เฉินผิงอันได้ยินเสียงเรียกก็คิดจะหลบหนีทันทีเพราะไม่ต้องการอธิบายอะไร… แต่ป้าจี๋ซึ่งเป็นป้าแท้ ๆ ของเฉินเถียนเถียนคว้าร่างของเขาไว้ได้ทัน

“น้องสองฟังข้าก่อนเถิด แม้เราจะแยกบ้านกันแล้วแต่ข้าก็ยังเป็นพี่สะใภ้ของเจ้า… ตอนที่แม่ของเถียนเถียนแต่งงานกับเจ้า นางต้องขายทรัพย์สมบัติมากมายเพื่อแลกกับบ้านที่เจ้าอาศัยอยู่ในตอนนี้ หากไม่มีนางเจ้าจะสามารถมีชีวิตที่ดีเช่นนี้ได้หรือไม่?”

ป้าจี๋ไม่พอใจกับกระทำของน้องเขยมานานแล้ว แต่เมื่อก่อนเฉินเถียนเถียนยังอ่อนแอและไม่สู้คน นางจึงไม่อยากเข้าไปยุ่งเพราะกลัวว่าหลานจะเป็นอันตราย

เมื่อหลินชวนฮวาได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกไม่พอใจทันที ‘นางเรียกหญิงที่ตายไปแล้วว่าน้องสะใภ้ แล้วข้าเล่า? นางเห็นข้าเป็นใคร?’

“พี่สะใภ้พูดจาไร้สาระใดกัน? ไม่ว่านางจะเป็นลูกของใคร สุดท้ายก็ต้องแต่งงานออกไปอยู่ดี ข้าเพียงหาผู้ชายดี ๆ ให้ ดูความเกียจคร้านของนางสิ หากไม่หาผู้ชายมั่งมีนางจะอยู่รอดได้อย่างไร?”

เฉินเถียนเถียนเบ้ปาก ก่อนจะเริ่มร้องไห้เสียงดังกลางวงล้อม

“หากอยากให้ข้าแต่งงาน เหตุใดจึงไม่บอกกล่าวกับข้าดี ๆ เล่า?! แต่ส่งข้าไปเป็นนางบำเรอบนเตียงของชายอื่นโดยที่ข้าไม่รู้เรื่อง เช่นนี้แล้วยังจะบอกว่าอยากให้ข้าแต่งงานอีกหรือ? นี่มันเรียกว่าการบังคับจิตใจมากกว่า!”

ป้าจี๋เบิกตากว้างและวางตัวในฐานะป้าใหญ่ทันที “หลินชวนฮวา! เจ้ามีลูกติดตอนแต่งงานกับน้องเขยข้า เจ้าและลูกเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านน้องสะใภ้ข้า ส่งลูกชายไปเรียนด้วยเงินของนางยังไม่พอใช่หรือไม่? ตอนนี้เจ้ายังกล้าทำร้ายลูกสาวนางอีกงั้นหรือ?”

เมื่อได้ยินอย่างนี้เฉินผิงอันก้าวขาออกมาทันที แต่ที่เขายอมเผยตัวไม่ใช่เพราะโกรธหลินชวนฮวาแต่เป็นเพราะเฉินเถียนเถียนสร้างความอับอายให้กับตน!

“นังลูกไม่รักดี! ยังทำบ้านเราขายขี้หน้าไม่พออีกใช่ไหม? มีอะไรทำไมไม่พูดในบ้าน เจ้าจะออกมาโวยวายให้คนรู้ทำไม?!”

‘สวรรค์! เฉินเถียนเถียนเมื่อชาติที่แล้วทำกรรมอะไรไว้จึงต้องเกิดมามีพ่อชั่วร้ายเช่นนี้!? การขายลูกสาวให้ชายอื่นไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอกหรือ?’

“พ่อพูดอะไร ข้าเป็นลูกแท้ ๆ ของท่าน…จำไม่ได้หรือ?! เรื่องนี้เป็นการตัดสินใจของแม่ผู้เดียวใช่หรือไม่? เพราะหากพ่อรู้ พ่อจะยอมขายข้าเพื่อแลกกับอนาคตของลูกติดแม่อย่างนั้นหรือ? ทั้งที่รู้ว่าเขาอาจไม่กลับมาเลี้ยงดูท่านในอนาคต!”

จี๋ชื่อรู้ดีว่าเฉินผิงอันเป็นคนเช่นไร นางจึงได้แต่ถอนหายใจ แม้เฉินเถียนเถียนจะแข็งแกร่งขึ้นแต่ก็ยังมองพ่อของตนดีเกินไป

เฉินถียนเถียนมีหน้าตางามงดและเมื่อร้องไห้ก็น่าทะนุถนอม! เฉินผิงอันเห็นลูกสาวเป็นเช่นนั้นจึงรู้สึกเจ็บปวดในใจอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อหลินชวนฮวาเห็นเฉินผิงอันเผยความสงสารผ่านแววตาจึงรีบพุ่งเข้าไปกระซิบทันที

“ผิงอันอย่าสนใจเลย นางเป็นเพียงเครื่องมือของเรา! เฉินเฉิงเยี่ยต้องเรียนหนังสือเพื่อจะสอบเป็นขุนนางและเมื่อประสบความสำเร็จ เขาก็จะได้เป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครัวเรา!”

เมื่อเป่าหูเฉินผิงอันเสร็จ หลินชวนฮวาก็หันไปพูดกับเถียนเถียน “เถียนเถียนเจ้าก็รู้ว่าเพราะเจ้าไม่คู่ควรกับนายน้อยหลี่จึงต้องใช้วิธีนี้เพื่อได้อยู่ข้างกายเขา แค่นี้ก็ดีสำหรับเจ้าแล้ว ตอนนี้เจ้าอายุสิบหกปีแล้วต่อไปใครจะมาเอาผู้หญิงเกียจคร้านเช่นเจ้าไปเป็นเมีย?!”

เฉินเถียนเถียนร้องไห้ก่อนจะแย้งด้วยเสียงดัง “ข้าเป็นคนเกียจคร้านหรือไม่แม่รู้ดีที่สุด! งานในบ้านมีสิ่งใดที่ข้าไม่เคยทำบ้างหรือไม่? ขนาดชุดชั้นในลายดอกไม้สีแดงสดของแม่ที่ตากไว้ ข้าก็ยังเป็นคนซัก!”

นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก การให้ลูกสาวซักผ้าไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถึงขั้นให้ซักชุดชั้นในต้องเป็นคนเกียจคร้านขนาดไหนกัน?!

ทั้งยังเป็นชุดชั้นในลายดอกไม้สีแดงสด ซึ่งมีเพียงหญิงสาวที่เพิ่งแต่งงานใหม่เท่านั้นจะสวมใส่ชุดชั้นในลายนี้ แต่หลินชวนฮวาอายุสี่สิบปีแล้ว เหตุใดยังใส่ชุดชั้นในลายนี้อยู่?

หลินชวนฮวาที่ไม่ว่าจะไร้ยางอายแค่ไหนก็เริ่มหน้าแดงทันที นางทั้งโกรธและอายพลางจ้องถลึงไปยังเฉินเถียนเถียน เฉินผิงอันแสดงสีหน้าไม่ค่อยดีนักเพราะเขาไม่เข้าใจว่าเด็กสาวคนนี้กล้าพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างไร?!

“นังเด็กขี้ครอกระวังปากของเจ้าบ้าง พูดแบบนี้ออกมาได้อย่างไร? เหตุใดจึงกล้าตำหนิและประจานแม่ของตนเช่นนี้!”

เฉินเถียนเถียนตระหนักได้ว่าไม่ควรพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาจึงแสร้งเอามืออุดปากแล้วร้องไห้ต่อ

“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า… ไม่มีใครเคยสอนข้าเลย พ่อก็ออกไปทำงานทุกวัน ส่วนแม่หากไม่ตำหนิ ดุด่า หรือลงโทษข้าก็ไม่เคยพูดคุยอะไรกับข้าเลย เช่นนี้ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าโลกภายนอกควรวางกริยามารยาทอย่างไร…”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นเฉินผิงอันก็ทำตัวไม่ถูก แท้จริงแล้วทุกครั้งที่หลินชวนฮวาเฆี่ยนตีลูกสาวเขาก็อยู่ด้วยเพียงแต่ไม่สนใจ

เฉินเถียนเถียนเห็นว่าไม่มีใครไม่พูดอะไรจึงคิดว่าพวกเขาไม่เชื่อ นางจึงลุกขึ้นถลกแขนเสื้อปรากฎให้เห็นรอยแผลเต็มไปหมด

“ดูเถิด! เพราะแม่จะส่งข้าให้กับนายน้อยหลี่จึงไม่ได้ตีข้า แต่ยังมีรอยแผลเก่าเต็มไปหมด ฮือ… พ่อ ข้าเจ็บเหลือเกิน แม่ไม่ยอมให้ข้าโต้เถียงหรือฟ้องท่าน เพราะหากข้าทำเช่นนั้น แม่จะส่งให้ข้าไปแต่งงานกับคนป่า!”

“แต่… ฮือ… สาเหตุที่ข้าไม่ยอมบอกท่าน เพราะกลัวว่าจากนี้ไปข้าจะไม่ได้เห็นหน้าพ่ออีก!”

หลังจากที่เฉินเถียนเถียนพูดจบ นางก็นั่งลงร้องไห้อย่างน่าสงสาร

หลินชวนฮวารู้ว่าจะกำลังจะเดือดร้อน ต่อให้เฉินผิงอันจะไม่ยอมปล่อยให้นางต้องขายหน้า แต่หากวันนี้เฉินผิงอันโกรธเขาจะต้องมาระบายอารมณ์ที่นางเป็นแน่ หลินชวนฮวาจึงคิดแผนร้ายเพื่อรับมือกับเฉินเถียนเถียนทันที

“เถียนเถียน เหตุใดเจ้าจึงพูดเช่นนี้เล่า? เวลาลูกทำผิดและถูกตีก็นับเป็นการสั่งสอนจากแม่ มันเป็นเรื่องปกติ เจ้าจะถลกเสื้อเพื่อแสดงรอยแผลให้ผู้อื่นเห็นเช่นนี้ได้อย่างไร?!”

หลินชวนฮวาพูดพลางเดินเข้าไปใกล้เฉินเถียนเถียนด้วยสายตาข่มขู่!

ป้าจี๋เห็นดังนั้นจึงรีบดึงเฉินเถียนเถียนเข้ามาใกล้ “หลินชวนฮวา! อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยังคิดจะทำอะไรอีก? ดูสิ จิตใจของเจ้าต่ำช้ายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน เป็นแค่เมียรองกล้ามาทำร้ายลูกสาวของเมียเอกได้อย่างไร?!”

“เถียนเถียน… ไปเถิด ไปอยู่กับย่าของเจ้า! ป้ารับรองได้ว่าจะไม่ทีใครกล้าเข้ามาทำร้ายเจ้าอีก!”

เฉินเถียนเถียนโผกอดป้าจี๋ทันที แม้เรื่องราวก่อนหน้านี้จะเป็นเพียงการแสร้งทำ แต่การโอบกอดในครั้งนี้ถูกกลั่นกรองออกมาจากความรู้สึกของนางจริง ๆ

“ป้า… ข้าอยากไปหาย่าตั้งนานแล้ว แต่แม่ขังข้าไว้ในบ้านและไม่อนุญาตให้ข้าออกไปไหนเลย!”