ตอนที่ 10 ต้องใช้ไฟ

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature )

ตอนที่ 10 – ต้องใช้ไฟ

หลินเสี่ยวเสี้ยวเป็นคนที่สร้างฝันร้ายให้แก่ชิ่งเฉิน

โลกใบนี้ก็ไม่ได้มีเพียงแค่อารยธรรมจักรกลเสมอมา มันดำเนินมาจนถึงปัจจุบันนี้ยังมีการคงอยู่ของอารยธรรมอันเร้นลับยิ่งกว่านั้นอยู่ตลอด

ส่วนคืนนี้ หลินเสี่ยวเสี้ยวสร้างฝันร้ายอันนี้ ทั้งหมดเป็นการฟังคำสั่งของเจ้านายหลี่ซูถง อยากจะลองดูว่าชิ่งเฉินสรุปแล้วเป็นคนประเภทไหน

ฝันร้ายในขณะนี้เรียกว่า “ปัญหาผีคู่” หลินเสี่ยวเสี้ยวอยากจะลองทดสอบความกล้าและความสามารถต่อต้านแรงกดดันของชิ่งเฉินสักหน่อย ผลคือเขาคิดไม่ถึงว่าปฏิกิริยาของชิ่งเฉินคล้ายกับจะไม่สามารถใช้คำว่าความกล้าและความสามารถต่อต้านแรงกดดันมาประเมินได้แล้ว

จู่ ๆ เขาก็ตระหนักว่าเด็กหนุ่มคนนี้ตอนที่ตกอยู่ในอันตรายจะต้องใช้ท่าทีที่โหดร้ายที่สุดสงบนิ่งที่สุดไปเผชิญหน้า

ชิ่งเฉิน ณ ขณะนี้ไม่มีอาการสั่นสะท้านแม้แต่เศษเสี้ยว แล้วก็ไม่มีสีสันแห่งผู้กล้าแบบคนทั่วไปตอนที่ลุกขึ้นมาต่อต้าน ทั่วทั้งร่างของเขากลั่นออกมาเป็นเพียงสองคำ สงบนิ่ง

แต่หลินเสี่ยวเสี้ยวคิดแล้วไม่เข้าใจเลยว่า เห็นชัด ๆ ว่าเขาป้องกันอีกฝ่ายไม่ให้หยิบมีดขึ้นมา เหตุใดอีกฝ่ายจู่ ๆ ก็สลัดหลุดจากโซ่ตรวนของฝันร้าย

อยากรู้ ที่นี่มันเป็นสนามเหย้าของเขาหลินเสี่ยวเสี้ยวนะ

ตอนนี้ชิ่งเฉินรู้แล้วว่าตนเองไม่ต้องขึ้นบันไดไปฆ่าคนแล้ว เขาพูดกับห้องนั่งเล่นอันว่างเปล่าว่า “หลินเสี่ยวเสี้ยว?”

ฝันร้ายยังไม่สลาย หลินเสี่ยวเสี้ยวสวมเครื่องแบบตำรวจยิ้มแฉ่งเดินลงบันได “พิลึกชะมัด คุณถึงกับยังสามารถรักษาสติเอาไว้ได้ในฝันร้ายนี้ สายตาของเจ้านายไม่ผิดไปเลย คุณมีส่วนที่เหนือกว่าคนอื่นมากมายจริง ๆ”

“เพราะอะไร ผมเหมือนกับว่าไม่ได้ยั่วโมโหคุณเลยนะ” ชิ่งเฉินไม่เข้าใจ

“เพราะว่าเจ้านายเห็นค่าคุณ ดังนั้นผมต้องรู้ว่าสรุปแล้วคุณเป็นคนอย่างไหน แต่ตอนนี้ดูไปฝันร้ายอาจจะไม่มีผลอะไรกับคุณเลย” หลินเสี่ยวเสี้ยวอธิบายหลังจากนั่งลงบนขั้นบันได

“นี่เป็นความสามารถพิเศษของคุณเหรอ”ชิ่งเฉินถาม

“ใช่” หลินเสี่ยวเสี้ยวยักไหล่ “ก็เหมือนกับที่คุณมีผ่านตาไม่ลืมเลือน ผมก็มีความสามารถของผม นี่มันไม่มีอะไรให้ปิดบังเลย”

ชิ่งเฉินรู้สึกมาสักพักแล้วว่าในสมองของเขาโลกใบนี้ยิ่งเร้นลับขึ้นทุกที

โลกที่ศาสตร์จักรกลและศาสตร์เร้นลับคงอยู่ร่วมกันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหวั่นเกรงเลย ตรงกันข้ามกลับทำให้เขายิ่งมายิ่งตื่นเต้นสนใจ

และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้อาจจะเป็นสาเหตุที่หลี่ซูถงและพวกมีสถานะอันแปลกแยกในเรือนจำแห่งนี้

ชิ่งเฉินอยากจะสำรวจทุกสิ่งนี้ และยิ่งอยากจะครอบครอง

หลินเสี่ยวเสี้ยวเห็นชิ่งเฉินครุ่นคิดไม่พูดจาก็เอ่ยถามขึ้นมาเองว่า “คุณเป็นคนของกลุ่มตระกูลชิ่งเหรอ”

ชิ่งเฉินไม่ได้ตอบคำถามนี้ ทว่าส่งคำถามกลับไปว่า “เป็นเพราะการคาดเดาถึงตัวตนของผมเลยให้การดูแลผมเป็นพิเศษเหรอครับ เพราะอะไรหุ่นยนต์ผู้คุมถึงไม่สนใจพวกคุณ”

“ย่อมเป็นเพราะเจ้านายพิเศษเพียงพอ หุ่นยนต์ผู้คุมถึงไม่สนใจพวกเรา” หลินเสี่ยวเสี้ยวกล่าว “คุณไม่ต้องเปลี่ยนหัวข้อเลย บอกตัวตนของคุณมา ตอนเย็นผมพบคลิปวงจรปิดที่คุณกับลู่ก่วงอี้สื่อสารกัน เขาเป็นคนที่ตระกูลชิ่งจัดแจงเข้ามา แล้วยังกระวนกระวายที่จะติดต่อกับคุณอีก ดังนั้นผมมั่นใจมากว่าคุณก็คือคนของกลุ่มตระกูลชิ่ง”

กลุ่มตระกูลชิ่ง….. ชิ่งเฉินจดจำคำสี่คำนี้เอาไว้

ตอนนี้เขากลับผ่อนคลายขึ้นมา

อีกฝ่ายอยู่ในเรือนจำนี้กระทำการได้ตามอำเภอใจ เทียบกันแล้วตนเองเหมือนกับเป็นเด็กน้อยที่เพิ่งหัดเดิน

เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ไม่ต้องตึงเครียดจนเกินไปแล้ว

เพราะว่าอีกฝ่ายยังเต็มใจที่จะเชื่อมสัมพันธ์กันต่อไปหลังจากที่ทราบสถานการณ์ของตนเองอย่างชัดแจ้ง งั้นก็แปลว่าอีกฝ่ายก็มีข้อเรียกร้อง

ชิ่งเฉินนั่งบนโซฟาขาดรุ่งริ่ง ถามเสียงหนัก ๆ ว่า “ในเมื่อพวกคุณแน่ใจว่าผมเป็นคนของกลุ่มตระกูลชิ่ง เหตุใดยังอยากจะผูกมิตรกันอีก”

“องค์กรของพวกเราไม่เอ่ยถึงที่มา เพียงต้องมีจิตใจตรงกัน ใคร ๆ ล้วนสามารถเข้าร่วม” หลินเสี่ยวเสี้ยวยิ้มแฉ่งบอก “แน่นอนว่าคุณสมบัติผ่านถึงจะได้”

ชิ่งเฉินอึ้งไป อีกฝ่ายทำทุกอย่างแท้จริงแล้วคือการทดสอบว่าตนเองมีคุณสมบัติเข้าร่วมหรือไม่หรอกเหรอ

เขายังนึกว่าอีกฝ่ายคิดอยากจะร่วมมือกับอำนาจเบื้องหลังของตนเองเสียอีก

“พวกคุณอยากรับสมัครผมเหรอ” ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างกังขา

“ผมก็ไม่ได้พูดว่าตอนนี้คุณมีคุณสมบัติพอแล้วนะ พูดจริง ๆ ผมรู้สึกว่าคุณกับพวกเราไม่ใช่คนเส้นทางเดียวกันเลย” หลินเสี่ยวเสี้ยวกล่าว “แต่เจ้านายบอกว่า ในองค์กรหนึ่งคนประเภทอะไรล้วนต้องมี เหยี่ยวที่มองไกล เสือที่เฝ้าภูเขา หมาป่าที่สู้เก่ง คนทุกคนมีประโยชน์ของคนทุกคน”

“งั้นคุณในองค์กรของพวกคุณมีบทบาทยังไง” ชิ่งเฉินถาม

หลินเสี่ยวเสี้ยวไม่คิดจะตอบ แกล้งทำเป็นยิ้มอย่างลึกลับทันที “คุณเดาสิ”

ชิ่งเฉินคิด ๆ ดูแล้วกล่าวว่า “ลาของหน่วยขนส่ง?”

หลินเสี่ยวเสี้ยว “???”

ล้อเล่นอะไร

ยังไม่สู้ปลาที่ว่ายน้ำเลย!

ขณะนี้หลินเสี่ยวเสี้ยวค้นพบด้วยความตกตะลึงว่า อีกฝ่ายเผชิญหน้ากับฝันร้ายที่ไม่รู้จัก ตอนที่ตนเองไม่รู้เรื่อง ถึงกับผ่อนคลายโดยสิ้นเชิง กระทำการไปตามสบาย

เด็กหนุ่มนี้เพิ่ง 17 ปี

หลินเสี่ยวเสี้ยวเอ่ยอย่างอยากรู้ว่า “ตระกูลชิ่งจัดแจงให้ลู่ก่วงอี้เข้ามาตั้งทัพใหญ่ขนาดนี้ ตอนหลังยังจัดแจงให้คุณเข้ามาอีก พวกคุณสรุปแล้วคิดจะทำอะไร หรือจะพูดว่า คิดจะหาอะไร”

ชิ่งเฉินคิดในใจว่า ผมอยากบอกว่าผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองเข้ามาทำอะไร คุณต้องไม่เชื่อแน่เลย….

เรื่องนี้…..คุณต้องถามลู่ก่วงอี้นะ….

พูดตามตรง ชิ่งเฉินก็แอบใคร่ครวญอยู่เหมือนกันในตอนนี้ว่าตนเองควรจะไปหาลู่ก่วงอี้ทำความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดรึเปล่า

เพียงแต่คิดถึงท่าทางพูดจ้อบวกกับสุนัขจอมเลียนั่นของลู่ก่วงอี้แล้ว เขาก็ปวดหัวขึ้นมาอีก

“ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร ไม่ช้าก็เร็วผมก็คิดออกได้เอง” หลินเสี่ยวเสี้ยวกล่าว “โอเค พักผ่อนเร็ว ๆ หน่อยเถอะ เช้าวันพรุ่งนี้คุณยังต้องเล่นหมากรุกกับเจ้านายนะ”

พอพูดปุ๊บ ชิ่งเฉินก็สายตามืดลงไปแล้วออกจากฝันร้าย เขาค่อย ๆ ยันกายขึ้นมาจากพื้นห้องขังไปนอนบนเตียงเย็นเยียบคิดอะไรไม่รู้

พวกมองดูประตูเลื่อนโลหะอันหนักอึ้ง นอกประตูเป็นโลกที่ทั้งเย็นเยียบทั้งเร้นลับ

…………………………

นับเวลาถอยหลังกลับ 20:59:21

นับเวลาถอยหลังกลับ 20:59:20

เช้าตรู่ หลี่ซูถงนั่งอยู่ข้างโต๊ะกินข้าวอย่างเคย มองดูท้ายเกมเกมหนึ่งเงียบ ๆ

ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่นักโทษจะออกจากห้องขัง ทั่วทั้งเรือนจำเงียบสงบ

หลินเสี่ยวเสี้ยวนั่งยอง ๆ บนเก้าอี้กล่าวว่า “เจ้านาย เมื่อคืนผมใช้ปัญหาผีคู่ทดสอบเขามาแล้ว ท่านเดาซิว่าเป็นยังไง เขาอยากจะหยิบมีดไปฆ่าคนหนึ่งก่อนดื้อ ๆ เลย….. นิสัยช่างฆ่าหนักหน่วงเกินไปแล้วเปล่า”

เยี่ยหว่านขมวดคิ้ว “บอกว่าให้นายทำอย่างพอประมาณ คนธรรมดาเข้าปัญหาผีคู่พังทลายลงไปได้ง่ายมาก”

“วางใจเถอะ” หลินเสี่ยวเสี้ยวว่าอย่างอารมณ์ไม่ดี “ตั้งแต่ต้นฉันก็ไม่ได้กะว่าจะดำเนินการต่ออยู่แล้ว อีกอย่างนายไม่รู้ว่าเด็กนั่นถึงขนาดสามารถหนีจากการควบคุมของฉันในฝันร้ายได้ด้วย”

“อ้อ?” หลี่ซูถงเงยหน้าขึ้นมา “ฉันยืนยันได้ว่าเขาเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น คนธรรมดาคนหนึ่งสามารถหนีออกจากการควบคุมของเธอในฝันร้าย นี่มันพิเศษนิดหน่อยนะ”

คราวนี้แม้แต่แมวใหญ่ที่นอนหลับตาอยู่บนโต๊ะก็ยังมองหลินเสี่ยวเสี้ยวแปลก ๆ ทีหนึ่ง

เยี่ยหว่านถามว่า “เขาทำได้ยังไง”

“ไม่รู้ดิ” หลินเสี่ยวเสี้ยวส่ายหน้า

“อาจจะเป็นว่าพลังใจของตนเองแข็งแกร่งพอ” หลี่ซูถงไม่ขุดลึกในเรื่องนี้ คนที่สามารถสลัดหลุดจากการกักขังของฝันร้ายก็ไม่ใช่มีแค่ชิ่งเฉินคนเดียว

หลินเสี่ยวเสี้ยวนั่งยอง ๆ กล่าวว่า “เจ้านาย ผมยังขอแนะนำให้คุณครุ่นคิดให้หนัก ๆ หน่อยนะ เจ้าเด็กชิ่งเฉินนี่นิสัยช่างฆ่าหนักมาก ไม่ได้เป็นคนเส้นทางเดียวกันกับพวกเรา”

หลี่ซูถงหัวเราะออกมาอย่างกะทันหัน “พวกเราเพื่อเหตุนี้ พวกพ้องตายไปมากขนาดนี้แล้ว แม้แต่เธอกับฉันสามคนยังถูกขังอยู่ในคุกแห่งนี้ ดังนั้นเธอต้องเข้าใจนะเสี่ยวเสี้ยว พวกเราไม่สามารถใช้ความเมตตาไปตอบโความมืดมิด ต้องใช้ไฟ”

พูดแล้ว สีหน้าของหลี่ซูถงกลับเศร้าขึ้นมาบ้าง “เยี่ยหว่าน หยิบฮาโมนิก้ามาให้ฉัน”

กำลังจะแจกข้าวแล้ว ในเรือนจำค่อย ๆ อึกทึกขึ้นมา เสียงร้องหนวกหูของเหล่าสัตว์ร้ายเหล็กกล้าในประตูเลื่อนโลหะคล้ายคลึงกับเสียงต้มน้ำจนค่อย ๆ เดือดในหม้อ

แต่บนลานส่วนรวมของเรือนจำจู่ ๆ ก็มีเสียงฮาโมนิก้าอันไพเราะดังขึ้นมา เจาะเข้าไปในส่วนลึกของจิตใจคน

เสียงของเหล่านักโทษเคาะประตูห้องขังค่อย ๆ หยุดลง ทุกคนล้วนฟังเงียบ ๆ คล้ายกับมีคนใช้น้ำพุใส่กระจ่างชะโลมลงในพื้นที่รกร้างอันแห้งผาก

………………………………….

ฮาโมนิก้าเป็นเครื่องดนตรีแบบเป่าชนิดหนึ่งค่ะ มีอีกชื่อว่า ออร์แกนปาก (mouth organ) หรือหีบเพลงปากอันเล็ก ๆ เสียงแหลม ๆ

ตอนที่ 11 – อำลา