บทที่ 5 อย่างกับเขาเป็นลิง

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 5 อย่างกับเขาเป็นลิง?

หลานเยาเยาลูกสาวคนนี้เป็นความอัปยศสำหรับเขา เมื่อวานนี้นิ่งซื่อใจดีอาสาเป็นเจ้าภาพจัดพิธีจี๋พิ่นให้เธอ เธอทำเรื่องโง่ๆ ในที่สาธารณะ กลายเป็นตัวตลกของจักรพรรดิ ถูกองค์ชายราชทายาทถอนหมั้นยังร้องไห้และใส่ร้ายป้ายสีชิวหยุนอีก หลังจากที่เขาถูกลงโทษเขาก็หนีออกจากบ้าน

ตอนนี้กลับมาด้วยบาดแผลทั่วทั้งร่างกาย ยังบอกอีกว่ากระโดดผางั้นหรือ?

เล่นกับความรู้สึกอย่างกับเขาเป็นลิงหรือไง?

“องครักษ์ยังอยู่ใต้หน้าผา คาดว่าศพคงถูกหมาป่า อีแร้งกินจนหมดแล้ว เสื้อผ้าน่าจะยังคงเหลืออยู่ ไม่เชื่อก็ลองให้คนไปดู”

เป็นพ่อที่ดีจริงๆ !

เธอบาดเจ็บทั่วกาย ร่างเต็มไปด้วยเลือด แทบจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว เขาไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย ยังจะถามเธอด้วยวาจาจริงจังน่ากลัว

หึ!

น่าขำเสียจริง

ได้ยิน!

ดวงตาของหลานเฉินมู๋หรี่เล็กน้อย

เขาเคยอยู่ในสนามรบเคยสู้รบ บาดแผลบนร่างกายหลานเยาเยาไม่เหมือนของปลอม ดูเหมือนว่าหลานเยาเยาจะไม่ได้หนีไปตามใครไป

ดวงตาของหลานเฉินมู๋จ้องไปที่นิ่งซื่ออย่างช่วยไม่ได้ แต่ใบหน้าของนิ่งซื่อแสดงออกถึงความกังวลเรื่องของหลานเยาเยา แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะทำเรื่องแบบนั้นกับหลานเยาเยา?

ทันใดนั้นก็กล่าวอย่างใจกว้างว่า

“เยาเยา เจ้าบาดเจ็บอยู่ รีบกลับห้องไปพักผ่อน สักพักให้หมอมาดูอาการ”

น้ำเสียงของคำสั่ง เขาไม่อยากให้หลานเยาเยาทำขายหน้าที่นี่

ไม่เห็นหรือว่าองค์ชายรัชทายาทยังอยู่?

“เจ้าค่ะ!”

หลานเยาเยาหัวเราเยาะในใจ เธอคาดเดาไว้แล้วว่าผลต้องเป็นแบบนี้

หลานเฉินมู๋ลำเอียงเป็นที่สุด ทั้งๆ ที่เดาออกว่าที่เธอถูกบีบบังคับให้โดดลงผามีส่วนเกี่ยวข้องกับนิ่งซื่อและหลานชิวหยุน แต่ก็ไม่พูดอะไร

เป็นแบบนี้ก็ดี!

เมื่อเธอตอบโต้กลับ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลกับอะไร

แต่ จุดประสงค์ของเธอก็ประสบความสำเร็จแล้ว ลบล้างความเข้าใจผิดเกี่ยวเรื่องหนีตามผู้ชายไป และไม่ให้นิ่งซื่อหลานชิวหยุนกดขี่ข่มเหง

มิเช่นนั้น……

หลานเฉินมู๋คงไม่ให้เธอกลับห้องง่ายๆ อาจจะปิดบังไว้ในห้องร้าง หรือลงโทษให้ขุกเข่าที่ห้องโถงนานหลายวัน แม้กระทั่งทำโทษโดยวิธีโบราณเป็นไปได้

ถ้าถึงเวลานั้น ถ้าหากเป็นเจ้าของร่าง ก็คงถูกคนพวกนั้นเล่นงานจนตาย!

หลานเยาเยาเดินซวนเซออกจากพวกเขา ฝืนความเจ็บปวดเดินจากไปด้วยตนเองมุ่งตรงไปยังลานเล็กๆ ของเธอ ตั้งแต่ต้นจนจบเธอไม่ได้เงยหน้ามององค์ชายรัชทายาทแม้แต่นิด

องค์ชายรัชทายาทที่ถูกมองข้าม มองตามหลังหลานเยาเยาที่จากไป หรี่ดวงตาเล็กน้อย ดวงตาเคร่งขรึมเปล่งประกาย……

——

ณ ลานเทียนหลาน

ลานเทียนหลานเป็นลานที่เล็กที่สุดในจวนแม่ทัพ ถึงแม้ว่าลานแห่งนี้จะเป็นที่พักของคุณหนู แต่ทุกคนในจวนก็รู้ มูลค่าของลานหลังนี้ไม่ต่างอะไรไปจากลานของคนชั้นต่ำ

เหมือนที่เธอคิดไว้ หมอคงไม่มา อาหารเย็นก็คงไม่มี แต่มีเงาของคนหลายคนทำตัวลับๆ ล่อๆ ซ่อนอยู่ด้านนอกลานเทียนหลาน

ในห้องนอน

หลานเยาเยาพันบาดแผลใหม่อีกครั้ง และฉีดกลูโคสให้ตัวเอง เวลานี้เธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะ ในมือถือผลไม้ป่าไม่กี่ลูก “กรุ๊บๆๆ” กัดกิน

แต่!

เมื่อเห็นคนนั้นชัดเจน หลานเยาเยาตะลึงเล็กน้อย ดวงตาเพ่งแล้วเพ่งอีกทันที

คนคนนั้นสวมใส่ชุดอำพราง ชัดเจนว่าไม่ใช่องครักษ์ของจวน เวลานี้ถูกเธอเห็นเข้าก็ไม่ตื่นตระหนก เขากลับตบฝุ่นบนร่างโดยแบบไม่ใส่ใจ

“เจ้าเป็นใคร?” หลานเยาเบาหรี่ตาถาม

ใครจะไปรู้……

คนนั้นเงียบไม่พูด และเอาแผ่นรูปวาดจากอ้อมแขนของเขา มองเธอและมองแผ่นรูปวาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นพูดขึ้นอย่างดูถูก:

“ตัวจริงขี้เหร่กว่าในรูปเยอะเลย เหมือนลิงจริงๆ”

หลานเยาเยายกมุมปาก

ลิงบ้านเจ้าสิ!

เมื่อกี้ตอนตักน้ำล้างร่างกายก็ได้ส่องกระจกแล้วนะ ประการแรกเธอไม่เสียโฉม ประการที่สองที่ดูไม่เหมือนนิ่งซื่อที่ส่อเสียดเยือกเย็น

ก็แค่ ผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ผิวหยาบกร้าน ซีดไม่มีสีแค่นั้น

เหมือนลิงตรงไหน?

“เจ้าพูดจาให้มันดีๆ ข้ารับรองจะไม่ตีเจ้าให้ตาย พูด จะปล้นหรือข่มขืน?ฆ่าคนหรือแค่เอาของ?”

เจ้าของร่าง (ร่างของเจ้าของเดิม) มีบุคลิกอ่อนแอขี้ขลาด ไม่แม้แต่จะก้าวออกจากประตู

นอกเสียจากอยู่ในจวนให้คนอื่นรังแก?

อยู่ข้างนอกจะขัดใจคนอื่นได้อย่างไร?

แล้วก็!

เธอเพิ่งมาแผ่นดินใหญ่ไร้รากฐานนี่วันเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ใครไม่พอใจ!

“จุ๊ๆ เจ้าลิงน้อยนี่หนึ่งไม่มีสมบัติสองไม่มีสีสัน ข้าปล้นอะไร? แต่เจ้าไม่ต้องกังวล ตอนนี้ข้ายังไม่ฆ่าเจ้า ไปล่ะ”

พูดจบ คนชุดดำก็หันไปรอบๆ หลังจากหันหลังกลับ ใบหน้าเจ็บปวดป่นปี้ทันที มือหนึ่งคลุมตาซ้ายขยี้เบาๆ

ซี๊ด……

ลงมือโหดเหี้ยม!

เขากำลังตั้งใจจะบินหนีไป ก็ถูกหยุดโดยหลานเยาเยาที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างด้านหลังเขา

“ช้าก่อน”

หลานเยาเยาเห็นคนชุดดำหยุด จึงพูดขึ้นว่า: “จะเป็นสุภาพบุรุษก็เป็นให้สมฐานะหน่อย อย่าลืมจัดกระเบื้องที่เจ้าทำยุ่งนี่ให้ดี ไม่เช่นนั้น……” เจ้าเจอดีแน่

เธอจับโยนๆ ผลไม้ป่าในมือ แล้วเสียงปิดหน้าต่างก็ดัง “ปั้ง”

ผลสุดท้าย!

หลังจากที่เธอนอนบนเตียงไม่นาน ก็ได้ยินเสียงของกระเบื้องที่กำลังเคลื่อนไหวบนหลังคา พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เชื่องอย่างที่คาดไว้

หลานเยาเยาไม่คิดมากอะไร แล้วหลับลึกไป

วันรุ่งขึ้น อากาศมืดครึ้ม เหมือนฝนจะตกหนัก ท้องฟ้ากำลังจะสว่าง ก็มีฝนตกโปรยปราย

หลานเยาเยาที่นอนอยู่บนเตียงอย่างกึ่งหลับกึ่งตื่น รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างตกลงมาหน้าเธอเป็นหยดๆ

เธอลืมตาทันที เห็นฉากที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เธอกัดฟันอย่างบ้าคลั่ง

กระเบื้องบนหลังคากระจัดกระจาย เม็ดฝนโปรยปราย เล็ดลอดลงมาช่องเล็กใหญ่เหล่านั้น ท่วมพื้นดินไหลเป็นธารแล้ว ที่เตียงมีมุ้งปกคลุมอยู่ เวลานี้น้ำฝนที่ซึมก็หยดลงบนเตียง……

“บรรพบุรุษเจ้าเถอะ อย่าให้ฉันรู้นะว่าเจ้าคือใคร ไม่เช่นนั้นเจอเจ้ากี่ครั้งก็จะทำให้เจ้าร้องไห้ทุกครั้งไป”

หลานเยาเยาลุกจากเตียงทันที นั่งลงบนเก้าอี้ข้างหน้าต่าง นั่นคือที่เดียวที่ไม่มีน้ำฝนรั่วในบ้าน

ทันใดนั้นก็นึกถึงบางสิ่ง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ขวดหลายขวดถูกนำออกจากระบบ เทของเหลวทั้งหมดที่อยู่ในขวดรอบ ๆ เก้าอี้

ในไม่ช้ามันก็เริ่มสว่างขึ้น ฝนก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด

นอกห้องนอนมีเสียงฝีเท้า ฟังเสียงฝีเท้าพวกนั้น มีอย่างน้อยห้าคน หลานเยาเยาขี้เกียจแม้แต่จะยกหนังตาลืมตาขึ้น

รู้ว่ามาหาเรื่องโดยไม่ต้องคิด

พอดี ตอนนี้อารมณ์เธอไม่ดีอย่างยิ่ง

“แอ๊ด……”

เสียงประตูห้องนอนเปิดออก

คนที่เดินเข้ามาคนแรกคือคนที่หยิ่งยโสคุณหนูสี่หลานชิวหยุน วันนี้ชุดที่เธอใส่ไม่ได้เป็นสีชมพูอ่อนเหมือนเมื่อวาน แต่เป็นชุดสีแดงงดงาม……

(จบบทนี้)