บทที่ 8 แก้แค้นให้ภรรยา

“เสี่ยวชุ่ย เสี่ยวชุ่ย! เจ้าต้องพาข้าหนี!” หลี่ต้าจู้ถลาเข้ามาหาเฉินเสี่ยวชุ่ยทันทีที่ผ่านพ้นประตูบ้านมา ก่อนถูกสตรีวัยกลางคนร่างท้วมคว้าเเขนเขาไว้

“ต้าจู้ เจ้าเป็นอะไรไป ทำไมแตกตื่นเช่นนี้? หนีภูติผีตัวไหนมาหรือ?” หญิงวัยกลางคนผู้นี้คือแม่ของเฉินเสี่ยวชุ่ย นามว่า หลี่ชุนฮวา ต้าจู้ตัวสั่นเทาสีหน้าตื่นตระหนก

“น่ากลัวกว่าผี!” ชายอ้วนหลบซ่อนตัวอยู่ในกอหญ้า เขาเห็นเว่ยฉิงเดือดดาลด้วยความโกรธ ชายหนุ่มถีบประตูบ้านเขาอย่างแรง ว่ากันว่าคนซื่อตรงมักจะไม่กลัวตาย ถ้าคนที่กลัวตายก็ยอมศิโรราบต่อทุกสิ่ง แต่ไม่ใช่กับเว่ยฉิง!

วันนี้เขาได้ยั่วโทสะเทพเจ้าแห่งความตายเข้าแล้ว

“ป้ารอง! หากวันนี้ท่านไม่อยากให้ครอบครัวพังพินาศไปกับข้า ท่านต้องช่วยข้า! หากเว่ยฉิงมาที่นี่บอกเขาไปว่าข้าไม่อยู่!!” หลี่ต้าจู้ว่าแล้วก็มุดเข้าไปแอบอยู่ใต้เตียง

“เหตุใดเจ้าจึงชอบสร้างปัญหาได้ทุกวัน! จะให้ข้าอกแตกตายหรืออย่างไร!” หลี่ชุนฮวารู้สึกสิ้นหวัง อดไม่ได้ที่จะทุบต้นขาตัวเองระบายความอัดอั้น หญิงกลางคนไม่ทันได้สังเกตใบหน้าของลูกสาวแม้แต่น้อย เฉินเสี่ยวชุ่ยมีริ้วรอยกังวลใจฉายอยู่บนใบหน้า

ในไม่ช้าเว่ยฉิงก็มาถึงบ้านของหลี่ชุนฮวา หัวหน้าครอบครัวหลี่คือ หลี่ชุนหัว สามีของนาง บ้านตระกูลหลี่อยู่กันเป็นเป็นครอบครัวใหญ่ เป็นตระกูลที่มีหน้ามีตาในหมู่บ้าน ตระกูลนี้ทำกิจการและมีเงินเข้ามาไม่ขาดสาย บ้านตระกูลหลี่ถูกสร้างขึ้นอย่างดี มีลานกว้างรอบบ้าน มีไม้ฟืนกองสูงท่วมหัว ไหนจะบรรดาเนื้อตากแห้งที่แขวนตากไว้ที่ผนัง แต่ตอนนี้ประตูกลับลงกลอนปิดไว้อย่างแน่นหนา

เว่ยฉิงเหลือบมองไปที่ประตูแล้วยกขาข้างหนึ่งเตะอย่างแรง ทันทีที่บานประตูเปิดออก บ้านที่ดูเงียบเชียบก็มีเสียงเอะอะโวยวายขึ้นทันที

“ให้ตายสิ! เว่ยฉิง!เจ้ามาเตะประตูบ้านคนอื่นแบบนี้ได้อย่างไร? ! ข้าหัวใจจะวายอยู่แล้ว!” หลี่ชุนฮวาหวีดร้อง

“หลี่ต้าจู้อยู่ไหน?” เว่ยฉิงถาม

“เจ้าพังประตูบ้านข้า! จ่ายค่าเสียหายมาเดี๋ยวนี้เลย!” หลี่ชุนฮวาเจ้าเล่ห์มาก นางถลาไปฉุดดึงเสื้อของเว่ยฉิงไว้ แต่ยังไม่ทันได้แตะแม้แต่ชายเสื้อ นางก็โดนชายหนุ่มผลักออกไปให้พ้นทาง หลี่ชุนฮวาลุกขึ้นตั้งท่าจะเข้าไปขัดขวางเว่ยฉิงอีกครั้ง แต่เมื่ออีกฝ่ายยกเท้าขึ้นขู่ หลี่ชุนฮวาได้แต่ถอยหลังหนีด้วยความขลาดกลัว

เว่ยฉิงไล่เปิดประตูออกทีละบ้าน เขาพบกับหลี่ต้าจู้ที่นอนขดอยู่ใต้เตียง ถึงแม้หลี่ต้าจู้จะรูปร่างอ้วนน้ำหนักมาก แต่เว่ยฉิงก็ลากออกมาได้เหมือนหมูตัวหนึ่ง ชายหนุ่มเตะอัดหลี่ต้าจู้จนอีกฝ่ายส่งเสียงร้องโอดครวญราวกับหมูโดนเชือด

……

“ไม่อยากเชื่อสายตาเลย เจ้าเว่ยฉิงโหดร้ายจริง ๆ ขนาดหลี่ต้าจู้กอดขาอ้อนวอนขอความเมตตาแล้วนะ”

“เว่ยฉิงลากเจ้านั้นไปที่แม่น้ำแล้วกดหัวหวังให้จมน้ำตาย แถมยังเอาก้อนหินทุบแล้วทุบอีก!”

“หลี่ต้าจู่เหมือนคนตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง! ดีที่ผู้ใหญ่บ้านมาแล้วขอให้เขาหยุด”

“หลี่ต้าจู้มันเป็นอันธพาลรังแกคนอ่อนแอ สมควรแล้ว ข้ารู้สึกสะใจเสียจริง!”

“หลี่ต้าจู้บอกว่าเฉินเสี่ยวชุ่ยมาขวางไว้ หมัดของเว่ยฉิงเกือบโดนนาง นางตกใจถึงกับล้มพบไปเลย”

“เฉินเสี่ยวชุ่ยอ่อนแอถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”

เว่ยฉิงเปิดประตูห้องเข้ามา ชายหนุ่มเห็นฉากนี้เข้าทันที

ป้าหวังกำลังเล่าวีรกรรมของเว่ยฉิงให้ถังหลี่ฟัง นางนั่งฟังด้วยสีหน้าที่เผือดซีดด้วยความตกใจอยู่บนเตียง

นางจะหวาดกลัวข้าหรือไม่นะ..

ต่อให้หลี่ต้าจู้เกลียดชังเขาสักเพียงไร เขาก็คิดว่ามันยังไม่สาสมกับสิ่งที่มันทำกับภรรยาของเขา แต่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาผู้นี้เป็นคนมีจิตใจดี เมื่อนางได้ยินเรื่องราวที่เขาไปไล่ทุบตีคน…นางจะมองว่าเขาเป็นพวกอันธพาลหรือเปล่านะ ?

เว่ยฉิงไม่อยากให้ภรรยามองว่าเขาเป็นอันธพาล!

เมื่อป้าหวังจากไปเว่ยฉิงจึงเดินไปที่ด้านหลังของถังหลี่และเอ่ยคำพูดอย่างแผ่วเบา

“ข้าจัดการเจ้าหลี่ต้าจู้แล้ว มันดูโหดร้ายไปหรือไม่?”

“นิดหน่อย” ถังหลี่เอียงศีรษะขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง เว่ยฉิงเม้มริมฝีปาก เขารู้สึกไม่ค่อยดีเลย เขาคิดว่าควรแก้ต่างไปสักเล็กน้อยจะดีไหม? ที่จริงเขายังไม่ได้ฆ่าไอ้ลูกหมานั้นเสียหน่อย

“สามี ข้าเจ็บขา” เสียงของถังหลี่ดังขึ้นอย่างออดอ้อน เว่ยฉิงสำลักไออย่างรุนแรงพร้อมกลั้นยิ้มด้วยความขบขัน … ภรรยาของเขาช่างมีอารมณ์หลากหลายจริง ๆ เขาเดาใจนางไม่ถูกเลย

ถังหลี่ถูกสอนให้พึ่งพาตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเรื่องราวทุกอย่าง นางจึงจัดการด้วยตัวเองเสมอ จนเห็นเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว ครั้นถูกรังแกโดยอันธพาลผู้นั้น เดิมทีนางกำลังคิดหาวิธีแก้แค้นอยู่แต่ไม่คาดคิดว่าจะเสียเปล่า เพราะเว่ยฉิงช่วยล้างแค้นให้นางแล้ว!

ความรู้สึกของการถูกปกป้องโดยใครสักคนมันช่างน่าทึ่งมาก..นี่คงเป็นความรู้สึกที่มีใครหนุนหลังให้ท้ายสินะ ! แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทำให้ถังหลี่ตระหนักถึงความสำคัญของการฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง ก่อนจะเข้ามาอยู่ในนิยายเรื่องนี้ ตามกฎของสวรรค์เบื้องบนย่อมไม่ประทานพรใดๆ ให้มนุษย์มีพลังพิเศษอยู่แล้ว ดังนั้น หลังจากถังหลี่เข้าไปใช้ชีวิตในตัวเมือง หญิงสาวจึงได้เริ่มเรียนรู้วิชาศิลปะการต่อสู้

ถังหลี่มีพื้นฐานอยู่บ้าง หากแต่ร่างกายนี้อ่อนแอเกินไป ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น

ในเวลาต่อมาถังหลี่จึงเริ่มออกกำลังกายและมีเจ้าก้อนแป้งทั้งสามคอยเดินตามเป็นพรวนราวกับลูกเป็ดพร้อมออกกำลังกายตามมารดาของเขา อย่างไรก็ตามทั้งสามยังเล็กมาก ฝึกฝนไปเพียงสองวัน ต้าเป่าและเอ้อร์เป่าก็ยอมแพ้ไป เหลือแต่ซานเป่าที่มีใจฮึดสู้

ซานเป่ากำหมัดเล็ก ๆ ของนาง ชกไปข้างหน้า แก้มกลมป่องของเด็กน้อยส่ายไปมาพร้อมเสียงฮึดฮัดนั้นอีก น่ารักน่าเอ็นดูมาก!

ถังหลี่จำได้ว่าในหนังสือนิยาย ซานเป่าเป็นแม่ทัพหญิงที่โหดเหี้ยม มีศิลปะการต่อสู้อยู่ในระดับสูง และขึ้นเป็นถึงระดับผู้นำในกองทัพที่แสนวุ่นวาย…ดูเหมือนว่านางจะสนใจศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก แต่ท้ายที่สุดแล้ว ชะตากรรมของบุตรสาวผู้นี้ช่างน่าเศร้านัก นางถูกทรมาน ดึงลิ้น และโดนเฉือนเนื้อออกทีละชุ่น ๆ[1] แต่ตอนนี้ถังหลี่อยู่ที่นี่แล้ว นางเป็นมารดาของซานเป่า นางจะไม่มีวันปล่อยให้เด็กน้อยต้องมีจุดจบแบบเดียวกับในหนังสือนิยายเล่มนั้นอย่างเด็ดขาด เจ้าเกี๊ยวน้อยของแม่ต้องเติบใหญ่อย่างมีความสุขและปลอดภัย!

……

วันคืนหมุนไปอย่างรวดเร็ว

ทุก ๆ วัน เว่ยฉิงจะไปทำงานในทุ่งนาหรือขึ้นภูเขา ผิวของเขาคล้ำแดด กล้ามเนื้อบนร่างกายกระชับมากขึ้น ทั้งแข็งแรงและดูสง่างาม ใบหน้าของชายหนุ่มดูคมคายสมเป็นชายชาตรี เขาดูมีเสน่ห์ทางเพศอย่างยากที่จะต้านทาน

เว่ยฉิงเดินตรงไปหาถังหลี่ เขาคว้านางมากอดไว้ หญิงสาวแทบจะจมหายไปในอ้อมแขนของเขา ชายผู้นี้สูงมากถ้าเทียบกับหนุ่ม ๆ ในชาติก่อนของนางแล้ว เขาน่าจะสูงถึงร้อยเก้าสิบห้าเซ็นติเมตรเลยทีเดียว ถังหลี่สูงเพียงแค่หน้าอกของเขาเท่านั้น ปัจจุบันถังหลี่ฝึกฝนร่างกายจนกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมแล้ว

“ภรรยา พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปซื้อของในเมืองนะ” เมื่อได้ยินว่าจะได้เข้าเมืองถังหลี่หูตาแวววาวขึ้นมาในทันที

“จริงหรือ?”

ถังหลี่อยากเข้าเมืองมานานแล้ว นางอยากเห็นบ้านเมืองในยุคโบราณแห่งนี้ หญิงสาวพูดเปรย ๆ กับเว่ยฉิงอยู่สองสามครั้งแต่เว่ยฉิงไม่เห็นด้วย ในที่สุดเขาก็สำนึกได้เสียทีว่าควรพานางไปเที่ยวบ้าง !

“ไปซื้ออาหารและเสื้อผ้า” เว่ยฉิงพูด “แต่ถนนในภูเขาถล่ม เกวียนไม่สามารถขับผ่านไปได้ ต้องเดินเท้าไป”

“ไม่เป็นไร ข้าเดินได้”

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ทั้งสองพาเด็กทั้งสามคนไปฝากไว้ที่บ้านป้าหวัง เด็กทั้งสามยืนเรียงกันตามลำดับความสูงอยู่หน้าประตูอย่างเรียบร้อย

“ท่านแม่ ข้าจะดูแลน้องเป็นอย่างดี!” ต้าเป่าพูด

“ท่านแม่ ขอให้สนุกนะขอรับ” เอ้อร์เป่าพูด

“ท่านแม่ ข้าอยากกินถังหูลู่” ส่วนนี่คือคำพูดของซานเป่าสาวน้อยคนสุดท้องของนาง

“พอมีแม่ก็ลืมพ่อเลยนะ” เว่ยฉิงพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

“นี่เจ้าอิจฉาลูกหรือ?” ถังหลี่ทุบไปที่หลังอีกฝ่าย

เว่ยฉิงจับมือหญิงสาวแล้วเดินออกจากหมู่บ้านไปด้วยกัน ผลของการฝึกฝนร่างกายของถังหลี่นั้นเป็นที่ประจักษ์ในวันนี้ ถนนบนภูเขาเส้นทางทุรกันดารไม่สะดวกนักแต่ถังหลี่เดินเร็วจนตามหลังเว่ยฉิงไปติด ๆ ชายหนุ่มมองดูด้วยความประหลาดใจ ถังหลี่อดไม่ได้ที่จะยืดอกภูมิใจ ให้เขาได้ขบขันในท่าทีของนาง

หลังจากเดินเท้านานกว่าครึ่งชั่วยามถังหลี่เริ่มหอบหายใจเล็กน้อย ใบหน้าเล็ก ๆ แดงระเรื่อ หน้าผากเนียนมีเหงื่อชื้นซึมออกมา

“เหนื่อยแล้วหรือ?” เว่ยฉิงกอดอกและยกยิ้มมุมปาก ถังหลี่จ้องเขา นางไม่เข้าใจเลย…ทำไมเขาถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เขาไม่มีแม้แค่อาการหายใจหอบเลยสักนิดเดียว !

“ข้าขี้เกียจรอเจ้า งั้นข้าไปก่อนล่ะ” เว่ยฉิงเลิกคิ้ว หญิงสาวรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล นางกำต้นหญ้าขึ้นมาหนึ่งกำมือแล้วปาใส่เว่ยฉิง

“นี่แน่ะ!”

วินาทีถัดมา แผ่นหลังกว้างก็ปรากฏขึ้นตรงด้านหน้า ชายคนนั้นนั่งยอง ๆ ต่อหน้านางแล้วตบหลังตัวเองเบา ๆ

“ขึ้นมา”

[1] ทีละชุ่น ๆ = ทีละนิ้ว ๆ