายน้อยของตระกูลหลี่และถือได้ว่าเป็นผู้มีอำนาจในตระกูลคนหนึ่ง เมื่อก่อนเขาเป็นคนที่หมกมุ่นกับกามารมณ์ ทางบ้านมักจะส่งหญิงงามทั่วแคว้นเพื่อมาบำเรอปรนเปรอเขาไม่หยุดหย่อน
เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย เขาเลือกที่จะนอนกับผู้หญิงสองสามคนที่ไม่จู้จี้จุกจิก ทุกคนในแคว้นย่อมรู้ดีว่านายน้อยของตระกูลหลี่มีกิตติศัพท์ด้านความโลภและกามตัณหา
โดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงที่ถูกส่งตัวมาเช่นนี้ย่อมรู้ดีว่าจะต้องเผชิญกับอะไร ส่วนใหญ่ก็มักจะเสียใจไปตลอดชีวิต แต่ก็มีผู้หญิงบางคนที่คิดจะใช้โอกาสนี้เพื่อผูกมัดตนเองและหาหนทางไต่เต้าขึ้นเป็นคุณนายของตระกูลหลี่
แต่ทั้งสองประเภทนี้ดันไม่มีอยู่ในตัวของนางเลย นางไม่ได้เรียกร้องหรือโวยวายใด ๆ แต่กลับพยายามหลอกล่อเพื่อหาวิธีหนีออกไปให้ได้เพียงเท่านั้น
ทุกคนล้วนรู้กันดีว่าคุณชายใหญ่มีนิสัยใจคอโหดเหี้ยมอำมหิตขนาดไหน มีผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่ถูกส่งตัวมาบำเรอเขาแล้วสามารถหลบหนีไปได้ ในเมืองนี้ไม่เคยมีเด็กคนไหนที่เจอเขาแล้วไม่ร้องไห้ แต่คาดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ามีรูปลักษณ์ดูสง่างดงามจะกล้าหาญได้มากเพียงนี้ อีกทั้งนางยังกล้าต่อรอง ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจยิ่ง
หลี่ซื่อฮวายกยิ้มมุมปากพร้อมจับจ้องด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เขาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธแต่เพียงเรียกเด็กรับใช้เข้ามาแล้วเอ่ยถาม “ใครเป็นคนส่งตัวนางมา?”
“ตระกลูเฉินจากหมู่บ้านเทพธิดาส่งมาขอรับ ส่งนางมาเป็นตัวแลกเปลี่ยนเพื่อขอโอกาสเข้าเรียนโรงเรียนในตระกูลของเราขอรับ”
เด็กรับใช้ครุ่นคิดสักพัก “คนที่อยากเข้าเรียนโรงเรียนของเรานั้นเหมือนจะเป็นเฉินเฉิงเยี่ย… พี่ชายของนางนะขอรับ”
“อย่างงั้นหรือ เจ้าโง่นั้นหรอต่อให้เข้ามาเรียนในโรงเรียนตระกูลของเราได้ แต่ถ้าเกิดว่าถูกท่านอาวุโสหลินสอนไปแล้วละก็… การสอบขั้นพื้นฐานก็คงสอบเข้าไม่ได้ แล้วเหตุใดข้าจะต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรที่มีค่าแบบนี้ไปทำไมกันล่ะ?”
หลี่ซื่อฮวาเผยแววตาไม่พอใจ คนที่คิดเที่ยวเล่นไปวัน ๆ ทำอะไรไม่เป็นสักอย่างแบบนั้น คิดจะใช้วิธีสกปรกแบบนี้เพื่อแสวงหาความสำเร็จในชีวิตเชียวเหรอ?
เด็กรับใช้ของเขาพยายามกลั้นขำพร้อมอธิบายต่อ “จะให้ทำยังไงได้ล่ะขอรับก็ในเมื่อพ่อของเขาไม่ได้คิดแบบนั้น เขายอมเสียลูกสาวเพื่อแลกกับอนาคตของลูกชาย คิดดูแล้วมันก็ยังคุ้มค่า อย่างไรแล้วสักวันลูกสาวเขาก็จะเป็นของคนอื่นอยู่ดี แต่ลูกชายก็ยังเป็นของตัวเองอยู่นะขอรับ”
หลี่ซื่อฮวายังไม่ทันได้บอกให้เด็กรับใช้ออกไป ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังโวยวายขึ้นมา “นี่มันอะไรกัน ลูกสาวไม่ใช่คนหรอ ถ้าคิดจะทำเรื่องเลว ๆ แบบนี้ก็สมควรถูกตอนทิ้งไปซะ! รอให้ข้าออกไปได้ก่อนเถอะ ข้าจะไปตอนของเขาทิ้งแน่”
ผู้ชายสองคนที่อยู่ในห้องตกตะลึงอยู่พักนึงแล้วรีบหนีบขาเข้าหากันในทันที
“เจ้าใจเย็นก่อนเถิด อย่าใช้อารมณ์เลย” น่าเสี่ยวซือนึกไม่ถึงว่าผู้หญิงที่มีรูปลักษณ์งดงามสวยสง่าแบบนี้ แลดูอ่อนแอคล้ายกับคนขาดอาหารที่ไม่มีเรี่ยวแรงจะมีจิตวิญญาณที่เกรี้ยวดราดได้ถึงเพียงนี้
“เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างร้ายแรงพอควร ไม่ว่ายังไงเขาก็คือพ่อแท้ ๆ ของเจ้านะ”
แม่เจ้า…
โอ้สวรรค์…
เป็นพ่อแท้ ๆ งั้นเหรอ!
เฉินเถียนเถียนจึงตระหนักได้อีกครั้งว่าเธอไม่ใช่ตำรวจหญิงที่เก่งกาจคนเดิมอีกต่อไป เธอข้ามมาอีกภพหนึ่งแล้วและภพที่เธอข้ามมาอยู่ในตอนนี้นั้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวังเข้าไปอีก
คนโบราณนี่ค่อนข้างจะใช้แต่อารมณ์ที่เกรี้ยวกราด เฉินเถียนเถียนคิดว่าถ้าเธอคิดที่จะพูดต่อไป คนที่จะซวยก็คือเธอเอง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ต่อ
“งั้นเรามาพูดเรื่องของเราต่อดีกว่า ข้าสังเกตจากห้องของคุณชายแล้ว น่าจะเป็นการทำธุรกิจเกี่ยวกับวัตถุโบราณใช่หรือไม่? และมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่คุณจะเจอผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้แบบข้า งั้นเรามาลองคุยกันดูก่อนดีไหม?”
“ถึงตระกูลของข้าทำธุรกิจเกี่ยวกับวัตถุโบราณก็จริง แต่ว่าเรื่องแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องได้หรอก เพราะฉะนั้นการเก็บเจ้าไว้มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรกับข้า”
หลี่ซื่อฮวาเลิ้กคิ้วและมองหน้าเฉินเถียนเถียน เขาอยากเห็นว่านางจะเผยสีหน้าอะไรออกมา
“เป็นถึงลูกชายคนโตของตระกูลหลี่ เหตุใดเรื่องธุรกิจในครอบครัวตนเองยังยุ่งไม่ได้… ข้าซักจะเป็นห่วงแทนท่านแล้วสิ คุณชายไม่คิดจะอยากมีอำนาจในบ้านหลังนี้บ้างเลยหรือไร?”
← ตอนก่อน