ตอนที่ 14 เป็นจุดสนใจ

ตอนที่ 14 เป็นจุดสนใจ

ตอนนี้ฟู่สวี่ตงเดินมาหยุดอยู่ข้างเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นที่เรียบร้อย เขายกยิ้มแล้วยกมือขึ้นตบบ่าก่อนจะเอ่ยขึ้น “บังเอิญเกินไปแล้ว มาเจอกันแถวนี้ได้ ฉันมาทำธุระบางอย่างกับหวังเจียเหอที่เขตอำเภอน่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดอีก

พวกเขามาที่นี่เพื่อจัดการธุระบางอย่าง หากกล่าวเช่นนั้นก็อาจจะเป็นความลับ “แล้วทำไมนายถึงอยู่คนเดียวล่ะ แล้วหวังเจียเหอเล่า?”

“สหายฟู่…”

หวังเจียเหอซื้อของเสร็จเรียบร้อย ครั้นหันกลับไปก็พบว่าฟู่สวี่ตงกำลังเดินหนีหายไป จึงรีบวิ่งตามออกมามองหา นอกจากนี้ยังได้เจอเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วย “สหายเซี่ย นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

ฟู่สวี่ตงยกยิ้มพลางเอ่ย “นายลืมไปแล้วเหรอ ที่นี่คือบ้านเกิดของอาหลี่ ล่าสุดก็เพิ่งลาหยุดกลับไปพักร้อนที่บ้าน มันก็คือที่นี่ไม่ใช่เหรอ” หลังจากพูดจบ เขาก็หันมองฉินมู่หลานด้วยแววตาสงสัยจึงเอ่ยถามขึ้น “อาหลี่ นี่ใครน่ะ”

หวังเจียเหอเองก็มองไปทางฉินมู่หลานด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน

“นี่คือภรรยาฉันเอง ฉินมู่หลาน อยู่หมู่บ้านเดียวกับฉัน”

“อ…อะไรนะ…”

ได้ยินเช่นนั้น ฟู่สวี่ตงและหวังเจียเหอต่างก็รู้สึกประหลาดใจกันทั้งคู่ ทั้งสองมองหน้าเซี่ยเจ๋อหลี่ก่อนจะหันมองฉินมู่หลานอีกครั้ง ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูไม่สมกันเลยสักนิด

แม้เซี่ยเจ๋อหลี่จะเกิดในชนบท แต่ความสามารถและหน้าตาของเขาก็โดดเด่นเป็นอย่างมาก ได้ยินมาว่ามีคนจากคณะศิลปะมาชอบเขาด้วย ไม่ต้องพูดถึงพวกคนใหญ่คนโตที่อยากแนะนำเขาให้รู้จักกับใครสักคน ซึ่งตัวเขาเองไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนั้นสักเท่าใด แต่ในตอนนี้เขากลับแต่งงานกับสาวชนบทตัวอวบอ้วนเสียอย่างนั้น

น…นี่มันประหลาดเกินไปแล้ว

ฟู่สวี่ตงเป็นคนแรกที่ตอบสนอง เขายิ้มแล้วมองไปทางฉินมู่หลานพลางเอ่ยทักทาย “พี่สะใภ้นี่เอง สวัสดีครับ”

ในที่สุดหวังเจียเหอเองก็ตอบสนองกลับมาเช่นกัน ตามมาด้วยเสียงกล่าวทักทาย

ฉินมู่หลานเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องมาเจอสหายของเซี่ยเจ๋อหลี่ที่เขตอำเภอนี้ และเมื่อฟังจากบทสนทนา พวกเขาดูเหมือนจะเป็นเพื่อนทหารด้วยกัน จึงยิ้มตอบกลับและเอ่ยทักทายกลับไปเช่นกัน “สวัสดีค่ะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ค่อยได้เจอกับเพื่อนทหารสักเท่าใด จึงอยากพูดคุยกับพวกเขาทั้งสอง ดังนั้นจึงหันไปมองฉินมู่หลานก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “มู่หลาน คุณตรงไปที่ห้างก่อนแล้วกัน ผมมีเรื่องต้องคุยกับพวกสวี่ตงสักหน่อย”

“ค่ะ”

ฉินมู่หลานพยักหน้าโดยง่ายเมื่อได้ยินเช่นนั้น หลังจากนั้นก็ล่วงหน้าไปก่อน

เมื่อเห็นแผ่นหลังของฉินมู่หลานที่เดินจากไปแล้ว ฟู่สวี่ตงก็อดใจแทบไม่ไหวจนถึงกับต้องรีบเอ่ยถาม “อาหลี่ ที่นายกลับบ้านไปช่วงวันหยุดก็เพื่อจะกลับไปแต่งงานหรอกเหรอ? ไม่เห็นนายเคยพูดเรื่องนี้มาก่อนเลย แล้วนี่นายยื่นรายงานเรื่องแต่งงานไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“เพิ่งรายงานไป หัวหน้าบอกว่าจะรีบตอบกลับมาให้เร็วที่สุด”

ความจริงแล้วเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้วางแผนที่จะกลับมาแต่งงานในช่วงวันหยุดหรอก

แต่หลังจากที่เขาต้องยอมตกลงแต่งงานกับมู่หลาน เขาก็ได้รีบรายงานเรื่องนี้โดยเร็ว นอกจากนี้ยังได้รับสายโทรศัพท์จากหัวหน้าด้วย หัวหน้าเองก็ดำเนินการเร็วมากเช่นกัน ไม่ถึงสองวันเรื่องก็รายงานไปถึงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่เรื่องพวกนี้เขาไม่ได้พูดแจกแจงรายละเอียด ทำให้ทุกคนคิดว่าที่เขากลับบ้านครั้งนี้ก็เพื่อจะกลับมาแต่งงาน

ฟู่สวี่ตงและหวังเจียเหอได้ยินสิ่งที่เซี่ยเจ๋อหลี่บอกก็ปักใจเชื่อว่าที่เขากลับบ้านครั้งนี้ก็เพื่อจะแต่งงาน ทั้งสองจึงมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ

หวังเจียเหอคิดแล้วคิดอีก ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น “พลทหารเซี่ย นาย…นี่ครอบครัวของนายเป็นคนวางแผนเรื่องแต่งงานให้ใช่ไหม ทำไมถึงได้หา…”

หลังจากพูดจบเขาก็รีบปิดปากตัวเองอย่างรวดเร็วยามรู้สึกว่าเมื่อสักครู่จะพูดตรงเกินไปหน่อย ตอนนี้มาคิดดูอีกครั้ง ถึงอย่างไรเซี่ยเจ๋อหลี่ก็แต่งงานไปแล้ว หากพูดถึงพี่สะใภ้ในทางไม่ดีก็เกรงว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาของทั้งคู่แย่ลง

ฟู่สวี่ตงที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่ได้พูดอะไร

แต่ในใจแอบรู้สึกเช่นกันว่าฉินมู่หลานดูไม่เหมาะกับเซี่ยเจ๋อหลี่เลย ไม่ต้องพูดถึงรูปลักษณ์ที่แตกต่างของทั้งสอง เขารู้สึกว่าคนที่พื้นเพดีอย่างเซี่ยเจ๋อหลี่สามารถหาหญิงสาวที่คู่ควรมากกว่านี้ได้อย่างแน่นอน

เอาเถอะ เท่าที่เขารู้มา ดูเหมือนว่าลูกสาวของหัวหน้าเองก็แอบชอบเซี่ยเจ๋อหลี่อยู่เหมือนกัน

เซี่ยเจ๋อหลี่รู้ดีว่าหวังเจียเหอต้องการจะพูดอะไร ตอนนี้เขาจึงอารมณ์ไม่ดีสักเท่าใด

ถึงแม้ในช่วงแรกเขาจะมีปัญหากับฉินมู่หลาน แต่หลังจากได้ทำความรู้จักกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เขาก็พบว่าฉินมู่หลานเป็นคนที่ใช้ได้อยู่พอตัว “พี่สะใภ้ของพวกนายดีมากนะ”

เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ฟู่สวี่ตงและหวังเจียเหอก็ถึงกับมองเซี่ยเจ๋อหลี่อย่างประหลาดใจ

ปกติแล้วเซี่ยเจ๋อหลี่จะเย็นชากับพวกผู้หญิง ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากชมพวกหล่อนด้วยซ้ำ แต่ในตอนนี้เขากลับเอ่ยปากชมภรรยาของตนว่าเป็นคนดีมาก แสดงให้เห็นว่าเขาให้ค่าในตัวหล่อนมาก

เมื่อคิดได้ดังนั้น ทัศนคติของฟู่สวี่ตงและหวังเจียเหอที่มีต่อฉินมู่หลานก็เปลี่ยนไป เนื่องจากหล่อนเป็นภรรยาที่เซี่ยเจ๋อหลี่เลือกเอง ดังนั้นก็น่าจะคู่ควรกับเขา นอกจากนี้หล่อนก็พี่สะใภ้ที่พวกเขาต้องเคารพด้วย

“อาหลี่ นายแต่งงานแล้ว แสดงว่าพี่สะใภ้ต้องดีมากแน่ แต่จากที่ฉันเจอวันนี้ ก็อยากจะพูดอะไรสักหน่อย”

เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้ารับเมื่อได้ยินดังนั้น ก่อนจะเดินตามฟู่สวี่ตงไปบริเวณใกล้เคียง

“อาหลี่ หวังเจียเหอกับฉันไม่ค่อยคุ้นกับแถวนี้สักเท่าไหร่ จึงอยากขอความช่วยเหลือจากนายสักหน่อย นายวางใจเถอะ มันไม่รบกวนเวลานายขนาดนั้นหรอก แค่สักสองชั่วโมงน่ะ” ขณะที่เอ่ยเขาก็ได้อธิบายถึงภารกิจที่มาทำในวันนี้ และมันก็ไม่ใช่ภารกิจลับด้วย จึงสามารถบอกคนอื่นได้อย่างหายห่วง

เซี่ยเจ๋อหลี่ที่ได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร

“ได้สิ แต่ฉันขอไปบอกภรรยาก่อนนะว่าให้หล่อนไปเดินซื้อของรอก่อน”

“ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะรอนายตรงนี้นะ”

อีกด้านหนึ่ง ฉินมู่หลานเองก็มาถึงห้างสรรพสินค้าเป็นที่เรียบร้อย

เดิมทีเธอคิดว่าห้างสรรพสินค้าจะใหญ่มาก แต่เมื่อมาถึงจริง ๆ แล้วกลับกลายเป็นแค่ตึกสองชั้นเล็กๆ เท่านั้น ดูไม่ค่อยใหญ่โตเท่าใด หลังเข้ามาเดินได้สักพักหนึ่งแล้ว ในที่สุดเซี่ยเจ๋อหลี่ก็เข้ามา “มู่หลาน ผมมีธุระบางอย่างต้องไปทำ น่าจะใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงถึงจะเสร็จ คุณไปดูผ้าเองได้ไหม”

ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าแล้วเอ่ยตอบ “ได้แน่นอนค่ะ คุณไปเถอะ ไม่ต้องห่วงฉัน”

“ถ้าอย่างนั้นทำธุระเสร็จผมมาหานะ เอาไว้ตอนนั้นเราไปดูด้วยกัน”

“ค่ะ”

เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานตอบตกลงทันควัน เซี่ยเจ๋อหลี่ก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา “คุณอยู่ที่นี่คนเดียวจะไม่เป็นไรใช่ไหม?”

ฉินมู่หลานอดไม่ได้ที่จะปรายตามองเซี่ยเจ๋อหลี่ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฉันจะเป็นอะไรได้คะ คุณรีบไปจัดการธุระเถอะ”

“งั้นก็ได้ ผมไปก่อนนะ”

ก่อนที่เซี่ยเจ๋อหลี่จะจากไป เขาได้ให้เงินและคูปองทั้งหมดเอาไว้กับฉินมู่หลาน “ถ้าคุณเจอตัวที่ถูกใจก็ซื้อเลยนะ” หลังพูดจบก็เดินจากไป

“เฮ้…ฉันก็มีของตัวเองอยู่นะ”

ก่อนจะออกเดินทาง เหยาจิ้งจือเองก็ได้มอบเงินและคูปองทั้งหมดให้กับเธอแล้ว มู่หลานจึงไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้เงินของเซี่ยเจ๋อหลี่อีก แต่คน ๆ นั้นเดินจากไปแล้ว เธอจึงทำได้แค่ยอมรับมันไว้ก่อน

เมื่อคิดว่าต้องอยู่คนเดียวในตอนนี้ ฉินมู่หลานก็มีความคิดอยากจะไปเดินชมเที่ยวเล่นสักหน่อย การมาที่เขตอำเภอในครั้งนี้ เธอได้นำยาที่ตนปรุงมาด้วย เพื่อจะลองหาดูว่ามีใครสักคนอยากรับไปหรือเปล่า

คิดได้เช่นนั้นก็เริ่มลงมือทำ ฉินมู่หลานไม่สนใจเรื่องที่ต้องเดินดูเสื้อผ้าอีกแล้ว ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินออกจากห้างทันที

น่าเสียดายที่เธอไม่คุ้นเคยกับบริเวณเขตอำเภอสักเท่าใด หลังตามหาอยู่สักพักก็ยังหาร้านขายวัตถุดิบทำยาจีนไม่ได้เลย

แถมยังไม่รู้ด้วยว่าสมัยนี้ยังมีร้านแบบนั้นอยู่หรือเปล่า หรืออาจเพราะเธอมองหาไม่ถูกที่ สุดท้ายแล้วก็เหมือนไม่ได้อะไรเลย และระหว่างที่ฉินมู่หลานจะกลับไปที่ห้างสรรพสินค้านั้นเอง ก็ได้มีคนก้มศีรษะทักทายก่อนจะเดินเข้ามาหาเธอพลางเอ่ยถามเสียงเบา “สหาย อยากแลกเปลี่ยนยาในมือของเธอไหม?”

เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ร่างกายของฉินมู่หลานก็ตื่นตัว ก่อนจะปรายตามองคนที่เดินเข้ามาด้วยท่าทางระแวดระวัง

คนผู้นี้รู้ได้อย่างไรว่าเธอขายวัตถุดิบทำยา นี่เธอตกเป็นจุดสนใจตั้งแต่เมื่อใดกัน?

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ใครน่ะที่มาขอซื้อยาจากมู่หลาน แล้วรู้ได้ยังไงว่ามู่หลานมียาสมุนไพรอยู่กับตัว?

ไหหม่า(海馬)

————————