ตอนที่ 9 คลอดก่อนกำหนด

หกเดือนต่อมา :

หยุนซือซือมาพร้อมกับเลขาเพื่อทำเรื่องกลับไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยของเธอ ระหว่างทางนั่นจู่ๆเธอก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ท้อง

ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา หยุนซือซือตื่นตระหนกกับการคลอดก่อนกำหนดมาตลอด และจะสายเกินไปถ้าจะพาเธอไปที่โรงพยาบาลเอกชนของตระูลมู่ เลขาจึงรีบขับรถไปที่โรงพยาบาลสูตินรีเวชในเมืองและดำเนินการตามขั้นตอนอย่างใจเย็น

หยุนซือซือนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียว เธอเงยหน้าขึ้นมองหลอดไฟที่ยังคงกระพริบ เหงื่อออกอย่างมากภายใต้ความเจ็บปวดที่รุนแรง และเธอกำลังจะโล่งใจหลังจากตั้งครรภ์ได้แปดเดือน เลขาส่งเธอไปที่ห้องคลอดและคอยให้กำลังใจ “ คุณหยุน! ไม่ต้องกลัวนะคะ คุณและลูกต้องปลอดภัย! ฉันจะรอข่าวดีจากคุณอยู่ข้างนอกนะคะ!”

“ขอบคุณค่ะ……”

หยุนซือซือหลับตาขณะถูกผลักเข้าไปในห้องคลอดพร้อมกับปิดประตูแน่นหนา

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรู้จักกับหยุนเย่เฉิง เมื่อรู้ว่าคนที่กำลังจะคลอดคือหยุนซือซือจึงรีบติดต่อเขาทันที เมื่อรู้ข่าวหยุนเย่เฉิงก็รีบไปที่โรงพยาบาลทันทีและรออย่างใจจดจจ่ออยู่หน้าห้องคลอด

สี่ชั่วโมงต่อมามีเสียงเด็กร้องไห้ดังมาจากห้องคลอด

“เป็นเด็กทารกที่แข็งแรง!”

พยาบาลวางทารกไว้ในตู้อบและส่งเธอไปที่หอผู้ป่วยทารกแรกเกิด

หยุนเย่เฉิงไม่สนใจเด็ก ได้แต่มองไปนอกห้องคลอดอย่างกังวล

เลขาสาวเดินไปที่ห้องเนอสเซอรี่ มองเด็กแรกเกิดผ่านหน้าต่างกระจกแล้วหันไปถามว่า “เด็กอีกคนอยู่ไหน?”

พยาบาลตอบกลับด้วยความเสียใจว่า “เราเสียใจมาก! เนื่องจากเป็นการคลอดก่อนกำหนด น้องจึงอ่อนแอเกินไป ออกมาก็ไม่หายใจแล้ว….”

เลขาหน้านิ่งจากความตกใจและถามว่า “ไม่มีความหวังแล้วเหรอ?”

พยาบาลพูดอย่างตรงไปตรงมา “ …ค่ะ”

เลขารู้สึกผิดหวัง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ “งั้นก็จัดการกับทารกคนนั้นเพราะอาจมีปัญหากับโรงพยาบาลของคุณได้”

เมื่อคุยกับพยาบาลเสร็จ เธอก็ยกโทรศัพท์ติดต่อคนของเธอและรถพยาบาล เพื่อวางแผนจะย้ายทารกไปที่โรงพยาบาลเอกชนของตระกูลมู่

ก่อนออกเดินทางเธอกรอกเช็คส่งให้หยุนเย่เฉิงและพูดอย่างสุภาพว่า

“คุณหยุนลูกสาวของคุณได้รับความเดือดร้อนไม่น้อยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ นี่เป็นเงินส่วนที่เหลือโปรดรับไว้นะคะ!”

หยุนเย่เฉิงรับเช็คจากเธอด้วยความงุนงง แล้วเธอก็จากไปอย่างรีบร้อน

ภายในห้องคลอด หยุนซือซือหมดเรี่ยวแรงและทรุดตัวลง

พยาบาลเดินมาและกำลังจะจัดการกับเด็กทารกที่น่าสงสาร ขณะที่เธออุ้มเขาขึ้นมาก็สังเกตเห็นบางอย่างแปลก ๆ ม่านตาของเธอสั่นและแสดง ออกสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก เธอตื่นตระหนกจึงรีบวิ่งไปหาหมอพร้อมกับทารก

“ หมอ! ”

หกปีต่อมา

ท่ามกลางผู้คนพลุกพล่านในห้างสรรพสินค้า หยุนซือซือกำลังเข็นรถเข็นก็มองไปรอบ ๆ อย่างใจจดใจจ่อและก้าวเดินอย่างเร่งรีบ

เพราะเธอเพิ่งไปที่ชั้นวางของใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อหยิบของบางอย่างและพอหันกลับไปก็ไม่เจอใครแล้ว ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน

เมื่อเธอเดินผ่านเคาน์เตอร์ของเล่นเธอก็ชะลอตัว กวาดสายตามองไปรอบ ๆ และหยุดอยู่ที่ชั้นวางเล็ก ๆ หยุนซือซือยักไหล่และถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ มุมปากของเธอโค้งขึ้นและหัวเราะกับตัวเอง ก่อนจะเข็นรถเข็นเข้าไปหาเขา แล้วเดินไปนั่งยองๆอยู่ข้างหลังเขา

เห็นเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ยืนอยู่หน้าชั้นวางของและมองไปที่รถบังคับที่บรรจุอย่างสวยงามบนเคาน์เตอร์อย่างใจจดใจจ่อ ดูเหมือนเขายังเด็กจริงๆอายุประมาณห้าหรือหกขวบในชุดนักเรียนที่ดูสะอาดแต่ผอมไปหน่อย

ผมสีดำเรียบลื่นสนิท ผิวเหมือนหยก ใบหน้าที่บอบบางและแก้มชมพู

น่ารักจริงๆเลยเชียว!

เขามีดวงตาคู่โตที่สวยงามวาววับอย่างชัดเจน ขนตาโค้งงอนหนาหยิกที่หงายขึ้นเล็กน้อยเหมือนขนนกฟีนิกซ์สีดำสองตัว ดวงตาสีดำสนิทนั้นใสบริสุทธิ์ราวกับหยกดำและปราศจากสิ่งสกปรกใดๆ

เด็กหนุ่มที่มีเสน่ห์และน่ารักคนนี้ดูเหมือนภูติตัวน้อย แต่ตอนนี้ภูติตัวน้อยมีสีหน้าจริงจังดูเป็นผู้ใหญ่อยู่ไม่น้อย