วันจันทร์
เมื่อผมมาถึงที่ห้องเรียนก็พบกับซาเองุสะซังที่นั่งอยู่ในห้องเช่นเดียวกับคราวก่อน
เรื่องที่ซาเองุสะซังขึ้นไปบนเวทีเมื่อวันเสาร์นั้นกลายเป็นข่าวดังสุดๆ
“ขิโอรันกลับมาแล้ว” กลายเป็นหัวข้อหลักในโลกโซเชียลเลยทีเดียว แม้ว่าเวลาจะผ่านมาร่วมสองวันแล้วก็ตาม
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ในเช้านี้เธอจะถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คน
“ฉันเห็นข่าวแล้วล่ะค่ะ! คุณขึ้นไปบนเวทีด้วย!”
“ฉันเองก็ไปคอนเสิร์ตนั่นเหมือนกันค่ะ! ฉันตกใจมากเลยนะที่ได้เห็นซาเองุสะซังบนเวทีน่ะ!”
“ฉันว่าคุณควรจะมาร้องคาราโอเกะกับพวกเราบ้างนะคะ”
เหล่าไทยมุงต่างมาห้อมล้อมโต๊ะของซาเองุสะซัง ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่กำลังเป็นที่พูดถึงอยู่
ผมคิดว่าซาเองุสะซังคงจะเจอปัญหาเข้าแล้วสิ แต่เธอก็ตอบกลับทุกคนไปด้วยยิ้ม ก็สมกับเป็นไอดอลจริงๆนั่นแหละนะ
แต่ว่าแบบมันดูจะเยอะเกินไปแล้วนะ
หลังจากที่พูดขอทางไปหลายครั้งในที่สุดผมก็มาถึงที่โต๊ะของผมจนได้ แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่
เพราะว่านี่เป็นอีกครั้งนึงที่บั้นท้ายของนักเรียนหญิงนั้นอยู่ข้างๆหัวของผมเลย แน่นอนว่ามันล่อตาล่อใจผมแบบสุดๆ
“ขอโทษนะทุกคน! ฉันเริ่มจะเหนื่อยแล้วน่ะ ไว้คุยกันทีหลังนะ”
ซาเองุสะซังกล่าวด้วยเสียงที่ดูเหน็ดเหนื่อย ทุกคนจึงกล่าวขอโทษก่อนจะทยอยกันสลายตัวไป
คุณยังคงมีเสน่ห์เหมือนเดิมเลยนะครับ…..
“รู้สึกเหมือนเดจาวูเลยแหะ”
“อรุณสวัสดิ์อิจิโจคุง”
“โอ๊ะ อรุณสวัสดิ์ครับซาเองุสะซัง”
เมื่อไทยมุงสลายตัวไปแล้วซาเองุสะซังก็หันมาทักทายผม
ตอนนี้ผมไม่ใจเต้นแล้วเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นที่ร้านสะดวกซื้อเมื่อวาน
แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าเจอเธอที่เป็นแบบตอนวันเสาร์ล่ะก็ ผมว่าผมคงตื่นเต้นเกินกว่าจะมองที่เธอเลยล่ะ
อย่างไรก็ตาม ซาเองุสะซังในชุดนักเรียนนั้นก็ยังดูสวยมากๆ
พูดถึงเรื่องนี้แล้วชุดที่เธอใส่ตอนวันเสาร์มันน่ารักสุดๆไปเลย
นอกจากนั้นเธอยังแต่งหน้าด้วย ทั้งๆที่ปกติจะไม่แต่ง ทำให้เธอดูเหมือนกับชิโอรินที่ผมได้เห็นในทีวีและนิตยสารแบบเป๊ะๆ
แล้วการที่เธอได้มานั่งข้างๆและกล่าวทักทายผมแบบนี้มันเหมือนกับฝันไปเลย
“อืม จะว่าไงดีล่ะ……ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อวันเสาร์นะ”
“โอ้ใช่ ผมตั้งใจฟังเพลงของซาเองุสะซังสุดๆเลยครับ เสียงร้องของคุณดีพอๆกับเสียงของยุยเลยล่ะครับ”
แถมวันนั้นเธอยังบอกกับผมว่า “ตั้งใจฟังเพลงของฉันให้ดีๆล่ะ” ด้วยล่ะ
เสียงของซาเองุสะซังทั้งสดใสและสวยงาม ราวกับเป็นเสียงของนางฟ้านางสวรรค์
มันแตกต่างจากเสียงอันทรงพลังของยุย มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
“โอ้……ขอบคุณนะ”
เมื่อผมบอกความรู้สึกไปตรงๆ ใบหน้าของซาเองุสะซังก็กลายเป็นสีแดง
“จริงสิ แล้วเรื่องสายรัดข้อมือ…..”
“สายรัดข้อมือเหรอครับ?”
“ม-ไม่มีอะไร!”
ตอนนี้ผมอยู่ในโรงเรียนก็เลยไม่ได้ใส่มันมาด้วย แต่ซาเองุสะที่สังเกตเห็นนั้นเผลอกล่าวออกมาด้วยเสียงเศร้าๆ
ขอโทษด้วยนะครับที่ผมไม่ได้ใส่มาด้วย แต่ผมใส่มันตอนที่คุณแต่งตัวน่าสงสัยอยู่ตลอดนะ
ช่วงหลังๆมานี้ ดูเหมือนซาเองุสะซังนั้นจะลืมไปว่าเธอปลอมตัวอยู่ แต่พอเธอรู้สึกตัวก็รีบพูดว่าผมนั้นเข้ากำลังเข้าใจผิดอย่างลนลาน
ผมจึงทำได้แค่ส่งเสียงหัวเราะออกมาให้กับความจริงที่ชิโอรินอดัตเซ็นเตอร์ของ Angel Girls นั้นดูจะให้ความสนใจเรื่องสายรัดข้อมือผมมากๆ
—ราวกับเป็นคนละคนเลยแหะ
เมื่อเธอเห็นผมขำ เธอก็พูดว่า “อย่ามาหัวเราะฉันนะ!” เธอนี่น่ารักเหมือนทุกทีเลยนะเนี่ย
ช่วงพักกลางวัน
ผมทานข้าวกลางวันกับทาคายูกิอีกเช่นเคย
ซาเองุสะซังเองก็กำลังนั่งทานอยู่ข้างๆพวกผม
“เมื่อวันเสาร์มันเยี่ยมสุดๆไปเลยใช่มั้ยเพื่อน?”
“ใช่ๆ ขอบคุณที่เอาฉันไปด้วยนะ มันยอดเยี่ยมมากเลย”
ผมกับทาคายูกิกำลังสนทนาเรื่องคอนเสิร์ตเมื่อวันเสาร์อยู่
“พูดถึงเรื่องวันเสาร์ คุณทำให้ผมแปลกใจเลยนะซาเองุสะซัง”
“เอ๊ะ?”
ซาเองุสะซังถึงกับตกใจเมื่อทาคายูกิหันมาพูดกับเธอ
“ผมกับทาคุยะก็อยู่ในคอนเสิร์ตนั้นด้วย พวกเราตกใจมากเลยนะที่เห็นคุณขึ้นไปบนเวทีน่ะ”
“ฉันอยู่รู้แล้วล่ะ”
“พูดจริงเหรอ? นี่คุณสังเกตเห็นพวกเราจากบนนั้นด้วยเหรอเนี่ย?”
โทษนะทาคายูกิ
ไม่ใช่แค่เห็นพวกเราจากบนเวทีหรอกเพื่อน แต่วันนั้นว่าซาเองุสะซังยืนอยู่ข้างๆฉันเลย เพราะงั้นเธอจะเห็นนายด้วยก็ไม่แปลกหรอก
เธออยืนยู่ตรงนั้นตั้งแต่ Angel Girls ขึ้นมาบนเวที แต่ดูนายจะไม่ได้สังเกตเห็นเลยสินะเนี่ย
ก็ว่าหมอนั่นไม่ได้ล่ะนะ เล่นจมไปกับเสียงเพลงคอนเสิร์ตซะตั้งขนาดนั้น
“แล้วเป็นไงบ้าง? คอนเสิร์ตของพวกเรา?”
“มันเยี่ยมไปเลย!”
เมื่อซาเองุสะซังกล่าวถาม ทาคายูกิก็ตอบไปทันทีอย่างกระตือรือร้น
ซาเองุสะยิ้มตอบทาคายูกิก่อนที่จะกล่าว “ขอบคุณมากนะ”
“แล้วอิจิโจคุงล่ะคิดว่าไง?”
หา? ผมด้วยเหรอ?
ผมว่าผมบอกไปตั้งแต่เช้าแล้วนะ แต่ดูเหมือนว่าเธออยากจะให้ผมพูดอะไรสักอย่าง
หืม เข้าใจละ ถ้าคุณอยากจะถูกชมขนาดนั้นก็ไม่มีปัญหา
งั้นก็จงฟังใด้ดีๆล่ะ!
“การร้องของคุณสุดยอดมากครับ และที่สำคัญคือชุดของคุณวันนั้นมันน่ารักจนผมไม่กล้ามองตรงๆเลยครับ กลัวว่าผมจะโดนดาเมจจนตาย”
“จริงด้วยๆ ชุดวันนั้นน่ารักจริงๆ”
“ใช่ๆ ถ้าให้พูดจริงๆ ผมว่าซาเองุสะซังดูมีเสน่ห์มากกว่าสาวๆคนอื่นๆบนเวทีซะอีกนะครับ”
เป็นยังไงล่ะ? ผมชมคุณแบบออกหน้าออกตาสุดๆไปเลยนะ
ผมมองไปที่ซาเองุสะซังที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าและตัวสั่น
หืม? ไอ้ท่าทางแบบนั้นมันอะไรกัน?
หรือว่าผมจะพูดเกินไป? แต่แล้วเธอก็ได้ลุกขึ้นและหยิบกระดาษพับแผ่นนึงยื่นมาให้ผม
คราวนี้……อะไรอีกล่ะเนี่ย?
ผมรับกระดาษมาแม้จะไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง
“อย่าเปิดดูจนกว่านายจะถึงบ้านนะ!”
ใบหน้าของซาเองุสะซังกลายเป็นสีแดงขณะที่กล่าวกับผม ก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องแม้ง่าจะยังทานข้าวไม่หมดก็ตาม
“เธอคงจะอายถ้านายเปิดดูตอนนี้ละมั้ง……เอาไว้นายไปเปิดดูที่บ้านแล้วกัน…….”
“ก็คงต้องเป็นแบบนั้น”
พวกผมสองคนผมตามแผ่นหลังของเธอไปและคิดกันว่าพวกเราทำอะไรผิดไปรึเปล่า
ผมว่าก็ไม่นะ
เพราะงั้นการที่ซาเองุสะซังเดินออกไปจากห้องด้วยใบหน้าเขินอายแบบนั้น อาจจะไม่มีอะไรก็ได้มั้ง
—แล้วไอ้กระดาษพับนี่มันคืออะไรล่ะเนี่ย?
ผมตัดสินใจที่จะเก็บมันไว้เปิดดูทีหลัง ดังที่เธอพูดไว้