“สวัสดีค่า~ คุณซาราสะ~~”

 

เสียงที่ฉันได้ยินในตอนที่กำลังกังวลอยู่พอดีคือคุณโลเรีย คนที่ดูแลร้านขายของชำ

 

“อาเระ? มีอะไรเหรอคะ? คุณโลเรีย?”

“เออ คือ ฉันแค่แวะมาแถวนี้พอดี ก็เลยสงสัยว่ามีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้หรือเปล่าคะ?”

“ว้าว! ช่วยได้พอดีเลยค่ะ!”

 

คนเฝ้าของมาช่วยได้ถูกจังหวะเลยค่า!

ไม่น้า~ รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนของเธอเลยล่ะ!

ฉันเพิ่งเจอเธอครั้งแรกเมื่อวานนี้เอง แต่เธอก็มาช่วยฉันแล้ว! คุณโลเรีย เป็นคนดีจริงๆ เลย!

 

“จริงสิ! คุณโลเรีย ทานมื้อกลางวันมาแล้วหรือยังคะ?”

“อา เปล่าค่ะ ยังเลย พวกคุณแม่กลับมาถึงบ้านพอดีเลย ฉันก็เลยออกมาเลยน่ะค่ะ…”

 

คุณโลเรียดูเขินๆ นิดหน่อยตอนที่พูดแบบนั้น แต่แบบนี้ก็สะดวกกับฉันเลยล่ะ

 

“คือ ฉันกำลังจะไปทานมื้อกลางวันพอดี พอจะช่วยเฝ้าเจ้านี่ไว้ซักครู่จะได้หรือเปล่าคะ?”

 

หลังจากที่ฉันพูดแบบนั้นพลางชี้ไปที่ผ้าที่ตากอยู่ คุณโลเรียก็พยักหน้าให้ ก่อนจะเอียงคอเล็กน้อย

 

“ไม่มีปัญหาเลยค่ะ แต่ว่า นี่ใช่ผ้าที่คุณซื้อไปเมื่อวานนี้หรือเปล่าคะ?”

“อื้อ ใช่ค่ะ ฉันย้อมมันนิดหน่อย สีสวยมั้ยล่ะคะ?”

“ค่ะ! สวย! คุณซาราสะ ย้อมผ้าได้ด้วยเหรอคะ?”

 

เธอยิ้มอย่างสดใส ทางฉันก็ยิ้มตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่ออกจะขมขื่นนิดหน่อย

 

“นี่ก็เป็นวิชาเล่นแร่แปรธาตุเหมือนกัน เดี๋ยวฉันซื้ออาหารกลางวันมาให้ด้วย! รอซักครู่นะคะ!”

 

ฉันทิ้งที่ตรงนี้ให้คุณโลเรียช่วยดู ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ร้านอาหารของคุณดีรัล

 

ไม่กี่สิบนาทีต่อมา พอฉันกลับมาจากร้านอาหารพร้อมกับอาหารกลางวันแบบใส่กลับบ้านในมือ คุณโลเรียก็กำลังนั่งรออย่างตั้งใจอยู่ที่ประตูหน้าบ้านเลย

 

“อา ขอโทษนะคะ จะเข้าไปอยู่ในบ้านก็ไม่มีปัญหานะคะ”

“อา ไม่ล่ะค่ะ ไม่เป็นไร วันนี้อากาศดีเลยนะคะ”

“เหรอคะ? ก็ อาจจะเร็วไปหน่อย แต่มาทานมื้อกลางวันกันเถอะค่ะ ถึงอากาศตรงนี้จะดี แต่อยู่ตรงนี้จะดีเหรอคะ?”

 

พอฉันพูดแบบนั้น ฉันก็ชูมื้อกลางวันในมือขึ้นมาเล็กน้อย คุณโลเรียก็ยิ้ม แล้วก็พยักหน้าตอบ

ฉันเอาพรมจากในห้องของตัวเองออกมา ปูที่หน้าทางเข้า และรินน้ำจากบ่อน้ำลงในแก้วที่ฉันเพิ่งซื้อมาเมื่อวานนี้

แขกที่ไหนจะไม่จำเป็นต้องใช้แก้วกันล่ะ? พอคิดยังงั้น ฉันก็เลยซื้ออุปกรณ์บนโต๊ะอาหารเอาไว้สำหรับ 2 คน ยอดเลย ถึงจะไม่มีชาหรือกาต้มน้ำก็เถอะ ก็เลยมีแค่น้ำเปล่าๆ เฉยๆ เลย

 

“ขอโทษนะคะ มีแค่น้ำเปล่าอย่างเดียวเอง ตอนนี้ยังไม่มีแม้แต่หม้อเลย…”

“อะ ไม่ค่ะๆ ปกติฉันก็ดื่มแต่น้ำเปล่าเหมือนกัน น้ำในละแวกนี้ก็อร่อยดีอยู่แล้ว ที่บ้านหลังนี้มีบ่อน้ำด้วยเหรอคะ? พวกเราจะมีบ่อน้ำกลางของหมู่บ้าน การไปดึงน้ำจากบ่อมันก็ยุ่งยากพอควรเลยค่ะ”

“การเล่นแร่แปรธาตุจำเป็นต้องใช้น้ำค่ะ ที่นี่มีบ่อน้ำกลางด้วยเหรอคะ?”

“ค่ะ จะแบ่งกันใช้กับหลายๆ บ้าน ในหมู่บ้าน คนที่มีบ่อน้ำไว้ใช้เองก็มีแค่เจ้าของเรียวกัง, ร้านตีเหล็ก แล้วก็คนอื่นๆ อีกนิดหน่อยค่ะ”

 

ดูเหมือนปริมาณน้ำเนี่ยค่อนข้างจะมีเพียงพอเลย เพราะอยู่ใกล้กับทะเลป่าใหญ่ แต่เพราะเรื่องค่าใช้จ่าย ก็เลยไม่ใช่ว่าทุกครัวเรือนจะสามารถขุดบ่อน้ำไว้ใช้เองได้

บ่อน้ำไม่มีทางแห้งด้วย เพราะงั้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้แรงขนน้ำมาเติมเลย

 

“คนแถวนี้ไม่ค่อยดื่มชากันงั้นเหรอคะ?”

“ไม่ค่ะ ก็ขึ้นกับลิ้นแต่ละคนกับเงินในกระเป๋านะคะ ที่นี่ ชาที่มักจะดื่มกันก็จะทำจากใบของต้นสึยะที่เก็บได้จากในป่าค่ะ ส่วนใครที่ไม่ชอบก็จะไปซื้อใบชาอื่นเอา”

“ใช่อันเดียวกับที่คุณเอลลิสเอาออกมาให้หรือเปล่าน้า? แล้วคุณโลเรียไม่ชอบเหรอคะ?”

“เปล่าค่ะ คือจริงๆ ฉันก็ยังไงก็ได้ แค่เหมือนว่าคุณแม่จะไม่ชอบให้ฉันดื่มเท่าไหร่น่ะค่ะ”

“ยังงี้นี้เอง”

 

ของที่อยู่บนโต๊ะอาหารจะสะท้อนความตั้งใจของคนที่เตรียมอาหารออกมา แม้จะโดยไม่ตั้งใจก็ตาม

ไหนๆ ก็พูดแล้ว ของที่ฉันดื่มเป็นประจำคือน้ำร้อนธรรมดาๆ นะ

ชาในเมืองหลวงเองก็เป็นของที่ต้องซื้อเหมือนกัน แล้วราคาก็ไม่ได้ถูกด้วย เพราะมันถือเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยน่ะ

แต่ฉันรู้ว่าชาดีๆ อร่อยยังไงอยู่นะ เพราะที่ร้านของอาจารย์ก็มีให้ดื่มด้วย

เพราะแบบนั้น ฉันก็เลยไม่ค่อยรู้สึกชอบดื่มชาถูกๆ ด้วยนั่นแหละ

ก็ฉันอดไม่ได้ที่จะเอาไปเทียบกับชาดีๆ นี่นา

แต่ว่า ถ้าลองชาที่ต่างออกไปเลยอย่างสิ้นเชิงจะดีมั้ยนะ?

มันน่าสนุกดีด้วย แถมที่สำคัญที่สุดก็คือมันฟรีนี่แหละ

 

“จะว่าไปแล้วเนี่ย ผ้าผืนนี้สวยมากๆ เลยนะคะ~ ฉันไม่ค่อยได้เห็นผ้าสีสดใสแบบนี้แถวๆ นี้เท่าไหร่เลย ฉันไม่ซื้อน่ะค่ะ เพราะขนาดที่บ้านเองก็ยังแพงเลย”

“จริงด้วยนะคะ การจะย้อมสีสดๆ แบบนี้ด้วยวิธีการย้อมแบบปกติมันก็ยากอยู่แล้วนี่นา… จริงสิ! เดี๋ยวฉันจะทำฟูกที่นอนต่อหลังจากนี้ด้วย ช่วยฉันได้หรือเปล่าคะ? ถ้าแบบนั้น ไว้ฉันแบ่งผ้านี้ให้คุณโลเรียด้วย ดีมั้ยคะ? ฉันย้อมเอาไว้เยอะพอสมควรเลยเหมือนกันค่ะ”

“จะดีเหรอคะ!? แต่ ฉัน ทำได้แค่เย็บผ้าเองนะคะ”

 

คุณโลเรียมีสีหน้าดีใจมากเลยกับคำพูดของฉัน แต่แล้วก็กลายเป็นสีหน้าลำบากใจในทันทีเลย

แต่ว่า ไม่มีปัญหาเลย เพราะขั้นตอนส่วนใหญ่ในการทำฟูกรองนอนก็มีแค่การเย็บตรงๆ ก็เท่านั้นเอง

 

“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ไม่เป็นไร ขอแค่เย็บผ้าตรงๆ ได้ แค่นั้นก็พอแล้วล่ะ!”

 

ฉันตีหลังของคุณโลเรียบ้าง ตามธรรมเนียมที่คนในหมู่บ้านเขาทำกัน

 

สรุปอย่างง่ายเลย การทำฟูกก็คือการทำถุงผ้าแล้วยัดนุ่นเข้าไป

แต่ ตรงงาน ‘ยัดนุ่น’ นี่แหละที่ค่อนข้างจะยากนิดหน่อย

หลังจากเย็บเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องดันเข้าไปในถุงให้แน่น แล้วก็เย็บปิดป้องกันไม่ให้ไส้ข้างในไหลออกมา ตรงนี้มีวิธีอยู่ด้วย

 

“เห นี่คือวิธีการทำฟูกงั้นเหรอคะ…”

“คุณโลเรีย เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเหรอคะ?”

“ค่ะ น่าอายเหมือนกัน แต่ฉันไม่ได้ใช้ฟูกที่มีนุ่นยัดอยู่เท่าไหร่น่ะค่ะ”

“อา ยังงั้นเหรอคะ”

 

นุ่นเนี่ย เป็นของที่แพงจนน่าตกใจเลย เพราะงั้น ถ้าซื้อไม่ไหว ก็ทำฟูกที่มีนุ่นยัดอยู่แน่นๆ ไม่ได้แน่นอน

ที่บ้านเด็กกำพร้า ฉันก็นอนเบียดกันบนฟูกที่นอนบางๆ กับผ้าห่มผืนนึงเท่านั้นเอง

เหตุผลที่ฉันเคยทำฟูกที่นอนมาแล้วครั้งนึง ก็เพราะตอนที่ฉันจะย้ายเข้าหอพัก เพราะว่าได้ทุน แล้วก็เพราะคุณครูที่บ้านเด็กกำพร้าบอกว่า ‘เธอกำลังจะได้ไปในโรงเรียนที่ดีด้วย เพราะงั้น ก็ต้องเตรียมของที่ติดตัวไปแล้วไม่อายสิ’ ด้วย

ก็น้า ก่อนเรื่องที่ฉันจะได้พูดว่า ‘น่าอายจัง’ หรือ ‘ฉันไม่อายหรอก’ เนี่ย ตลอด 5 ปีในรั้วโรงเรียน ก็ไม่เคยมีใครมีเยี่ยมห้องของฉันเลยซักคนน่ะสิ ฮุฮุฮุ…

ผ้าปูเตียงกับผ้าปูที่นอนนี่ เอาไว้ทำหลังฟูกกับผ้านวมก็แล้วกัน

งานที่เราทำมันก็แค่เย็บผ้าเอง พวกเราก็เลยคุยกันไปพลาง มือก็เย็บไปพลาง

คุณโลเรียที่บอกว่า ‘ฉันทำได้แค่เย็บผ้าเอง’ เนี่ย เย็บผ้าเก่งมากเลยนะ ดูแล้วเก่งกว่าฉันซะด้วยซ้ำ ทักษะเย็บปักถักร้อยของฉันเองที่คิดว่ามันดีแล้วเนี่ย ก็ยังเก่งแค่ระดับมนุษย์มนาเท่านั้นเอง…

แต่ก็เพราะแบบนี้นี่แหละ ชุดฟูกที่นอนแสนสวยครบชุดถึงได้เสร็จทันในตอนเย็นวันนี้เลย

 

“ขอบคุณนะค้า――! ทีนี้ คืนนี้ฉันก็จะได้หลับสบายแล้ว!”

 

ฉันชูมือ 2 ข้างร้องดีใจ แล้วก็จะเข้าไปกอดคุณโลเรีย

ว่าตามตรง ฉันไม่คิดว่าจะเสร็จในวันเดียวเลยนะ ฉันก็เตรียมใจไว้แล้วว่าคืนนี้ต้องนอนม้วนตัวอยู่ในผ้าห่มอีกคืน แต่นี่มันเหลือเชื่อเลย

คุณโลเรีย เก่งหลายด้านจริงๆ เลยนะ

 

“ไม่เลยค่ะ ฉันมาที่นี่เพื่อมาช่วยนี่นา เรื่องนี้เรื่องธรรมดาอยู่แล้วค่ะ”

 

คุณโลเรียพูดยังงั้น ดูเขินนิดๆ ตอนที่ฉันกอดเธออยู่ แต่เพราะมือฉันของเจ็บไปหมดเลย ฉันมั่นใจว่าเธอก็ต้องเจ็บเหมือนกันแน่

 

“ดีล่ะ! นี่ของแทนคำขอบคุณนะคะ!”

 

จากผ้าที่มีอยู่ ฉันก็ตัดให้ยาวพอจะทำฟูกที่นอนได้คู่นึง แล้วก็ยกให้คุณโลเรียไปอันนึง

ถ้าเกิดไม่อยากใช้เป็นฟูก แค่ใช้เป็นผ้าปูเตียงหรือผ้าปูที่นอนก็ได้ ผ้าปรับอากาศก็ยังทำงานได้เหมือนกัน ฉันมั่นใจเลยล่ะว่าต้องมีประโยชน์แน่นอน

 

“จะดีจริงๆ เหรอคะ? ฉันคิดว่าผ้าสวยๆ แบบนี้ต้องแพงแน่เลย”

“ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ ฉันเอาของที่ขายในร้านให้เธอฟรีๆ ไม่ได้หรอกนะคะ แต่ฉันยังไม่ได้เอาของมาขายเลยนี่นา อะ ผ้านั้นเป็นผ้าปรับอากาศ เพราะงั้น ฉันก็แนะนำให้เอาไปใช้ทำเครื่องนอนอย่างที่ฉันทำนะคะ”

“เอ๋!? แบบนี้ มันยิ่งแพงเข้าไปใหญ่เลยนี่ค่ะ…”

“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร ฉันแค่ทำมันก็เพราะฉันอยากจะใช้ก็เท่านั้นเอง ถือเป็นความทรงจำของพวกเราที่ได้เป็นเพื่อนกันก็ได้นะคะ”

 

ใช้ได้หรือเปล่านะ? ฉันส่ายมือไปมาให้คุณโลเรียที่ทำสีหน้าแปลกๆ แบบนั้น แล้วก็พยายามจะทำกับเธอเหมือนเป็นเพื่อนคนนึง ดีแล้วมั้ยนะ?

 

“งั้น เหรอคะ? ขอบคุณนะคะ”

 

คุณโลเรียขอบคุณฉันอย่างดีใจใหญ่เลย

ยอดเลย ไม่โดนปฏิเสธ

ฉันคิดว่าที่เธอดีใจ น่าจะเป็นเพราะผ้าผืนนั้นนะ

 

“อะ แต่ว่า ถ้าเอาไปใช้ทำเสื้อผ้านี่ จะไม่สบายตัวเหรอคะ?”

“อืมมม มันไม่ได้มีผลมากขนาดนั้น ก็เลยอาจจะแปลกไปบ้างถ้าจะเอาไปใช้ทำเสื้อผ้า? มันก็ไม่ได้ไร้สาระหรอกนะคะ”

 

ผ้านี้มีหลักการทำงานแบบเวทปรับอากาศ ก็จะใช้พลังเวทนิดหน่อยที่รั่วไหลออกมาจากตัวของคนที่กำลังนอนอยู่ เพราะงั้นมันก็เลยไม่ได้มีผลอย่างชัดเจนขนาดนั้น

อีกอย่างคือ ฉันก็ไม่ได้ทำมากถึงขนาดว่าจะยัดนุ่นเข้าไปในผ้านวมหรอกนะ

ฉันทำผ้าปรับอากาศที่ประสิทธิภาพสูงกว่านี้ได้นะ แต่ต้นทุนจะสูงกว่า แถมเปลืองพลังเวทมากกว่าเยอะด้วย อย่างน้อย ฉันก็ไม่แนะนำให้เอาผ้าแบบนั้นไปใช้เป็นฟูกรองนอนนะ

มันเป็นการจัดลำดับความสำคัญผิดแบบเห็นๆ เลยนะ อย่างการโดนสูบพลังเวทจากตัวไประหว่างนอนเยอะมาก พอตื่นมาก็ยังเหนื่อยอยู่ดี แบบนั้นน่ะ

 

“อ้อ ยังงี้นี่เอง เข้าใจแล้วค่ะ”

“แต่ว่า ฉันใช้นุ่นไปเยอะเลย คุณโลเรีย ยังมีเหลืออยู่หรือเปล่าคะ?”

“ค่ะ ถ้าแบบเดียวกับที่คุณซื้อไปเมื่อวานเลยก็ยังมีค่ะ”

“ถ้างั้น เดี๋ยวฉันค่อยซื้ออีกนะคะ ฉันอยากจะทำหมอนอิงกับเบาะรองนั่งด้วยน่ะ”

“ว้าว~~ สมแล้วนะคะ เงินค่าขนมของฉันยังไม่พอซื้อนุ่นเลย…”

 

คุณโลเรียพูดว่าประทับใจในตัวฉันขนาดไหนเลย แต่ว่า… ไม่สิๆ เดี๋ยวก่อนนะ

 

“คุณโลเรีย คือ เป็นผู้ใหญ่แล้วใช่มั้ยคะ? เพราะว่าทำงานแล้วนี่นา?”

 

เปล่า คือร้านมันก็ยังไม่ได้เปิดหรอก แต่ฉันคิดว่าการช่วยเหลือระดับนี้ของคุณโลเรียนี่ มันเป็นเรื่องธุรกิจมากกว่าแค่เงินค่าขนมของเธอแล้วนะ

 

“อา น- นั่นสิคะ คือ ฉันรู้สึกเหมือนพวกเราอายุใกล้ๆ กันเลย”

“เออคือ คุณโลเรียอายุเท่าไหร่แล้วเหรอคะ?”

“ตอนนี้ 13 กำลังจะ 14 แล้วค่ะ!”

 

อือหือ เด็กกว่า 2 ปีเลยเหรอ…?

 

“ง- งั้นเหรอคะ? เห~ การเติบโตดีจังเลยน้า?”

“เหรอคะ? ฉันว่าฉันค่อนข้างโตช้า พอเทียบกับเพื่อนๆ นะคะ”

 

คุณโลเรียพูดแบบนั้นอย่างใสซื่อ ไม่มีเจตนาร้ายอะไรเลย

อื้อ นั่นสินะ เข้าใจแล้วล่ะ

ฉันอยู่ในเมืองหลวงที่มีคนหลายคนอยู่ในวัยเดียวกัน ไม่เหมือนแบบในหมู่บ้านนี้

ฉันก็โตช้ากว่าคนอื่นๆ นิดหน่อยแล้วนะ

ไม่เป็นไร ฉันยังอยู่ในวัยเติบโตนี่นา―――เรื่องที่ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลยเมื่อปีก่อนต้องเป็นแค่เรื่องที่ฉันคิดไปเองแน่ๆ มั่นใจเลยล่ะ

 

“แล้วคุณซาราสะล่ะคะ?”

“ฉันเหรอ? ฉัน 15 แล้วค่ะ”

“เอ๋? งั้นเหรอคะ?”

 

 

โอ๊ะ? เมื่อกี้สายตาเหลือบไปมองตรงไหนหรือเปล่าคะ? คุณโลเรีย

ถ้าโจ่งแจ้งกว่านี้อีกนิดล่ะก็ ฉันพร้อมจะประกาศศัตรูอย่างไม่รีรอเลยนะ―――ไม่สิๆ ฉันไม่ยอมเสียเพื่อนไปเพราะเรื่องอะไรแบบนี้หรอกน่า

ฉันปัดอารมณ์มืดดำของตัวเองออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนที่เราจะคุยเล่นกันด้วยเรื่องไร้สาระสมวัยจนอาทิตย์ตกดินเลย