ตอนที่ 9 ให้รางวัลกับลงโทษ

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

ตอนที่ 9 ให้รางวัลกับลงโทษ

เฝิงเหล่าฮูหยินตะลึงตกใจอย่างที่สุด นางจ้องเจียงซื่อราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

แววตาและสีหน้าของเจียงซื่อนิ่งเรียบ และยังปล่อยให้เจียงเหล่าฮูหยินจับสังเกต

ชาติที่แล้ว แม้ว่านางมีชีวิตอยู่ไม่ถึงยี่สิบปี แต่เรื่องราวความโชคร้ายที่ได้พบ กลับมีมากกว่าหญิงทั่วๆ ไปถึงหลายเท่า ด้วยเหตุนี้ นางจึงไม่กลัวว่าคนอื่นจะจับผิดแต่อย่างใด

สีหน้าของเจียงอันเฉิงเริ่มเบาลง “ในเมื่อซื่อเอ๋อร์พูดเช่นนี้แล้ว งั้นพ่อขอตัดสินให้เลยว่า พ่อจะยกเลิกงานสมรสนี้เสีย!”

คำว่า ‘ยกเลิก’ เพียงคำเดียว มันหนักแน่นมั่นคงอย่างที่สุด จนเจียงซื่อเองก็รู้สึกโล่งอกตามไปด้วย

“ไม่ได้!” น้ำเสียงเข้มขรึมพลันดังขึ้นจากปากของเฝิงเหล่าฮูหยิน

เดิมทีคิดว่าจะใช้หลานสาวมาบีบบุตรชายคนโต แต่คิดไม่ถึง การกระทำที่กลับตาลปัตรของเจียงซื่อทำให้แผนการของเฝิงเหล่าฮูหยินพังลงไม่เป็นท่า ด้วยการนี้ นางจึงต้องยอมฉีกความอ่อนข้อทิ้งอย่างไม่ลังเล และเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แข็งดุจดาบ “ข้าไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกงานสมรส!”

“ท่านแม่!”

“เจ้าหยุดพูดได้แล้ว! เจ้าเคยรู้บ้างหรือไม่ การที่ได้ดองกับจวนอันกั๋วกง มีสายตากี่คู่ที่คอยชื่นชม อย่าว่าแต่คุณหนูใหญ่ คุณหนูรองที่ถูกคนในตระกูลสามีมองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ในหนึ่งปีที่ผ่านมา มีตระกูลดีๆ อีกมากมายที่มาสู่ขอคุณหนูสาม ซึ่งดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย หรือพูดให้เข้าใจง่ายขึ้น ทุกคนล้วนเห็นแก่การได้เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับจวนอันกั๋วกงไงเล่า เหล่าต้า ถึงเจ้าไม่คิดเผื่อซื่อเอ๋อร์ แต่เจ้าก็ควรคิดเผื่อจวนปั๋วบ้าง!”

“ท่านแม่ ท่านหมายความว่าเพื่อจวนปั๋วแล้ว สามารถมองข้ามความสุขทั้งชีวิตของซื่อเอ๋อร์ได้อย่างนั้นรึ” เจียงอันเฉิงถามกลับบ้าง

“สามหาว คำพูดแทงใจเช่นนี้เจ้าพูดออกมาได้อย่างไร!” เฝิงเหล่าฮูหยินถึงกับทรงตัวไม่อยู่ ยกมือขึ้นกุมขมับแล้วหงายไปด้านหลัง อาฝู สาวรับใช้คนสนิทเข้าไปพยุงไว้ด้วยความรวดเร็ว

“ท่านแม่ เป็นอะไรหรือไม่” แม้ว่าเจียงอันเฉิงไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเฝิงเหล่าฮูหยิน แต่พอเป็นเช่นนี้ ก็พลอยทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจไปด้วยเช่นกัน

เฝิงเหล่าฮูหยินจ้องหน้าเจียงอันเฉิงอย่างเย็นชา “ลูกไม่รักดี บังอาจคิดว่าข้าทำเพื่อจวนปั๋วจนไม่สนใจความเป็นความตายของซื่อเอ๋อร์! หรือนั่นไม่ใช่หลานของข้าหรืออย่างไร การที่ซื่อเอ๋อร์ได้ออกเรือนแต่งเข้าจวนอันกั๋วกงเป็นเรื่องที่ดีต่อนางและจวนปั๋วเป็นอย่างมาก แต่เจ้ากลับจะยกเลิกงานสมรสเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ!”

“ข้าไม่ได้ทำไปเพราะอารมณ์นะขอรับ…”

“หุบปาก! งานสมรสเป็นเรื่องใหญ่ เป็นคำสั่งของพ่อแม่ แต่ซื่อเอ๋อร์สูญเสียแม่ตั้งแต่เด็ก แล้วข้าในฐานะท่านย่า จะเป็นผู้ตัดสินใจแทนไม่ได้เลยหรือ วันนี้ ข้าขอบอกไว้ตรงนี้ จวนอันกั๋งกงเป็นฝ่ายผิดก่อนจริง แต่เจ้าก็สามารถยื่นข้อเสนอให้กับซื่อเอ๋อร์ได้ แต่ถ้าจะยกเลิกงานสมรสในครั้งนี้ ข้าไม่เห็นด้วย!”

คำพูดของเฝิงเหล่าฮูหยินทำให้เจียงอันเฉิงรู้สึกเฉยชาไปหมด เขาเตรียมจะเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง อาสี่ สาวรับใช้คนสนิทของเฝิงเหล่าฮูหยินวิ่งพรวดเข้ามาด้วยท่าทางหอบ “เหล่าฮูหยิน แย่แล้วเจ้าค่ะ คุณชายรอง คุณชายรอง…”

“หลานไม่รักดีนั่นไปก่อเรื่องที่ไหนอีก” ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ยิ่งได้ยินคนเอ่ยถึงเจียงจั้น เจียงอันเฉิงก็ยิ่งปวดหัว ถ้าเจียงจั้นยืนอยู่ด้านหน้าเขาในเวลานี้ เขาแทบอยากจะถีบให้ตายคาที่

สีหน้าของอาสี่ซีดเผือก “คุณชายรองทุบรถม้าของจวนอันกั๋วกงที่จอดอยู่ตรงหน้าประตูจวนของเราจนพังเสียหายเจ้าค่ะ!”

“อะไรนะ!” เฝิงเหล่าฮูหยินหายมึนหัวทันที พลันลุกขึ้นพรวด

ความโมโหของเจียงอันเฉิงก็หายไปในทันทีทันใดเช่นกัน

อืม ทำได้ดีมาก บางครั้งลูกไม่รักดีคนนี้ ก็ได้ทำในสิ่งที่ควรทำอยู่บ้าง

“พ่อบ้านว่างนักหรืออย่างไร ทำไมถึงไม่รีบเข้าไปห้าม!”

“ห้ามไม่ไหวเจ้าค่ะเหล่าฮูหยิน คุณชายรองกำลังมาทางนี้แล้วเจ้าค่ะ พ่อบ้านไม่กล้าวิ่งตาม…”

“มาที่นี่รึ” นัยน์ตาของเฝิงเหล่าฮูหยินมีแสงแวบผ่านอย่างสงสัย

หรือหลานไม่รักดีคนนี้กำลังมาขอให้ยกโทษให้

แล้วเฝิงเหล่าฮูหยินก็ค้นพบอย่างรวดเร็วว่าตัวเองคิดผิด เพราะมีสาวรับใช้อีกคนหนึ่ง วิ่งพรวดเข้ามารายงานอีกว่า “เหล่าฮูหยิน คุณชายรองกำลังมุ่งไปทางห้องบุปผาเจ้าค่ะ บ่าวห้ามกันไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ!”

เฝิงเหล่าฮูหยินรู้สึกตาพร่ามัวเป็นพักๆ ครั้งนี้รู้สึกว่าอยากเป็นลมล้มไปเสียจริงๆ

“ไปกับข้า!” เฝิงเหล่าฮูหยินเขม่นตาใส่เจียงอันเฉิงหนึ่งที จากนั้นก็ตรงไปยังห้องบุปผาทันที

“คุณชายรองเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ ข้างในมีแขกพิเศษเจ้าค่ะ”

เจียงจั้นกระโดดหนึ่งทีสูงได้ถึงสามอิงฉื่อ “ถุย แขกพิเศษอะไรกัน กล้าดูถูกย่ำยีน้องสาวของข้า ยังกล้านับว่าเป็นแขกพิเศษอีกหรือ ถอยออกไป!”

เจียงจั้นกระโดดถีบสาวรับใช้ที่ขวางเขาจนกระเด็นอย่างไม่เห็นแก่ความเป็นผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย

กัวซื่อฮูหยินซื่อจื่อแห่งอันกั๋วกง ถึงกับตะลึงงัน

“ท่านคือคนจากจวนอันกั๋วกงใช่หรือไม่”

กัวซื่อลุกขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ หากหนุ่มน้อยที่พุ่งเข้ามา ถ้าไม่ใช่เพราะมีหน้าตาที่ดูดีหน่อย การกระทำเมื่อครู่ ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากพวกโจรเลยแม้แต่น้อย และนางเองก็คงเดินทางกลับไปตั้งแต่แรกแล้ว

“ข้าคือฮูหยินซื่อจื่อในอันกั๋วกง เจ้าคือผู้ใด เหตุใดถึงไร้มารยาทเช่นนี้” กัวซื่อหยั่งเชิงด้วยการใช้เหตุผลกับหนุ่มน้อยผู้หล่อเหลา

เจียงจั้นเพียงได้ยินก็รู้สึกเลยว่าเขาเป็นคนให้ความสำคัญกับลำดับชั้นมาก และเขาจับคนได้ที่เรือนของตัวเอง ถ้าไม่จัดการเสียเลยก็คงเสียดายน่าดู เขาจึงได้หยิบโต๊ะน้ำชาเล็กที่อยู่ใกล้กับเท้าขึ้นมา จากนั้นก็โยนออกไป

กัวซื่อกรีดร้องจนเกือบล้มลงหมดสติ

สาวรับใช้ที่อยู่ด้านหน้าประตูตะโกนขึ้นมา “ฮูหยินซื่อจื่อ ท่านจะหมดสติไม่ได้นะเจ้าคะ คุณชายรองอาละวาดขึ้นมา ใครก็ห้ามไม่ไหวเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความฉลาดก็พลันแล่นขึ้นมาในหัวกัวซื่อ นางไม่รู้สึกว่าจะหมดสติอีกต่อไป ขาของนางก็ไม่มีอาการสั่นแล้วด้วยเช่นกัน พอรู้สึกตัว นางก็ยกเท้าย่ำออกไปทันที

โต๊ะน้ำชาเล็กฟาดกับขอบโต๊ะเสียงดังลั่น จนขอบโต๊ะถึงกับหักไปเสี้ยวหนึ่งทันที

เจียงจั้นหยิบโต๊ะน้ำชาวิ่งตามออกไป “หยุดนะ รังแกน้องสาวข้าแล้วคิดจะหนีรึ”

“หยุดนะ เจ้าจะทำอะไร” เฝิงเหล่าฮูหยินเดินมาถึงอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นภาพเจียงจั้นกำลังวิ่งไล่ตามกัวซื่อ ก็เกือบทำให้นางเป็นลมหมดสติ

กัวซื่อจึงได้พักสูดหายใจ

ในที่สุดเฝิงเหล่าฮูหยินก็มาถึงสักที

เสียงอ่อนนุ่มของหญิงสาวพลันเอ่ยขึ้น “ฮูหยินซื่อจื่อ ท่านรีบกลับจวนก่อนดีกว่า เวลาคุณชายรองเกิดบ้าคลั่งขึ้นมา แม้แต่เหล่าฮูหยินก็เอาไม่อยู่นะเจ้าคะ แม้ประเดี๋ยวจะถูกลงโทษ หากถูกทำร้ายในเวลานั้นขึ้นมา จะกลับไปแก้ไขไม่ได้เลยนะเจ้าคะ”

กัวซื่อฟังแล้วก็เห็นด้วย นางจึงหยิบชายกระโปรงขึ้นและหนีไปทันที โดยมีสาวรับใช้คอยปกป้องตลอดทาง ซึ่งนางไม่มีเวลามองหน้าสาวรับใช้ที่ออกปากเตือนเลยแม้เสี้ยววินาที

เจียงซื่อแอบขำกับภาพที่กัวซื่อกำลังหนีกลับเรือน

เจียงจั้นไม่สนใจเสียงตำหนิด่าทอของเฝิงเหล่าฮูหยิน แต่ยังคงวิ่งตามไปไม่หยุด

“เหล่าต้า รีบเข้าไปหยุดหลานไม่รักดีนั่นสิ!”

“ท่านแม่ระวังสุขภาพด้วย ข้าจะไปห้ามเดี๋ยวนี้ล่ะ!” เจียงอันเฉิงเอ่ยปลอบอย่างเอื่อยเฉื่อย

“งั้นเจ้าก็รีบไปสิ!” เฝิงเหล่าฮูหยินกระทืบเท้า

เจียงอันเฉิงถึงยอมเดินไป

เจียงจั้นวิ่งตามจนถึงด้านนอกประตูจวน จากนั้นก็ยกโต๊ะน้ำชาเล็กฟาดลงที่พื้นอย่างแรง แล้วโต๊ะน้ำชาพลันแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

“ตั้งแต่นี้ไป หากคนจากจวนอันกั๋วกงมาเหยียบที่จวนปั๋วอีก ก็จะมีสภาพเช่นนี้แหละ!”

ผู้คนเริ่มรุมล้อมตั้งแต่เจียงจั้นทุบรถม้า

ส่วนพวกทันเหตุการณ์ก็ชอบเรื่องการซุบซิบนินทามากเป็นที่สุด พวกเขาจึงรู้แต่แรกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เวลานี้จึงพากันวิจารณ์อย่างสนุกปาก

“ดูๆ แล้ว สองตระกูลนี้คงแตกหักกันแล้วสิ”

“โถๆ จะไม่แตกหักได้อย่างไรกัน คุณชายจวนอันกั๋วกงกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานแล้วแต่ยังเลือกฆ่าตัวตายกับหญิงอื่น แบบนี้เอาว่าที่ภรรยาไปไว้ที่ไหน”

“นั่นสิ ตระกูลที่มีชื่อเสียงหน่อย ไม่มีใครเค้ายอมเข้าพิธีแต่งงานด้วยหรอก เห็นหรือไม่ป้าหนิว ข้าบอกแล้วว่างานสมรสของสองตระกูลนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ เมื่อกี้ป้ายังพูดว่าฝ่ายชายมาจากจวนกั๋วกง เป็นไปได้แน่นอน”

……

เจียงอันเฉิงที่วิ่งตามมาบังเอิญได้ยินคำวิจารณ์เหล่านี้เข้า ก็แสดงสีหน้าเย็นชาออกไป พร้อมกับตะโกนใส่เจียงจั้น “หยุดได้แล้ว ยังไม่รีบกลับเข้าไปรับโทษอีก!”

กัวซื่อมองดูประตูของจวนตงผิงปั๋วปิดลงอย่างช้าๆ นางรู้สึกเพียงว่า วันนี้นางขายหน้ามากที่สุด ถ้าเป็นไปได้ นางอยากมีปีกแล้วบินกลับถึงจวนอันกั๋วกงทันที แล้วรถม้าก็ถูกทำลายจนเสียหาย จึงต้องรอให้คนขับรถม้าไปเช่ารถมาเสียก่อน

ท่ามกลางผู้คนมากมาย กัวซื่อเพิ่งเคยสัมผัสถึงคำว่าหนึ่งวันนานเหมือนหนึ่งปี

ทันทีที่เจียงจั้นกลับมาถึงในเรือน เขาคุกเข่าลง ฟุบ แต่กลับแสดงสีหน้าที่นิ่งเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ท่านพ่อจะตีจะลงโทษข้าอย่างไร ก็เอาเลยขอรับ”

“ใช้บทลงโทษประจำตระกูล ต้องลงโทษเท่านั้น!” เฝิงเหล่าฮูหยินรู้สึกโกรธจนตัวสั่น

เรื่องในวันนี้สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วจวน

เจียงซื่อเดินออกมาจากทุกคน “ท่านย่า หลานคิดว่าไม่ควรลงโทษพี่รองเจ้าค่ะ แต่ควรตบรางวัล”