ไม่รู้เพราะอะไร จู่ๆเอเทอร์น่าก็เกิดกลัวแล้ววิ่งหนีไปด้วยเหตุผลบางอย่าง
เอาจริงๆนะ ชั้นไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น?
ต่างจากเอลริสในเกม ชั้นไม่ได้รังแกใครเลย ถึงกับช่วยเธอไว้ในเหตุการณ์กับฟาร่าด้วยซ้ำ
ค่าความชอบมันควรจะเพิ่มขึ้นสิ ทำไมถึงลดลงแทนล่ะเนี่ย
ถ้าลองคิดเหตุผลดูดีๆล่ะก็ อาจจะมีบ้างก็ได้
สมมติว่าเธอรู้ตัวเรื่องที่ชั้นจ้องเธอด้วยสายตาที่หื่นกระหายแบบสุดขั้ว เธออาจจะคิดว่า “ยี้ น่าขยะแขยง” แล้วหนีไปก็ได้
ถึงชั้นจะโรลเพลย์ได้ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ แต่ยังไงมันก็เป็นแค่การแสดง มีความเป็นไปได้ที่นิสัยจริงๆของชั้นอาจจะหลุดไปก็ได้
แต่ท่าทางกลัวของเธอดูไม่ได้เป็นแบบนั้น
แทนที่จะขยะแขยง ดูเหมือนเป็นความกลัวจากการที่คิดว่าตัวเองจะถูกทำร้ายมากกว่า
ถ้าถามว่ามีอีเวนต์ในเกมที่ทำให้เอเทอร์น่ามีทางแบบนี้อยู่มั้ย…ก็คงต้องตอบว่ามี
เกมนี้น่ะมีลาสต์บอสที่ไม่แน่นอน จะแตกต่างกันไปตามแต่ละรูท ถ้าไม่แม่มดก็เอเทอร์น่า แต่ในรูทที่เอเทอร์น่ากลายเป็นลาสต์บอส แม่มดก็จะม่องเท่งไปก่อนที่ผู้เล่นจะได้สู้เธออีก
ถ้าเวอร์เนลไม่อยู่ เอเทอร์น่าก็จะพากองกำลังอัศวินไปปราบแม่มดได้ด้วยตัวเอง ในรูทแบบนี้ ท่าทางของเอเทอร์น่าจะคล้ายกับที่เธอเป็นเมื่อกี๊เลย
แต่นั่นควรจะเป็นอีเวนต์สำหรับอนาคตที่ห่างไกล ไม่ควรจะเกิดขึ้นในตอนนี้ได้
แถมแม่มดเองก็ยังอยู่ดี
…หรือเอเทอร์น่าปราบแม่มดไปแล้วตอนที่ชั้นไม่อยู่?
ไม่หรอก หรือถ้าจะให้พูด นั่นเป็นไปไม่ได้
ความเป็นไปได้น่ะมันมีอยู่ที่เอเทอร์น่าจะปราบแม่มดได้โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเวอร์เนล แต่เธอยังต้องมีเหล่าอัศวิน(โล่เนื้อ)คอยช่วย ซึ่งอัศวินส่วนใหญ่ก็ตายในการต่อสู้กับแม่มด
ในบางรูท เลย์ล่าก็จะตายในการต่อสู้ครั้งนั้นด้วย
และอีเวนต์นั้นจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อเอเทอร์น่าเลเวลอย่างน้อย 40
หรือก็คือ อย่างน้อยเอเทอร์น่าต้องแข็งแกร่งพอและต้องมีโล่มนุษย์คอยคุ้มกันเธอในการต่อสู้
ไม่มีทางเลยที่เอเทอร์น่าจะสามารถทำอะไรแม่มดได้ในตอนนี้ ถ้าพยายามทำล่ะก็เธอคงตายไปแล้ว
แล้วทำไมเอเทอร์น่าถึงแสดงความกลัวแบบนั้นในรูทพวกนั้นงั้นหรือ?
เหตุผลก็คือ…พูดไปจะดีรึเปล่านะ? ค่อนข้างจะสปอยล์หนักซะด้วย
ไม่เป็นไรมั้ง ขอพูดเลยละกัน
สรุปก็คือ เซนต์=แม่มด
ทั้งสองตำแหน่งนี้จริงๆแล้วคือตำแหน่งเดียวกัน
นั่นเป็นเหตุที่ว่าทำไมทั้งสองตำแหน่งถึงมีคุณลักษณะเดียวกัน หรือว่าทำไมถึงสามารถได้รับบาดเจ็บจากพลังของตัวเองด้วย
พลังความมืดของเวอร์เนลใช้ได้ผลกับแม่มดเพราะว่านั่นเป็นพลังประเภทเดียวกับเซนต์
เมื่อเซนต์ปราบแม่มดได้สำเร็จ อะไรบางอย่างที่คล้ายกับคำสาปในร่างแม่มดก็ก็จะถูกถ่ายทอดไปที่เธอ และเซนต์คนนั้นก็จะกลายเป็นแม่มดรุ่นต่อไป
ไม่มีปรากฏว่าคำสาปที่ว่าคืออะไรกันแน่ ทฤษฎีที่เป็นที่ยอมรับมากที่สุดในหมู่แฟนเกมก็คือ คำสาปนั้นคือวิญญาณอาฆาตของแม่มดรุ่นแรก
ถ้าจะพูดให้ถูก คำสาปนี้จะถูกถ่ายทอดไปสู่ “ผู้ที่ปราบร่างสถิต” แต่คนที่สามารถแราบแม่มดได้มีแต่เซนต์เท่านั้น มันเลยกลายเป็นว่านี่เป็นคำสาปที่ถ่ายทอดจากเซนต์รุ่นต่อรุ่น
นั่นเป็นเหตุให้ในรูทที่เอเทอร์น่าปราบแม่มดได้ เธอจะต้องกลายเป็นแม่มดรุ่นถัดไป และกลายเป็นลาสต์บอสของเกมไปในที่สุด
แม่มดของยุคนี้ก็คือส่วนที่เหลือของเซนต์รุ่นที่แล้ว
นี่ทำให้เห็นว่า “เซนต์สละชีวิตเพื่อปราบแม่มด” เป็นแค่ความรู้ที่ผิด
ความจริงก็คือ “เซนต์ผู้ปราบแม่มดต้องหนีไปซ่อนตัว ในขณะที่พวกผู้นำประเทศจำนวนน้อยที่รู้ความจริงประกาศว่าเธอเสียชีวิตไปแล้วเพื่อปิดบังเรื่องนี้ไว้”
เหตุผลที่มีช่องว่างระหว่างการตายของแม่มดคนก่อนถึงการปรากฏตัวของแม่มดคนถัดไปอยู่ 5 ปี ก็เพราะว่านั่นเป็นเวลาที่มากที่สุดเท่าที่เซนต์จะสามารถทนคำสาปไม่ให้โดนความชั่วร้ายกลืนกินได้
เมื่อกลายเป็นแม่มด พลังในตัวจะหยุดไว้ไม่ให้สามารถทำร้ายตัวเองได้ แม่ว่าจะโจมตีตัวเองแค่ไหนก็จะโดนควบคุมให้ไม่รุนแรงพอที่จะถึงตาย หรือก็คือฆ่าตัวตายไม่ได้
ดูเหมือนตัวคำสาปจะคอยควบคุมร่างสถิตไว้ไม่ให้ฆ่าตัวตาย แต่ถ้าเป็นเซนต์ตามปกติก็จะสามารถทำได้
ก็มีทฤษฎีอยู่เหมือนกันว่าแม่มดตนแรกเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังคำสาปนี้
เมื่อกลายเป็นแม่มด ก็จะเกิดความต้องการที่จะทำลายอย่างควบคุมไม่ได้ ถูกบังคับให้กลายเป็นวายร้ายไปอย่างสมบูรณ์
เมื่อโลกสัมผัสได้ถึงความตายของเซนต์และการกำเนิดของแม่มด มานาจึงพยายามนำมาซึ่งสมดุล แล้วก็ประมาณว่า “อา แย่ล่ะ เซนต์กลายเป็นแม่มดไปแล้ว” “รอบนี้ก็ล้มเหลวแฮะ” “รอบหน้าเอาใหม่ละกัน” “รอบหน้าน่าจะดีกว่านี้มั้ง” จากนั้นก็ให้กำเนิดเซนต์คนหใม่ขึ้นมา
นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเซนต์ถึงเกิดหลังแม่มดปรากฏตัวแล้วเสมอ เป็นระบบที่ห่วยแตกจริงๆ
ถ้าใครคนอื่นนอกจากเซนต์สามารถจัดการแม่มดได้ คนคนนั้นก็จะทนคำสาปไม่ไหวแล้วก็ตาย
ไม่เกี่ยวกับระดับพลัง แบบว่าเป็นภาชนะที่ไม่ได้ถูกสร้างมาให้รับคำสาปนี้ได้แต่แรกแล้ว
ขนาดตัวชั้นที่สุดโกงยังอายุขัยสั้นลงทั้งที่ดูดพลังมาแค่นิดเดียว ฉะนั้นก็แหงอยู่แล้วที่คนอื่นๆจะทนไม่ไหว
แต่ในกรณีนั้นก็จะไม่มีแม่มดเกิดขึ้นมาใหม่ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะทำลายระบบนี้
ตัวเอกของเราเวอร์เนลสามารถทำแบบนั้นได้ แต่เขาก็จะตาย และทำให้จบแบบแบดเอนดิ้ง
แต่ถึงจะแบดเอนด์ ก็ทำให้เอเทอร์น่ารอดตายและหลุดพ้นจากวัฏจักรเซนต์->แม่มดไปได้ แบบนี้ไม่ใช่ว่านี่คือแฮปปี้เอนดิ้งเหรอ? ผู้เล่นบางคนก็ว่าอย่างนั้น
นี่คือเหตุผลที่ชั้นไม่ไปปราบแม่มดซะตั้งแต่เนิ่นๆ
ถ้าจะทำก็ได้ แต่ก็จะเป็นการตีตั๋วรถไฟไปโลกหน้าแบบไปไม่กลับ เพราะแบบนี้ชั้นถึงไม่รีบ
แม่มดตายไปแต่พวกปีศาจก็จะยังอยู่ ถ้าชั้นปล่อยไว้ประเทศบางที่อาจจะล่มสลายเลยก็ได้…
จะให้ล้างบางแม่มดในทันทีแล้วลากเธอไปโลกหน้าด้วยกันก็ทำได้แหละ แต่ถ้าความสงบสุขของเวอร์เนลและเอเทอร์น่าโดนทำลายโดยพวกปีศาจที่เหลือรอดมาได้หลังจากนั้น แบบนั้นการที่ชั้นอุตส่าห์มาเกิดใหม่มันก็ไร้ประโยชน์สิ
ชั้นไม่ชอบแฮปปี้เอนด์ที่จบแบบเคลียร์ไม่เรียบร้อยซะด้วย แบบนั้นมันเสียของหมด
ชั้นจะถอนตัวก็ต่อเมื่อจัดการองค์ประกอบที่ไม่คงที่ให้เสร็จหมดแล้วเท่านั้น
หรือก็คือ จนกว่าพวกปีศาจจะสูญพันธ์ุนั่นเอง
….ไงนะ? กระทั่งปีศาจก็อยากจะมีชีวิตงั้นเหรอ? มีปีศาจที่ไม่เคยทำเรื่องชั่วๆอยู่ด้วย? ไม่สนหรอกเว้ยเรื่องพรรค์นั้นน่ะ
ถ้าพูดแบบนั้น พวกปศุสัตว์ที่โดนปีศาจเชือดทิ้งตอนมาบุกโจมตีน่ะมีบาปน้อยกว่าพวกมันอีก
กลับมาที่ปัญหา แน่นอนว่าในรูทที่เอเทอร์น่าปราบแม่มดได้ เธอก็รู้ถึงผลที่ตามมาอยู่แล้ว
ถึงพยายามจะทำตัวเป็นปกติ แต่ในใจก็กลัวถึงตอนที่เธอจะกลายเป็นแม่มด เธอจึงหลีกเลี่ยงเวอร์เนล
ในตอนที่เวลาของเธอเกือบจะหมด ก่อนที่เธอจะสูญเสียสติไป…เธอจะทำเป็นว่าตัวเองกลายเป็นแม่มดไปแล้ว และหวังว่าเวอร์เนลจะฆ่าเธอซะ ในรูทพวกนั้นเวอร์เนลจะร่วมมือ/จู๋จี๋กับนางเอกขอรูทนั้นๆพร้อมปราบเธอลง
ในท้ายที่สุด กระทั่งคำขอสุดท้ายของเธอ”อยากจะตายด้วยน้ำมือของเวอร์เนล”ก็ไม่สัมฤทธฺ์ผล
ส่วนมากแล้วพวกนางเอกของรูทจะเป็นคนจัดการเอเทอร์น่าแทนที่เวอร์เนลเพื่อปกป้องเขา แล้วก็จากไปด้วยคำสาป
สุดท้ายเวอร์เนลก็จะอยู่กับนางเอกของรูท ฟังคำพูดสุดท้ายของเธอ กอดร่างของเธอที่ค่อยๆเย็นลงทุกขณะ…โดยที่ไม่สนใจเอเทอร์น่าที่กำลังตายลงอย่างช้าๆอยู่แถวนั้น
ในบางรูทเอเทอร์น่าที่ยังไม่กลายเป็นแม่มดเต็มตัวใช้พลังเฮือกสุดท้ายฆ่าตัวตายเพื่อปกป้องเวอร์เนล
เด็กคนนี้จะน่าสงสารเกินไปแล้ว
รูทที่เอเทอร์น่ารอดถึงฉากจบก่อนจะฆ่าตัวตายก็คือรูทของลีน่า โทมัสและไอน่า ฟอกซ์ กลายเป็น”เหล่านางเอกที่รอดเฉพาะในรูทของตัวเอง”
เป็นหนึ่งในฉากจบไม่กี่แบบที่นางเอกของรูทรอดฉากจบมาได้ เรียกได้ว่าเป็นฉากจบใจดีที่หาได้ยากยิ่งในเกมนี้
กลับมาที่เรื่องเดิม ชั้นก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเอเทอร์น่าถึงเป็นแบบนั้น
แม่มดยังรอดอยู่ และเอเทอร์น่าไม่ใช่แม่มด
แต่เธอทำอย่างกับว่าเธอกลายเป็นแม่มดไปแล้ว?
ไม่รู้ ไม่เข้าใจเลย
…ค่อยมาคิดทีหลังแล้วกัน
เดี๋ยวบอกให้เวอร์เนลดูแลเอเทอร์น่าให้ดีๆ แล้วค่อยดูว่าจะเป็นยังไงต่อไป
ยังไม่มีอะไรที่บ่งชี้ว่าไอน่า ฟอกซ์จะมาโจมตีชั้น
อันนี้ก็ค่อยจัดการทีหลัง ดีไม่ดีเธออาจจะกลายเป็นตัวประกอบไปก็ได้
ต่อไป…นางเอกคนอื่นๆก็มีปัญหาของตัวเองอยู่บ้าง แต่เพราะมันไม่ถึงชีวิต ชั้นเลยไม่ต้องสนใจมากก็ได้
เวอร์เนลคนนี้ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับนางเอกคนอื่นนอกจากเอเทอร์น่าอยู่แล้วด้วย
ถึงจะดูโหดร้ายไปบ้าง นางเอกรองคนอื่นๆก็เป็นได้แค่ตัวประกอบถ้าพวกเธอไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับเวอร์เนล แต่อย่างน้อยพวกเธอก็จะรอด ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปดีกว่า
จากนั้นก็สอบกลางภาคก่อนวันหยุดฤดูร้อน…อันนั้นไม่ต้องไปสนมันมากก็ได้
วันหยุดฤดูร้อน…จะมีอีเวนต์พิเศษกับนางเอกที่มีค่าความชอบสูง อันนี้ก็ไม่ต้องไปคิดมาก
หลังจากวันหยุด…ก็จะเป็นทัวร์นาเมนต์ต่อสู้ที่จัดขึ้นปีละสองครั้ง จะมีการโจมตีจากกองทัพแม่มดระหว่างทัวร์นาเมนต์ เรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้กับบอสระดับกลาง
…อืมมม
ดูเหมือนจะสงบสุขไปจนถึงทัวร์นาเมนต์แฮะ
อ๊ะ ช้าก่อน ยังมีอีเวนต์อื่นที่ต้องระวังอีก
มันจะมีอีเวนต์ที่ปีศาจที่ถูกขังไว้ในโรงเรียนอาละวาดขึ้นมา
นี่เป็นอีเวนต์ที่ปีศาจที่ถูกจับขังไว้เพื่อเป็นเป้าซ้อม(น่าสงสารจุงแบบเสียงเรียบ)เกิดอาละวาดขึ้นเพราะพลังของแม่มดที่อยู่ใต้ดิน
ถึงปีศาจพวกนี้จะเป็นแค่ลูกกระจ๊อก แต่ก็ทำนักเรียนตัวประกอบไร้ชื่อตายไปสองคน
ถ้าเวอร์เนลจัดการปีศาจพวกนี้ได้ ก็จะเพิ่มค่าความชอบของนางเอกที่อยู่ในทีมเดียวกันไปด้วย นี่เป็นอีเวนต์โบนัสแบบนั้นนั่นแหละ
แต่ก็น่าสงสารพวกตัวประกอบที่ต้องมาตายอย่างหมาข้างถนนเหมือนกันนะ
ถ้ามันเกิดขึ้นก็จะช่วยๆให้เอาบุญละกัน
.
ตั้งแต่ที่เอลริสเข้ามาที่สถาบัน ทุกวันก็เปรียบเหมือนดั่งงานเทศกาล
ความตื่นเต้นแผ่กระจายไปทั่ว บ้างก็บอกว่าวันนี้เดินผ่านเซนต์ด้วย บ้างก็บอกว่าวันนี้ได้เห็นเธอใกล้ๆด้วย อะไรเทือกนั้น
แต่อารมณ์ของเอเทอร์น่านั้นมีแต่จะหนักหน่วงขึ้นทุกวัน
เธอรู้สึกว่าเธออาจจะเป็นแม่มด ไม่สิ เธอต้องเป็นแม่มดอย่างแน่นอน
ยิ่งคิดแบบนั้น ความกลัวก็ยิ่งรัดเธอรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เอลริสมาที่สถาบันนี้เพราะสัมผัสได้ถึงตัวตนของแม่มด
สักวันเธอจะถูกจับได้หรือเปล่าว่าเธอเป็นแม่มด? ถ้าอย่างนั้นอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอกัน?
ความคิดเช่นนั้นคอยปลุกเธอให้ตื่นในยามค่ำคืนไม่เว้นแต่ละวัน
ช่วงที่ผ่านมานี้ เธอรู้สึกได้ถึงสายตาของเอลริสที่จับจ้องมาที่ตัวเธอ
เพื่อลดความน่าสงสัย เธอแสดงให้เห็นความบริสุทธิ์ใจด้วยการฆ่าปีศาจในชั่วโมงฝึกฝน แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ถึงกระนั้น เธอหวังเล็กๆว่าหากแสดงให้เห็นว่าเธอไม่มีความคิดที่มุ่งร้ายใดๆ แล้วเอลริสจะยอมปล่อยเธอไป
ใช่แล้ว ถึงจะเป็นแม่มดแต่เธอก็ไม่ได้ทำอะไรเลวร้ายเสียหน่อย
ถ้าเธอไม่ได้ก่ออาชญากรรมใดเลยล่ะก็ เธออาจจะได้รับการยกโทษก็เป็นได้
ที่ฟาร่าเซนเซย์เป็นแบบนั้น…เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน มันจะต้องมีความผิดพลาดที่ไหนสักแห่งแน่นอน
เธอไม่ได้ทำอะไรฟาร่าเซนเซย์เลยจริงๆนะ
เมื่อเอเทอร์น่าคิดได้แบบนั้น เธอก็เริ่มสงบลงบ้าง… แต่แล้วอุปสรรคใหม่ก็มาถึง
“ช่วยด้วย!”
“ทำไมถึงมีปีศาจอยู่ในอาคารเรียนล่ะ!?”
เธอได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากด้านนอกห้องเรียน
ก่อนที่เธอจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึค้น เอลริสรีบบินออกไปพร้อมกับองครักษ์ของเธอ เลย์ล่าที่วิ่งตามไปติดๆ
ไม่นานจากนั้น เวอร์เนลก็เปิดประตูตามออกไป
ภาพที่อยู่เบื้องหน้านั้น…คือเหล่าปีศาจที่อาละวาดไปทั่วพร้อมกับโจมตีเหล่านักเรียน
ถึงแม้ปีศาจพวกนี้จะเทียบไม่ได้กับปีศาจที่เธอพบที่ชั้นใต้ดิน แต่จำนวนของพวกมันกลับมหาศาลปกคลุมทั้งสถาบัน
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป…จะต้องมีใครเสียชีวิตลงก่อนที่จะควบคุมสถานการณ์ได้
แต่มีบุคคลผู้หนึ่งที่สามารถยับยั้งอนาคตเช่นนั้นได้ และบุคคลผู้นี้ก็อยู่ในสถาบันแห่งนี้แล้ว
“Hope For The Best, But Prepare For The Worst”
เอลริสพูดอะไรบางอย่าง และทันใดนั้น แสงเรืองรองก็ปรากฏขึ้นใต้เท้าพร้อมขยายวงกว้างโดยมีเธอเป็นศูนย์กลาง
แสงนั้นขยายวงด้วยความเร็วสูงจนครอบคลุมทั้งสถาบัน ปกป้องเหล่านักเรียนไว้ด้วยแสงสว่าง
เหล่าปีศาจพยายามจะโจมตีเหล่านักเรียน…แต่ในชั่วพริบตาที่พวกมันสัมผัสแสงนั้น ปีศาจเหล่านั้นก็ล้มลงและสิ้นสติไป
“เวทย์ป้องกันธาตุแสง?! ไม่สิ มันสะท้อนพลังกลับไปหาผู้โจมตี! ไม่ใช่แค่การสะท้อนโดยสมบูรณ์เท่านั้น มันยังรุนแรงขึ้นสอง…สามเท่า?! นอกจากนี้ยังส่งผลให้พวกปีศาจกลายเป็นอัมพาต…นี่เป็นการผสมเวทมนตร์ธาตุสายฟ้าเข้าไปด้วย! เป็นเวทมนตร์ผสมที่ระดับสูงอะไรเช่นนี้! ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความเร็วขนาดนี้ เธอสามารถป้องกันนักเรียนทุกคนในสถาบันบันไว้ได้อย่างหมดจด!”
อาจารย์สอนวิชาเวทมนตร์ ซัปเปิ้ล เมนต์ ที่ยืนอยู่บนแท่นบรรยายเกิดตื่นเต้นและตะโกนขึ้นมา พร้อมกับอธิบายว่าเวทมนต์ที่เห็นอยู่นี้มีระดับสูงแค่ไหน
อาจารย์คนนี้อาจจะเป็นคนที่สุดยอดอย่างไม่น่าเชื่อก็ได้
ในขณะที่ทุกคนตกตะลึงกับความสุดยอดของเอลริส เอเทอร์น่าก็เห็นนักเรียนคนหนึ่งล้มอยู่ที่ทางเดิน
“มัน มันเจ็บ…เจ็บเหลือเกิน…”
ดูเหมือนเขาจะถูกกัดเข้าที่ไหล่
เลือดค่อยๆไหลออกมาในขณะที่สีหน้าของเขาซีดลงเรื่อยๆ เอลริสมุ่งหน้ามาหาเขาในทันทีเพื่อรักษาบาดแผลนั้น
“ท่านเอลริสคะ…หรือว่าความโกลาหลครั้งนี้จะ…”
“…จ้ะ คิดว่าคงจะเป็นแบบนั้น ปีศาจเหล่านี้ถูกสัมผัสโดยกลิ่นอายของแม่มด ส่งผลให้พวกเขาอาละวาดขึ้นมา คิดว่านั่นน่าจะเป็นเหตุผลนั่นล่ะจ้ะ”
เมื่อเอเทอร์น่าได้ยินคำตอบของเอลริสต่อคำถามของเลย์ล่า เธอเริ่มที่จะสั่นด้วยความกลัว
เพราะว่าปีศาจสัมผัสเข้ากับกลิ่นอายของแม่มด พวกมันจึงบ้าคลั่งขึ้นมา
เอเทอร์น่ารู้ตัวดีว่าเหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
อา จะเพราะอะไรกันล่ะ ก็เธอเพิ่งจะได้มีโอกาสสัมผัสกับปีศาจภายในสถาบันนี้มาเมื่อไม่นานมานี้เองไม่ใช่หรือ
(อะ-อา นี่เป็นความผิด ของชั้น… เพราะว่าชั้นอยู่ที่นี่…)
“ถ้าแค่ชั้นไม่ทำเรื่องเลวร้ายก็คงไม่เป็นไร”…ช่างเป็นความคิดที่ตื้นเขิน
ไม่ว่าจะตั้งใจทำเรื่องเลวๆหรือไม่ แม่มดก็ยังเป็นแม่มด
ถ้าลองคิดดูดีๆแล้ว มันก็น่าจะมีแม่มดสักคนในประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้ชั่วร้ายโดยกำเนิด
แต่ เธอก็ยังเป็นแม่มด
…หรือว่าแม่มดจะต้องนำความมืดมาสู่โลกนี้ ไม่เกี่ยวว่าจะต้องการทำหรือไม่? เอเทอร์น่าคิดเช่นนั้น
เช่นเดียวกับที่เอลริสส่องสว่างได้เพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ จะเรียกว่าเธอคือตัวตนแห่งแสงสว่างก็ไม่เกินเลย
แค่เพียงเอเทอร์น่ามีตัวตนอยู่ ความมืดก็จะมีตัวตน เธอคือความมืดมิด…
(ไม่ได้การ… ก่อนที่ใครจะต้องมาเคราะห์ร้ายเพราะตัวตนของชั้น ชั้นจะต้องหายไป…ต้องหายไป…จากโลกนี้…)
เธอลุกขึ้นด้วยท่าทางอ่อนแรง และออกไปจากห้องเรียนด้วยท่าทางโซซัดโซเซราวกับจะล้มลงได้ตลอดเวลา
เป็นท่าทีที่แปลกประหลาด ถ้าเป็นตามปกติจะต้องมีใครสังเกตเห็นแล้ว
แต่ว่าน่าเสียดาย…ในตอนนี้สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังปาฏิหาริย์ที่เอลริสสร้างขึ้น
ไม่มีใครสังเกตเห็นเอเทอร์น่า
ในบางครั้ง เมื่อแสงส่องสว่างจนเกินไป จะยิ่งทำให้ตามืดบอดเสียยิ่งกว่าความมืดใดจะทำได้