ตอนที่ 14 ถ้ารวยแล้วอย่าลืมกันนะ

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature )

ตอนที่ 14 – ถ้ารวยแล้วอย่าลืมกันนะ

หนานเกิงเฉินมองชิ่งเฉิน ตะลึงไปครึ่งค่อนวัน “พี่ใหญ่ ฉันเนี่ยคือจะหาอาตำรวจในสถานีตำรวจมาช่วย อย่างอาเขาที่ถูกจับไปอย่างนี้เนี่ยช่วยอะไรไม่ได้ปะ”

“งั้นก็ไม่มีทางแล้ว” ชิ่งเฉินส่ายหน้า เขาถามไปอีกขั้นว่า “นายเจอกับเรื่องประหลาดมากเลยเหรอ สรุปแล้วเป็นเรื่องอะไร”

“เปล่า ๆ” หนานเกิงเฉินปิดปากสนิทไม่บอกเรื่องนี้

ชิ่งเฉินไม่พูดอีก

เรื่องประเภทนี้อีกฝ่ายไม่เต็มใจจะพูด งั้นตนเองก็ได้แต่ทำเป็นไม่รู้เรื่อง

แต่ในใจเขามีการคาดเดาอันเลือนรางว่าเรื่องประหลาดของหนานเกิงเฉิน…..จะเป็นว่าบนท้องแขนก็ปรากฏเลขนับถอยหลังขึ้นมาใช่หรือไม่

แต่เลขนับถอยหลังคนอื่นมองไม่เห็น ดังนั้นชิ่งเฉินก็ได้แต่อาศัยการคาดเดา

เลขนับถอยหลังทะลุมิติครั้งแรกของตนเองปรากฏขึ้นเมื่อวานตอน 6 โมงเย็น ตอนนั้นเขาโดดเรียนไปแล้ว ไม่ได้ติวหนังสือรอบเย็น ตอนเที่ยงคืนก็ทำการทะลุมิติครั้งที่หนึ่ง

ถ้าบนแขนหนานเกิงเฉินก็ปรากฏเลขนับถอยหลังขึ้นมาจริง ๆ งั้นจะปรากฏขึ้นมาเมื่อไหร่กันล่ะ

ชิ่งเฉินคิดในใจว่า หนานเกิงเฉินคนนี้ผอมแห้งตัวเล็ก ดูแวบแรกก็ท่าทางอ่อนแอจนต้านแรงลมไม่อยู่ ถ้าทะลุมิติไปโลกนั้นจริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถเอาชีวิตรอดได้หรือไม่

ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนยังไม่เลว ก็ไม่ใช่เพราะว่าทั้งสองคนนิสัยเข้ากันได้ดีมากมายอะไร ทว่าพ่อของทั้งสองคนล้วนเล่นไพ่ ติดพนัน สภาพครอบครัวของแต่ละฝ่ายล้วนไม่ค่อยจะดี

หลังจากคุยกันถึงเรื่องนี้โดยบังเอิญ เด็กหนุ่มทั้งสองกลายเป็นมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันขึ้นมาเพราะเหตุนี้

ในเวลานั้นเอง ในห้องเรียนจู่ ๆ ก็มีนักเรียนที่กำลังเล่นโทรศัพท์มือถือร้องอุทานขึ้นมาว่า “แม่งเอ๊ย!”

ยังไม่ถึงเวลาเข้าเรียน ทั้งห้อง 3 ของมัธยมปลายปีสองมีนักเรียนเพียงสิบกว่าคนอยู่ในห้องเรียน ทุกคนหันสายตาไป “ร้องอะไร”

“พวกนายรีบดูฮอตเสิร์ช เจคอบเปิดแถลงข่าวใหม่ บอกว่าเขาทะลุมิติไปโลกอารยธรรมจักรกล ที่ฮอตเสิร์ชมีคลิปเต็มของงานแถลงข่าวของเขา” นักเรียนที่ร้องอุทานออกมาคนนั้นกล่าว

เจคอบ สัญชาติอเมริกา หนึ่งในดาววงการบาสเกตบอลที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโลก แฟนคลับเยอะมาก

นักเรียนในห้องได้ยินคำพูดนี้แล้วก็เปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูฮอตเสิร์ชทันที ทุก ๆ คนล้วนงงงัน

มีแค่ชิ่งเฉินที่อึ้งอยู่กับที่ เพราะเขารู้ว่าทะลุมิติกับอารยธรรมจักรกลที่พูดถึงนั่นเป็นเรื่องอย่างไร!

แต่ว่า ก่อนหน้านี้เขายังคิดไม่ถึงจริง ๆ ที่แท้ต่างประเทศก็มีคนที่ประสบกับเรื่องการทะลุมิติและนับถอยหลังนี่ด้วย

หนานเกิงเฉินเปิดคลิปขึ้นมาแล้ว ชิ่งเฉินมองไป

ในคลิปเจคอบนั่งอยู่หลังโต๊ะ เผชิญหน้ากับนักข่าวทุกคนที่เขาเชิญมาเฉพาะกิจ ในเหตุการณ์แสงเฟลชวูบวาบอย่างแน่นขนัด ทำให้คนตาพร่าลายอยู่บ้าง

แต่คนที่ดูคลิปทุกคนมองแวบแรกก็จะเห็นแขนซ้ายของเจคอบ เพราะว่าแขนซ้ายข้างนี้กลายเป็นแขนจักรกลทั้งหมด

ในคลิป เจคอบลุกขึ้นพาทุกคนไปยังสนามบาสเกตบอล จากนั้นใช้มือซ้ายโยนลูกบาสเกตบอลเข้าห่วงอย่างง่ายดายข้ามทั้งสนามบาสเกตบอล ทำรวดเดียวสิบลูกก็เป็นอย่างนั้น

“นี่คือสเปเชี่ยลเอฟเฟคเหรอ” หนานเกิงเฉินพึมพำ “เป็นโฆษณาแล้วทำสเปเชี่ยลเอฟเฟครึเปล่า ”

ชิ่งเฉินไม่พูด

คลิปมีคนดูดกลับมาจากต่างประเทศ ยังเติมซับไตเติลภาษาจีนไว้บนคลิปด้วย

ในคลิป เจคอบพูดกับนักข่าวว่า “เมื่อคืนผมได้พบว่าบนแขนของตัวเองปรากฏเลขนับถอยหลังขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย ตอนที่เวลานับถอยหลังสิ้นสุดลงผมดันทะลุมิติไปโลกอารยธรรมจักรกลที่แปลกประหลาดแห่งหนึ่ง ที่นั่นก็เป็นโลกมนุษย์ มีพระอาทิตย์มีพระจันทร์ แต่เหมือนจะเป็นมิติคู่ขนาน ความก้าวหน้าของอารยธรรมกับของโลกเราไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง”

โจคอบยกแขนซ้ายของตนเองขึ้นมา “ผมทะลุมิติไปก็ได้ครอบครองแขนนี้แล้ว เหมือนกับว่าผมไปแทนที่คนสักคนที่ฝั่งนั้น กลายเป็นตัวเองคนใหม่ ผมก็ไม่รู้ชัด ๆ ว่ามันมีหลักการอะไร แต่พลังของมันไปไกลยิ่งกว่าจินตนาการของผม แถมคล่องแคล่วและแม่นยำเป็นพิเศษเลย”

“ส่วนสาเหตุที่ผมเรียกแถลงข่าวใหม่ก็ไม่ได้ต้องการจะอวดกับทุกท่านเลย โลกนั้นก็ไม่ได้สวยงามอย่างที่จินตนาการเลย แต่กลับอันตรายอย่างยิ่งยวด ผมมาแถลงข่าวที่นี่ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้แอบถูกเอาตัวไปวิจัย ผมขอประกาศตรงนี้เลยนะว่าผมปฏิเสธที่จะกลายเป็นตัวทดลองงานวิจัย ถ้าเกิดมีวันหนึ่งผมหายตัวไป ได้โปรดเถอะทุกท่าน…..”

ชิ่งเฉินดูถึงตรงนี้ก็เข้าใจในทันที เจคอบเป็นบุคคลสาธารณะ ดังนั้นการที่บนตัวของตนเองมีอวัยวะจักรกลจึงปิดเอาไว้ไม่อยู่เลย

อีกฝ่ายก็ทราบชัดมากว่าเทคโนโลยีของโลกนั้นมันเหนือกว่าสมัยนี้ไปไกล ดังนั้นเกิดกลัวว่าตัวเองจะถูกเอาไปวิจัยกลายเป็นหนูทดลอง ก็เลยเลือกหนทางที่สุดโต่งยิ่งกว่าขึ้นมา

นี่ไม่แน่ว่าจะเป็นหนทางที่ดี ก็อาจจะเป็นได้ว่าอีกฝ่ายค่อนข้างกระวนกระวาย ดังนั้นทำการตัดสินใจอย่างรีบร้อนออกมาแบบนี้

ชิ่งเฉินมองไปทางหนานเกิงเฉิน ขณะนี้เพื่อนร่วมโต๊ะที่ผอมแห้งตัวเล็กแข็งทื่อเป็นไก่ไม้ไปแล้ว

ส่วนชิ่งเฉินกำลังคิดว่า ตนเองไม่สามารถเอามีดเลาะกระดูกไป แล้วก็ไม่สามารถเอาแปรงสีฟันกลับมา ดูท่าทางเดียวหากคิดจะเอาสิ่งของมาจากฝั่งนั้นก็คือการเปลี่ยนร่างตัวเองหรือว่าซ่อนเอาไว้ในร่างกายเหรอ

ก็ไม่รู้ว่าเจคอบทะลุมิติไปแล้วปรากฏตัวขึ้นที่ไหน ที่อีกซีกมหาสมุทรเหรอ

ขณะนี้นักเรียนทุกคนในห้องเรียนล้วนตกอยู่ในความตะลึงงันและเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทุกคนยากแม้แต่จะประเมินว่าฮอตเสิร์ชอันนี้สรุปแล้วเป็นของจริงหรือว่าสเปเชี่ยลเอฟเฟค

แต่ทว่ายังไม่รอให้ทุกคนได้สติกลับคืนมา รายการฮอตเสิร์ชจู่ ๆ ก็มีเหตุการณ์ประหลาดหลายอันพุ่งไต่อันดับอีกแล้ว

“ผู้บริหารบริษัทไอทีคนหนึ่งถูกพบว่าตายอยู่ในบ้าน บนร่างจู่ ๆ ก็ปรากฏเครื่องจักรกลอันปราณีต คล้ายคลึงกับเจคอบอย่างยิ่ง”

“นักศึกษามหาวิทยาลัยคนหนึ่งอ้างว่าตนเองก็ทะลุมิติไปต่างโลก ที่นั่นไม่แค่มีอารยธรรมจักรกล ยังมีผู้เหนือมนุษย์ที่เหนือว่าคนทั่วไปด้วย”

“นักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งอ้างว่าตนเองไม่ใช่แค่ทะลุไปต่างโลก ยังได้รับสกิลอเวคด้วย”

ชิ่งเฉินขมวดคิ้วมองดู ข่าวเป็นชุดนี้มาเร็วยิ่งกว่าในจินตนาการของเขา ไม่ใช่ว่าทุกคนล้วนสามารถจะรอบคอบได้อย่างเขา

ข่าวที่ยิ่งมายิ่งมากล้วนประกาศแก่คนทั้งโลกว่า : นี่ไม่ใช่สเปเชี่ยลเอฟเฟค แล้วก็ไม่ใช่โฆษณาวงกว้าง ทว่าเป็นสิ่งที่มีตัวตนจริง ๆ

มีคนทะลุไปยังโลกที่ไม่รู้จักและเต็มไปด้วยความแฟนตาซีนั้นจริง ๆ

อีกอย่าง ผู้ทะลุมิติไม่ได้มีจำนวนน้อยเลยด้วย

หนานเกิงเฉินที่ข้างตัวเขาพึมพำว่า “ผู้เหนือมนุษย์ อารยธรรมจักรกล…. งั้นทะลุไปแล้วก็มีโอกาสจะกลายเป็นผู้เหนือมนุษย์ใช่รึเปล่า”

มีนักเรียนถามว่า “ฉันเห็นว่าความน่าจะเป็นในการทะลุมิติไม่ได้น้อยเลยนะ ในโรงเรียนพวกเราก็จะมีนักเรียนที่ทะลุมิติด้วยรึเปล่า”

“ก็อาจจะมีคนที่เอาอวัยวะจักรกลมาเรียนนะ…..”

“ฉันก็อยากทะลุมิติ…..”

นักเรียนในห้องเรียนยิ่งมายิ่งมาก ทุกครั้งตอนที่มีคนเข้าใกล้ห้องเรียน ทุกคนล้นจะกวาดสายตาออกไป ดูว่าอีกฝ่ายมีอวัยวะจักรกลหรือเปล่า

ต้องทราบว่าพวกเขาก็แค่อายุสิบเจ็ดสิบแปด กำลังเป็นวัยที่อยากรู้อยากเห็นและปรารถนาจะสำรวจ ความถือดีแกร่งที่สุด ผู้ใหญ่อาจจะตรวจสอบว่าอันตรายและโอกาสมีเท่าเทียมกันหรือไม่ แต่คนหนุ่มสาวจะคาดหวังกันมากกว่า

ตอนที่คุณดูแฮรี่ พอตเตอร์ก็หวังว่าตนเองก็สามารถทะลุสถานีคิงครอส ตอนอ่านนิยายก็ปรารถนาให้ตนเองก็สามารถได้รับความสนใจจากเซียน

แต่โลกความเป็นจริงคือ ในสถานกาณ์รปกติคนที่พบกับคุณล้วนไม่ใช่เซียน ทว่าเป็นเซียนเก๊

ดังนั้นเมื่อทุกคนค้นพบว่าหลังทะลุมิติไปแล้วสามารถกลายเป็นไม่เหมือนกับทุก ๆ คน งั้นพวกเขาก็จะกรองข่าวอันตรายบางอย่างออกไป จากนั้นคาดหวังว่าตนเองก็จะเป็นหนึ่งในผู้ทะลุมิติ

ตัวเอกของโลก ฟังดูชวนล่อใจมากเลย

ชิ่งเฉินก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้น

เพียงแต่ไม่เหมือนกันอยู่หน่อย ชิ่งเฉินทะลุมิติไปจริง ๆ แถมได้เจอพวกเหนือมนุษย์หลุดพ้นทางโลกในตำนานเหล่านั้นจริง ๆ หลินเสี่ยวเสี้ยว, หลี่ซูถง

เยี่ยหว่านก็น่าจะใช่

อย่างช้า ๆ ชิ่งเฉินพบว่าสีหน้าแตกตื่นของหนานเกิงเฉินจางหายไป กลับกลายเป็นค่อย ๆ ตื่นเต้นคึกคักขึ้นมา

ชิ่งเฉินถามอย่างไม่ใส่ใจว่า “เรื่องประหลาดที่นายเพิ่งพูดเมื่อกี้ก็คืออันนี้เหรอ”

หนานเกิงเฉินลดน้ำเสียงลงต่ำ “ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกนายได้ แต่นายวางใจเหอะ ถ้าฉันสามารถได้รับวาสนาอะไรจะต้องไม่ลืมพี่น้องอย่างนายแน่”

ชิ่งเฉินพยักหน้า “อืม ๆ ถ้ารวยแล้วอย่าลืมกันนะ”

…………………………………..

สกิลอเวค (awaken skill/awaken ability) คำนี้ตอนแรกเราตั้งใจจะแปลเป็นความสามารถตื่นรู้ หรืออะไรประมาณนี้ แต่ว่าในเรื่องนี้ ‘ต่างโลก’ มีความเป็นเกมอยู่เยอะพอสมควร (ความหมายของประโยคนี้อีกไม่นานทุกคนจะเข้าใจค่ะ) ดังนั้นเราจึงตัดสินใจแปลเป็นทับศัพท์ภาษาอังกฤษแบบที่มักจะเห็นในเกมออนไลน์ต่าง ๆ (ตัวละครอเวค สกิลอเวค ฯลฯ) ซึ่งเราก็พยายามหาอยู่ว่ามีเกมไหนบ้างไหมที่ใช้คำพวกนี้ในภาษาอังกฤษแล้วพอมาถึงวงการเกมคนไทยใช้คำภาษาไทยอะไรสักอย่าง แต่ไม่เจอเลยค่ะ ทุกคนก็เรียกมันว่าตัวอเวคกันหมด…..

ผู้เหนือมนุษย์ (extraordinary) นี่เป็นอีกคำที่เราลังเลอยู่นานว่าจะใช้อะไรดี จะใช้ผู้มีพลังพิเศษก็ดูจะธรรมดาไป จะใช้ยอดมนุษย์มันก็มาร์เวลไปหน่อยไหม คิดไปคิดมาก็มาตกที่ผู้เหนือมนุษย์เนี่ยแหละ ยังไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แต่ก็นึกได้เท่านี้ค่ะ ผู้เหนือมนุษย์นี่อารมณ์ประมาณ X-men นะคะ

เปิดตัวหนานเกิงเฉิน นี่เป็นหนึ่งในตัวโจ๊กของเรื่องเลยค่ะ 555

ตอนที่ 15 – เมฆดำปกคลุม