บทที่ 1 กลิ่นดอกไม้

ประเทศ S เมืองโบราณหนิงซี

ช่วงกลางดึก

ทั้งเมือง ไร้ซึ่งความเร่งรีบและความคึกคักของช่วงกลางวันไปหมดสิ้น กลับแทนที่ด้วยความเงียบและความสงบ

ณ โฮมสเตย์หลังหนึ่งที่ตกแต่งดูแปลกตา เจียงหยุนเอ๋อนอนอยู่บนเตียง พลิกไปพลิกมา จนดึกดื่นก็ยังนอนไม่หลับ

คืนนี้ เธอพักอยู่ในห้องแคบๆ ร่วมกับคนแปลกหน้าอีกคนหนึ่ง

เหตุเพราะว่า……

เป็นเพราะช่วงฤดูนี้ ถือเป็นฤดูท่องเที่ยวพอดี โฮมสเตย์อีกสิบกว่าหลังที่อยู่ใกล้เคียงก็มีคนพักเต็มหมด วันนี้ตอนที่เธอมาถึง ก็มีห้องเหลืออยู่เพียงห้องเดียว อีกทั้งพอดีกับว่าเพิ่งจะมีแขกที่เข้ามาพักเร็วกว่าเธอแค่เพียงก้าวเดียวเท่านั้น

ตอนนี้ ท้องฟ้ามืดหมดแล้ว ถ้าออกไป ก็คงจะหาที่พักได้ยาก อีกทั้งเจ้าของโฮมสเตย์ก็ยื่นข้อเสนอว่า: ให้เธอและแขกที่เพิ่งมาพักด้วยกันหนึ่งคืน

ตอนนั้น เจียงหยุนเอ๋อยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก จึงตอบตกลงไป

จนถึงตอนนี้ เธอเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า ลืมถามไปว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง

เธอจึงอดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายใจ จึงคิดในใจว่า “แล้วถ้าเป็นผู้ชายจะทำยังไงดีล่ะ?”

“ถ้าเขาเกิดคิดมิดีมิร้ายขึ้นมา จะทำยังไงดี?”

ถึงแม้ว่าระหว่างคนทั้งสองคนจะมีผ้าม่านที่ทั้งหนาทั้งหนักกั้นกลางอยู่ แต่จริงๆแล้วก็ใช้การอะไรไม่ได้เลย

ในขณะที่เจียงหยุนเอ๋อกำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่นั้น ก็มีเสียง ‘กุกกุกกักกัก’ ดังขึ้นมาจากคนที่อยู่ถัดกัน

เธอมีท่าทีที่จริงจัง แล้วก็หูผึ่ง ดูเหมือนว่าเสียงที่ได้ยินคือเสียงของคนที่อยู่ถัดกันนั้นกำลังถอดเสื้อผ้า

นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า มือทั้งสองข้างดึงมุมผ้าห่มไว้แน่น ดวงตาเบิกโพลง และไม่ละสายตาไปจากม่านกันหนาๆนั้น เพราะกลัวว่าจะมีคนบุกเข้ามา

แต่ดูเหมือนจะชัดเจนแล้วว่า เจียงหยุนเอ๋อคิดมากเกินไป

เมื่อคนที่อยู่ถัดกันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ปิดไฟ และนอนหลับ

ไม่นานก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่สงบ

เจียงหยุนเอ๋อถอนหายใจแรงๆหนึ่งครั้ง แล้วหัวเราะตัวเองที่มัวแต่สงสัยนู่นนี่

อาจจะเป็นเพราะความเหนื่อย หรืออาจจะเป็นเพราะเส้นประสาทตึงเครียดจนควรได้รับการผ่อนคลาย ทำให้รู้สึกง่วงนอนอย่างรวดเร็ว เจียงหยุนเอ๋อหลับตาลง แล้วก็หลับไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ในขณะที่กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น ทันใดนั้นเธอก็ได้กลิ่นหอมแปลกๆลอยมา

ดูเหมือนจะเป็นกลิ่นดอกไม้ และก็ดูเหมือนเป็นกลิ่นไม้จันทน์ มีกลิ่นไม้แปลกๆแฝงอยู่ ดูแล้วไม่รู้สึกแสบจมูก แต่เหมือนกับเป็นหมอกจางๆในยามดึก ที่เต็มไปด้วยความพร่าเลือนและความลึกลับ

ในตอนแรกเจียงหยุนเอ๋อไม่ได้รู้สึกสนใจอะไร เพียงแค่คิดว่าเป็นกลิ่นที่ลอยมาในความฝัน เช่นนี้ก็ยิ่งทำให้หลับสนิทขึ้น

แต่เมื่อผ่านไปสักพัก เธอจึงเริ่มนึกขึ้นได้ว่าน่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล

อุณหภูมิร่างกายของเธอสูงขึ้น ทั้งตัวรู้สึกร้อนเหมือนโดนใครจับไปย่างบนไฟ

“ร้อน ร้อนจริงๆ……”

เจียงหยุนเอ๋อตั้งสติแล้วลืมตาขึ้น จึงตระหนักได้ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น

กลิ่นหอมนี้……ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคย?

ดูเหมือนว่าจะคล้ายคลึงอย่างมาก กับคำเล่าลือที่เธอได้ยินมาในตอนกลางวัน

ว่ากันว่าเมืองโบราณหนิงซี มีดอกไม้อยู่หนึ่งชนิด ซึ่งมักจะเบ่งบานในตอนกลางคืน ทุกครั้งที่เบ่งบาน จะมีชายหญิงคู่หนึ่งได้อยู่ร่วมกันตลอดชีวิต

การมีอยู่ของดอกไม้ชนิดนี้ ถือว่าเป็นพยานของความรักที่สวยงาม ดังนั้นคนในเมืองจึงเรียกดอกไม้ชนิดนี้ว่าดอกไม้แห่งรักนิรันดร์

อีกทั้งกลิ่นหอมของดอกไม้ชนิดนี้ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งก็คือมันมีประโยชน์ในเรื่องของการช่วยกระตุ้นความต้องการทางเพศได้

ในตอนกลางวันที่เจียงหยุนเอ๋อได้ยินคำเล่าลือนี้ ยังรู้สึกขำ และคิดว่าคำเล่าลือนี้เชื่อถือไม่ได้

แต่ตอนนี้ เธอเชื่อแล้ว

เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตัวเองเริ่มขาดสติ ทั้งตัวอ่อนปวกเปียกไปหมด อุณหภูมิของร่างกายก็ยิ่งสูงขึ้น ในใจรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่ช่างลึกลับ เหมือนต้องการอะไรบางอย่างมาเติมเต็ม

และตอนนี้เอง เจียงหยุนเอ๋อได้ยินเสียงฝีเท้าที่หนักของคนที่นอนถัดกันดังขึ้นมา

เธอรู้สึกใจสั่น แล้วจึงหันไปมองตามสัญชาตญาณ

ในความมืด เห็นเพียงแค่ม่านที่กั้นห้องให้เป็นสองฝั่งถูกยกออก แล้วก็มีเงาดำรูปร่างสูงเดินซวนเซเข้ามา

เจียงหยุนเอ๋อเห็นท่าไม่ดีจึงลุกขึ้น แต่กลับรู้สึกเวียนหัว และไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้

ตอนนี้เอง ผู้ชายเริ่มก้าวเดินมาข้างหน้า จนกระทั่งเดินมาถึงตัวเจียงหยุนเอ๋อ

เขาเกาะเตียงไว้ ส่งเสียงหอบที่ดัง เหมือนกับว่าหายใจลำบาก

เจียงหยุนเอ๋อยิ่งรู้สึกว่าหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

คนคนนี้……เกรงว่าจะได้กลิ่นหอมของดอกไม้เช่นเดียวกัน จึงทำให้ไม่มีสติ

ทั้งคืน เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกเหมือนตัวเองลอยขึ้นลงอยู่ในทะเลเมฆ และพลิ้วไหวอยู่ในสายลม

จนในที่สุด ก็รู้สึกเหมือนทั้งตัวสิ้นสติไปโดยสิ้นเชิง

กลางคืนยิ่งมืดลง

จนกระทั่งฟ้าสาง……

มีเสียงเครื่องจักรดังก้องขึ้นอยู่ด้านนอกโฮมสเตย์

เห็นเพียงเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งบินลอยอยู่บนอากาศ มีใบพัดที่ใหญ่ ซึ่งนี่เองที่พัดแล้วทำให้เกิดเสียงดัง

เจียงหยุนเอ๋อยังคงไม่เคลื่อนไหว และไม่มีการตอบสนองเลยแม้แต่น้อย

มีเพียงผู้ชายที่นอนอยู่ข้างๆ ที่ลืมตาอย่างรวดเร็ว และตื่นขึ้น

เขาลุกขึ้นจากเตียง เหมือนจะลืมว่าเกิดอะไรขึ้น ในสมองว่างเปล่า แล้วลุกขึ้นมาแต่งตัวอย่างเงียบๆ หลังจากนั้น ไม่เพียงแต่จะหันไปมองเจียงหยุนเอ๋อที่นอนอยู่บนเตียงด้วยซ้ำ แล้วก็เดินโซเซออกไปจากโฮมสเตย์ และขึ้นเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นไป