ตอนที่ 16 หลอกลวง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 16 หลอกลวง

เยียนอวิ๋นจือ คุณหนูสามแห่งจวนโหวก็อยากไปเมืองหลวง

เมื่อนางเอ่ยออกมาก็ถูกเฉินฮูหยินตำหนิอย่างแรง

เฉินฮูหยินหยิกหูของนาง “เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ เจ้าไปเมืองหลวงพร้อมกับบ้านใหญ่ เจ้าจะหาที่ตายหรือ”

เยียนอวิ๋นจือน้อยใจ “ในฐานะมารดา ฮูหยินจะกล้าเอาชีวิตของข้าอย่างโจ่งแจ้งได้อย่างไร ข้าแค่ไปเปิดหูเปิดตา ดูความเจริญของเมืองหลวง อีกทั้งเมืองหลวงมีตระกูลชนชั้นสูงมากมาย ข้า…ท่านแม่อยากให้ข้าแต่งกับผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านพ่อหรือ ข้าไม่อยากแต่งกับคนหยาบพวกนั้น!”

เฉินฮูหยินโกรธจนเส้นเลือดขึ้น นางกระทบฝ่ามือลงบนศีรษะของเยียนอวิ๋นจือ

“ที่แท้เจ้าอยากไปหาสามีที่เมืองหลวงหรือ! เจ้ารีบล้มเลิกความคิดนี้เสีย เจ้าคนไร้วิสัยทัศน์ เมืองหลวงเป็นสถานที่ที่เจ้าอยากไปก็ได้ไปอย่างนั้นหรือ บุตรหลานชนชั้นสูงเป็นตระกูลที่เจ้าอยากจะแต่งก็แต่งได้หรือ ข้าแล้วว่าเรื่องแต่งงานมีท่านพ่อของเจ้าจัดการ หากเจ้ากล้าเลียนแบบเยียนอวิ๋นเพ่ย ข้าจะตีขาของเจ้าให้หัก ข้าไม่ได้เลอะเลือนเหมือนลุงรองหรือป้ารองของเจ้านะ”

เยียนอวิ๋นจือไม่ยอม “ท่านลุงรองและท่านป้ารองเลอะเลือนที่ใดกัน ท่านแม่อย่าได้พูดเหลวไหล”

เฉินฮูหยินหัวเราะเยาะ “ยังไม่เลอะเลือนอีกหรือ เจ้าคิดว่าเยียนอวิ๋นเพ่ยแต่งกับหลิงฉางเฟิง บ้านรองจะได้เปรียบจริงหรือ เหลวไหลสิ้นดี! ผู้ใดไม่รู้ว่าเยียนอวิ๋นเพ่ยมีชาติกำเนิดอย่างไร ถึงแม้นางจะถูกจวนโหวรับเลี้ยง แต่ตระกูลหลิงย่อมไม่มีทางมีปฏิบัติดีต่อนาง”

“เจ้าไม่เห็นใบหน้าของหลิงฉางเฟิงในวันสู่ขอหรือ เจ้าเพียงเห็นว่าเยียนอวิ๋นเพ่ยมีเกียรติอย่างมาก ที่ได้แต่งงานกับตระกูลหลิง เหตุใดเจ้าจึงไม่คิดว่านางจะมีชีวิตอยู่ดีในตระกูลหลิงหรือไม่ หากนางมีชีวิตที่อยู่ดีแม้แต่วันเดียว ข้าจะหมุนหัวออกมาให้เจ้าเตะเล่น”

เจ้าเด็กโง่! สิ่งสำคัญที่สุดของการออกเรือนคือความเคารพของสามี บิดามารดาของสามีให้ความสำคัญถึงจะมีชีวิตที่ดีได้

“ข้ามีวันนี้ได้เพราะว่าความเคารพและความรักของท่านพ่อเจ้าที่เหมือนเดิมตลอดยี่สิบปี มิฉะนั้นจะมีโอากาสให้กำเนิดพวกเจ้าพี่น้อง ให้เจ้ามีชีวิตอย่างสุขสบายดุจดั่งบุตรที่กำเนิดจากภรรยาหลวงได้อย่างไร เจ้ารีบล้มเลิกความคิดนี้บัดนี้”

เยียนอวิ๋นจือกัดปาก ไม่เปล่งเสียง เห็นได้ชัดว่านางยังไม่เปลี่ยนความคิด

เฉินฮูหยินโกรธมาก

“เหตุใดเจ้าจึงไม่รู้ถูกผิด! คนของบ้านใหญ่เกลียดพวกเราเข้ากระดูก เจ้าตามไปเมืองหลวง เชื่อหรือไม่ว่าฮูหยินจะหาตระกูลตกอับให้เจ้า เมื่อถึงเวลาเจ้าเรียกฟ้าฟ้าไม่ตอบ เรียกดินดินไม่ขาน แม้เจ้าจะเสียใจก็สายไปแล้ว!”

เยียนอวิ๋นจือยังมีความหวังอยู่เล็กน้อย “ไม่ได้รับการอนุญาตจากท่านพ่อ ฮูหยินจะกล้ามอบข้าให้ตระกูลตกอับอย่างง่ายดายได้อย่างไร”

เฉินฮูหยินโกรธ “เจ้าโง่หรืออย่างไร จวนโหวห่างจากเมืองหลวงนับพันลี้ ฟ้าสูงกว้าง ทางน้ำไกล อีกทั้งนางยังเป็นภรรยาหลวง นางสามารถหมั้นหมายให้เจ้าโดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากท่านพ่อของเจ้า เจ้าคิดว่าทุกเรื่องต้องผ่านการอนุญาตของท่านพ่อเจ้าเหมือนอยู่ในจวนโหวอย่างนั้นหรือ”

เยียนอวิ๋นจือร้องไห้ออกมาเสียงดัง นางรู้สึกน้อยใจยิ่งนัก

คำพูดของเฉินฮูหยิน ทำให้ความฝันทั้งหมดของนางแหลกสายไม่เหลือแม้แต่น้อย

หัวใจของนางก็แหลกสลาย ไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้อีก

นางตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “ฮูหยินไปเมืองหลวงได้ เหตุใดท่านแม่จึงไปไม่ได้”

สมกับเป็นเด็กโง่ ดื้อรั้นไม่มีที่ติ

เฉินฮูหยินโบกมือ สั่งให้บ่าวรับใช้พานางลงไปสงบอารมณ์

เยียนอวิ๋นจือกลับห้องไปร้องไห้ ภายในใจเต็มไปด้วยความไม่สมัครใจ

นางวิ่งไปหาเยียนอวิ๋นฉี แต่ไม่คิดว่าเยียนอวิ๋นเกอก็อยู่

เมื่อนางเห็นเยียนอวิ๋นเกอ ทันใดนั้นรู้สึกหวั่นใจ เท้าของนางก้าวถอยหลังไปอย่างควบคุมไม่ได้

เมื่อเยียนอวิ๋นเกอเห็นเหตุการณ์ นางรู้สึกสนุกขึ้นมาทันที!

นางกวักเรียกเยียนอวิ๋นจือเข้ามา

เยียนอวิ๋นจือทำท่าเหมือนจะเข้าไปแต่ก็ไม่อยากเข้าไป ยืนลังเลอยู่หน้าประตู

สีหน้าของเยียนอวิ๋นเกอดำทะมึน เยียนอวิ๋นจือตัวสั่นเทา ยกขาก้าวข้ามประตูทันที

เยียนอวิ๋นเกออายุน้อยกว่าเยียนอวิ๋นจือหนึ่งสองปี แต่ความสูงเท่ากัน

นางกอดไหล่ของเยียนอวิ๋นจือเอาไว้ จ้องมองอีกฝ่าย

เหตุใดจึงกลัว หรือว่าทำเรื่องไม่ดีอันใดมา

เยียนอวิ๋นจือรีบโบกมือ “ข้าไม่ได้ทำสิ่งใดทั้งสิ้น”

“ไม่ได้ทำ เหตุใดเจ้าเห็นหน้าข้าจึงเหมือนเห็นผี” เยียนอวิ่นเกอเขียนถาม

เยียนอวิ๋นจือหน้าซีด กัดฟันแน่นไม่ยอมเปิดปาก

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะอย่างไร้เสียง ดูท่าทางขี้ขลาดของเยียนอวิ๋นจือ นางก็ไม่อยากจะรังแกอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

ไม่รู้ประสบความสำเร็จแม้แต่น้อย!

นางตบหน้าของเยียนอวิ๋นจือเบาๆ เยียนอวิ๋นจือก็กลัวจนตัวสั่นเทา ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ

นางหัวเราะเยาะออกมา ชี้ไปที่ประตู แสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่า “ไม่มีเรื่องใดก็ออกไปเสีย!”

เยียนอวิ๋นจือดึงสติกลับมาได้ จากนั้นนางก็กระโดดออกห่างจากเยียนอวิ๋นเกอทันที

“ข้าๆ…”

“น้องสามมาหาข้ามีเรื่องใดหรือ” เยียนอวิ๋นฉีเอ่ยถามช่วยชีวิตของอีกฝ่ายเอาไว้

เยียนอวิ๋นจือพยักหน้าระรัว “พี่สองไปเมืองหลวงแล้ว สามารถเขียนจดหมายให้ข้าได้หรือไม่ ข้าอยากรู้ว่าเมืองหลวงเป็นอย่างไร”

เยียนอวิ๋นฉีพูด “ข้าไม่ชอบเขียนจดหมาย โดยเฉพาะเขียนจดหมายให้เจ้า”

เยียนอวิ๋นจือใบหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย

“ไม่เขียนก็ไม่เขียน ข้าก็ไม่อยากได้”

นางแสดงท่าทางดื้อรั้น แต่ก็ไม่อยากที่จะจากไป

อย่างไรภายในใจยังคงมีความหวังอยู่เล็กน้อย หวังว่าเยียนอวิ๋นฉีกำลังล้อเล่น

เยียนอวิ๋นฉีถามนาง “เจ้าไม่อยากได้ เหตุใดจึงยังยืนอยู่ไม่จากไป”

เยียนอวิ๋นจือยิ่งอับอาย สองขาดราวกับมีรากงอกออกมายึดเอาไว้

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะอย่างไร้เสียง ดึงแขนเสื้อของพี่สอง ก่อนจะชี้ไปที่เยียนอวิ๋นจือ

นางคงอยากไปเมืองหลวง แต่ถูกเฉินฮูหยินรั้งเอาไว้

เยียนอวิ๋นฉีเม้มปากยิ้ม “น้องสามอยากรู้ว่าเมืองหลวงเป็นอย่างไร หรือไม่เจ้าลองขอร้องน้องสี่ น้องสี่วาดภาพเก่งและเหมือนจริง เจ้าให้นางวาดภาพให้ เจ้าย่อมรู้ว่าเมืองหลวงเป็นอย่างไรไม่ใช่หรือ”

เยียนอวิ๋นเกอสองมือกอดอก

นางไม่เอา

วาดภาพสิ้นเปลืองเวลามาก!

อีกอย่างสิ่งที่นางเชี่ยวชาญอย่างแท้จริงไม่ใช่การวาดภาพ แต่เป็นการวาดแผนที่

มันเป็นความสามารถที่นางฝึกฝนระหว่างช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายเมื่อชาติที่แล้ว

อย่าดูถูกการวาดแผนที่เชียว

ลองตัดแผนที่ส่วนหนึ่ง ระบุชื่อที่ไม่คุ้นเคย ไม่ใช้อินเทอร์เน็ต ไม่ใช้อุปกรณ์ เพียงแค่ใช้ดวงตา คนส่วนใหญ่ล้วนไม่อาจรู้ว่าเป็นแผนที่ของสถานที่แห่งใด

ถึงแม้จะมีอุปกรณ์ มีอินเทอร์เน็ต คนส่วนใหญ่ก็ยังอ่านแผนที่ไม่เข้าใจ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้คนที่เดินตามเครื่องมือนำทาง แต่ก็ยังสามารถเดินผิดได้

เยียนอวิ๋นเกอใช้ดวงตาเพียงคู่เดียว ขอเพียงแค่นางเคยไปสถานที่แห่งนั้น นางย่อมสามารถวาดแผนที่ที่สมบูรณ์แบบออกมาได้ด้วยมือของตนเอง

ถึงแม้อาจมีผิดพลาดบ้าง แต่สามารถละเลยได้ในยุคสมัยนี้

สามารถบอกได้ว่า ในยุคสมัยนี้ หากเยียนอวิ๋นเกอยอมรับว่าเป็นที่สองในการวาดแผนที่ ไม่มีผู้ใดกล้ายอมรับว่าเป็นที่หนึ่ง

นับจนบัดนี้ นางวาดแผนที่ให้พี่รองเยียนอวิ๋นถงแค่ใบเดียว คนอื่นไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้

ให้นางวาดภาพให้เยียนอวิ๋นจือ นางยังไม่มีเกียรติถึงเพียงนั้น

หากพูดตามตรง เยียนอวิ่นจือไม่คู่ควร

เยียนอวิ๋นจือเองก็รู้ว่าตนเองไม่เป็นที่โปรดปรานของเยียนอวิ๋นเกอ

นางพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ “ข้า…ข้าไม่ลำบากน้องสี่ดีกว่า น้องสี่คงเหนื่อย ตอนที่พี่สองเขียนจดหมายกลับมา สามารถเขียนมาให้ข้าด้วยได้หรือไม่”

เยียนอวิ๋นฉีครุ่นคิด “เขียนจดหมายให้เจ้าด้วยใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ข้าจะได้ประโยชน์อันใด”

“พี่สองต้องการอันใด”

“พวกเราแลกเปลี่ยนกัน เจ้าเขียนจดหมายให้ข้า ข้าย่อมเขียนจดหมายให้เจ้า แต่เนื้อหาต้องละเอียด เจ้าต้องเขียนว่าหลังจากที่พวกข้าจากไป ภายในจวนเกิดเรื่องใดขึ้นบ้าง เจ้าจะยินดีทำหรือไม่”

เยียนอวิ๋นจือพยักหน้า ง่ายดายเพียงนี้ นางไม่ตกลงได้อย่างไร

“ข้าตกลง ข้าฟังพี่สอง”

“พวกเราตกลงตามนี้ นี่คือที่อยู่ของพวกข้าในเมืองหลวง เจ้าซ่อนไว้ให้ดี อย่าให้ผู้อื่นพบเข้า”

เยียนอวิ๋นฉีเขียนที่อยู่หนึ่งมอบให้อีกฝ่าย

เยียนอวิ๋นจือได้ที่อยู่มา นางตื่นเต้นจนเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้า

นางพับกระดาษแผ่นนั้นเก็บไว้กับตัวอย่างระมัดระวัง

เยียนอวิ๋นฉีพูดขึ้นอีก “จดหมายข้าจะให้พี่สองนำมาให้ เพื่อไม่ให้ฮูหยินรองพบเข้าแล้วรั้งเจ้าเอาไว้ ไม่ยอมให้เจ้าเขียนจดหมายให้พวกข้า”

เยียนอวิ๋นจือเผยยิ้มดีใจ “พี่สองคำนึงได้รอบคอบยิ่งนัก”

นางจากไปอย่างพอใจ

เยียนอวิ๋นเกอยกนิ้วโป้งให้เยียนอวิ๋นฉี

พี่สองร้ายกาจ หลอกคนเก่งนัก

เยียนอวิ๋นฉีเม้มปากยิ้ม “ข้าไม่ได้หลอก เพียงแค่ต่างคนต่างมีความต้องการ”