หลังจากที่ออกมาจากถ้ำได้แล้ว ฉันก็เอากิ่งไม้กิ่งนึงมาจากต้นไม้ใกล้ๆ มาใช้เป็นไม้เท้า แล้วก็เดินกลับไปตามทางที่ฉันเดินมาด้วยความเร็วระดับเต่าคลาน

ระหว่างทาง ฉันก็พยายามลองใช้พลังที่ผุดขึ้นมาในตัวทีละนิดทีละหน่อย

ตอนนี้ ดูเหมือนฉันจะทำได้แค่เอาลูกบอลสีดำที่ฆ่ากอต้นไม้ต้นเล็กที่งอกกันอยู่เยอะๆ ได้ หรือไม่ก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีใส่ลงไป แล้วก็ปล่อยอะไรซักอย่างที่เป็นเหมือนออร่าออกมาในทีเดียว

จะว่าไป ออร่านี่มันแข็งแกร่งแค่ไหนกันนะ

 

“อ- อุหวา…”

 

พวกต้นไม้ที่โตอยู่ในระยะ 3-4 เมตรรอบตัวฉันเหี่ยวเฉาไปหมดเลย

ถึงยังงั้นก็เถอะ บางทีออร่านี่หรือลูกบอลนั่นก็อาจจะไม่ได้มีพลังพอจะฆ่าคิลลิงเซอเพนท์ได้เลยนะ

แบบว่า ฉันเข้าใจแล้วว่าพลังนี่มันไม่ได้แข็งแกร่งขนาดตอนนั้น

ถึงยังงั้น ก็ไม่แน่ว่า

 

“คนที่สัมผัสกับออร่านี้แบบต่อเนื่องก็อาจจะตายได้เลยก็ได้ล่ะมั้ง”

 

พวกนั้นจะเสียพลังชีวิตไปเรื่อยๆ แล้วไม่นานก็จะตายเพราะความเหนื่อยล้า

หรือบางที มันอาจจะทั้งอึดอัดทั้งเจ็บปวดมากๆ เลยก็ได้

อ่า อดใจรอไม่ไหวแล้ว แค่นึกภาพคนพวกนั้นที่พยายามจะฆ่าฉันต้องมาถูกฉันฆ่าแทน แค่นี้ก็ทำให้ฉันยิ้มออกกว้างแล้วล่ะ

 

ฉันเดินหน้าต่อไปทีละนิด ทีละนิด พร้อมๆ กับที่ต้องทนกับความเจ็บปวดทั่วร่างกายไปด้วย

 

“…ถึงแล้ว”

 

ใช้เวลาเกิน 1 วันซะอีก เหนื่อยจนแทบจะตายอยู่แล้ว กว่าจะมาถึงเมืองที่ไล่ตะเพิดฉันไปเมื่อวันก่อน

ตอนนี้เที่ยงวันเลย ดูท่าพระเจ้าจะเกลียดฉันจริงๆ ด้วยสินะ ที่เอาดวงอาทิตย์ออกมา ไม่ช่วยให้คนอื่นเขาละสายตาจากสีดำของฉันไปเลย

ช่างเถอะ ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจแล้ว

 

“หืม? อะไรล่ะนั่นน่ะ…”

“เฮ้ย ไม่ใช่เจ้าผมดำที่แกไล่ไปเมื่อวันก่อนเรอะ?”

“เจ็บหนักมาเลยนี่ ว่าแล้วเชียว ข้าเผลอมองข้ามไปจริงๆ ด้วย…”

 

พวกผู้ชายที่ยืนเฝ้าประตูอยู่กำลังคุยอะไรกันอยู่ซักอย่างนี่แหละ แต่ฉันไม่ได้ยินเลย แล้วก็ไม่อยากจะฟังด้วย

 

“ต้องรักษาให้มั้ย?”

“เมืองนี้มีพวกเหยียดสีผมแบบสุดขั้วเยอะเลยนะ เพราะแบบนั้นแหละ ตอนนั้นข้าถึงได้ไล่เด็กนั่นกลับไป ถึงจะต้องบังคับกันซักหน่อยก็เถอะ แต่ถ้าเจ็บหนักขนาดนี้เนี่ย ข้าว่าต้องแล้วล่ะ…”

 

“……ถอยไป”

 

ระหว่างที่ยังลากสังขารตัวเองเดินต่อ ฉันก็แผ่ออร่าออกมา

สีรอบตัวของฉันหม่นลง พร้อมๆ กับที่พวกหญ้ารอบๆ ตายไป

 

“ฮ- เฮ้ย!?”

“อะไรฟะนั่น!”

 

พวกผู้ชายที่เฝ้าประตูเมืองทิ้งระยะห่างถอยไปจากฉันกันเลยเพราะรู้สึกขนลุก

ฉันไม่สนอะไรอยู่แล้ว แล้วก็เดินผ่านประตูเมืองที่เปิดอ้านั่นเข้าไป

 

“อ- โอ้ย! เดี๋ยวก่อน…”

“เกะกะ”

 

ฉันขว้างลูกบอลสีดำออกไปหาผู้ชายคนนั้น

มันลอยไปเอื่อยๆ ได้ช้าสุดๆ จะหลบก็ทำได้ง่ายๆ เลย แต่ดูเหมือนว่าจะพอให้พวกนั้นกลัวฉันได้แล้วนะ พวกผู้ชายพวกนั้นไม่พยายามจะหยุดฉันแล้ว

 

ในเมืองตอนนี้มีคนพลุกพล่านเลย ทุกคนก็มองเห็นฉันแล้วด้วย

คงหายากสินะ ที่มีผมสีดำ แถมบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้เลยน่ะ

 

“เฮ้ย! ไอ้เจ้านั่นไง!”

“เจ้าผมปีศาจที่หนีไปเมื่อตอนนั้นนี่!”

 

ฉันมองตรงไปตามเสียง ก็เห็นคนกลุ่มนึงที่เคยตามไล่ล่าฉันเมื่อตอนนั้นอยู่ด้วย

พอดีเลย เจ้าพวกนั้นมันก็รกหูรกตาเหมือนกัน

 

“ไม่รู้หรอกนะว่าไปเจออะไรเข้าถึงได้เจ็บหนักแบบนี้ แต่งี้ก็สวยสิ มีค่าตอบแทนกับการจับพวกผมดำมาหรือเปล่าเนี่ย?”

 

มีชายอ้วนผมสีน้ำตาลยิ้มยิงฟันเดินตรงเข้ามาหาฉัน พร้อมกับเชือกเส้นนึงในมือ

 

“อย่าตายซะล่ะ”

 

ฉันบอก ก่อนจะเผยออร่าออกมา

 

“อ- อะไรเนี่ย… เหวอ!?”

 

ออร่านั่นห่อหุ้มรอบร่างของชายอ้วนคนนั้น แล้วก็โดนดูดเข้าไปในร่างกายยังกับว่ามันเข้าไปกัดกินชายคนนั้นเลย

แต่ว่า ชายคนนั้นก็สลัดออร่าออกไปให้พ้นตัวทันที แล้วก็หนีออกไปให้พ้นมือของฉัน

 

“ม- เมื่อกี้นี้มันอะไรน่ะ… อย่าบอกนะว่า เวทมนตร์?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่มีทางหรอกเฟ้ย! ขนาดเด็กเขายังรู้เลยนะว่าผมสีดำน่ะมันใช้เวทมนตร์ไม่ได้ ยังไงซะนั่นมันก็แค่ทำเรื่องแหกตาอยู่แล้ว”

“น- นั่นสินะ… แล้วไอ้ความรู้สึกเสียวสันหลังวาบเหมือนอะไรซักอย่างหายไปเมื่อกี้นี้มันอะไรล่ะเนี่ย”

 

ยังงี้นี่เอง ดูท่าออร่าของฉันมันจะอ่อนแอกว่าที่ฉันคิดซะอีกแฮะ

แทนที่จะมองว่าเป็นการมอบความตายให้ ดูเหมือนมันจะเป็นพลังในการลดอายุขัยหรืออะไรแบบนั้นสินะ

จะยังไงก็ช่างมันเถอะ มันก็ไม่ได้เปลี่ยนสิ่งที่ฉันจะทำซักหน่อย

ด้วยพลังนี้ ฉันจะลากคนตามฉันไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เลย เอาชีวิตของพวกแกไปนี่แหละ

แล้วสุดท้าย ก็ต้องฆ่าเจ้า 3 คนนั่นด้วย

ชักจะรอเวลานั้นไม่ไหวแล้วสิ

 

ตอนที่ฉันเดินก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับการตัดสินใจได้ใหม่นี้ แล้วพยายามจะห่อหุ้มพวกนั้นไว้ในออร่าของฉันอีกครั้งนึง ก็มีเสียงดังมาจากทางประตูเมือง

พอฉันหันกลับไปโดยอัตโนมัติ ฉันก็เข้าใจที่มาของเสียงนั่นได้แล้ว

รถม้า ม้าสวย 2 ตัวลากรถม้าคันนึงที่ตกแต่งอย่างสวยงามมาด้วย

 

(ชนชั้นสูงเหรอ?)

 

แบบนั้นก็น่าสนดีนะ

ถ้าฉันฆ่าพวกชนชั้นสูงที่เป็นผู้ชนะในชีวิตตั้งแต่เกิดมาน่ะ มันจะเติมเต็มอารมณ์ของฉันได้ขนาดไหนกันนะ

แค่คิดแบบนั้นฉันก็ยิ้มออกมาแล้ว

แต่ก็ อย่างว่าแหละ เจ็บหนักขนาดนี้ ไม่สิ ต่อให้ไม่ได้บาดเจ็บแบบนี้ ฉันก็ไม่มีทางตามรถม้าคนนั้นได้ทันหรอก คงต้องไว้ทีหลังสินะ

 

แต่ว่า อะไรน่ะ

รถม้ามันขับมาจอดใกล้พวกเรามากๆ เลย

การเล่นขำๆ ของพวกชนชั้นสูงงั้นเหรอ เพราะผมสีดำหาดูยากสินะ? หรือแค่สงสัยว่าพวกคนพวกนี้เขามามุงดูอะไรกันอยู่?

จะยังไงก็ช่างเถอะ ไม่รู้หรอกนะว่าจะเป็นใคร แต่ฉันขอชีวิตของแกไปล่ะนะ

 

“ตรานั่น ตระกูลเทียไลท์ไม่ใช่เหรอ”

“อ้า แล้วเรื่องที่เพิ่งออกไป แล้วกลับมาเลยวันนี้เนี่ย…”

“ท่านผู้นั้น!”

 

ฉันพอจะมองเห็นผ่านช่องว่างระหว่างผู้คนอยู่นะว่าประตูรถม้ามันเปิดออก แต่ฉันที่ถูกความมึนงงล้อมรอบไปหมดก็มองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของชนชั้นสูงคนนั้นเลย

แต่ว่า อีกไม่นานหรอก เดี๋ยวคนที่จะโดนฉันพรากชีวิตไปก็มาตรงนี้แล้วล่ะ

 

“ค- คุณหนูครับ! ผมไม่ทราบเช่นกันครับว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ได้โปรดกลับขึ้นรถม้าเถอะนะครับ!”

“ไม่ต้องกังวลกันไปหรอก เจ้าพูดเกินไปแล้ว อะ ขอโทษด้วยนะ หลีกทางให้หน่อยได้หรือเปล่า?”

 

คุณหนู พวกลูกสาวขุนนางงั้นสินะ

จะเป็นคนแบบน―――

 

 

 

ความคิดงี่เง่าของฉันถูกเป่าหายไปหมดทันทีเลย

 

“! …ผมสีดำ นี่นา”

 

เด็กผู้หญิงที่จู่ๆ ก็โผล่มาตรงหน้าฉัน ดูจะประหลาดใจมากเลย

ดูอยู่ในรุ่นพอๆ กับฉันเลย ประมาณ 5 หรือ 6 ขวบล่ะมั้ง

ใครก็ตามที่เห็นเธอเป็นครั้งแรก จะต้องสะดุดตากับสีผมของเธอก่อนแน่นอน

 

ผมของเธอ เป็นสีทอง

 

ในโลกนี้น่ะ ผมสีอื่นนอกจากสีแดง สีน้ำเงิน สีเขียว แล้วก็สีน้ำตาล ทั้งหมดจะถูกเรียกว่าพวกเส้นผมชั้นต่ำ และถูกเลือกปฏิบัติอย่างเหยียดหยาม

แต่ว่า มีอยู่แค่สีเดียวเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้น นอกเหนือจากผม 4 สี กับพวกเส้นผมชั้นต่ำ

นั่นก็คือ [สีบลอนด์ทอง] เป็นสีที่หายากเหมือนกับสีดำเลย แต่ตรงข้ามกับสีดำอย่างสิ้นเชิง นั่นคือสีแห่งโชค

มันไม่ใช่แค่นั้นหรอก ผมสีบลอนด์ทองสามารถใช้เวทมนตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างเวทมนตร์สายแสงสว่างได้

จะเรียกได้ว่า ธาตุอัคคี, วารี, ปฐพี และวายุน่ะยังต้องยอมศิโรราบ ว่ากันว่าหากใช้โจมตี มันก็จะเป็นลำแสงที่ไม่มีทางป้องกันได้ และหากใช้ตั้งรับ นั่นก็เป็นเวทมนตร์เพียงสายเดียวที่มีพลังใน [การรักษา] อยู่

ผมสีดำน่ะ เป็นสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกันในทุกด้านเลย

 

แต่ว่า ฉันตอนนี้น่ะ ต่อให้จะตกเป็นรองก็เถอะ ฉันรู้สึกเหมือนถูกตบแรงๆ เลย

น่าขายหน้ากับความงี่เง่าของตัวเองจริงๆ เกลียดตัวเองจังที่วางแผนจะฆ่าเมื่อกี้นี้น่ะ

 

 

 

เพราะเธอคนนี้น่ะ งดงามเกินไปแล้ว

 

 

 

ดวงตาน่ารักเหมือนแมว, ตาสีฟ้าที่เข้ากับผมบลอนด์ทองได้อย่างสมบูรณ์แบบ แล้วก็ผมตรงสะอาดสลวยสุดๆ ไม่เหมือนผมแห้งหยาบของฉันที่ไม่ได้สระดีๆ เลย

แต่ว่า ใบหน้านั่นน่ะ มีพลังมากจนไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอยังเป็นเด็กอยู่

 

มีเสน่ห์อย่างสมบูรณ์ เป็นคนที่ทั้งดึงดูด ทั้งปลุกปั้น ทั้งบงการได้โดยธรรมชาติทั้งหมดเลย

ฉันมองต่อไปอีกวินาทีนึง ก็เข้าใจเลย

เธอคนนี้ต้องเป็นราชาแน่ ตัวตนที่เด็ดขาดที่คู่ควรกับการยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของโลกน่ะ

 

ฉันมั่นใจเลยว่า ต้องเป็นคนคนเดียวที่สังเกตเห็นแน่ ไม่สิ ควรจะพูดว่าฉันสังเกตเห็นเพราะอยู่ไกลจากเธอเกินไปมากกว่า

ต่างชั้นกันเกินไปแล้ว อย่างน้อย เธอก็ไม่ใช่ใครที่คนอย่างฉัน… ที่ถูกโชคชะตาของตัวเองรังเกียจ หมดสิ้นกำลังใจ แล้วยังคิดจะไปพรากชีวิตของคนอื่นจนถึงเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้วอยู่เลย จะไปทำร้ายได้หรอก

งดงามเกินไปแล้ว ในฐานะสิ่งมีชีวิต ในฐานะมนุษย์แล้ว สมบูรณ์แบบเกินไป

 

พอได้สติอีกที ฉันก็ลงไปนอนอยู่กับพื้นตรงนั้นแล้ว

ลืมความเจ็บปวดที่แผลไปเลย ออร่าของฉันก็หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

แล้ว ตอนที่ฉันรู้สึกได้ว่าเธอกำลังให้ความสนใจมาที่ฉันอยู่

คำพูดนี้ มันก็หลุดออกมาจากปากฉันทันที

 

“ย- หยุดเถอะ… ได้โปรด อย่ามองฉันเลยนะ…!”

 

เป็นคำอ้อนวอนที่สิ้นหวังอย่างน่าสมเพชเลย

 

TN: อ่าว 555