ตอนที่ 13 เรือนร่างเย้ายวน
“นี่มัน..”
เฉินห่าวได้แต่ตกตะลึง..
ไม่มีใครอยากจะเป็นลูกน้องกระจอกๆไปตลอดชีวิตหรอก ทุกคนต่างก็อยากเป็นใหญ่เป็นโตกันทั้งนั้น เฉินห่าวเองก็เช่นกัน!
แต่หัวหน้าโล้นนั้น ใครๆต่างก็รู้ดีว่าเขาโหดเหี้ยม แล้วก็ป่าเถื่อนขนาดไหน!
หากเขากลับมาเอาคืนหลังจากนี้ล่ะ?
หลินหนานยืนมองเฉินห่าวด้วยท่าทีสงบนิ่ง และไม่พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว เขาต้องการปล่อยให้เฉินห่าวเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตัวเอง
หลินหนานไม่อาจปล่อยให้เฉิงซินเย่วได้รับอันตรายได้ แต่เขาก็ไม่สามารถตามปกป้องคุ้มครองเธอได้ตลอดเวลาเช่นกัน ฉะนั้น จำเป็นที่เขาจะต้องมีลูกน้องคอยเป็นหูเป็นตา และปกป้องคุ้มครองเฉิงซินเย่วแทนตนเอง
แม้ว่าเฉินห่าวจะยังเป็นเพียงแค่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง แต่ดูแล้วเขาก็ไม่ใช่คนไม่เอาไหน หลินหนานเชื่อว่าคนอย่างเฉินห่าวสามารถฝึกฝนได้ไม่ยาก
และการที่หลินหนานให้เฉินห่าวทำร้ายหัวหน้าของตัวเองนั้น ก็เป็นวิธีปลุกพยัคฆ์ในจิตใจ ซึ่งเป็นวิธีที่เขาเองก็ใช้กับหน่วยมังการซ่อนกายของตนเองมาโดยตลอดเช่นกัน
ภายหน่วยมังกรซ่อนกายของหลินหนานนั้น ไร้ซึ่งกฏเกณฑ์ ภายในทีมคุยกันด้วยกำปั้นเท่านั้น หากใครคิดว่าตนเองแข็งแกร่งกว่า ก็สามารถขึ้นมานั่งแทนที่เขาได้เสมอ
และด้วยวิธีนี้ ทำให้ภายในทีมสามารถรักษาสัมพันธภาพที่เหนียวแน่น และจิตใจนักสู้ของคนในทีมได้ตลอดมา ทำให้ความสามารถของหน่วยมังกรซ่อนกายนี้ไม่เคยเป็นสองรองใครเลยสักครั้ง
ครั้งนี้.. ขึ้นอยู่กับเฉินห่าวว่าจะสามารถก้าวขึ้นมาอยู่ในจุดนี้ได้หรือไม่?
และนี่คือการต่อสู้และเอาชนะใจตนเองของมนุษย์!
“ตกลง! ฉันจะทำ!”
ดูเหมือนว่าแววตาของหลินหนานจะช่วยกระตุ้นความกล้าในจิตใจของเฉินห่าวได้ เขาเดินกำหมัดแน่นตรงเข้าไปหาหัวหน้าแก๊งโกสต์ไรเดอร์ ก่อนจะโน้มตัวลงคว้าคอเสื้อของมันไว้แน่น
“เฉินห่าว.. นี่แกคิดจะทำอะไร?” ชายหัวโล้นร้องตะโกนถามออกมาด้วยความงุนงงตกใจ
“หุบปาก!!” เฉินห่าวร้องตะโกนใส่หน้าชายหัวโล้น พร้อมกับยกมือขึ้นตบหน้าของมันอย่างแรง
เพียะ!!
ฝ่ามือสีแดงพร้อมด้วยนิ้วมือทั้งห้า ประทับอยู่บนใบหน้าของชายหัวโล้นอย่างเด่นชัด
“ไอ้สารเลว!! นี่แกกล้าตบหน้าฉันเชียวเรอะ?” ชายหัวโล้นร้องตะโกนออกมา สีหน้าของมันบ่งบอกว่าไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ทำไม? ทีแกยังตบหน้าฉันได้เลย! ถึงคราวที่ฉันจะสั่งสอนคนอย่างแกบ้าง!” เฉินห่าวสะบัดหลังมือใส่ใบหน้าของชายหัวโล้น และยังตบหน้าของมันติดต่อกันอีกหลายครั้ง
เฉินห่าวกระหน่ำตบหน้าชายหัวโล้นไม่ยั้ง เขาตบจนกระทั่งความคับแค้นใจที่เคยมีมานานนั้น ได้สลายหายไปจนหมดสิ้น!
แต่ไม่เพียงแค่นั้น เฉินห่าวยังลุกขึ้นยืนใช้ตีนกระทืบร่างของชายหัวโล้นไปอีกหลายครั้ง ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น ต่างก็พากันจ้องมองด้วยความชื่นชม และพากันตบมือให้กำลังใจ
ชายหัวโล้นที่ดุดันและน่ากลัว เวลานี้กลับหมดสภาพ เฉินห่าวกระหน่ำชกไปที่ใบหน้าของมันอีกหลายหมัด จนกระทั่งหายใจหอบ
“เอาล่ะ พอได้แล้ว!” หลินหนานโบกมือห้าม
เฉินห่าวโยนร่างของชายหัวโล้นลงกับพื้น และเวลานี้ร่างทั้งร่างของมันก็นอนเป็นอัมพาตแน่นิ่งอยู่กับพื้น
เฉินห่าวรู้สึกตัวเบา และเมื่อหันกลับไปมองชายหัวล้าน..
ใบหน้าของมันบวมเปล่งไปทั่วทั้งหน้า และมีเลือดสีแดงสดไหลออกจากมุมปาก ดวงตาที่เคยดุดันก่อนหน้านี้มลายหายไปสิ้น เหลือเพียงแค่ความรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากเท่านั้น
และความหวาดกลัวเกือบทั้งหมดนั้นก็มีสาเหตุมาจากหลินหนาน!
เฉินห่าวนั้นปกติเป็นคนขี้ขลาด หากไม่ใช่เพราะคำยั่วยุของหลินหนาน มีหรือที่เขาจะกล้าบ้าบิ่นทำอะไรแบบนี้ได้?
หลินหนานย่อตัวลงตรงหน้าชายหัวโล้น ที่ร่างกายสั่นเทิ้มและแววตาสั่นระริกด้วยความสะพรึงกลัว เขายิ้มกว้างก่อนจะพูดขึ้นว่า
“เมื่อครู่แกบอกว่าจะคิดบัญชีกับฉันไม่ใช่เหรอ?”
“พี่ชาย.. ฉันผิดไปแล้ว! ฉันไม่กล้าอีกแล้ว!” ชายหัวโล้นระล่ำระลักอ้อนวอนร้องขอความเมตตาจากหลินหนาน
“อ่อ.. งั้นเหรอ?”
หลินหนานจับข้อมือข้างหนึ่งของชายหัวโล้น พร้อมกับออกแรงบิดอย่างแรง
แกร๊ก!!
เสียงกระดูกหัก ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของชายหัวโล้น แล้วแขนที่เคยปกติก็กลับกลายเป็นบิดเบี้ยวในทันที และในระหว่างที่ชายหัวโล้นกำลังร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดนั้น หลินหนานก็เอื้อมไปคว้าข้อมือของมันอีกหนึ่งข้าง พร้อมกับทำเช่นเดิม..
แกร๊ก..
เสียงกระดูกหักดังขึ้นอีกครั้ง และความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ก็ทำให้ชายหัวโล้นถึงกับเป็นลมหมดสติไปในที่สุด!
ทางด้านเฉินห่าวที่เห็นภาพนั้น ถึงกับตกใจกลัวจนแทบปัสสาวะราด ตั้งแต่เขาเกิดมายังไม่เคยเห็นใครถูกทรมานอย่างน่าสยดสยอง ด้วยการถูกจับหักแขนทั้งสองข้างแบบนี้มาก่อนเลย!
“หึ!! แกเล่นสลบไปก่อนแบบนี้ ก็ไม่เจ็บปวดทรมานน่ะสิ!”
หลินหนานยิ้มเย็นยะเยือก พร้อมกับยื่นนิ้วชี้ออกไปกดจุดใต้คางของชายหัวโล้น จากนั้นมันก็ค่อยๆฟื้นคืนสติอีกครั้ง และเมื่อได้สติ มันก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าวที่เกิดขึ้นกับร่างกายอีกครั้ง จึงได้แต่ร้องคร่ำครวญโหยหวน
“แกตื่นแล้วสินะ? เอาล่ะ.. งั้นก็มาสนุกกันต่อ!”
หลินหนานหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะค่อยๆเคลื่อนฝ่ามือไปที่ปลายเท้าของมัน..
“พี่ชาย!! ฉันกลัวแล้ว!! ได้โปรดอย่าทำอะไรฉันเลย ฉันผิดไปแล้ว! ฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ ถ้าพี่ชายยอมยกโทษให้ฉัน จะสั่งให้ฉันทำอะไรฉันก็ยอมทั้งนั้น!” ชายหัวโล้นเฝ้าคร่ำครวญอ้อนวอนขอความเมตตาจากหลินหนาน
เวลานี้.. หัวหน้าใหญ่แห่งแก๊งโกสต์ไรเดอร์ผู้จองหอง กำลังร้องขอความเมตตาราวกับเด็กน้อยที่ถูกคนข่มเหงรังแก
หลิงหนานจ้องมองชายหัวโล้นด้วยสีหน้าหงุดหงิดรำคาญใจ เขาจุดบุหรี่ขึ้นสูบพร้อมกับพ่นควันออกด้วยท่าทีไม่รีบร้อน แล้วจึงถามขึ้นยิ้มๆว่า
“ยอมทำทุกอย่างงั้นเหรอ?”
“ดี! ถ้างั้นแกก็ตั้งอกตั้งใจฟังให้ดีล่ะ ฉันมีข้อเรียกร้องจากแกทั้งหมดสามข้อ!”
“พี่ชาย.. ได้โปรดบอกเลย ฉันยินดีทำทั้งนั้น” ชายหัวโล้นร้องตอบพร้อมกับพยักหน้าหงึกๆเป็นไก่จิกข้าว
“ข้อแรก.. แกต้องรับผิดชอบซ่อมแซมร้านบะหมี่ลุงซานให้กลับมาเหมือนเดิม!”
“ข้อสอง.. แกต้องพาลุงซานไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล นอกจากค่ารักษาพยาบาลแล้ว แกยังต้องจ่ายค่าชดเชยที่ลุงซานไม่สามารถทำงานได้ แล้วก็ต้องจ่ายค่าตกใจให้กับเขาด้วย เขาเรียกเท่าไหร่แกก็ต้องจ่ายไปตามนั้น ไม่มีต่อรอง..”
หลินหนานหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงถามขึ้นว่า “แกมีปัญหากับข้อเรียกร้องสองข้อแรกมั๊ย?”
ชายหัวโล้นส่ายหน้าไปมาอย่างรวดเร็ว และรีบตอบกลับไปทันที “ไม่เลย.. ไม่มีปัญหาเลย..”
“ก็ดี!! งั้นก็ฟังข้อสุดท้าย จากนี้ไปเฉินห่าวจะเป็นหัวหน้าแก๊งแทนแก ส่วนแกจะเป็นผู้ช่วยของเฉินห่าว และมีหน้าที่ทำตามคำสั่งของเขาเท่านั้น!” หลินหนานบอกข้อเรียกร้องข้อที่สามให้กับชายหัวโล้นฟัง
และข้อเรียกร้องข้อที่สามนี้ ก็ดูเหมือนจะเป็นข้อเรียกร้องที่ชายหัวโล้นยากที่จะยอมรับได้
ยกตำแหน่งหัวหน้าแก๊งให้กับคนที่เคยเป็นลูกน้องตัวเอง ต่อหน้าคนอื่นๆอย่างนี้น่ะเหรอ?
ใครบ้างจะสามารถยอมรับได้?
นายกเทศมนตรี กับรองนายกเทศมนตรี จะเหมือนกันได้อย่างไร?
เมียน้อยกับเมียหลวง ศักดิ์ศรีจะเท่าเทียมกันได้อย่างไร?
เมื่อเห็นว่าชายหัวโล้นยังคงนิ่งเงียบไม่ตอบ หลินหนานจึงได้ถึงออกไปว่า “แกไม่ยอมรับสินะ?”
ชายหัวโล้นที่เวลานี้หวาดกลัวจนฉี่แทบราด รีบพยักหน้าและตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว “ยอม.. ยอมรับ ฉันยอมรับ!”
เวลานี้.. หน้าตากับชีวิต อะไรจะสำคัญกว่ากันเล่า?
ต่อให้จะจองหองพองขนแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเช่นนี้ ยังจะกล้างผยองได้อยู่อีกงั้นหรือ?
หลินหนานยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ แล้วจึงหันไปทางเฉินห่าว “เฉินห่าว.. นายมานี่!”
“ครับพี่หนาน!” เฉินห่าวเดินเข้าไปหาหลินหนานทันที
“เอาโทรศัพท์มือถือของนายมา!”
เฉินห่าวยื่นโทรศัพท์มือถือของตนเองให้หลินหนานทันที หลินหนานจัดการกดเบอร์โทรศัพท์มือของตัวเองลงไปในเครื่อง แล้วจึงหันไปบอกกับเฉินห่าวว่า
“นั่นเป็นเบอร์โทรศัพท์มือถือของฉัน ถ้ามีใครกล้าไม่เชื่อฟังนาย ให้โทรหาฉันทันที แล้วฉันจะมาสะสางปัญหาให้นายเอง!”
“ขอบคุณครับพี่หนาน!” เฉินห่าวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจยิ่ง
เพียงแค่มีเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของหลินหนาน ก็เท่ากับว่าเขามีชัยไปกว่าครึ่ง..
ใบหน้าของชายหัวโล้นเต็มไปด้วยความท้อแท้สิ้นหวัง เพราะดูเหมือนชายหนุ่มที่น่ากลัวคนนี้ เลือกสนับสนุนเฉินห่าว
“หน้าที่ของนายก็คือ คอยรักษาความสงบภายในถนนอู่หลง อย่าให้คนทำตัวน่าสงสัยเข้ามาที่นี่ได้!”
จากนั้นหลินหนานก็กระซิบข้างหูเฉินห่าวว่า “นายต้องคอยดูแลความปลอดภัยของเฉิงซินเย่ว แต่อย่าไปรบกวนการเรียนของเธอ จนกว่าการสอบเอนทรานซ์จะเสร็จสิ้น”
“ครับพี่หนาน ฉันจะรับผิดชอบภารกิจที่พี่มอบหมายให้อย่างดีที่สุด!” เฉินห่าวโค้งตัวลงน้อมรับคำสั่งอย่างเคารพ แล้วจึงถอยหลังออกไป
“เอาล่ะ นายสั่งให้ลูกน้องที่พอเดินเหินได้ส่งลุงซานไปหาหมอรักษาก่อน..” หลินหนานบอกกับเฉินห่าว
เฉินห่าวหันไปทางลูกน้องทั้งยี่สิบคนที่นอนกองอยู่กับพื้น พร้อมกับร้องตะโกนสั่งว่า “ทุกคนได้ยินที่พี่หนานพูดแล้วใช่มั๊ย? นับว่าพี่หนานเมตตามากที่ไว้ชีวิตพวกนาย ยังไม่รีบลุกขึ้นอีก!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น บรรดาสมุนแก๊งโกสต์ไรเดอร์ต่างก็พากันลุกขึ้นทันที และช่วยกันพยุงร่างของลุงซานไปหาหมอที่โรงพยาบาล เฉินห่าวพยุงร่างของหลิวเหล่าซานขึ้นมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง ก่อนขับหายออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนชายหัวโล้นนั้น ก็มีเด็กหนุ่มหลายคนมาช่วยกันแบกออกไป แต่ระหว่างทางมันก็ร้องโหยหวนออกมาอย่างเจ็บปวด ไม่ต่างจากหมูที่กำลังถูกเชือด
ทุกคนที่เห็นภาพนั้น ต่างก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา..
และเวลานี้ คำว่า ‘ลูกพี่’ ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมากไปกว่าตัวตลก!
“พี่หนาน พี่เก่งมากเลย!”
ยังไม่ทันที่หลินหนานจะได้เอ่ยตอบ ร่างของหญิงสาวงดงามก็พุ่งตรงเข้าหาอ้อมแขนของเขาทันที
เรือนร่างของเธอส่งกลิ่นหอมเย้ายวนยิ่งนัก..