บทที่ 5 คุณคือญาติคนไข้เหรอ?

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ครั้งแรกที่เจอกับสถานการณ์แบบนี้ อดไม่ได้ที่จะกังวลและกลัว แต่แป๊บเดียววารุณีก็ใจเย็นลง เธอโทรเรียกเบอร์ฉุกเฉินก่อน จากนั้นจึงติดต่อปาจรีย์ให้มารับลูกทั้งสองคนไป

เธอไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดผลกระทบไม่ดีต่อจิตใจลูกๆ

ตอนปาจรีย์รีบมาถึง รถพยาบาลก็มาถึงแล้ว

“นี่ทำไมดูเหมือนแผลถูกแทงล่ะ?”

หลังจากหมอเข้ามาก็ช่วยชายหนุ่มจัดการอาการบาดเจ็บอย่างง่ายๆ อดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำเบาๆ

วารุณีที่รู้สึกไม่สบายใจอยู่นั้นถึงแม้จะได้ยิน แต่ก็ไม่ได้สนใจ

เธอช่วยเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ยกชายหนุ่มขึ้นรถไปด้วยกัน

ในรถพยาบาล วารุณีจึงสังเกตเห็นหน้าตาของชายหนุ่ม

ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเปล ร่างสูงเพรียว ผิวขาวสะอาด ใบหน้ามีมิติ จากสายตาที่เห็น ไม่อาจแยกแยะข้อผิดพลาดจากใบหน้าของผู้ชายคนนี้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว และทั้งร่างกายเต็มไปด้วยความสูงส่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ขณะเดียวกัน วารุณีก็สังเกตเห็นสูทสีน้ำเงินที่เปื้อนเลือดบนตัวของชายหนุ่ม เป็นชุดสั่งตัดด้วยมือเกรดดี

บนตลาดไม่มีขาย!

ในเวลานั้น หัวใจของวารุณีก็ดิ่งลง

เธอกลัวว่าจะไปชนพวกคุณชายที่บ้านมีเงินอะไรเข้าให้ งั้นเรื่องราวก็จะจัดการยากขึ้นเยอะกว่าที่คิดไว้

เพราะว่าคนแบบนี้จะต้องเมินเฉยกับค่าชดใช้แน่

แต่ว่าผู้ชายอย่างนี้ ทำไมถึงปรากฏตัวที่ถนนชนบทนะ?

ระหว่างทางผ่านพื้นดินที่ไม่ราบเรียบ แผลช่วงท้องของชายหนุ่มก็โดนเอี่ยวเข้าไปด้วย จึงเห็นริมฝีปากเขาเม้มแน่น คิ้วก็ขมวดแน่น ท่ามกลางอาการโคม่าก็ยังกัดฟันทนความเจ็บปวด

ตรงนี้ อดไม่ได้ที่จะให้วารุณีรู้สึกว่านิสัยผู้ชายคนนี้ค่อนข้างเหมือนกับลูกชายตัวเอง

วินาทีที่นึกถึงลูกชาย ทันใดนั้นเองวารุณีก็คิดว่าหน้าตาของชายคนนี้เหมือนกับลูกเธอหน่อยๆ

อาจจะเพราะว่าเจ็บเกินไป ที่หน้าผากของชายหนุ่มจึงอดไม่ได้ที่จะมีเหงื่อไหลออกมา

เห็นแบบนี้ วารุณียิ่งรู้สึกผิดมาก จึงอยากเช็ดเหงื่อให้อีกฝ่ายจากจิตใต้สำนึก

เมื่อปลายนิ้วสัมผัสผิวของชายหนุ่ม ทันใดนั้นเองชายหนุ่มก็เหมือนพอจะมีสติอยู่บ้าง ยกมือขึ้นกุมมือของวารุณี พันไว้เหมือนคีม

วารุณีก้มหน้ามองไปทันที เห็นแค่ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมา

แค่ตอนที่สายตาสบตากัน ชายหนุ่มก็หมดสติไป

แต่จับมือของเธอไว้ไม่ยอมปล่อย

วารุณีสลัดออกอยู่หลายครั้ง แต่สลัดไม่ออก เลยปล่อยเขาไป เพราะว่าเธอกังวลว่าเคลื่อนไหวมาก จะทำร้ายผู้ชายคนนี้เป็นครั้งที่สอง แบบนี้ก็จะได้ไม่คุ้มเสีย

จึงเป็นเช่นนี้ วารุณีถูกชายหนุ่มดึงไว้ตลอดทาง จนเข้าไปในห้องผ่าตัด ตอนที่เย็บแผล ชายหนุ่มก็ยังไม่ปล่อยมือของเธอออก

ความยืนกรานมั่นคงแบบนี้ทำให้คนช็อก ทำเอาทุกคนตกใจ

เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่อยู่ด้านข้างต่างเดากันว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งแน่

แต่มีแค่ในใจวารุณีที่รู้ดีว่า ผู้ชายคนนี้จะต้องกลัวเธอหนีแน่

หลังจากผ่านการผ่าตัดเย็บแผลไปกว่าครึ่งชั่วโมง ชายหนุ่มถูกประกาศว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว แล้วจึงเข็นจากห้องผ่าตัดไปยังห้องธรรมดา

จนกระทั่งตอนนี้ มือของชายหนุ่มก็ปล่อยลง

มือที่ถูกจับไว้จนเกือบจะหนึ่งชั่วโมง นอกจากวารุณีจะรู้สึกชาและยังปวดเล็กน้อยด้วย

ไม่ต้องพูดก็รู้ว่า ตลอดทางนี้ชายหนุ่มออกแรงมากแค่ไหน

“คุณคือญาติคนไข้เหรอ?ต้องเซ็นชื่อตรงนี้”พยาบาลถือเวชระเบียนเดินเข้ามา พูดกับวารุณีโดยตรง

“ฉันไม่……”

ที่จริงวารุณีอยากปฏิเสธ แต่มองชายหนุ่มที่ยังโคม่าอยู่บนเตียง เธอก็เลยหยิบปากกาเซ็นชื่อลงไป

ยังไง ในฐานะผู้ก่อเหตุ เธอก็มีความรับผิดชอบที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

อีกอย่าง ที่ตัวชายหนุ่มก็ไม่มีเอกสารใดๆที่จะรับรองตัวตนของเขาได้

เวลานั้น วารุณีก็หมดหนทางติดต่อครอบครัวของเขา ด้วยความเป็นห่วงสถานการณ์ของชายหนุ่ม วารุณีจึงขดตัวเฝ้าดูทั้งคืนอยู่บนเก้าอี้ไม้แคบๆ