ตอนที่ 9 วันหยุดคือเมื่อไหร่

I Was Kidnapped By The Strongest Guild

ณ ชั้นบนสุดของตึกกิลด์รุ่งอรุณ ฮันยอรึมยืนก้มหน้ามองลงพื้นโดยที่ไขว้มือไว้ที่ด้านหลัง

 

เนื่องจากมีชายวัยกลางคนกำลังจ้องมองไปที่เธอด้วยสายตาที่ดุร้าย

 

“คุณกำลังบอกว่า คนของเราละเลยเด็กวัยแปดขวบจนเกือบตายใช่ไหม?”

 

“ค่ะ…”

 

คังจินโฮ เป็นที่รู้จักกันดีในสังคมนักล่าของเกาหลีใต้ในฐานะตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่

 

แค่การเผชิญหน้ากับเขาก็ทำให้หัวใจของฮันยอรึมสลายแล้ว

 

“ทำไมพวกเขาถึงทำอย่างนั้น?”

 

เสียงของเขาช่างเย็นชา ราวกับกำลังสอบปากคำอาชญากรอยู่

 

ถึงแม้ยอรึมจะรู้ว่ามันคือความผิดของตนเอง แต่ภายใต้แรงกดดันที่เกินจะทนไหว ยอรึมจึงพยายามหาข้อแก้ตัว

 

“ป-เป็นเพราะเด็กไม่มีมานาอยู่เลยค่ะ”

 

“มานา?”

 

“ใช่ค่ะ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะผลข้างเคียง เด็กจึงดูเหมือนผู้ใหญ่ค่ะ เธอสูงพอ ๆ กับฉันเลย แถมยังปลอมตัวเป็นผู้ชายด้วย…”

 

คังจินโฮมองฮันยอรึมตั้งแต่หัวจรดเท้า

 

เด็กคนนั้นก็คงจะสูงราว ๆ 160 เซนติเมตร

 

แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะมองว่าเด็กคนนั้นอยู่ในวัยแปดขวบ แต่การโน้มน้าวคังจินโฮมันก็เป็นคนละเรื่องเลย

 

“เพราะเป็นผู้ใหญ่ ก็เลยปล่อยทิ้งให้นอนตายได้ใช่ไหม?”

 

“ม-ไม่ใช่ค่ะ! ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น!”

 

 

ยอรึมโบกมือของตัวเองอย่างเร่งรีบ โดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะเอาตัวรอดออกไปจากสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ยังไงดี

 

“แล้วมันหมายความว่ายังไงกัน?”

 

“คือว่า…”

 

ยอรึมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติตัวเอง จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ อธิบายทุกอย่างตั้งแต่ต้น

 

“ฉันไม่เคยคิดเลยค่ะ ว่าจะมีคนที่อ่อนแอถึงขนาดตายได้เพราะโดนกระต่ายมีเขาแทง”

 

“…ถ้าร่างของเธอไม่มีมานา เนื้อหนังของเธอก็คงไม่ต่างอะไรไปจากแยลลี่”

 

ก็ถ้าเธอไม่มีมานาจริง ๆ นั่นแหละคือสิ่งที่จะเกิดขึ้น

 

ถึงแม้ว่าคังจินโฮจะไม่เชื่อ แต่เขาก็ได้แต่คิดอยู่ในใจ

 

เนื่องจากสมาชิกภายในกิลด์ทั้งหมด ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเด็กไม่มีมานาอยู่จริง ๆ

 

“ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนกับข้อแก้ตัว แต่ในตอนแรก เราช่วยเหลือเธอไปตั้งเยอะแล้ว พวกเราสอนวิธีล่ามอนสเตอร์ให้กับเธอและช่วยเหลือจากการถูกไล่ล่า…”

 

“แต่คุณก็ปล่อยเธอไปเพราะไม่มีความคืบหน้าใช่ไหม?”

 

“ใช่ค่ะ…พวกเราเหนื่อยนิดหน่อย”

 

“อืม…”

 

แตะ—

 

แตะ—

 

คังจินโฮเคาะโต๊ะ

 

ผู้ชายวัยผู้ใหญ่ที่ไม่สามารถจับกระต่ายมีเขาได้เลยสักตัวเดียวแม้ว่าจะได้รับการฝึกสอนและความช่วยเหลือไปแล้วก็ตาม ไม่มีพรสวรรค์ในการเป็นนักผจญภัยแต่ก็ยังมาที่พื้นที่ล่าอยู่หลายปีและร้องขอความช่วยเหลือ

 

ยังไงก็คงมีความรู้สึกรำคาญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว เว้นแต่ว่าจะเป็นนักบุญ

 

‘มันคล้าย ๆ กับการทรมานเลย’

 

แล้วคนที่ทรมานก็ยังเป็นแค่เด็กใช่ไหม?

 

เด็กที่ถูกครอบครัวทิ้งเพราะไม่มีมานาและต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด

 

ถึงแม้ว่าในท้ายที่สุดมันจะเป็นความผิดของกิลด์ แต่ก็ยากที่จะตำหนิยอรึมเนื่องจากความเข้าใจผิดอย่างต่อเนื่อง

 

“คุณควรที่จะช่วยเหลือเธอในตอนที่เธอถูกไล่ล่า”

 

“ฉันขอโทษค่ะ พวกเราคิดว่ามันเป็นสถานการณ์ที่ไร้สาระ…”

 

“เรื่องนั้น…”

 

ผู้ชายวัยผู้ใหญ่ที่กำลังวิ่งหนีกระต่ายมีเขาด้วยความกลัว

 

ถ้าหากคังจินโฮไม่ได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของเด็ก เขาก็คงจะเอาแต่มองอยู่ไกล ๆ เหมือนกัน

 

ในท้ายที่สุด เขาก็จะช่วยเหลือเธอ แต่…

 

‘เธอกำลังวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด’

 

ถึงแม้จะเข้าใจผิด แต่กิลด์ก็เพิกเฉยและละเลยต่อเด็ก เด็กเปราะบางที่กำลังวิ่งหนีจากมอนสเตอร์เพื่อเอาชีวิตรอด

 

แม้แต่คังจินโฮที่มีจิตใจสุดเย็นชา ก็ยังรู้สึกหายใจลำบากในสถานการณ์นี้

 

“ไม่มีใครในกิลด์ของเราที่ทำร้ายร่างกายเด็กใช่ไหม?”

 

“ไม่มีค่ะ มีแค่บางคนเท่านั้นที่ทำร้ายเด็กด้วยวาจา แต่ไม่มีใครทำร้ายร่างกายเด็กเลยสักคนค่ะ”

 

“ค่อยยังชั่วหน่อยที่เรื่องกังวลมีน้อยลง”

 

ชิ

 

ยอรึมตัวสั่นในขณะที่คังจินโฮเดาะลิ้นของเขา

 

“แต่นักผจญภัยคนอื่น ๆ อาจจะทำร้ายเธอและรังแกเธอด้วยก็ได้…”

 

“เธอไม่ได้หยุดพวกเขาเหรอ…?”

 

“เราห้ามในตอนที่เราเห็นค่ะ แต่เราไม่สามารถอยู่ใกล้ ๆ เธอได้ตลอดเวลา…”

 

เธอต้องทุกข์ทรมานมากแน่ ๆ ในที่ที่พวกเขาไม่เห็น

 

ยอรึมกัดริมฝีปากด้วยความรู้สึกผิด

 

“เอาละ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะมองข้ามเรื่องการใช้พรโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตไป แต่ต่อจากนี้ไปจงดูแลเด็กคนนั้นอย่างดีด้วยทรัพยากรในกิลด์ของเรา”

 

“ค่ะ…”

 

โค้งคำนับ—

 

ยอรึมโค้งคำนับคังจินโฮ จิตใจของเธอหนักอึ้งด้วยความระส่ำระสาย

 

——————————————————————————————————————————

 

“เอ่อ…”

 

ชายรูปร่างใหญ่โตเดินเข้ามาหาฉัน การปรากฏตัวของเขาทำให้ฉันกลัวจนหัวหด

 

“ด-ได้โปรดปล่อย…”

 

เขาวางแผนจะทำอะไร ถึงได้ค่อย ๆ เดินเข้ามา?

 

ฉันจับหางด้วยมือทั้งสองข้างโดยสัญชาตญาณ

 

“ไม่ใช่ ฉ-ฉันก็แค่อยากขอโทษ”

 

“จริงเหรอ…?”

 

ขอโทษเรื่องอะไร?

 

ฉันตกใจมากจนดวงตาของเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

 

“คราวที่แล้วฉันพูดจารุนแรงเกินไป ฉันขอโทษด้วยจริง ๆ ฉันขอโทษจากใจจริงเลย”

 

ผู้ชายคนนั้นโค้งตัวลงมาทางฉัน

 

ฉันรู้ว่าคำขอโทษของเขาไม่ได้จริงใจจริง ๆ แต่ฉันไม่รู้จุดประสงค์ในการทำแบบนี้ของเขาเลย

 

“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว แต่ได้โปรดปล่อยฉันไว้ตามลำพัง…”

 

ในขณะที่ฉันกำลังคิดว่าผู้ชายคนนี้จะทำอะไร เขาก็ก้มศีรษะลงและเดินจากไปจนไกลสายตา

 

พฤติกรรมที่น่างุนงงนี้ของเขาทำให้ฉันเอียงหัวด้วยความสับสน

 

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

 

การคุกคามแบบใหม่เหรอ?

 

หรือเขาทำตามคำสั่งของหญิงสาวเพื่อสังเกตปฏิกิริยาของฉัน?

 

ฉันไมรู้เลย แต่ฉันจะไม่ยอมเล่นไปตามเกมของเขาแน่

 

‘เล่นสนุกกับผู้คน’

 

เป็นองค์กรที่โหดร้ายมาก

 

ในขณะที่ฉันกำลังรู้สึกไม่พอใจอยู่ภายในใจ ผู้หญิงที่คุ้นเคยก็ปรากฏตัวขึ้นที่หัวมุม ในมือของเธอมีถุงช้อปปิ้งมากกว่าสิบใบ

 

“คยออุล พี่ทำให้เธอรอนานหรือเปล่า?”

 

“ไม่เลย…ฉันรอแค่แปปเดียว…”

 

“จริงเหรอ? เยี่ยมไปเลย”

 

หญิงสาวเดินเข้ามาฉันอย่างรวดเร็วและแสดงถุงช้อปปิ้งที่เธอถืออยู่ให้ฉันดู

 

เสื้อผ้าข้างในไม่ได้โทรมอย่างที่ฉันคิด

 

และเสื้อผ้าภายในถุงก็มีอยู่เยอะมาก

 

ฉันวางแผนไว้ว่าจะซื้อเสื้อและกางเกงอย่างละ 2 ชุดเท่านั้น

 

เสื้อผ้ามีจำนวนเยอะกว่าที่ฉันคิดไว้มาก

 

“มีเสื้อผ้าทั้งหมดกี่ชิ้นเหรอ…?”

 

“ทั้งหมดนี่น่ะเหรอ? ประมาณห้าสิบชิ้นละมั้ง?”

 

“เอ๊ะ…”

 

ราคาชิ้นละพันวอน ห้าสิบชิ้นก็ห้าหมื่นวอนน่ะสิ

 

เป็นจำนวนเงินที่น่าลำบากมาก แต่ฉันก็รู้ว่านี่มันเป็นการบังคับซื้อ

 

เธอพยายามจะสูบเงินของฉันออกไปจนหมด โดยที่ไม่สนใจเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

 

ห้าหมื่นวอนเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก แต่ฉันก็ตัดสินใจที่จะซื้อมัน

 

ยังไงซะ ฉันก็มีโชคลาภสามล้านวอนอยู่

 

“มันไม่สวยเหรอคยออุล? มีเสื้อผ้าที่มีลูกไม้อยู่ด้วยนะ”

 

อึ๋ย

 

มีเสื้อผ้าลูกไม้อยู่ด้วย

 

ก็รู้อยู่ว่าสถานการณ์ของฉันเป็นยังไง แต่ก็ยังเลือกเสื้อผ้าที่ใช้งานไม่ได้มาให้ฉัน

 

เป็นความคิดที่สมกับเป็นแม่มดจริง ๆ เลย

 

“คือว่าฉันมีแรงไม่พอที่จะยกทั้งหมดนี่ไป”

 

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ยกไปให้ โอเคไหม?

 

“โอเค…”

 

ใช้นักผจญภัยระดับสูงเป็นคนส่งของได้ในราคาแค่ห้าหมื่นวอน

 

แค่นี้ก็คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปแล้ว

 

‘ฮึ’

 

เป็นไงล่ะ?

 

ฉันไม่ใช่เป้าหมายง่าย ๆ ใช่ไหม?

 

ฉันมองเธออย่างคนมีชัยและหยิบถุงช้อปปิ้งใบหนึ่ง

 

ก่อนที่จะสวมใส่เสื้อผ้า ฉันก็วางแผนว่าจะปรับพวกมันให้เข้ากับร่างกายของฉัน

 

“ฉันจะออกไปข้างนอกสักครู่หนึ่ง”

 

“อ๊ะ! พี่ไปด้วย!”

 

เธอตามฉันมาในขณะที่ฉันวิ่งออกจากตึกไป จนไปถึงสวนที่อยู่หน้าตึกที่มีต้นไม้ ดอกไม้ หญ้า และดิน

 

“ออกมาทำอะไรข้างนอกเหรอ?”

 

“ฉันจะปรับเสื้อผ้า”

 

“เสื้อผ้า?”

 

ฉันหยิบเสื้อผ้าออกมาจากถุงช้อปปิ้งโดยที่ไม่ได้สนใจหญิงสาวที่กำลังทำสายตางุงงงอยู่

 

มันเป็นเสื้อยืดที่มีตัวละครแมวสีขาวอยู่บนนั้น

 

ฉันวางเสื้อไว้บนเตียงสวนและขัดมันเหมือนกับกำลังซักผ้า

 

มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ฉันต้องทำให้เสื้อผ้าสีขาวบริสุทธิ์สกปรก แต่มันเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความอยู่รอดของฉัน

 

“ค-คยออุล?”

 

“มีอะไรเหรอ?”

 

“ทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะ…?”

 

“ปรับเสื้อผ้า?”

 

ขัด ขัด ขัด—

 

ในขณะที่ฉันขัดเสื้อบนเตียงสวน แมวสีขาวบริสุทธิ์ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีสกปรก

 

คราบเขียวจากหญ้าก็เริ่มปรากฏขึ้นที่ตรงนี้และตรงนั้น

 

มันยังไม่พอ แต่เนื่องจากมันเป็นเสื้อผ้าสะอาดที่ฉันเพิ่งได้รับ การปรับมันแค่ระดับนี้ฉันก็พอใจแล้ว จากนั้นฉันก็เอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้าชิ้นต่อไป

 

“ด-เดี๋ยวก่อนสิ คยออุล!”

 

“มีอะไรเหรอ?”

 

“เธอต้องทำให้เสื้อผ้ามันสกปรกจริง ๆ งั้นเหรอ?”

 

ต้องการให้เสื้อผ้าสกปรก?

 

นักผจญภัยผู้ช่ำชองก็ยังไม่เข้าใจตรรกะง่าย ๆ แบบนี้เหรอ?

 

น่าสมเพชมาก แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ตัดสินใจอธิบายบอกเธอเพื่อผลประโยชน์ของเธอเอง

 

“มันเป็นการอำพรางตัว”

 

“อำพรางตัว…?”

 

“ใช่ สีจะต้องกลมกลืนไปกับธรรมชาติ สัตว์และมอนสเตอร์จึงจะสังเกตเห็นไม่ได้ง่าย ๆ ฉันยังใช้หญ้าและดินเพื่อกลบกลิ่นด้วย”

 

ฉันสูดดมเสื้อผ้าที่ฉันหยิบออกมา

 

กลิ่นผงซักฟอกสังเคราะห์นั้นหอมมาก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรสวมใส่เข้าไปในป่า

 

ไม่งั้นกลิ่นหอมของมันจะดึงดูดสิ่งมีชีวิตอย่างเช่นหมูป่ามา

 

แค่คิดฉันก็ขนลุกแล้ว

 

“เธอเองก็ควรจะมีเสื้อผ้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันสักสองถึงสามชุดไม่ใช่เหรอ? สำหรับในวันพักผ่อนของเธอไง?”

 

“เสื้อผ้าประจำวัน?”

 

“ใช่ คงจะดีใช่ไหมล่ะถ้าในวันหยุดได้ใส่เสื้อผ้าที่มันสะอาด ๆ น่ะ?”

 

วันหยุด?

 

วันหยุดครั้งสุดท้ายของฉันนี่คือเมื่อไหร่กัน?

 

ฉันพยายามนึกแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

 

“ฉันไม่มีวันหยุด”

 

“ไม่มีวันหยุด…?”

 

“ใช่ ถ้าวันนี้ฉันหยุด พรุ่งนี้ก็จะยากขึ้น”

 

คำตอบของฉันมันคงไม่แปลกใช่ไหม?

 

ใบหน้าของหญิงสาวเริ่มซีด

 

ขาวเหมือนกับเสื้อยืดแมวก่อนที่จะสกปรก

 

“แล้วเรื่อง แบบว่า หยุดพักล่ะ…?”

 

“เอ่อ…ก็มีช่วงที่พักอยู่”

 

“อ่า! มีอยู่ใช่ไหม?!”

 

หญิงสาวแสดงความดีใจอย่างกระทันหัน

 

เธอตื่นเต้นเพราะเธอรู้ว่าเธอสามารถคุกคามฉันได้ในเวลาพักของฉันงั้นเหรอ?

 

แต่เสียใจด้วย ที่สิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามที่เธอหวัง

 

“เดือนละครั้ง ละมั้ง”

 

“ด-เดือนละครั้ง?”

 

หญิงสาวอ้าปากค้าง อาจจะเป็นเพราะผิดหวังกับช่วงเวลาพักผ่อนยาวนานของฉัน

 

“ก่อนหน้านี้ที่ฉันกินแฮมเบอร์เกอร์ นั่นคือช่วงเวลาพักผ่อนของฉัน”

 

“เอ่อ…นั่นไม่ใช่การพักผ่อนสักหน่อย…มันเหมือนกับการกินมื้อเช้ามากกว่าไม่ใช่เหรอ…?”

 

“ใช่ แต่ปกติฉันจะกินอาหารให้เสร็จภายในห้านาทีแล้วจึงค่อยกลับไปทำงาน แต่วันนี้แฮมเบอร์เกอร์อร่อยมากจนฉันใช้เวลากินมันไปหนึ่งชั่วโมง”

 

เบอร์เกอร์อร่อยมากจริง ๆ

 

ถ้าฉันทำงานหนักมากพอ ฉันก็คงจะได้กินมันอีกในสักวันหนึ่ง

 

อร่อย

 

ฉันอยากกินมันอีกจัง

 

ในขณะที่ฉันกำลังนึกถึงรสชาติที่แสนอร่อยขอแฮมเบอร์เกอร์และนั่งยอง ๆ เพื่อปรับเสื้อผ้า จู่ ๆ หญิงสาวก็พึมพำกับตัวเอง

 

“โอ้พระเจ้า”

 

เธอผิดหวังเพราะเธอไม่สามารถคุกคามฉันในช่วงเวลาพักได้ใช่ไหม?

 

ฉันเยอะเย้ยเธออยู่ในใจอย่างเงียบ ๆ

 

ฟุฮ่าฮ่า