13 ชวาร์ซ

ผมตื่นขึ้นมากับภาพที่ค่อนข้างน่าสนใจ

มีมาเรียนอนอยู่ในแขนผม

เห็นได้ชัดว่าเธอพอใจกับเรื่องรักเมื่อวาน ขณะที่เธอหลับ พร้อมใบหน้าที่ยิ้มอย่างกว้าง ฝังอยู่ในหน้าอกผม

นี่มันโอเค ผมได้โอบกอบมาเรียเมื่อวาน และจำได้ว่าหลับไปบนเตียงเดียวกัน

ความแปลกประหลาดนั้นอยู่ที่ข้างล่าง ก้นได้ออกมาจากผ้าห่ม

“นืออ นืออ นืออ”

มีเสียงเปียกเป็นจังหวะ และเสียงผู้หญิงแล้วก็ความรู้สึกดีที่มาจากภาคใต้ของผม

ผมจำได้ในการเล่นก้นที่มันเด้งขึ้นเด้งลงพร้อมกับเสียง

คาร์ล่าได้แอบเข้ามา และรับไม้ตอนเช้าเข้าไปในปากเธอ

อย่างไรก็ตาม การที่จะใส่ของของผู้ชาย ที่นอนอยู่กับผู้หญิง เข้าไปในปากเธอ ผมบอกไม่ได้ว่าเธอกล้าหรือเธอขาดสามัญสำนึก

เทียบกับเทคนิคฉีกวิญญานของปากลูซี่ เธอค่อนข้างขาดทักษะ แต่น่าจะช่วยไม่ได้เพราะเธอยังบริสุทธิ์อยู่จนถึงเมื่อวาน

เธอพยายามจะทำให้มันอยู่ในปากเธอเมื่อเธอได้หายใจไม่ออกเป็นครั้งคราว มามีความสุขกับการบริการที่กล้าหาญของเธอเถอะ

มิเรลน่าจะรับรู้ และรีบมาในท้ายที่สุด ผมจะให้เธอทำตามที่เธอต้องากรจนถึงตอนนั้น

มันไม่ใช่การบริการที่จะทำให้คุณน้ำแตกในทันที แต่ถ้าคุณมองมันในฐานะความรู้สึกที่ดีขึ้นไปเรื่อยๆ งั้นมันก็ดีพอดี

ในกลางการงีบต้อนเช้า การบริการที่สบายๆได้เดินหน้า อย่างที่คาดความต้องการที่จะปล่อยได้เพิ่มขึ้น

คาร์ล่าได้มีการต่อสู้ที่ลำบากกับของของผมที่ขยายเต็มที่ ใกล้น้ำแตก ผมจับหัวของคาร์ล่า

ผมอยากจะน้ำแตกในปากเธอ แต่คาร์ล่ายกหัวของเธออย่างร่าเริงและทักทาย เมื่อเธอได้รับรู้ว่าผมตื่นแล้ว

“อ้า! สวัสดียามเช้า เอเกอร์– ปากของชั้นเป็นยังไง? มันเป็นครั้งแรกดังนั้นชั้นไม่มั่นใจแต่…ไม่ต้องรั้งไว้แล้วปล่อยเมล็ดพันธุ์เข้ามาในปากชั้นเลย”

การคำนวนที่ผิดพลาดของผมคือเมื่อคาร์ล่าไม่ได้ใส่ใจ กับมาเรียที่นอนอยู่ข้างผมเลย

แน่นอนว่า มาเรียก็ตื่นด้วยเสียงที่กระฉับกระเฉงของคาร์ล่าด้วย

“อืมม เอเกอร์-ซัง สวัสดียามเช้า…”

หน้าของมาเรียได้อ่อนโยนลงขณะที่เธอจ้องมองผมด้วยตาที่ง่วง จากนั้นเธอแข็งเมื่อเธอเห็นคาร์ล่า

มันควรจะเป็นเช้าที่หวานกับผู้ชายที่เธอใช้ตอนกลางคืนร่วมกัน แต่ผู้หญิงคนอื่นได้ดูดไม้เนื้อ

ผมอยากจะมอบคำอธิบายให้เธอแต่ส่วนล่างของผม ถึงขีดจำกัดของมัน ขณะคาร์ล่าไม่มีสัญญานในการหยุด เจ้าหนูของผมเริ่มเต้นเป็นจังหวะ สำหรับการปล่อยมันเข้าไปในปากเธอ

“อืนบบบบุ!”

แม้ว่าผมปล่อยออกไปเยอะข้างในมาเรียเมื่อคืนนี้ น้ำกามต้องได้ถูกสรา้งในตอนกลางคืน นี่ไม่ใช่จำนวนที่สาวที่รับควยเข้าไปในปากเธอเป็นครั้งแรก จะรับมือกับมันได้ มันหกออกมาหลังจากที่เติมเต็มปากเธอ

“เก๊ะโฮ่ะ เก๊ะโฮ่ะ! ชั้นขอโทษ ชั้นจะดื่มมันเดี๋ยวนี้!”

ผมไม่ได้พูดอะไรเลยจริงๆ แต่คาร์ล่าแม้แต่ตักเมล็ดพันธุ์ที่หกจากผ้าปูเตียงเข้าไปในปากเธอ

“ช่างเป็นคนน่ารัก”

คาร์ล่าได้ใส่เมล็ดพันธุ์ของผมเข้าไปในปากเธอต่อ แม้ว่าเธอหน้าบูดบึ้งจากรสชาติที่ขมของมัน ผมได้ลูบหัวเธออย่างช้าๆ

“งั้นมาเรีย มันมีสถานการณ์บางอย่างน่ะเห็นมั้ย?”

เธอตอบด้วยการตบที่แรงและประโยคเดียว “ศัตรูของผู้หญิง!”

“เฮ้ เอเกอร์ มากับชั้นซักนาทีนึงได้มั้ย?”

พวกเราสามคนได้กินข้าวเช้า คาร์ล่าได้คลอเคลียผม

“หืม? มีอะไร?”

“ชั้นคิดว่าเราต้องการยาบนการเดินทาง ชั้นลืมที่จะซื้อมันเมื่อวาน”

“อ้า ตอนนี้ที่นายพูดถึงมัน เธอไม่ได้ไปที่ไหนเลยกลับจากที่ซื้อชวาร์ซ”

ยามันเด่นกว่าอาหารและของจิปาถะอย่างชัดเจน โดยราคาที่สูงของมัน

เพราะมูลค่าของมันสูง หลายอย่างแบบมันขายด้วยราคนที่แพงอย่างเหลือเชื่อ

มากกว่านั้น เพราะคนหนึ่งแยกของปลอมกับของจริงไม่ได้ โดยไม่มีความเชี่ยวชาญพิเศษ มันปรกติที่จะไม่ซื้อมันจากร้านทั่วไป แต่เป็นร้านขายยาโดยเฉพาะ หรือซื้อโดยตรงกับเภสัชกร

“พวกเราจะมีคนบาดเจ็บระหว่างการเดินทางอย่างแน่นอน เธอมีมั้ย มิเรล?”

“แน่นอนว่าไม่มี ยารักษาโรคหรือแผลของแท้ขายในหลักทอง ชั้นไม่เคยมีเงินเยอะขนาดนั้น เราซื้อได้ด้วยเงินของเราคืออันที่มันรักษาโดยแค่ถุยน้ำลาย

เพราะมันเป็นการเสียของ เธอไม่เคยซื้อเลย

งั้นผมที่มีเงินเหลือควรจะซื้อมาบ้าง

“ได้เลย ชั้นก็ต้องการยาด้วย ไปกันเถอะ”

“ชั้นจะอยู่ที่นี่เพื่อกิน~ เราจะกินอาหารเก็บได้นานในการเดินทาง ชั้นเลยต้องเติมท้องให้เต็ม”

คาร์ล่าพาผมไปที่ร้านขายยาในถนนหลัก ตัวร้านเองนั้นเล็กแต่ภายในมันเรียบร้อย ยังไงยาก็ไม่สามารถผลิตในจำนวนมาก ดังนั้นไม่จำเป็นต้องไปร้านใหญ่

ร้านนี้ขายให้ตระกูลของดยุคและยังได้รับการรับรองโดยตระกูลราชวงศ์ ดังนั้นไม่มีการลดราคา แต่มันไม่ต้องสงสัยถึงความน่าเชื่อถือของมัน

ข้างในร้านมียาหลายอย่าง ดูเป็นยาแท้ ไปด้วยกันกับสิ่งที่เห็นได้แค่ว่าเป็นพิษโดยสีของมัน

ผมได้ติดใจและมองไปรอบๆอย่างกระสับกระส่าย เพราะผมไม่มีประสบการ์มากกับยา แต่คาร์ล่าหยิบยาที่อยู่ตรงหน้าเธอ

“นายซื้อนี่ด้วยเงินนายได้มั้ยได้โปรด”

ยาที่คาร์ล่าถือคือเยลลี่สีอำพันในหม้อเล็ก

“มัน 1 เหรียญเงิน”

ไม่มีปัญหากับราคา แต่ผมไม่มีความคิดเลยว่าทำไมคาร์ล่าอยากให้ผมโดยเฉพาะที่ซื้อ

ตาแก่หลังเคาน์เตอร์ได้ยิ้มอย่างเข้าใจ หลังจากที่ผมได้จากเหรียญเงินและนำยาไป

ระหว่าเราทำมันอยู่ ผมก็อย่างซื้อยาทารักษา ผมเลยถามตาแก่ “ยานี้มีผลกับการบาดเจ็บส่วนมาก” เขาตอบและแน่นหม้อยาขนาดเท่ากำปั้น

ยาได้ทำมาจากวัตถุดิบที่มีค่า มันสามารถรักษาการเป็นหนองและแผล เมื่อทาไปที่บริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ และมันรักษาผิวได้ดีด้วย ไม่ทิ้งรอบแผลเป็นดูเหมือนว่า

มันราคา 5 เหรียญทอง แพงเหลือเกินสำหรับหม้อเล็กๆ มันเท่ากับ 2.5 ชวาร์ต แต่มีโอกาสของการตายฉับพลันถ้าเราไม่มียา เมื่อบางคนได้รับบาดเจ็บ และซื้อมันก็ยังสมเหตุสมผลเมื่อมาคิดว่า มันทำให้ผิวของพวกพ้องผู้หญิงของผมไร้รอยแผลเป็น

ผมมอบ 5 เหรียญทองให้เจ้าของร้านที่หัวเราะเบาๆ ขณะที่เขาบอกผมว่ายาของคาร์ล่าคืออะไร ยาคือยาคุมกำเนิด มันทำจากน้ำนมจากต้นไม้เซเออร์ ซึ่งดูไม่เหมือนว่าจะแพงเป็นพิเศษ

เข้าใจแล้ว เธอคิดว่ามันจะมีปัญหาถ้าเธอท้องระหว่างการเดินทาง

แต่ต่าแก่พูดต่อ มันดูเหมือนว่ามันมีความหมายพิเศษถ้าผู้ชายมอบมันให้ผู้หญิง

“เธอเป็นเมียน้อยของชั้น มันแค่ความสัมพันธ์ทางกาย ดังนั้นใช่นี่แล้วเตรียมตัวของเธอ”

คือที่มันเห็นว่าหมายถึง

อีกทางหนึ่งแบบสุดขีดจากข้อเสนอ สาวจะซื้อมันสำหรับตัวเธอเองถ้าพวกเขารักกันอย่างแท้จริง ไม่ว่าเธอจะจนขนาดไหน

เข้าใจแล้ว แต่ตอนนี้ผมไม่เข้าใจ

ถ้าคาร์ล่าพอใจที่ได้ถูกบอกว่า “เมียน้อยที่ชั้นต้องการแค่ตัวเธอเท่านั้น”เหรอ?

ผมไม่มั่นใจจริงๆ แต่ผมรับยามาและวิ่งออกไปข้างนอก

สายตาของผู้คนข้างนอกได้เน้นไปที่ของที่ผมถือ

เห็นได้ชัดว่า ยานี้มันมีชื่อเสียงพอที่จะถูกรู้จักโดยหม้อใส่ของมัน

ผู้หญิงมองเราด้วยการดูถูก ระหว่างชายมองด้วยสายตาที่ใคร่กับคาร์ล่า และตาแห่งความอิจฉามาให้ผม

“ขอบคุณมากค่ะ! ชั้นจะทำให้มั่นใจว่าเตรียมตัวอย่างถูกต้อง!”

คาร์ล่าได้พูดอย่างดัง

ความจริงที่ว่าเธอใช้น้ำเสียงต่างจากตอนปรกติของเธอ เธอทำอย่างจงใจโดยไม่ผิดพลาด

ขณะที่สายตามากขึ้นได้ไปที่คาร์ล่า หน้าของเธอได้แดง

บนทางกลับไปที่โรงแรงโดยคาร์ล่าที่หายใจหยาบ ผมเอื้อมมือเขาไปในกางเกงหนังของเธอ มันได้เปียกโชก

ในทันทีนี้ ผมได้รับรู้ว่าเธอได้เริ่มเดิน บนถนนของการเป็นคนบ้ากาม

“อืม! ชั้นจะให้พี่ดูแล อ้า! ออุ…”

ในเวลาที่ผมได้กลับมาที่โรงแรม และเสร็จการเตรียมชวาร์ซ รูมา

เธอได้ถือสัมภาระประมานครึ่งหนึ่งของขนาดเธอ

“โอ้ ติดไปด้วยนั้นโอเค แต่ให้มั่นใจนะว่าเธอไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง!”

มิเรลได้เข้มงวด แต่บุคลิกของเธอ ไม่ใช่พวกที่จะทิ้งรูถ้าเธอได้ตามไม่ทัน

“ใช่ ไม่ใช่ว่านั่นสำคัญ”

คาร์ล่าได้หมดความระมัดระหวังหลังจากที่ได้ถือว่ารู แค่เป็นเด็ก หมดความสนใจ

คนนี้ดูเหมือนเธอจะทิ้งใครก็ตามที่ตามไม่ทันจริงๆ ดังนั้นมันน่ากลัว

ตอนแรกชวาร์ซได้ร่าเริง คิดว่าจำนวนของผู้หญิงได้เพิ่ม หลังจากเห็นมิเรลและรู แต่มันดูไม่พอใจเมื่อมิเรลให้มันแบกอาหารที่เธอซื้อ

แต่เพราะชวาร์ตมีตัวที่ใหญ่แม้ว่าจะสำหรับม้าศึก เขายังน่าจะขี่และวิ่งได้ ด้วยสัมภาระจำนวนน้อยบนมัน

บนทางไปหมู่บ้านชีรา ส่วนใหญ่ไปทุ่งหญ้า และน้ำสามารถเติมได้ที่บ่อน้ำ ดังนั้นมีแค่อาหารสัตว์ที่ได้ซื้อ แน่นอนว่า อาหารสัตว์นี้แบกโดยตัวที่กินมัน

ยังไงซะมันเวลาสุดท้ายสำหรับการออกเดินทาง

แต่ ก่อนหน้านั้น

ผมได้เป็นประตูของโรงแรมนกน้อยอย่างแรง และลากมาเรียที่แอบดูออกมา

“ชั้นจะกลับมา”

ผมไม่บอกว่าเมื่อไหร่

ริมฝีปากของเราได้ผมกัน ผมใส่ลิ้นของผมเข้าไปนวดหนืดๆ 30 วินาที

ขณะที่ริมฝีปากของเราแยกจากกัน มาเรียหมดแรงในเอวเธอ และหล่นก้นลงพื้น

“…………ชั้นจะรอ”

ผมไม่ถือกับสายตาของทุกคน

ยังไงซะ ไปกันเถอะ

◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇

ผมได้รู้ว่ามันเป็นครึ่งวันหลังจากที่เราออกเดินทางแต่ น่าจะเพราะพวกเธอมีกำลังกาย คาร์ล่าและมิเรลได้มีการก้าวเท้าที่เร็ว แน่นอนว่า การก้าวเท้าของผมไม่แพ้ผู้หญิง ดังนั้นความเร็วของการเดินหน้าของเราเทียบไม่ได้กับคาราวานธรรมดา แต่เพราะนี่ ปัญหาคือสาวน้อยที่แบกสำภาระใหญ่ ที่ได้เริ่มเดินไม่ทันก่อนเที่ยง

ดังนั้น เธอตอนนี้ได้ขี่อยู่บนชวาร์ซไปด้วยกันกับสัมภาระ

“ชั้นขอโทษ! ให้ชั้นขี่ม้ามันมากเกินไป! ชั้นโอเคกับการถูกลากไปด้วยเชือก!”

เธอได้มีปัญหา แต่ภาพของผมที่ลากรูไปด้วยกันกับการขี่ม้า มันดูเป็นลักพาตัวได้อย่างเดียว ดังนั้นนั่นถูกปฏิเสธ

มากกว่านั้น การที่มีรูนั่งอยู่บนมันมีผลทำให้มันเพิ่มการก้าวเท้าของชวาร์ซ

ม้าลามกของจริง ผมสงสัยว่าใครกันที่มันคล้าย

บางเวลาเราไม่ได้เดินทางของเราต่อ เราได้เริ่มที่จะตั้งแคมป์ขณะที่วันกำลังจะหมด

เราได้ทำแคมป์ไฟในกิ่งไม้จากทางหลวง และห่มผ้า

มันได้อยู่หลังฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แม้ว่าภาคนี้จะไม่หนาวขนาดนั้น กลางคืนมันยังหนาวด้วยผ้าห่มแค่ผืนเดียว

ในเวลาแบบนี้ พวกพ้องจะนอนข้างกันแต่…

“รู เรานอนตรงนี้”

มิเรลห่อรูในผ้าห่มและดึงเธอไป

“เอ๋? อืม? แล้วเอเกอร์-ซังและคาร์ล่า-ซังล่ะ?”

“เธอจะเข้าใจในท้ายที่สุด มา เราจะต้องตื่นเช้าพรุ่งนี้ ดังนั้นรีบนอนเข้า”

อย่างไรก็ตาม เสียงที่ซาบซึ้งและเสียงของเนื้อได้ดังก้องอยู่ในกลางคืนที่เงียบสงัด มันดูเหมือนว่ารูไม่สามารถจะนอนได้จนถึงซักพักหลังจากที่พวกเขาที่พวกเขาเสร็จ เนื่องจากความตื่นเต้นและความตกตะลึง

“มันสวยและสงบสุขเมื่อมันไม่มีอะไร แต่พอมาคิดว่ามันไม่มีแม้แต่ถนน”

ผมพูดอย่างไม่รู้ตัว

ทางใต้ของโรเลล คือเมืองหลวงทริสเนีย ทางเหนือคืออาณาจักรอาร์คแลนด์ที่มีป้อมปราการมากมาย ทางวันตกมีแม่น้ำใหญ่ที่ไหลมาจากสหพันธรัฐ เทอร์เฮสเหนือ อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรอยู่ที่ฝั่งตะวันออกนอกจากหมู่บ้านเล็ก

ผมเห็นแผนที่ครั้งนึงว่าไม่มีประเทศใด้ๆ อยู่ทางตะวันออกของเทรีย บริเวณนี้เป็นพื้นที่ที่เป็นชายแดนกับเทือกเขากลาง ขาดในทั้งความสำคัญเชิงกลยุทธ์ และกำลังการผลิต ดังนั้นอาณาจักรเพียงแต่ต้องการให้ลอร์ดพื้นที่เกณฑ์ทหารช่วงสงครามจากหมู่บ้าน และปล่อยพวกเขาตามลำพัง

เพราะนั่น ลอร์ดพื้นที่ไม่มีกำลังในการที่จะงานสาธารณะขนาดใหญ่ และระหว่างที่มีบริเวธทุ่งหญ้าเปิดมากมาย ธนนอยู่แค่ระดับของทางเดินสัตว์และบึงหรือต้นไม้ล้มที่อยู่ในป่า ไปถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น ทำให้มันยากต่อการเดินทาง

ภูเขาเล็กๆและลำธารที่อยู่ตามธนนจะเป็นอุปสรรคใหญ่ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่มันฝนตก

“ถ้าแค่พวกเขาทำถนนดีๆได้ การเดินทางครั้งนี้จะใช้แค่ 2 วัน”

“ใช่…แม่ชั้นก็เสียใจกับเรื่องนี้มาตลอดด้วย”

ผมรู้ว่ารูและมิเรลทำงานไกลบ้าน และระยะทางจากหมู่บ้านทิศตะวันออกไปตรงกลางของอาณาจักรนั้นไกล

“มี่แย่ที่สุด แม้แต่โจรก็โผล่มา พ่อค้าเลยเลี่ยงอย่างแน่นอนเลย”

เหตุผลที่พ่อค้ามาที่หมู่บ้านตะวันออกที่ห่างไกลแม้ว่านั่น คือโอกาสที่จะได้ซื้อผักและขนถูกๆและขายมันให้กับเมืองในราคาที่สูง

ไม่ใช่สะพานที่พวกเขาอย่างข้ามในความเสี่ยงของการเป็นรากไม้และกิ่งไม้ที่ถูกครอบครองโดยโจร

“มิเรล ดูเหมือนเธอจะซื้ออาหารเยอะนะ มีครอบครัวใหญ่เหรอ?”

“ชั้นมีพ่อแม่สองคน และชั้นเป็นลูกสาวคนโตสุด เด็กกว่าชั้นมี 4 สาว และ 3 หนุ่ม มีแค่ 1 หนุ่ม และ 2 สาวทำงานในนา แต่พื้นดินนั้นไม่อุดมสมบูรณ์ และพวกเขายังเป็นเด็กน้อยที่รู้แค่วิธีร้องไห้”

มันดูเหมือนจะเป็นครอบครัวใหญ่ อาหารสำหรับครอบครัว 10 คน ในหน้าหนาวได้ถูกมุ่งมั่นแล้วว่าเป็นค่าใช้จ่ายเยอะ

“หัวผักกาดนั้นหาง่ายแม้ว่าจะเป็นหน้าหนาวเห็นมั้ย และป่าใกล้ๆมีสัตว์ด้วย

เธอหัวเราะ “แต่หมีที่ไม่หลับมันน่ากลัว”

“รู ครอบครัวของเธอมีคนเยอะด้วยมั้ย?”

“ไม่! ชั้นมีแม่และพี่สาว พี่สาวทำนาและดูแลแม่ แม่ขยับไม่ได้มากเพราะเธอมีแผลไฟไหม้ใหญ่ปีที่แล้ว”

เธอก็มีภาระของเธอด้วย

“เพราะชั้นเป็นแบบนี้ชั้นทำนาไม่ได้มาก ดังนั้นชั้นได้ถูกบอกว่าชั้นไปหาเงินในเมืองจะดีกว่า”

“แม้ยังไงชั้นก็จะไม่สามารถหาเงินได้มาก” เธอเติม

“เข้าใจแล้ว งั้นเราต้องรีบ เพื่อที่เธอจะได้เจอพวกเธอเร็วกว่านี้อีก”

“ได้!”

พูดถึงแล้ว คาร์ล่าได้มุ่งหน้าลงไปที่ถนนของบ้ากาม ทำสิ่งต่างๆเช่นดึงเสื้อของเธอขึ้นเมื่อตาเรามองกันอย่างอายๆ เอื้อมมือมาที่ข้างหลังมาที่หว่างขาผม เมื่อไหร่ที่เราฝึกขี่ชวาร์ซ และช่วยตัวเองในที่ที่ผมมั่นใจว่าจะเจอเธอ

เราได้เดินทางได้อย่างดีต่อไป แม้ว่ามีปัญหากับถนนที่แยะ และตัดสินใจที่จะไปหมู่บ้านของมิเรลก่อน เราได้ห่างหนึ่งวันจากหมู่บ้านชีร่า เมื่อเหตุการณ์ล่าสุดได้เกิดขึ้น

“เอเกอร์ นายเห็นนั่นมั้ย?”

“มันแค่แป้ปเดียวแต่ชั้นไม่แน่ใจ แต่มีบางอย่าง”

ที่แอ่งที่ถูกล้อมไปด้วยเนินเขา เงาที่เห็นได้ก่อนหน้าข้างบนที่ล้อมรอบได้หายไป

จากที่นี่ ไม่มีระยะทางมากจนถึงเนินเขา

ถ้ามันเป็นหมาป่าพวกมันจะตามเรามาจากกลิ่นถ้าเราไม่ได้เข้าไปใกล้กว่านี่ ทุกทิศทางนอกจากทิศที่ลมพัด นั้นถูกเห็นได้ตั้งแต่ทีแรก ดังนั้นมันจะแปลกที่จะซ่อน

“คาร์ล่า เธอเห็นมันมั้ย?”

“แค่แป้ปเดียวแต่ คนเยอะมาก”

มันง่ายต่อการคิด มีไม่กี่กรณีที่คนที่ซ่อนตัวพวกเขา ขณะที่พวกเขาตามคุณเป็นมิตร

“คาร์ล่า มิเรลคอยระวังตัวรอบๆทั้งหมด! รูขดตัวแล้วอยู่เงียบๆ

ผมได้ปลดสัมภาระออกจากชวาร์ซและกระโดดขึ้นไปบนเขา

รู้สึกถึงบรรยากาศตึงเครียด มันได้ตามคำสั่งผม

“นายจะไปไหน?”

“ถูกโดนยิงโดยธนูจากเนินเขารอบข้างนั้นมีปัญหานะ! ชั้นจะไปข้างบนเนินเขาและรั้งพวกเค้าไว้! พวกเธอตามหลังชั้นมา”

ผมเตะท้องของชวาร์ซ ควบเหมือนผมไม่เคยทำระหว่างฝึก…วิ่งเต็มกำลัง

“เร็ว” ผมได้รู้สึกอย่างจริงจัง

เขาไม่เพียงแค่ใหญ่ สำหรับยกตัวอย่างแม้ว่ามีม้าอื่นที่ขนาดเดียวกันจะช้ากว่าเยอะ เขาได้เกิดมาเพื่อวิ่ง นั่นเป็นที่เข้ามาในใจ

นี่อาจเป็นครั้งแรกในชีวิตเขาที่เขาวิ่งเต็มที่ มันรู้สึกเหมือนหลังเขาหัวเราะในอารมณ์ดี

เราได้มาถึงบนเนินเขาในการวิบวับของดวงตา บางทีมันคาดได้ มีกลุ่มของ ผู้ชายดูสกปรก 5 คน ถือขวานและหอกหยาบ ตาของพวกเขาดวงตาของพวกเขาหันมาทางเรา

“เฮ้ เค้าขึ้นมา!”

“ตั้งแต่เมื่อไหร่!!”

“ชั้นจะถามก่อน ทำไมแกตามเรา!”

ผู้ชายเงียบซักพักจากนั้นแกว่งอาวุธและเริ่มตะโกน เหมือนพวกมันได้ควบคุมได้แล้ว

“เราจะให้นายทิ้งสัมภาระไว้ข้างหลัง!”

“ผู้หญิงด้วย!”

มันยังไปต่ออย่างที่ผมคาด

“ชั้นปฏิเสธ”

“เอ๋?”

“เอ๋?”

พวกเขาเป็นพวกโง่จริงๆ

“ชั้นบอกว่าชั้นปฏิเสธ แกจะทำไง ยอมแพ้แล้วจากไป? หรือจะสู้?”

นักรบหลังม้ามอบแรงกดดันอันยิ่งใหญ่ให้ทหารเดินเท้า

ไม่ต้องพูดถึงว่าตัวชวาร์ซได้ใหญ่แม้ในหมู่ม้าศึก ความรู้สึกถึงความข่มขู่มี่มันมอบออกมานั้นไม่ธรรมดา

มันจะดีกว่าที่พวกเขาจะกลัวแล้ววิ่งหนีไป

“อย่าดูถูกพวกข้านะ!”

“ขี่ม้าคนเดียวทำอะไรได้วะ!”

มันดูเหมือนการเจรจาได้จบลงแล้ว

ด้วยอาวุธที่อยู่ในมือของพวกเขา ผู้ชายได้พุ่งเขามาเพื่อที่จะดึงผมลงจากม้า แต่การเคลื่อนไหวของพวกเขามันช้ามาก และการเป็นผู้นำของพวกเขาไม่มีประสิทธิภาพ

ด้วยผู้ชายที่ได้พุ่งมาข้างหน้า ชวาร์ซได้ทำเรื่องฉลาดและวิ่งไปเอียงๆ

หัวม้าได้หายไปจากสายตาผม ผมปลุกหอกของผมไปที่ผู้ชายและหอกสองอันและแขนสีแขนได้เต้นอยู่ในอากาศ

“●▲■!!!!!!!!”

ผมขับไล่เสียงกรีดร้องที่ทนไม่ได้จากหูผมแล้วพุ่งไปที่ชายที่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าบอกทิศทาง

“ฮฮฮฮิ้! ไปไกลๆ! ไปไกลไกลลลลล!”

ชายคนนี้หันหลังให้ผมและวิ่งแต่มันสายเกินไป สัญญานของการต่อสู้ได้ถูกยกขึ้นมาแล้ว

เขาจะโอเคถ้าเขายอมแพ้ แต่วิ่งหนีไม่ได้เป็นเครื่องหมายของการจบการต่อสู้

หลังจากที่ได้ยั่วยุการฆ่า มันเป็นหน้าที่ของผู้นำที่จะรับผิดชอบมัน

ใช้พลังของการพุ่งไป หอกได้แทงเข้าไปที่หลังของผู้ชาย ผ่านตรงกลาง และออกไปที่ท้อง

อีกเสียงร้องความเจ็บปวดของความตายที่ทนไม่ได้ ผมที่ได้ยินเสียงที่ล่อลวงของผู้หญิงไม่นานมานี้ ดังนั้นการปนเป็นของหูผมนี้กวนใจผม

ผมเหวี่ยงหอก โยนผู้ชายไปตรงหน้าของที่เหลือสองคน

เห็นชายที่ได้เป่าฟองที่เป็นเลือดจากปากเขา ชายสองคนได้เปลี่ยนเป็นอ่อนแอที่หัวเข่า

“ฮฮฮิ้!”

“แกทิ้งอาวุธแล้วจากไปได้ ถ้าแกสู้แก้จะเป็นคนต่อไป”

หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าผู้ชายโยนอาวุธของเขาทิ้งและวิ่ง ผมได้กลับไปที่ที่คนอื่นอยู่

มิเรลและคาร์ล่าได้สู้กับชายสองคนน่าจะเป็นทหารอิสระที่โจมตีตอนผมไม่อยู่

ผู้ชายได้กลิ้งอยู่ที่เท้าของพวกเขา ดูเหมือนจะเหนือกว่า

สองคนนี้เป็นทหารรับจ้างถ้าให้เริ่มพูด ไม่ใช่เจ้าหญิง

*บุรุรุ* ชวาร์ซได้ร้องดั่งจะพูดว่า{ไปช่วยพวกเธอเถอะ}

แน่นอนว่า นั่นคือผู้หญิงของผมและพวกเขาถูกจองไว้แล้ว แล้วก็ดอกตูมน้อยๆ

ผมพุ่งเข้าไปที่ด้านข้างของสี่คนที่สู้อยู่ แล้วส่งหัวของชายบินไป ชวาร์ติวิ่งทับอีกคนด้วยกำลังของการพุงเข้าไปของมัน

*เบละ* เสียงของหัวที่ถูกขยี้ได้จบการต่อสู้

ผมดีใจที่สองคนสุดท้ายไม่กรีดร้อง ผมทนฟังการร้องของชายมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

“นายกลับมา!”

“ใช่ เธอโอเคมั้ย?”

“ไม่มีปัญหา เราได้จัดการคนนี้ตรงนี้และคนนั้นตรงนั้น”

ดูเหมือนคาร์ล่ายิงชายที่อยู่บนเนินเขาด้วยธนูของเธอ

“ของชั้น ชั้นฆ่าคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าและชายอื่นสองคน แล้วทำให้คนอื่นหนีไป”

“พวกเขาอาจจะมีพวกพ้องมากกว่านี้ มารีบแล้วไปเถอะ”

ผมไม่คิดว่าโจรมีม้า

ดังนั้นถ้าผมเอารูไว้บนชวาร์ซแล้วเดินเร็วๆ มีความเป็นไปได้น้อยที่พวกเขาจะตามเราทัน

แต่มันดูไม่เหมือนมันจะง่ายขนาดนั้น

จากข้างหน้า กลุ่ม 10 คนได้ขวางทางเราอยู่

พวกเขาสามคนได้ถือธนู มันเลยจะอันตรายที่จะอ้อมแล้วแอบผ่านไป

อย่างไรก็ตาม ไม่มีศัตรูบนเนินเขาที่เหลือแล้ว ถ้าตรงหน้าเป็นพวกเขาทั้งหมด แนวหลังจะปลอดภัยแม้ว่าผมรีบเข้าไปคนเดียว

“ชั้นปล่อยรูไว้ให้เธอนะ”

ศัตรูได้พร้อมกับสงครามแล้ว ผมไม่มีเวลาที่จะนำสัมภาระลงอย่างไร้กังวล

ผมนำสาวน้อยที่กังวลลง แล้วกระโดดขึ้นไปบนชวาร์ซ

“เต็มที่ไปเลยเถอะ ให้ชั้นเห็นว่านายมีอะไร”

เขาร้องเหมือนหัวเราะ

เขาวิ่ง และวิ่งไปที่ความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ

มันดูไม่เหมือนเขาไดแบกผม ที่น้ำหนัก 100กก รวมหอก และสัมภาระหลาย กก

เข้าวิ่งได้อย่างง่ายๆ เหมือนม้า เปลือย ป่า ในทุ่งหญ้า แต่กระนั้นเขารุดหน้าดั่งไททัน เสียงที่ลึกจากเกือกม้า มันให้เหมือนมันการพุ่งไปของน้ำหนักเป็นตัน

ลูกธนูมาจากข้างหน้า แต่เพราะความเร็วที่มหาศาล และบรรยากาศที่ข่มขู่ การเล็งได้ใช้การไม่ได้ และมันไม่โดน

พวกเขาสามคนพยายามจะสกัดด้วยหอกหยาบ แต่ชวาร์ซไม่สนใจพวกเขา เหยียบผ่านพวกเขาไปอย่างง่ายๆ

หัวคนได้ลอยด้วยทุกการโค้งของหอกผม หรือครึ่งหน้าถ้ามือผมลื่น

ชวาร์ซวิ่งทำเป็นเลข 8 รอบก้อนสุดท้ายของโจร วิ่งทะลวงพวกเขาซ้ำๆ

จากนั้น 6 คนตกเป็นเหยื่อของเกือกม้า พวกเขาทั้งหมด วิ่งในเวลาเดียวกัน

พลังใจน่าจะพังทลายไปแล้ว น่าจะเป็นเพราะม้าสีดำ ด้วยกันกับคนที่ขี่มัน ดูเหมือนผู้เก็บเกี่ยววิญญานกับพวกเขา

({เหมือนกับชั้นจะให้พวกแกหนี})

ผมรู้สึกบางอย่างแบบนั้นถูกได้ยิน

แต่มันไม่เหมือนว่ามันจำเป็นต้องมีการสังหารหมู่ด้วย

“ทิ้งอาวุธแล้วยอมแพ้ซะ ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่! วิ่งจะถูกเห็นว่าเป็นการต่อต้าน!”

เราได้ใกล้กับหมู่บ้านแล้ว พวกเขาจะเป็นของขวัญที่ดีงามให้ยามเมืองถ้ายอมถูกจับอย่างเชื่อฟัง

อย่างไรก็ตาม ทางเลือกของพวกเขาคือหนี

“นั่นก็โอเคด้วย”

ผมได้พร้อมหอกของผมอีกครั้ง

ไม่อยากจะรออีกต่อไป ชวาร์ซได้ประทับเท้าของมัน

“ไปกันเถอะ! ฆ่ามันให้หมด!”

ไม่มีทางที่ชายพวกนี้จะหนีจากชวาร์ซโดยการเดิน นอกจากเราได้อยู่เฉยๆ

“ไม่ใช่ว่ามันเงียบกว่านี้ได้อีกเหรอ?”

มิเรลได้บ่นขณะที่เธอจับรูไว้

รูได้ขดตัวในความกลัวจากการสู้ของผม มันดูเหมือนเธอหมดสติหลังจากที่ได้เห็นหอกที่เปื้อนเลือดและชวาร์ซที่เปียกไปด้วยเลือด

“แค่นี้มันไม่เท่าไหร่ เธอจะไม่รอดแบบนั้นนะ”

คาร์ล่าแสดงความไม่พอใจ แต่นี่แน่นอนว่าเป็นภาพที่น่าตกตะลึงสำหรับเด็กสาวอายุ 10 ขวบ

ผมจะเอาแอปเปิ้ลให้เธอเมื่อเธอตื่น

“งั้นนายจะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่หัวหน้ายามเมืองได้ขอไว้ล่ะ? ถ้านายพูดว่าหลักฐานของการปราบโจร งั้นนายต้องจับและพาโจรไปด้วยตัวเอง หรือเป็นไปได้…”

“ตัดหัวของพวกเขาแล้วพามันไป ใช่มั้ย”

ผมขอโทษสำหรับรู แต่แอปเปิ้ลจะต้องรอ

มันดีกว่าที่จะให้เธอหลับนานกว่านี้ เพื่อตัวเธอเองถุงปอกระเจาได้ถูกแขวนอยู่ที่คอชวาร์ซ ขางในมันมีหัวของชายที่ผมคิดว่าเป็นผู้นำโจรก่อนหน้านี้

พวกโจรคือชาวนาที่ได้ถึงขีดจำกัดในความจน

ผมคิดว่าแม้ว่าผมเอาลูกกระจ๊อกมาพวกเขาจะยืนยันไม่ได้ ผมเลยแค่เอาของหัวหน้ามา

ถ้ามันไม่มีประโยชน์เราแค่โยนมันทิ้งได้ ในแง่น้ำหนักมันไม่หนักขนาดนั้นด้วย

แต่ไม่มีพวกเราซักคนที่มีใจจะถือมัน เราเลยจบที่การแขวนมันไว้บนคอม้า

ในท้ายที่สุด หมู่บ้านได้เข้ามาในสายตาทีละนิด เราเห็นบ้าน ถูกล้อมโดยรั้วไม้ ข้างบนเนินเตี้ย

มิเรลหันหน้าหาเราด้วยการหมุนตัว

“ยินดีต้อนรับสู่หมู่บ้านชีร่า”

◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇

คืนของมาเรีย

“นี่มันไม่ดี…อันนั้นก็ไม่ต้องถาม…อันนั้นไม่พอ”

ที่ฉันได้หาอยู่ขื่อบางอย่างรูปทรงไม้ แต่ไม่มีอันไหนที่หนาพอ

ฉันลองด้ามคราด และท่อไม้ไผ่ แต่ไม่มีพวกมันซักอันที่ดีเลย

อันที่มันขนาดพอดีคือฟืนสำหรับทำอาหาร แต่ถ้าฉันใช้มันฉันจะโดนเสี้ยนตำและจะมีปัญหา

{นี่เป็นความผิดของเอเกอร์}

{แม้ว่าชันพอใจกับแค่นิ้วจนถึงตอนนี้ เขาได้ให้ชั้นได้ลิ้มรสของใหญ่ของเขา และตอนนี้ฉันทนมันไม่ได้อีกแล้ว}

{และไม่ใช่ว่าเขามีสมาชิกที่ใหญ่เพียงเท่านั้น เขาก็รู้ดีกับการรับมือกับผู้หญิงด้วย}

“แม้ว่าเค้าดูเด็กกว่าชั้น… ชั้นสงสัยว่าเค้าเก่งขนาดนี้ได้ยังไง”

ในท้ายที่สุดเธอสังเกตไม้เท้าที่บางคนได้ลืมไว้ มันมีด้ามที่ปูด และใกล้เคียงที่สุดในขนาด ระหว่างที่ภาวนาว่าเจ้าของไม้เท้าจะไม่กลับมาเอามัน เธอได้ล้างมันอย่างระวังและนำมันเข้าไปในห้องเธอ

“เอเกอร์-ซัง! อ๊าาาา กอดชั้นแรงกว่านี้ เอาของใหญ่นั้นให้ชั้น!”

“ชั้นโอเค ชั้นจะรับมันแม้ว่ามันเจ็บ! ใส่ทั้งหมดเข้ามาเลย!!”

เสียงที่ลามกของมาเรียล่องลอยไปอย่างหวานฉ่ำในโรงแรมคืนนั้น

◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇

—————————————————————

ชื่อ: เอเกอร์

—————————————————————

อาชีพ: ทหารรับจ้างอิสระ

—————————————————————

เงิน: 64 ทอง 45 เงิน (ทองแดงไม่นับ)

—————————————————————

อาวุธ: บัลดิชใหญ่, มีดเหล็ก × 2

—————————————————————

ชุดเกราะ: เกราะหนังสูง, ถุงมือหนังสูง, บูทหนังสูง, โล่หนังสูงและโซ่, ผ้าคลุมสีดำ(ต้องสาป)

—————————————————————

พวกพ้อง: มิเรล (นักดาบ), คาร์ล่า (นักล่า), ชวาร์ซ (ม้า), รู (โลลิ)

—————————————————————

จำนวนคู่นอน: 3

—————————————————————

สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่

067-3-63958-5

กสิกรไทย

แปลโดย: wayuwayu

ติดตามได้ที่ดิสคอทส่งข้อความมาขอได้ที่ facebook: “wayuwayu แปล”

pdfไว้อ่านตอนกลางคืน สปอนเซอร์ตอน จองตอน หารได้ ได้ทั้ง facebook และ discord