บทที่ 15 – อีกาดำ

 

มิวเดินอยู่ในเมืองด้วยสีหน้าที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออกเท่าไหร่ สายตาของเธอเหลือบไปมองเอริเนียที่เดินอยู่ด้านข้าง

หวนนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่คาเอะได้อธิบายเอาไว้…

“และใช่ค่ะพี่.. ประตูบอร์เดอร์นั้นสามารถเชื่อมต่อไปยังมิติที่สูงกว่าได้ ด้วยเหตุผลที่ว่าและถ้าเป็นแบบนั้น”

“คนคนเดียวบนโลกที่จะสามารถรองรับอารยธรรมจากมิติที่สูงกว่าได้ก็คงมีแต่คนที่เข้ากันได้กับแร่สูงถึงระดับที่สูงกว่าทุกคนอย่างระดับสิบเท่านั้น”

“พูดอีกอย่างก็คือ เอริเนียคงจะเป็นคนเดียวคนนั้นที่ว่า.. ผู้ที่สามารถวิวัฒนาการเข้าสู่โลกที่สูงกว่า…”

“และถ้าเป็นแบบนั้น.. พี่ว่าองค์กรจะอยากได้ไหมล่ะ?”

มิวเดินเหม่อนึกถึงเรื่องในอดีตก่อนหน้านี้จนลืมมองไปข้างหน้า ทำให้เธอเดินชนกับคนแปลกหน้าร่างใหญ่กว่าตัวมิวเข้า

แน่นอนว่าทุกอย่างที่เข้าถึงมิวในระยะประชิดล้วนถูกหยุดยั้งและผลักกลับไปทั้งหมดส่งผลให้คนที่มาชนกลับมิวถูกผลักแทนจะเป็นมิวที่ตัวเล็กกว่า

“อ้ะ.. ขอโทษนะ”

มิวได้สติกลับมารีบขอโทษ.. เธอมองที่รอบตัวตนเองซึ่งตอนนี้เหมือนมีม่านพลังบางอย่างปกคลุมไว้ก่อนจะค่อยๆ หายไป

ถ้ามิวเข้าใจไม่ผิดนี่คืออัตลักษณ์พิเศษของเทพมังกร.. เพราะอัตลักษณ์นี้พวกมังกรตัวอื่นน่าจะไม่รู้จักและไม่มีกัน

มิวเลยเรียกอัตลักษณ์นี้ว่าหนึ่งในพลังของเทพมังกร แต่ไอ้พลังนี้ของเทพมังกรในตอนที่เธอรับดาบของผู้กล้าเธอจำได้ว่ามันไม่มีม่านพลังแบบนี้

เอาเข้าจริงดาบมันต้องฟันถึงตัวมิวก่อนด้วยซ้ำอัตลักษณ์ที่พลังป้องกันสูงนี่ถึงจะทำงาน.. ซึ่งจากการคาดเดามิวสรุปได้ว่า

ท่านี้ได้วิวัฒนาการจนเหมือนเกาะพลังป้องกันรูปแบบหนึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่เธอสูญเสียร่างกายที่เป็นมังกรไปแล้วนั่นเอง

แต่เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่ควรจะมากล่าวถึงในตอนนี้เพราะ..

“ห๊า…?”

คนที่ถูกชนพอมองดูดีๆ แล้วโหง่วเฮ้งมันดูยังไงก็นักเลงตัวประกอบกล้ามโตเกรดพรีเมี่ยม..ที่หมายถึงเป็นสูตรสำเร็จด้านการเป็นตัวประกอบชวนหาเรื่องระดับพรีเมี่ยมน่ะ

ชายร่างใหญ่เหมือนจะแปลกใจที่ตัวเองถูกชนจนกระเด็นโดยคนตัวเล็กกว่า แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะรีบกลับมาลุกและยืนแล้วทำตัวกร่างตามฉบับ

“นี่หล่อนไม่มองทางหรือไงห๋า?”

เพราะมิวในตอนนี้สวมผ้าคลุมปิดหน้าปิดตาอยู่เลยมันเลยไม่รู้ว่าคนตรงหน้ามันในตอนนี้คือคนที่มีกระแสโด่งดังไปทั่วเมืองอยู่

“ก็บอกว่าขอโทษไง”

โดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรอีกมิวก็รีบพาเอริเนียเดินออกไปทันที ไม่ใช่อะไรเธอรู้ดีว่าพวกนี้คงจะหาเรื่องให้ถึงที่สุดเท่านั้นแหละ

ตัวละครแบบนี้ทั้งในชีวิตจริงและในการ์ตูนมิวเห็นมามากพอจนรู้แพทเทิร์นของพวกเขาหมดแล้ว

แน่นอนว่าการต่อปากต่อคำ รั้งแต่จะทำให้เสียเวลา.. แผนการแรกเริ่มของวันนี้ก็คือ.. เข้าไปในหอคอย

เพราะมิวเองก็ไม่ใช่คนหน้าด้านพอที่จะอยู่กินบ้านคนอื่นไปได้นานกว่านี้ แรกเริ่มเดิมทีเธอก็เป็นคนที่ขี้เกรงใจคนอื่นอยู่แล้ว

ดังนั้นทางเดียวที่จะหาเงินได้อย่างรวดเร็วและว่องไว ก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการเข้าหอคอยแล้วล่ะ

ส่วนเอริเนียแม้ไม่อยากเอามาด้วยเพราะอันตราย แต่คาเอะก็ยัดเยียดเหลือเกินแหละนะ.. ถึงเอริเนียจะมีคุณสมบัติมากมายแต่ตอนนี้เธอแค่เด็กธรรมดา

ในหอคอยคงน่าจะอันตรายแน่เพราะมีคนตายในนั้นออกจะเยอะ.. ตัวมิวเองคิดว่าตัวเองไม่น่าจะเป็นอะไรเพราะมีอัตลักษณ์ของมังกรอย่างความอมตะอยู่

นอกจากนี้อัตลักษณ์อื่นๆ แม้จะยังไม่เคยทดสอบเพราะว่าเดิมทีอัตลักษณ์มังกรนั้นคือส่วนหนึ่งของร่างกายมังกรใช่ไหมล่ะ

แต่ว่าในตอนนั้นมิวไม่ชินกับร่างกายของมังกรเลยทำให้ใช้อัตลักษณ์ของมังกรทั่วไปไม่ได้ แต่เมื่อเธอมีร่างกายแบบนี้แล้ว

มิวสัมผัสได้ชัดเจนเลยล่ะว่าอัตลักษณ์ของเผ่ามังกรมันวิวัฒนาการมาเพื่อให้ร่างกายที่คล้ายมนุษย์ใช้ได้

แต่ก็เพราะเธอยังไม่แน่ใจ สุดท้ายมันก็แค่ความรู้สึกดังนั้นมันจึงอันตรายกับเอริเนียมาก แต่สุดท้ายเธอก็พามาแล้วอะนะ

“ฟังนะ ฉันชื่อว่า มิว และที่ที่เรากำลังจะไปก็คือในหอคอย ห้ามออกห่างจากฉันเด็ดขาดเลยนะ”

“อื้อ”

เอริเนียพยักหน้าง่ายๆ อย่างเชื่อฟัง.. ให้ตายสิพอเห็นคนที่เป็นแบบนี้ทีไรมิวก็รู้สึกเจ็บแปล๊บๆ ที่หน้าอกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

จะว่าเธอเป็นคนดีเกินไปก็ได้.. แต่เธอไม่ชอบอะไรแบบนี้จริงๆ นี่น่า

แต่ทว่า…

“เดี๋ยวสิเฮ้ย คิดว่ามาเดินชนฉันคนนี้แล้วฉันจะปล่อยไปง่ายๆ เหรอห้ะ? คิดว่าฉันคนนี้เป็นใคร ฉันคือไวเคาต์เลยนะเว้ย”

นักเลงคนเดิมพูดเช่นนั้นแล้วก็โจมตีมาที่มิวอย่างอุกอาจ.. คงเป็นเพราะว่ามันคิดว่ามิวเป็นคนธรรมดาเนื่องจาก ‘มันไม่สามารถรับรู้ถึงเนม’ ของมิวได้นั่นเอง

เพราะปกติแค่มองหรืออยากจะรับรู้ก็จะรู้เนมของคนที่อยุ่ตรงหน้าได้ทันที ซึ่งถ้าไม่มีนั่นหมายความว่าอีกฝ่ายเป็นแค่คนธรรมดานั่นเอง

แน่นอนว่าเมืองนี้การจะมีคนธรรมดามาแจมอยู่ด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เอาเข้าจริงมันกลับมีเยอะกว่าที่คาดด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามถึงนั่นจะเป็นความจริงที่มิวไม่ใช่ผู้ใช้อารยธรรมก็ตาม

ทว่าเมื่อมันพุ่งเข้าใส่มิว ลำแสงสีแดงพุ่งออกจากมือมันไปโจมตีใส่มิวอย่างโหดเหี้ยม อย่างไรก็ตามเมื่อมิวหันมานั้นเอง

ดวงตาสีแดงฉานของเธอเรือนออกมาต่อหน้ามันวินาทีนั้นเอง แสงสีแดงนั้นล้วนถูกทำลายไปโดยง่ายดาย

อีกฝ่ายเองที่ถูกจ้องก็เหมือนถูกแรงกระแทกบางอย่างซัดจนปลิวลอยลิ่วกลับไปอัดผนัง..

มิวที่เห็นภาพนี้ก็เบิกตากว้างก่อนใครเพื่อน..

“เอ้ะ.. เดี๋ยวนะ ไหงงั้นอ่ะ?”

มิวอุทานออกมา แต่เมื่อมองสภาพอีกฝ่ายที่เหมือนถูกโจมตีอย่างรุนแรง ก่อนที่มันจะกระอักเลือดออกมาอีกอึกหนึ่งทำให้มิวรีบเผ่นหนีทันที

ในใจเป็นหมื่นล้านคำที่อยากจะเอื้อนเอ่ยออกมาด้วยความสับสนและงุนงง ก่อนอื่นเลยที่เธอทำเมื่อกี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของการข่มขู่

มังกรทุกตนสามารถทำแบบนี้ได้หมดนั่นแหละ มิวคิดจะขู่ให้อีกฝ่ายกลัวจนไม่กล้ามายุ่งด้วยเฉยๆ แท้ๆ

แต่กลับล่อไปกระเด็นยังกับโดนมิวโจมตีเนี่ย ถ้าไม่เกิดขึ้นตรงหน้าเธอ เธอคงคิดว่าเป็นการแสดงหนังเป็นแน่

ทว่านี่ไม่ใช่เวลา เธอต้องรีบหนีจากที่นี่ก่อนที่คนจะมาเห็นว่าเธอซัดคนอื่นกลางเมือง ต่อให้จะเป็นเมืองแบบนี้ก็ตามเธอก็คงไม่ริอดแน่หากโดนจับได้นะ

แต่ก็เหมือนจะสายเกินไปแล้ว เพราะเมื่อมิวจากไปก็มีคนหนึ่งยืนอยู่บนตึกสูงมองเหตุการณ์นี้อย่างมีนัย

เขาสวมผ้าคลุมสีดำไปทั้งตัว สวมหน้ากากแปลกประหลาดสีดำสนิท อันที่จริงแทนที่จะบอกว่าเป็นหน้ากากควรบอกว่าเป็นกระโหลกปีศาจด้วยซ้ำ

เพราะหน้ากากนี้มีลักษณะเหมือนกระโหลกสีดำที่ไม่มีกราม แม้รูปร่างมันจะไม่ได้โค้งมนแต่มาในลักษณะมุมทะแยงและแหลมเพื่อความสวยงามด้วยแหละ

“ดูเหมือนจะได้คนคุ้มกันที่แข็งแกร่งมาซะแล้วแฮะ…”

“เอาล่ะ จะเอายังไงดีนะ”

เสียงผู้ชายวัยกลางคนดังออกมาจากใต้ผ้าคลุมนั้น

“ฉันว่า.. ฉันว่าควรแจ้งหัวหน้าหน่วยคนอื่นด้วยนะ”

นกอีกาสีดำเกาะอยู่บนไหล่เขาเสนอขึ้น

“อย่ามาล้อเล่นน่า.. ถ้าบอกพวกงี่เง่านั้นมีหวังฉันไม่ได้เลื่อนขึ้นไปตำแหน่งดีๆ พอดีสิ อุตส่าห์ยัยป้านั่นดันมาปล่อยเด็กออกนอกบ้านในวันลาดตระเวนของฉันทั้งทีจะแบ่งผลงานให้คนอื่นได้ยังไง”

“แต่ว่า.. ถ้าเป็นแบบจะเอาชนะคนคุ้มกันนั่นยังไงดี ดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่คนธรรมดานะ ทั้งที่ไม่มี ‘เนม’ ยังแข็งแกร่งขนาดนั้นด้วยสิ นายเองก็ไม่ใช่สายต่อสู้ด้วยนะ”

“รู้หรอกน่า แต่เราไม่ได้จะสู้สักหน่อยใช่ไหมล่ะ..?”

“แล้วจะทำยังไงล่ะ?”

“งั้น..ใช้กระแสจิตของแกติดต่อหาคนของฉันทั้งหมดให้มาที่นี่”

“แบบนั้นพวกหัวหน้าหน่วยอื่นก็คงรู้ตัวกันไม่ใช่เหรอ ไม่อยากโดนแย่งผลงานนี่”

“ฮ่าๆ.. พวกนั้นไม่กล้าทำอะไรอุกอาจหรอกน่า ถ้าขืนเคลื่อนไหวกันหมดได้มีเรื่องแน่ เพราะงั้นฉันถึงต้องใช้คนของฉันไงล่ะ”

“เข้าใจแล้ว…”

กาตอบแบบเข้าใจพร้อมกับบินออกจากไหล่ของชายคนนั้น ชยาคนนั้นค่อยๆ เปิดฮู้ดออกและภายใต้ฮู้ดนั้นคือชายผมสีทอง

ดวงตาสีทองบาดแผลที่ถูกรอยบางอย่างตัดผ่านดวงตาทำให้ดวงตาเขาบอดข้างหนึ่ง

“เอาล่ะ.. พร้อมจะล่าเหยื่อกันหรือยังอีกาดำของฉัน”