ในวันถัดมา 

 

ผมตื่นแต่เช้าและมาเรียนเช้ากว่าปกติ ในห้องมีคนอยู่สองคนถ้ารวมผมด้วย 

 

อีกคนก็คือซาเองุสะซังที่ช่วงหลังมักจะมาโรงเรียนแต่เช้าด้วยเหตุผลบางอย่าง 

 

ผมว่าผมมาเช้าแล้วนะ สงสัยจังว่าเธอมาตั้งแต่กี่โมง 

 

“อรุณสวัสดิ์ครับซาเองุสะซัง” 

 

ผมกล่าวทักทายพลางเดินไปนั่งที่ของผม 

 

“อ- อ- อะ- อรุณสวัสดิ์อิจิโจคุง” 

 

เธอหัวหน้ามาทักทายผม แต่วันนี้ท่าทางของเธอดูน่าสงสัยอยู่นะเนี่ย 

 

“จริงสิ ขอบคุณที่ให้ไอดีไลม์กับผมนะครับ ผมควรจะเก็บไว้เป็นความลับสินะ?” 

 

“ใช่แล้วจ้า! ฉันปฏิเสธคนที่มาขอทุกคนเลย เพราะงั้นถ้านายเก็บมันเป็นความลับจะช่วยได้เยอะเลย” 

 

ผมแปลกใจกับคำตอบเล็กน้อย แต่ก็ตอบกลับไปว่า “โอเคครับ” 

 

แล้วทำไมคุณถึงให้มันกับผมล่ะครับ? 

 

นี่มันจะไม่แปลกไปหน่อยเหรอ? แต่ผมก็รู้ดีว่าคนดังอย่างซาเองุสะซังนั้นคงไม่คิดเรื่องรักใคร่ๆกับผมหรอก ผมจึงไม่ต้องคิดเรื่องนี้ให้ปวดหัว 

 

ผมก็ไม่รู้เหตุผลหรอกนะ แค่เธอให้ไอดีไลม์ผมมาก็ราวกับได้รับพรจากสรวงสวรรค์แล้ว 

 

“ขอโทษน๊า ที่เมื่อคืนไม่ได้ตอบไป ฉันอาบน้ำเสร็จแล้วก็หลับทันทีที่หัวถึงหมอนเลย” 

 

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่คิดอะ-” 

 

“แต่ฉันคิด!” 

 

ยังไม่ทันที่ผมจะกล่าวจบซาเองุสะซังก็ตอบกลับมา พร้อมกับก้มหน้าพยายามซ่อนหน้าแดงๆของเธอ 

 

“เข้าใจแล้วครับ งั้นผมจะรอที่จะได้คุยกับคุณอีกนะครับ” 

 

เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มจะไม่ดี ผมจึงตอบกลับไป 

 

ด้วยความจริงที่ว่าเธอเป็นไอดอลโปรดของผมนั้น ผมเองก็อยากได้ไลม์ของเธออยู่เหมือนกัน 

 

“งั้นวันนี้ฉันจะส่งข้อความไปอีกทีนะ!” 

 

ซาเองุสะกล่าวด้วยรอยยิ้มเขินๆ การสนทนาได้จบลงเมื่อคนอื่นๆมาถึงที่ห้อง 

 

—ต้องขอบคุณพวกนั้นล่ะนะ  

 

พลังทำลายล้างของจากรอยยิ้มเขินอายของซาเองุสะนั้นมากกว่าท่านบิลส์(Beerus-Sama)เสียอีก จนผมไม่อาจจะต้านทานดาเมจการโจมตีนี้ได้เลย 

 

 

ช่วงพักกลางวัน 

 

เป็นอีกวันที่ผมนั่งทานข้าวกับทาคายูกิ ส่วนซาเองุสะซังก็นั่งทานข้าวกล่องของเธออย่างยิ้มแย้ม 

 

ผมคิดว่าเธอน่าจะชอบทานข้าวกล่องมากๆ แล้วการที่ได้ใองเธอทานข้าวนั้นทำให้ผมสุขใจไม่น้อยเลย 

 

ทุกคนในห้องเองก็น่าจะคิดเหมือนกัน เพราะพวกเขาต่างมองไปที่เธอด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร 

 

อย่างที่ผมคิดไว้ เสน่ห์ของซาเองุสะนั้นมีมากล้นจนสามารถเปลี่ยนแปลงบรรยากาศในห้องได้เลย 

 

“นี่ทาคุยะ วันนี้ฉันไม่มีกิจกรรมชมรม เพราะงั้นไปเที่ยวกันหลังเลิกเรียนหน่อยมะ?” 

 

“หืม? ได้สิ วันนี้ฉันก็ว่างด้วย” 

 

“เยี่ยม! หน้าสถานีมีร้านอาหารที่ฉันอยากไปอยู่” 

 

“ทำไมถึงอยากไปอะ?” 

 

“เพราะว่าในที่สุดเมืองนี้ก็มีเมดคาเฟ่สักที! น่าสนใจใช่มั้ยล่ะ?” 

 

“หือ เมคค่าเฟ่งั้นเหรอ………..จัดไปพวก!” 

 

แป๊ก! แป๊ก! 

 

ทันใดนั้นพวกเราก็ได้ยินเสียงของตกดังมาจากโต๊ะข้างๆ พวกผมสองคนจึงหันไปมองดู ก็พบว่าซาเองุสะซังทำตะเกียบในมือเธอหล่น 

 

เธอรียก้มลงไปหยิบพวกมันขึ้นมาทันที 

 

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” 

 

“ไม่มีอะไร ฉันทานเสร็จแล้วล่ะ” 

 

เมื่อผมลองถามดูเธอก็ตอบกลับมาด้วยหน้าเขินอาย 

 

ถ้าคุณทานเสร็จแล้วก็คงไม่มีอะไรสินะ 

 

“นี่อิจิโจคุง นายชอบเมดค่าเฟ่งั้นเหรอ?” 

 

ตอนที่ผมไม่ทันระวัง ซาเองุสะซังก็ถามสิ่งที่ไม่คาดคิด 

 

นี่คุณฟังอยู่งั้นสินะครับซาเองุสะซัง…. 

 

คำถามนี้มันน่าอายชะมัด ตอนที่ถูกถามโดยผู้หญิงเนี่ย 

 

อยากจะวิ่งออกไปจากห้องตอนนี้เลยจริงๆ…..แถมคนที่ถามยังเป็นซาเองุสะซังอีก 

 

“ก็สนใจอยู่น่ะ….” 

 

“แล้วนายขอบเมดมั้ย?” 

 

“อืม…ชอบสิ….” 

 

ถ้าอายชะมัด! รีบๆจบสักทีเถอะ! 

 

แล้วซาเองุสะซังก็พึมพำออกมามาว่า “งี้นี่เอง” และจบการสนทนาไป 

 

แต่ว่าแม้ว่าไปหน้าของเธอจะยิ้มอยู่ แต่ผมสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าในใจของเธอกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด 

 

“ช่างเรื่องนี้เถอะ เลิกเรียนแล้วไปกัน” 

 

“รับทราบ” 

 

พวกผมสองคนตกลงกันว่าจะไปเมดคาเฟ่กันหลังเลิกเรียน แม้ว่าพวกเราจะยังหวั่นใจการกระทำแปลกๆของซาเองุสะซังอยู่ก็เถอะ 

 

 

เมื่อเลิกเรียน 

 

ผมกับทาคายูกิก็มาหยึดที่หน้าร้านเมดคาเฟ่ที่ว่า 

 

มันอยู่ที่ชั้นหาของอาคารศูนย์การค้าหน้าสถานี ซึ่งมีป้ายสีขมพูขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้ตั้งแต่อยู่ด้านนอก 

 

“เข้าไปโลด!” 

 

จัดไป! 

 

พวกเราพยายามข่มความตื่นเต้นและก้าวเข้าไปในร้าน 

 

 

“ยินดีต้อนรับกลับค่ะ! นายท่าน!” 

 

เมื่อเข้ามาในร้านพวกเราก็ถูกต้อนรับจากเหล่าสาวๆในชุดเมด 

 

เหมือนกับที่เคยเห็นในทีวีกับการ์ตูนเลยแหะ รวมถึงไอ้คำพูด “ยินดีต้อนรับกลับค่ะ! นายท่าน!” นี่ด้วย 

 

ระหว่างที่กำลังคิดเรื่องคำพูดนั้น พวกเธอก็พาเรามาที่โต๊ะ 

 

แม้ร้านนี้จะเปิดมาได้ไม่นาน แต่ก็มีลูกค้าเยอะทีเดียว 

 

พวกเราสั่งข้าวห่อไข่และพวกเราก็บอกข้อความที่จะให้เขียนลงบนไข่ แล้วก็ขอพวกเธอถ่ายรูปด้วย 

 

“ประมาณนั้นล่ะนะ” 

 

“คงงั้น” 

 

พวกเราสนุกกันมากๆเมื่ออยู่ด้านใน แต่พอออกมาก็ทำตัวปกติ ก่อนจะตรงกลับบ้านด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า 

 

คิดซะว่าเป็นการฝึกการเข้าสังคมก็แล้วกัน 

 

 

เมื่อผมมองดูเวลาก็พบว่ามันเลยสี่ทุ่มมาแล้ว ผมทิ้งตัวนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงเมื่อผมได้รับข้อความจากไลม์ 

 

คนที่ส่งมาก็คือซาเองุสะซังคนดีคนเดิม ผมเปิดข้อความของเธอขึ้นมาดู 

 

“เมดค่าเฟ่เป็นไงบ้าง?” 

 

หืม? เอาจริงเหรอครับซาเองุสะซัง? 

 

นี่คุณจะให้ผมพูดเรื่องนั้นจริงๆเหรอครับ? ผมไม่รู้ควรตอบไปยังไงดี จึงพิมพ์ไปแค่ว่า “ก็สนุกดีครับ” 

 

ข้อความของผมถูกอ่านโดยทันที 

 

ผมไม่อยากจะพูดแบบนี้หรอกนะ แต่ว่าทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนเป็นชายหนุ่มที่กำลังจะถูกแฟนด่าล่ะเนี่ย? 

 

ผมไม่รู่ว่าจะทำไงต่อดีจึงว่างมือถือไว้ข้างๆเพื่อปรับความคิดตัวเอง 

 

แต่ไม่ทันจะได้เตรียมใจข้อความใหม่ก็ถูกส่งมาแล้ว 

 

หือ? รูปเหรอ? 

 

คราวนี้ไม่ใช่ข้อความแต่เป็นไฟล์รูปภาพ ผมจึงกดเปิดดูมัน 

 

เมื่อผมเปิดมันขึ้นมาผมก็อดรู้สึกตะลึงสิ่งที่ถูกส่งมาให้ผมไม่ได้ 

 

“ซาเองุสะซัง ทำอะไรของคุณครับเนี่ย?……..” 

 

ภาพในมือถือผมตอนนี้ก็คือซาเองุสะซังในชุดเมด 

 

เป็นชุดเดียวกับที่ใส่ใน MV เพลง “Anata dake no maidservant” ซิงเกิ้ลที่สามของวง Angel Girls 

 

ชุดเมดกระโปรงสั้น ซึ่งคล้ายกับชุดเมดที่ร้านนั้น และมันดูดีกับเธอสุดๆ 

 

มันคือภาพเซลฟี่ที่สุดยอดไอดอลอย่างชิโอรินถ่ายด้วยตัวเอง พร้อมกับใบหน้าที่เขินอายและลนลาน ใครมันจะไปกล้าคิดว่าเธอไม่น่ารักล่ะ? 

 

—ผมว่ามันอาจจะไม่น่ารักขนาดนั้นก็ได้นะ 

 

—ติ๊ง 

 

ขณะที่ผมกำลังสนใจชุดเมดของซาเองุสะซังอยู่นั้นข้อความใหม่ก็ดังขึ้น 

 

“ฉันลองกลับมาใส่ดูน่ะ นายคิดว่าไง?” 

 

ผมไม่รู้ว่าควรตอบอะไรไปดี…..เอาแบบนี้ละกัน….. 

 

“ผมจะใส่กรอบไว้เป็นมรดกของตระกูลเลยครับ” 

 

ผมตอบกลับพร้อมกับกดเซฟรูปนี้ไปสามครั้ง