บทที่ 12 – คู่หูพาร์ทเนอร์

 

“เพราะงั้นแหละพี่ ฉันเลยคิดว่าจะสร้างกิลด์นักผจญภัยขึ้นมาชูโรงด้วยพี่ที่เป็นคนปริศนาซึ่งสามารถรับการโจมตีขององค์หญิงไร้เสียงได้น่ะ”

เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดมา มิวก็ได้ข้อสรุปว่าบางทีสิ่งที่คนใหญ่คนโตต้องการคงไม่ใช่แค่เรื่องที่ว่ามาทั้งหมดแน่

กลับกันมันทำให้เธอรู้สึกว่าเรื่องราวที่พึ่งว่ามามันเป็นเหมือนส่วนพลอยได้ของแผนการในการสร้างกิลด์เท่านั้นด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้อยู่ในสถานะที่สามารถพูดได้เต็มปากว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร อย่างไรซะสำหรับเธอ

เธอก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่ได้อยู่พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่แรก อีกทั้งเมื่อพิจารณาเรื่องทุกอย่างแล้ว

นี่ล้วนเป็นผลดีกับเธอ.. โลกใบนี้แม้จะมีส่วนคล้ายคลึงกับโลกเดิมของเธอ หรือแม้ต่อให้เป็นโลกเดิมของเธอเลยก็ตามที

แต่ว่าแท้จริงแล้วเธอก็ไม่ใช่คางามิอีกต่อไปนั่นก็คือความจริง ไม่ว่าจะหน้าตา ชื่อเสียงเรียงนามของเธอทุกอย่างล้วนเป็นคนใหม่โดยสิ้นเชิง

ซึ่งเมื่อรวมกับเรื่องราวประวัติอันลึกลับของเธอจากในมุมมองคนอื่น การร่วมมือนี้อาจจะเป็นทางเลือกที่สร้างเส้นทางต่างๆ ให้เธอได้

เพราะแม้เธอจะบอกกับคาโอรุว่าตนเองนั้น ลืมความจำ… และอีกฝ่ายก็เชื่ออย่างไม่ตั้งคำถามมากมาย

แต่มิวไม่ลืมว่าโลกนี้กว้างใหญ่.. และคำโกหกของเธอไม่มีทางทำให้คนเชื่อได้แน่ อย่างน้อยเธอก็พอเดาออกว่าคาเอะ คนที่อยู่ตรงหน้านี้

รู้ว่าฉันโกหกบางอย่างอยู่ แค่คงไม่รู้ว่าโกหกถึงเรื่องไหน… แน่นอนว่ามันเป็นแบบนั้น คาเอะรู้ว่ามิวโกหกเรื่องความทรงจำ

นั่นไม่ใช่เพราะพลังของเธอ แต่เป็นเพราะทักษะและประสบการณ์ในการมองคนของเธอต่างหาก

อย่างไรก็ตามการที่เธอไม่เอาเรื่องนั้นมาพูดถึงคงเป็นเพราะเธอรู้ว่ามันคงไม่เป็นอันตรายต่อแผนหรือเป็นศัตรูต่อเธอนั่นแหละ

ซึ่งมิวเองก็ไม่มีทั้งงานหรือที่พัก ว่าตามตรงพอออกจากบ้านของคาโอรุไปเธอคงเป็นแค่คนไร้บ้านเงินไม่มีสักแดง

ประสบการณ์ตลอดชีวิตในชาติก่อนของมิวทำให้เธอรู้ซึ้งดีว่า.. เงินเป็นสิ่งที่สำคัญขนาดไหน

อีกอย่างการจะออกจากเมืองนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นเพราะ แม้ค่าเดินทางเข้าเมืองจะไม่แพงมาก แต่ค่าออกจะค่อนข้างแพง

สำหรับมิวในตอนนี้ที่แห่งนี้ก็เหมือนคุกลอยน้ำดีๆ นี่เอง…

“แน่นอนว่าถ้าเป็นฉันได้ละก็นะ..”

มิวตอบออกไปแบบนั้น คาเอะก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่นัก อันที่จริงคาเอะก็เข้าใจสถานการณ์ของมิวดีเช่นกัน

บางทีเธออาจจะเข้าใจยิ่งกว่าตัวของมิวเองด้วยซ้ำ.. ผู้หญิงที่ลอยอยู่ใต้น้ำลึกตั้งไม่รู้กี่พันเมตรโดยไม่เป็นอะไร

แถมเหมือนสลบมาตั้งแต่แรก.. อีกทั้งอายุยังมากกว่าสี่สิบ.. และคาเอะไม่คิดว่ามันจบแค่หลักสิบอย่างแน่นอน

บนโลกนี้นับตั้งแต่การปรากฏตัวของประตูบอร์เดอร์กับหอคอย มุมมองของผู้คนต่อโลกก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

แน่นอนว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผู้คนสามารถรู้ได้หลังจากนั้นเช่นกัน.. เช่นว่าบนโลกนี้มีแร่ชนิดหนึ่งที่ทำให้ผู้คนใช้พลังจากอีกโลกได้น่ะนะ

“บางที.. เธออาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่มาก่อนเราอีกก็ได้”

นั่นคือหนึ่งในข้อสันนิษฐานนับร้อยของคาเอะ.. ที่เดาว่าบางทีเธออาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตจากอีกฟากของประตู บางทีอาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาว บลาๆ

แต่แน่นอนว่าเป็นแค่การคาดเดาที่ไม่มีมูลของเธอน่ะนะ.. อย่างไรก็ตามข้อเสนอที่เธอมอบให้มิวนั้นก็มีแต่ข้อดี

อีกฝ่ายไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธนั่นเอง

“งั้นก็เซ็นตรงนี้เลยพี่ สัญญาการร่วมมือกันน่ะ”

มิวเองก็หยิบรายละเอียดขึ้นมาอ่านสักพักก็เซ็นตามที่อีกฝ่ายบอก แต่เธอก็ชะงักลงตรงช่องที่ให้เขียน ‘เนม’

“หือ มีอะไรเหรอพี่?”

“เอ่อ.. เหมือนฉันจะไม่มีเนมหรือเปล่า?”

“อ้ะ.. จะว่าไปเนมของพี่มัน….”

คาเอะพยายามนึกถึงเนมของอีกฝ่าย.. อย่างที่บอกขอแค่นึกก็จะสามารถรับรู้ถึงเนมผู้ที่ใช้อารยธรรมได้ทันที

แต่ไม่ว่าจะนึกอย่างไรก็ไม่รู้จักเนมของอีกฝ่าย.. ก็น่าจะเป็นแบบนั้นนั่นเอง อีกฝ่ายไม่ใช่ผู้ใช้อารยธรรม

คาเอะที่รับรู้ความจริงนี้เธอแทบจะหัวใจกระตุกเล็กน้อย.. เพราะถ้าอีกฝ่ายไม่มีเนมหรือไม่ได้ใช้อารยธรรมอะไรเลย

ก็หมายความว่าก่อนหน้านี้ที่ถูกองค์หญิงไร้เสียงโจมตี.. อีกฝ่ายยืนรับเปล่าๆ… แต่ทว่าการโจมตีนั้นกลับยังไม่สามารถสร้างบาดแผลกับเธอได้…

คาเอะพยายามส่ายหัวทิ้งความคิดที่น่ากลัวเหล่านั้นออกไปแล้วพูดขึ้น

“ไม่เป็นไรพี่ ไม่มีก็ไม่ต้องเขียนลงไปก็ได้ อันที่จริงปกติผู้ใช้อารยธรรมเขาก็ไม่เขียนเนมตัวเองหรอก เพราะมันรู้สึกแปลกจะตาย”

“ฉันเห็นด้วยเลย..”

มิวเห็นพ้องแทบจะทันที ทั้งคู่มองตากันแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากเงียบลงคาเอะก็อธิบายต่อ

“เรื่องที่พี่ต้องทำก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่เป็นนางแบบโมเดลของต่างๆ ให้กับกิลด์พวกเราน่ะ แน่นอนว่างานภายในพี่ก็ไม่ต้องทำ”

“เพียงแต่ที่ต้องทำคงมีแค่การให้พวกเรายืมหน้า ยืมตาพี่น่ะ”

“บางทีพี่อาจจะไม่รู้ ตอนนี้พี่เองก็เหมือนจะมีกลุ่มแฟนคลับขึ้นมาแล้วด้วยนะ เพราะงั้นแหละ พวกเราเลยอยากใช้ประโยชน์จากจุดนี้ด้วย”

เมื่อมิวได้ยินแบบนั้นเธอก็ชะงัก หันหน้าหาคาเอะแทบจะทันที

“เดี๋ยวนะ.. โมเดล นางแบบ…? .. ไม่ใช่ว่าฉันต้องช่วยงานที่กิลด์อะไรแบบนั้นหรอกเหรอ?”

“จะเป็นแบบนั้นได้ไงล่ะพี่.. ที่พี่ต้องทำคงมีแค่การเป็นเหมือนดาราประจำร้านเราที่นานๆ ทีโผล่มาก็พอ”

“แบบนั้นไม่เรียกว่า….”

“ใช่พี่.. พี่จะเป็นดารานับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปน่ะ แต่จะว่าเป็นดาราก็ไม่เชิงซะทีเดียวนะ พี่ก็ใช้ชีวิตตามปกตินั่นแหละ แต่พวกฉันจะปั้นพี่ผ่านการโปรโมตสนับสนุนรวมถึงใช้ประโยชน์เอง”

“…..”

“นั่นสินะ ก็คงเหมือนองค์หญิงไร้เสียยงนั่นแหละ ทุกคนรู้จักแต่เธอก็ทำตัวตามใจตัวเองได้โดยไม่มีคนว่า พี่ก็เป็นแบบนั้นอีกคนในเมืองนี้ก็แค่นั้นแหละ”

โดนเล่นแล้วเฮ้ยยยย มิวแทบจะตบโต๊ะแรงๆ หนึ่งที ไอ้เธอก็คิดว่าตนเองจะทำหน้าที่เหมือนพนักงานกิลด์ประมาณยืนโปรโมตหรือแบบทำงานในหน้าสำนักงานกิลด์อะไรแบบนั้น

แต่ตรงกันข้ามเลย พวกนี้ต่างหากที่จะทำให้มิวโด่งดังขึ้นและใช้ประโยชน์จากเธอ.. เพราะความดังของมิวที่ใช้จุดประเด็นแล้วนั่นก็คือ

‘รับการโจมตีขององค์หญิงไร้เสียงได้’ นั่นเอง..

มิวได้แต่รู้สึกว่าตัวเองเสียเหลี่ยมอีกฝ่าย แต่ก็ยังดีที่มันไม่มีผลกระทบต่อเธอเลย ถ้าจะมีก็คงมีแค่ชื่อเสียงเธอดังไปทั่ว

แต่เอาเข้าจริงใครจะไปเกลียดการเป็นคนดังในแง่ดีล่ะ ถูกไหม ดังนั้นมิวจึงไม่ได้คิดอะไรมาก

“อ้ะะ นอกจากนี้ เพราะพี่เองก็นับเป็นคนดังแล้วคงต้องมีคู่หูหรือพาร์ทเนอร์ที่คอยช่วยเหลือสักคนสินะ”

“หือ หมายความว่าไง?”

“ก็ประมาณว่ายิ่งดัง ยิ่งอันตรายไงการจะมีเพื่อนให้ฝากหลังมันไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีใช่ไหมล่ะ?”

“…ไม่สิ ฉันไม่อยากได้สักหน่อย”

“เอาน่าพี่ คนอื่นเขาก็มีกันหมดนั่นแหละ”

“เอ้ะ.. เหรอ?”

“ล้อเล่น แต่ฉันเห็นว่าพี่ไม่รู้อะไรเลยการจะมีคู่หูคอยอยู่ข้างกาย อธิบายทุกอย่างมันคงจะดีกว่าใช่ไหมล่ะ”

โดยไม่รอให้มิวได้ปฏิเสธอีกรอบคาเอะก็ตบมือหนึ่งครั้งพร้อมกับพูดว่า

“เอริเนีย เข้ามาได้”

ทันทีที่เธอพูดแบบนั้นประตูด้านหลังมิวก็เปิดออกพร้อมกับมีคนเดินเข้ามา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะชื่อหรือบรรยากาศรอบตัวของอีกฝ่ายที่ชักนำความคิดของมิว

ขนทั่วทั้งร่างของเธอลุกขึ้นเป็นแถวตรง.. แม้สำหรับมิวการถูกผนึกมันอาจจะเป็นแค่การหลับไปหนึ่งตื่น

แต่ว่าร่างกายมังกรของเธอที่ถูกผนึกและถูกกัดเซาะมาตลอดนับหมื่นล้านปีไม่เป็นเช่นนั้น มิวหันหน้าไปหาอีกฝ่าย

ผมสีดำตาสีแดงที่ไร้ซึ่งแวว.. แม้หน้าตาจะไม่ใช่แต่ทั้งสี่ผมและสีตา.. หรือแม้แต่สีหน้าที่ไร้อารมณ์จากการถูกทำร้ายทางจิตใจนั้นยังสะท้อนออกมาเหมือนกันเป้ะ..

เอริเนีย ผู้กล้ามหาเผ่าพันธุ์…

มิวดีดตัวถอยหลังแทบจะทันที

“ทำไมเธอถึง…?!”

 

……..