ตอนที่ 9 สูญเสียอย่างสาหัส

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 9 สูญเสียอย่างสาหัส

สายลมเย็นพัดผ่านเป็นระลอก…

เยียนอวิ๋นเกอสวมชุดคลุมขนาดใหญ่นั่งอยู่บนพื้น

บนโต๊ะเตี้ยมีชา ของว่าง และผลไม้สดวางไว้ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่นางชอบกิน

ลมเย็นโชยผ่านประตูและหน้าต่าง ลูบไล้พวงแก้มของนางอย่างแผ่วเบา

นางกวักมือ สาวรับใช้อาเป่ยเดินขึ้นหน้ามา

“คุณหนูต้องการถามเรื่องเยียนอวิ๋นเพ่ยใช่หรือไม่เจ้าคะ”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า

อาเป่ยรู้ใจของนาง ไม่ต้องพูด ไม่ต้องเขียนก็รู้สิ่งที่นางต้องการ

อาเป่ยพูด “คุณหนูวางใจ คนถูกส่งไปปรนนิบัติอยู่ข้างตัวเยียนอวิ๋นเพ่ยแล้วเจ้าค่ะ”

‘ยาล่ะ?’

เยียนอวิ๋นเกอถามอย่างไร้เสียง

“แม่นมชิวปรุงยาด้วยตนเอง ย่อมทำให้เยียนอวิ๋นเพ่ยป่วยจนลุกจากเตียงไม่ได้”

เยียนอวิ๋นเกอเขียน ‘อย่าทำเยียนอวิ๋นเพ่ยตาย!’

“คุณหนูวางใจ ยานั้นทำให้คนตายไม่ได้ หากแต่ร่วมหอกัน ย่อมต้องติดไปด้วย”

เยียนอวิ๋นเกอได้ยินจึงเม้มปากยิ้ม

เยียนอวิ๋นเพ่ยตายไม่ได้เด็ดขาด

การตายเป็นเรื่องที่ง่ายดายเกินไปสำหรับอีกฝ่าย

นางจะให้เยียนอวิ๋นเพ่ยมีชีวิตอยู่ แต่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมาน นางจะแก้แค้นแทนพี่ใหญ่

ฆ่า หรือว่าไม่ฆ่า มีเพียงพี่ใหญ่ที่จะตัดสินได้

“นายน้อยรองเป็นห่วงแผนการของคุณหนู วันนี้ตอนเช้าตรู่ เขาส่งคนมาถามว่าต้องส่งคนไปลอบสังหารระหว่างทางอีกหรือไม่”

เยียนอวิ๋นเกอร้อนใจ จรดดินสอลงไป ‘บอกพี่สอง อย่าได้ลงมือทำลายแผนการของข้า’

ก่อนหน้านี้สร้างปัญหามากมาย อาทิทำลายข้าวของในบ้านรอง ปะทะกับเยียนโส่วจ้าน แสร้งทำเป็นจะฆ่าเยียนอวิ๋นเพ่ยนั้นล้วนเพื่อดึงดูดความสนใจ

มีเพียงรวบรวมความสนใจทั้งหมดไว้ที่ตนเอง คนที่ส่งไปข้างกายเยียนอวิ๋นเพ่ยถึงจะมีโอกาสลงมือ อีกทั้งไม่ก่อให้เกิดความสงสัย

อาเป่ยรับคำสั่งไปเตรียมการ

เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิด ยังต้องเตรียมการบางอย่างอีก

นางเรียกสาวรับใช้มาปรนนิบัติเปลี่ยนเสื้อผ้า

ชุดขี่ม้ายิงธนู สง่างามอย่างยิ่ง

ไม่มีเครื่องประดับใดๆ บนร่างกาย มีเพียงมีดสั้นที่ห้อยอยู่บริเวณเอว

นางต้องไปหาบิดาชั่ว ปะทะกับเขาสักครั้ง เหตุใดจึงไม่อนุญาตให้นางออกจากจวนแม้แต่ก้าวเดียว

มาถึงเรือนด้านนอก

พ่อบ้านเยียนจงนำคนผู้หนึ่งเดินทางไปยังห้องตำรา

เยียนอวิ๋นเกอมองแผ่นหลังของคนผู้นั้น รู้สึกคุ้นเคยอย่างยิ่ง

โชคมาจิตบังเกิด ในที่สุดนางก็นึกออก

เอ๊ะ?

เหตุใดคนผู้นี้ยังอยู่ในจวนโหว?

เยียนอวิ๋นเกอพุ่งตัวออกไปพร้อมสะบัดแส้

ทันทีที่เสียงแส้ดังขึ้น พ่อบ้านเยียนจงรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาทันที

เมื่อหันกลับไปมอง เป็นอย่างที่คาด อีกฝ่ายคือคุณหนูสี่เยียนอวิ๋นเกอ

“คุณหนูสี่มีสิ่งใดรับสั่งขอรับ”

เยียนอวิ๋นเกอโบกมือ ให้พ่อบ้านเยียนจงหลบออกไป

นางจ้องมองไปที่เซียวอี้ คิ้วขมวดมุ่น ดวงตาไม่เป็นมิตร

พ่อบ้านเยียนจงกังวลว่านางจะทำให้แขกไม่พอใจ จึงรีบพูดว่า “ท่านนี้คือนายน้อยเซียว มีเรื่องจะขอพบท่านโหว คุณหนูสี่โปรดอำนวยความสะดวกด้วยขอรับ”

ที่แท้เขาแซ่เซียว

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะขึ้นมา จรดปลายดินสอ ‘ข้าขอยืมตัวนายน้อยท่านนี้ไปก่อน พ่อบ้านเยียนจงไปทำงานอื่นเถอะ ไม่ต้องสนใจข้า’

นี่ๆๆ …

พ่อบ้านเยียนจงทำหน้าลำบากใจ “นายน้อยเซียว เรื่องนี้ท่านว่า…”

เซียวอี้ก้มหน้ายิ้ม “ไม่เป็นอันใด! วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูฤกษ์ยาม โอกาสไม่เหมาะสม เรื่องนัดพบท่านโหวยกเลิกไปก่อนเถิด”

พ่อบ้านเยียนจงทำหน้าฉงน มองส่งเซียวอี้จากไป

เยียนอวิ๋นเกอเดินตามขึ้นไป

คนหนึ่งอยู่หน้าคนหนึ่งอยู่หลัง หลบหลีกองครักษ์ของจวนโหว

เมื่อมาถึงทางแคบ เซียวอี้ชะงักฝีเท้า หันกลับมา “คุณหนูสี่จะเดินตามข้าไปอีกนานแค่ไหน”

เยียนอวิ๋นเกอหรี่ตา มองเขาขึ้นลง

นางจรดดินสอ ‘เจ้าคิดจะฆ่าท่านพ่อข้า?’

สีหน้าของเซียวอี้ผงะ จากนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นมา

เขาเดินเข้าใกล้เยียนอวิ๋นเกอทีละก้าว ดวงตาเต็มไปด้วยความอาฆาต “เจ้าแค้นเยียนโส่วจ้านไม่ใช่หรือ ข้าฆ่าเขาแทนเจ้า ระบายความโกรธแทนเจ้า ไม่ต้องขอบคุณ!”

พูดจาเหลวไหล!

เยียนอวิ๋นเกอระแวงอย่างมาก นางเขียนอย่างรีบร้อน ‘ท่านโหวผิงอู่ สืออุนส่งเจ้ามาฆ่าท่านพ่อข้าหรือ?’

หากท่านโหวผิงอู่ สืออุนเป็นผู้ริเริ่มการลอบสังหาร เช่นนั้นพี่ใหญ่คงกลายเป็นแพะที่เข้าปากเสือ!

พี่ใหญ่กำลังตกอยู่ในอันตราย!

เซียวอี้ส่ายหัวช้าๆ “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่านโหวผิงอู่ สืออุน พี่ใหญ่ของเจ้าปลอดภัย ข้าเองที่ต้องการยืมศีรษะของเยียนโส่วจ้านมาใช้ หลังจากใช้เสร็จจะนำมาคืน หรือว่าคุณหนูสี่ไม่ยินดี”

เยียนอวิ๋นเกอได้ยินว่าพี่ใหญ่ปลอดภัย เห็นได้ชัดว่าโล่งอกอย่างมาก

ตามมาด้วยไฟโกรธที่ปะทุขึ้น

นางยิ้มเย็นยะเยือก

นางดูถูกเยียนโส่วจ้านก็จริง เพราะว่าเยียนโส่วจ้านแสดงให้เห็นถึงความไร้ยางอายจนทำให้คนไม่อยากพูดถึง

แต่นางไม่เคยคิดจะทำให้เยียนโส่วจ้านตาย

หากเยียนโส่วจ้านตาย ผู้คนที่มีความทะเยอทะยานจากทุกหนทุกแห่งย่อมต้องมีการเคลื่อนไหว ยึดครองพื้นที่และคนของตระกูลเยียน

คนของตระกูลเยียน หากโชคดี สามารถอาศัยอยู่ใต้รั้วของผู้อื่น มีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากได้

แต่หากโชคร้าย ตกน้ำตาย ป่วยตาย ตกม้าตาย…ตกอยู่ในสถานการณ์ที่คนทั้งตระกูลตายหมด

ถึงแม้ว่าเยียนโส่วจ้านจะน่ารังเกียจเพียงใด แต่เขาก็ยังเป็นเสาหลักและกระดูกสันหลังของตระกูลเยียน เป็นกำแพงเหล็กที่ต่อต้านผู้คนที่หวังจะกลืนกินตระกูลเยียน

ในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ ผู้คนที่มีความทะเยอทะยานจากทุกหนทุกแห่งย่อมต้องคำนึงถึงผลจากการขัดแย้งกับตระกูลเยียน จนไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

หากเขาตายไป ตระกูลเยียนก็เปรียบเสมือนเนื้อชิ้นโตที่ไร้เจ้าของวางอยู่กลางถนน ผู้ใดย่อมสามารถกัดกินได้

คนผู้นี้ต้องการฆ่าเยียนโส่วจ้าน ไม่ว่าจะมาจากไหน เขาย่อมเป็นศัตรูของนาง

เยียนอวิ๋นเกอริเริ่มโจมตีก่อน นางสะบัดแส้ไปทางอีกฝ่าย

มีดสั้นที่เอวถูกปลดออกจากฝัก นางต้องฆ่าคนผู้นี้!

การต่อสู้ที่ไร้เสียงเริ่มปะทะขึ้นสิบกว่าครั้งในชั่วพริบตา

อย่างไรก็ตาม เยียนอวิ๋นเกอยังเด็ก ทักษะของนางไม่อาจเทียบอีกฝ่ายได้ เวลานี้นางถูกต้อนให้จนมุม

เซียวอี้จับมีดสั้นจ่อเข้าไปที่ลำคอของนาง “หากเจ้ายังกล้าขยับอีก ข้าจะทำให้เลือดของเจ้ากระเซ็นออกมา”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มเย้ยหยัน

หากต้องการฆ่านาง เหตุใดจึงต้องพูดมาก!

เซียวอี้หัวเราะทันที “ถึงเจ้าจะพูดไม่ได้ แต่เจ้ามีสมองที่ดี เจ้าคิดถูก ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่เจ้าอย่าคิดที่จะทำลายแผนการของข้า”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะเยาะ

อีกฝ่ายต้องการฆ่าบิดาของนาง เท่ากับต้องการฆ่าทั้งตระกูลของนาง คิดจะให้นางลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน

เซียวอี้หรี่ตาลง สงสัยเล็กน้อย “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะฆ่าเยียนโส่วจ้าน”

เยียนอวิ๋นเกอชี้ไปที่มีดสั้นซึ่งจ่ออยู่ที่คอของนาง นางไม่สามารถตอบได้

เซียวอี้ครุ่นคิด ก็จริง ดังนั้นเขาจึงปล่อยมีดสั้นลง

เยียนอวิ๋นเกอหยิบดินสอและกระดาษออกมา เขียนอย่างรวดเร็ว

‘วันนั้นข้าพบเจ้าบนกำแพง สังเกตว่าบนตัวเจ้าเต็มไปด้วยแรงอาฆาต หากแต่ไม่ได้พุ่งตรงมายังข้า มันแปลกประหลาดยิ่งนัก พี่ใหญ่ข้าออกเรือนไปสามวันแล้ว แต่เจ้ายังอยู่ในตระกูลเยียนคนเดียว ย่อมต้องมีแผนการบางอย่าง วันนี้พบเจ้า กลิ่นถุงหอมบนเอวเจ้า คนอื่นอาจดมไม่ออก แต่เจ้าปิดบังข้าไม่ได้ เจ้าคิดจะวางยาท่านพ่อข้า ทำลายตระกูลเยียน เจ้าหาที่ตาย!’

เซียวอี้จ้องมองเนื้อหาบนกระดาษ เลิกคิ้วพร้อมยิ้ม

“ตัวอักษรของเจ้าล้วนเต็มไปด้วยคำผิด ตระกูลเจ้าไม่มีเงินจ้างอาจารย์มาสอนเจ้าหรืออย่างไร”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะเยาะ

ไม่รู้สิ่งใดเอาเสียเลย ตัวอักษรที่นางเขียนล้วนเป็นตัวอักษรย่อ

เขียนเนื้อหามากมายเช่นนี้ ไม่เขียนตัวอักษรย่อ นางไม่เหนื่อยตายหรือ

อย่างไรก็ตาม อ่านเข้าใจก็พอ

เซียวอี้จ้องมองนาง “เจ้ามีจมูกหมาหรืออย่างไร ห่างไกลเพียงนั้นยังได้กลิ่นถุงหอมอีก ความรู้เรื่องยาพิษได้มาจากผู้ใด”

เกี่ยวอันใดกับเจ้า!

เยียนอวิ๋นเกอไม่ตอบเขา

เซียวอี้ไม่สนใจ “เจ้าพูดถูก ฆ่าเยียนโส่วจ้าน ทั้งตระกูลเยียนย่อมต้องถูกผู้คนกลืนกินทั้งเป็น ตายอย่างไร้ที่ฝัง อันที่จริง ข้าไม่ต้องการหัวของเยียนโส่วจ้าน หัวของคนอื่นก็สามารถใช้ได้เช่นกัน”

เจ้าหมายความว่าอย่างไร

เยียนอวิ๋นเกอระแวงอย่างยิ่ง

เซียวอี้ก้มหน้าหัวเราะ “อย่ากังวลนัก เจ้าต้องดีใจที่ข้าเปลี่ยนแปลงแผนการกะทันหัน ไม่เอาหัวของเยียนโส่วจ้าน วันนี้ข้าจะจากไป นับแต่นี้เจ้าสามารถหลับได้อย่างไร้กังวล”

จริงหรือ

เยียนอวิ๋นเกอไม่กล้าเชื่อเขา

เซียวอี้ก้าวถอยหลังไปสองก้าว เว้นระยะห่างระหว่างคนทั้งสอง

“เยียนอวิ๋นเกอ เจ้าจำไว้ เจ้าติดหนี้บุญคุณข้า ภายหน้าข้าจะมาขอคืนด้วยตนเอง เจ้าอย่าเพิ่งตาย!”

ปากเสีย!

ข้าจะอายุยืนยาวร้อยปี!

หากต้องตาย เจ้าก็ต้องตายก่อน!

เซียวอี้หัวเราะอย่างไร้เสียง กระโดดขึ้นกำแพงจากไปอย่างรวดเร็ว

‘มีดสั้นของข้า!’

เยียนอวิ๋นเกอตะโกนอย่างไร้เสียง

มีดสั้นที่นางทุ่มเงินจำนวนมากในการทำถูกแย่งไปแล้ว

สูญเสียอย่างสาหัส!