“เปิดใช้งานโหมดล่องหน!”

หลังจากที่ยานบินลอยถึงระดับที่สูงพอประมาณ ซู่เจินก็เปิดโหมดล่องหนของยานบินทันที

เพื่อที่จะไม่ทำให้ประชาชนคนทั่วไปเกิดความตื่นตระหนก หรือความหวาดกลัว

หลังจากที่ยานบินเข้าสู่โหมดล่องหนสร็จเรียบร้อยแล้ว ซู่เจินก็ติดต่อไปบริ๊งทันที

ใช้เวลาไม่นานบนยานบินก็มีประตูพอร์ทัลปราฏขึ้นมาตรงหน้าของซู่เจิน พร้อมกับบริ๊ง แมโร และเฉินห่าวหราน ที่ค่อย ๆ เดินออกมาจากประตูพอร์ทัล และเมื่อซู่เจินเห็นอย่างงั้นเขาก็อดชื่นชมไม่ได้ว่าความสามารถของบริ๊งนั้นแข็งแกร่งเป็นอยากมาก เพราะว่าขนาดยานบินลำนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ล้ำสมัยมากแต่ประตูพอร์ทัลของบริ๊งก็ยังสามารถทะลุผ่านเข้ามาได้อย่างง่ายดาย

“นี่มัน … ยานบินงั้นเหรอ?“

หลังจากที่พวกเขาทั้งสามคนออกมาจากประตูพอร์ทัลเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็มองไปรอบ ๆ ด้วยความประหลาดใจ

“ใช่ นี่คือยานบินของดาร์กเอลฟ์ที่ยืนอยู่ตรงนั้น และเขาก็เป็นดาร์กเอลฟ์ตนสุดท้ายที่ยังคงหลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้” ซู่เจินพูดออกมาพร้อมกับชี้ไปทางดาร์กเอลฟ์ที่กำลังยืนอยู่

พวกเขาทั้งสามครั้งหันไปมองที่ดาร์กเอลฟ์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบเจอกับมนุษย์ต่างดาวตัวเป็น ๆ ทำให้ดาร์กเอลฟ์รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่กล้าทำท่าทางไม่พอใจออกมา ไม่งั้นเขาคงโดนซู่เจินฆ่าตายอย่างแน่นอน!

“จากนี้ไปยานบินลำนี้จะใช้เป็นฐานทัพชั่วคราวของพวกเรา ดังนั้นพวกเธอสามารถเลือกห้องที่ชอบได้ตามที่ต้องการและก็ทำความสะอาดให้เรียบร้อย” หลังจากที่ซู่เจินพูดจบ เขาก็หันไปมองที่บริ๊งค์และถามว่า “เรื่องที่ผมฝากให้เธอไปจัดการเป็นยังไงบ้าง ? “

บริ๊งค์พยักหน้าเบา ๆ และกล่าวว่า “ฉันพบสถานที่ที่เหมาะสมประมาณสองสามแห่ง แต่ … ฉันคิดว่ามันค่อนข้างธรรมดาและมีขนาดเล็กมากเกินไป แต่ฉันคิดว่าถ้าเรามีเงินมากกว่านี้ทำไมเราไม่ซื้อเกาะสักแห่งและทำเป็นฐานของพวกเรา….และนี่ก็เป็นสถานที่ที่ฉันได้ไปสำรวจมา” ในขณะที่บริ๊งค์กำลังพูดอธิบายให้ซู่เจินฟัง เธอก็หยิบเอกสารที่เธอเตรียมมาให้กับซู่เจิน และเมื่อซู่เจินลองอ่านดูก็พบว่าข้อมูลมันก็ละเอียดเป็นอย่างมาก

ไม่ว่าจะเป็น ที่อยู่ ขนาด สภาพแวดล้อม ฯลฯ

หลังจากตรวจสอบข้อมูลที่บริ๊งค์ให้มา ซู่เจินก็พบเข้ากับสถานที่อันคุ้นเคยมันก็คือโรงงานร้างของ สตาร์กอินดัสตรีส์ ซึ่งมันเป็นสถานที่ที่ดีและมีพื้นที่ขนาดใหญ่มาก แถมสถานที่แห่งนี้ก็ยังเป็นฐานทัพแห่งใหม่ของเหล่าอเวนเจอร์สในอนาคตอีกด้วย

และถ้าเขาบอกกับโทนี่ สตาร์ค ว่าเขาต้องการสถานที่แห่งนี้ เขาคงจะยกให้กับเขาฟรี ๆ อย่างแน่นอน แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะทำแบบนั้น เพราะว่าข้อเสนอของบริ๊งค์มันดีกว่ามาก ๆ นั่นก็คือ…

เกาะ!

เพราะว่าถ้าเขาสามารถซื้อเกาะได้ เขาจะสามารถสร้างฐานทัพได้ขนาดใหญ่แค่ไหนก็ได้ที่เขาต้องการ ซึ่งแน่นอนว่ามันจะสะดวกในการที่จะทำอะไรหลาย ๆ อย่าง และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ….มันสะดุดตา

แถมมันยังสามารถกลายเป็นแลนด์มาร์ค ที่แสดงถึงความแข็งแกร่งของซู่เจินได้อีกด้วย!

“เกี่ยวกับเกาะ เธอมีสถานที่ที่แนะนำไหม?” ซู่เจินถามกับบริ๊งค์ขึ้นมา

บริ๊งค์ส่ายหัวเบา ๆ และพูดว่า “เมื่อพิจารณาจากระยะทางและความสะดวกสบายในการเดินทางแล้ว เกาะในบริเวณใกล้ ๆ นี้ไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไหร่ในตอนแรก แต่ตอนนี้พวกเรามียานบินแล้วมันจะไม่มีปัญหาเรื่องการเดินทางอีกต่อไป แต่มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะว่าถ้าทีมของเรามีขนาดใหญ่ขึ้น ฉันเกรงว่ามันจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของพวกเขา!“

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราค่อยซื้อเกาะข้าง ๆ อีกสักสองสามเกาะ จะได้เดินทางกันได้สะดวกมากยิ่งขึ้น!” ซู่เจินกล่าวขึ้นมาอย่างลวก ๆ

อะไรนะ … ซื้อเกาะเพิ่ม?

สิ่งที่ซู่เจินพูดออกมามันอาจจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ สำหรับเขา แต่สำหรับคนอื่นมันไม่ใช่ ทำให้พวกเขามองไปที่ซู่เจินด้วยความตกตะลึง

“ดังนั้นนี่จะเป็นเรื่องแรกที่ผมจะให้เธอไปจัดการ ก่อนอื่นเธอก็ไปดูที่เกาะทางฝั่งตะวันตกก่อน และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพวก SHIELD มากนัก ถ้าพวกเขาถามเธอเธอก็บอกไปว่าผมต้องการรที่จะใช้เกาะแห่งนี้เป็นฐานทัพและผมก็คิดว่า นิค ฟิวรี่ จะต้องเห็นด้วยกันมันแน่นอน และเดี๋ยวเธอก็มาเรียนรู้วิธีบังคับยานจากดาร์กเอลฟ์คนนั้นด้วย เพราะว่าเดี๋ยวผมจะไม่อยู่สักสองสามวัน” ซู่เจินพูดสั่งออกมาเป็นชุด ๆ

“รับทราบ!“

พวกเขาทั้งสามคนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็ไปเลือกห้องของตัวเองกันอย่างรวดเร็ว และไปเดินสำรวจรอบ ๆ ยานลำ

ส่วนซู่เจินก็เตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่ดันเจี้ยน

“ระบบถ้าเกิดว่าฉันเปิดดันเจี้ยนแห่งที่สอง มันจะมีข้อกำหนดในเรื่องของเวลาการเข้าออกของดันเจี้ยนทั้งสองแห่งหรือไม่ ?” ซู่เจินถามกับระบบ

“หลังจากเวลารีเฟรชของดันเจี้ยนสิ้นสุดลง โฮสต์สามารถเข้าสู่ดันเจี้ยนอันไหนก็ได้ ส่วนระยะเวลาในการอยู่ในดันเจี้ยนแต่ละแห่งตอนนี้คือสามวัน!” ระบบตอบกลับซู่เจิน

ซู่เจินคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ทุก ๆ 30 วัน ฉันสามารถเข้าดันเจี้ยนได้ทุกอันเลยใช่ไหม?”

“ถูกต้อง!“

“เอาล่ะ! ระบบฉันจะเปิดดันเจี้ยนแห่งที่สอง ส่วนดันเจี้ยนที่ฉันเลือกก็คือ กรีนแลนเทิร์น“

ดันเจี้ยนแห่งที่สองที่ซู่เจินเลือกก็คือ กรีน แลนเทิร์น เพราะว่ากรีนแลนเทิร์นเป็นหนึ่งในซูเปอร์ฮีโร่ของค่าย DC และกรีนแลนเทิร์นก็คือเรื่องราวของกองกำลัง “กรีนแลนเทิร์นคอร์ปส” ที่คอยเป็นผู้พิทักษ์จักรวาลให้อยู่ในความสงบสุข ซึ่งสมาชิกทุกคนจะมีแหวนสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งมันได้มอบพลังอันมหาศาลให้กับผู้ถือครอง โดยมันสามารถสร้างสิ่งของต่าง ๆ ได้ตามความคิดของผู้ถือครอง และพระเอกของเรื่อง ฮาล จอร์แดน เดิมทีเขาเป็นนักบินทดสอบและได้ถูกเลือกโดยแหวน ทำให้เขาจะต้องกลายเป็น “กรีนแลนเทิร์น” ที่มีหน้าที่ในการดูแลความสงบของโลกและบริเวณโดยรอบทางช้างเผือก

ส่วนเหตุผลที่ซู่เจินเลือกดันเจี้ยนแห่งที่สองเป็น กรีนแลนเทิร์น นั้นก็เพราะแหวนสีเขียวที่สามารถเรืองเสืองวงนี้นี่เอง เพราะว่ามันสามารถสร้างสิ่งของตามความคิดของเราได้ ยิ่งเขาจินตนาการมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น!

แน่นอนว่าถ้าซู่เจินมีเหตุผลแค่นี้ เขาคงจะไม่เลือกดันเจี้ยนแห่งนี้อย่างแน่นอน เพราะว่ามันมีดันเจี้ยนที่ดีกว่านี้อีกมากมาย แถมแหวนวงนี้มันก็ไม่ได้ทรงพลังมากขนาดนั้น แต่ที่เขาเลือกที่แห่งนี้ก็เพราะว่า….เขาจะเอาแหวนวงนี้ไว้เป็นภาชนะของอนุภาคอีเทอร์!

และตอนนี้มาเลคิธก็ได้ตายไปแล้ว ดังนั้นซู่เจินจึงไม่ต้องกังวลว่าอนุภาคอีเธอร์จะถูกกระชากออกไปจากร่างกายของเขาอีกต่อไป ส่วนเรื่องของธานอสเขาก็ไม่รู้ว่ามันจะปรากฏตัวขึ้นตอนไหน และตอนนี้เขาก็ยังสามารถกลืนกินอนุภาคอีเธอร์ได้ช้ามาก ๆ แถมถ้าเขาวางอนุภาคอีเทอร์ไว้ในมิติเก็บของ เขาก็ไม่สามารถกลืนกินมันได้อีก ดังนั้นเขาจึงคิดวิธีนี้ขึ้นมา ก็คือเอาอนุภาคอีเทอร์ไปเก็บไว้ในภาชนะที่สามารถรองรับพลังของมันได้ แค่นี้เขาก็สามารถใช้พลังของมันได้อย่างไม่มีปัญหา!

ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องหาภาชนะที่สามารถรองรับพลังของอนุภาคอีเทอร์ได้และเขาก็ค่อย ๆ กลืนกินมันอย่างช้า ๆ โดยที่มันไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาและมันยังสามารถใช้พลังของอนุภาคอีเทอร์ได้อีกด้วย!

ทำให้แหวนของกรีนแลนเทิร์นเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดในตอนนี้!

“ดันเจี้ยนได้รับการยืนยัน กำลังส่งโฮสต์เข้าสู่ดันเจี้ยน กรีนแลนเทิร์น“

หลังจากที่เสียงพูดของระบบจบลง ซู่เจินก็หายตัวไปจากยานบินและเข้าสู่โลกของกรีนแลนเทิร์นทันที