วารุณีรู้สึกเหลือเชื่อ

แค่พริบตาเดียว วารุณีคิดว่ารีบไปแบบนี้ จะต้องมีธุระแน่ ไม่แน่เขาอาจจะกลับมาอีก

ดังนั้น เธอเลยขอโพสต์อิทกับพยาบาล แล้วเขียนช่องทางติดต่อของตัวเองลงไป ยื่นให้พยาบาล

“ขอโทษนะคะ นี่คือเบอร์โทรศัพท์ของฉันค่ะ ถ้าเขากลับมาอีก รบกวนเอาให้เขาด้วย”

……

อีกด้าน

ในห้องประชุมสำนักงานใหญ่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป บรรยากาศดูเคร่งขรึม

นัทธียืนอยู่ตำแหน่งที่เห็นชัดเหมือนกับจักรพรรดิ มองทุกคนในที่นั้นด้วยสายตาเยือกเย็น

มองดูเหล่าคนแก่ที่ไม่ได้โผล่หน้ามานาน มุมปากนัทธีก็ขยับ เผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา

“วันนี้เป็นวันปันผลกำไรเหรอครับ?บรรดาลุงๆถึงได้มาถึงที่กันหมดเลย”

เสียงของเขาชัดเจน ดัง เหมือนว่าทุกคำนั้นกำลังเคาะใส่ทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี้

เวลานั้น ไม่มีใครกล้าขานรับ

ที่วันนี้ทุกคนมากันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ ก็เพราะว่าข่าวที่ก่อนหน้านี้นัทธีถูกลักพาตัวไปถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

คนที่ได้รับข่าวลือนี้ ต่างอยากเข้ามาดูให้แน่ใจทั้งนั้น

ถ้าหากเป็นจริง งั้นบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปก็จะเผชิญหน้ากับการปรับเปลี่ยนครั้งใหม่

แต่พอเห็นนัทธียืนอยู่ด้านหน้าอย่างสบายดี ทุกคนก็ค่อยๆตระหนักได้ว่าข่าวนี้ไม่เป็นจริง

“ฮ่าฮ่า ใช่คนแก่ๆอย่างพวกเราไม่ได้มาบริษัทนานแล้ว อยากมาดูหลานชายซะหน่อย”

ในห้องประชุม เงียบไปหลายวินาที คุณสมศักดิ์ผู้อาวุโสที่สุดก็เปิดปากพูด

เขาพูดไป บรรยากาศในห้องก็ผ่อนคลายลงทันที ต่อมาก็มีคนเสริมตาม

ความคิดของพวกคนเจ้าเล่ห์ นัทธีจะไม่รู้ได้ไง แต่เขาไม่ได้เปิดโปง กลับพูดไปว่า “ผมก็ไม่ได้เจอพวกลุงๆมานานแล้ว แบบนี้ละกัน ตอนเที่ยงทุกคนมากินช้าวด้วยกันเถอะ”

“ไม่ต้องหรอก ที่บ้านผมมีธุระ กลับก่อนนะ”พูดไปคุณสมศักดิ์ก็ยืนขึ้นมาด้วยไม้เท้า แล้วเดินไปที่นอกห้องประชุม

ภายใต้การนำของเขา คนในห้องประชุมก็ค่อยๆออกไปหมด

สุดท้ายเหลือเพียงแต่นัทธีคนเดียว

ตอนนั้น ดวงตาที่ชัดเจนของเขาเยือกเย็นลงในทันที และร่างกายก็เย็นชาไปทั้งตัว

“มารุต”

“ประธาน”ผู้ช่วยมารุตที่อยู่ด้านนอกเดินเข้ามา

“ไปสืบ เรื่องนี้ใครบงการอยู่เบื้องหลัง”

“ครับ”มารุตพยักหน้าตอบรับ เตรียมจะหันเดินออกไป ก็ได้ยินนัทธีพูดอีกว่า“เดี๋ยว คุณไปที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดก่อน แล้วเอาห้าล้านให้ผู้หญิงคนนั้น”

รูม่านตานัทธีค่อยๆหดลง ในหัวปรากฏสภาพของวารุณีใสตอนเช้าตรู่

คิดถึงสภาพที่เธอบอกว่าจะชดใช้ สีหน้านัทธีก็อดไม่ได้ที่จะดูผ่อนคลายลงขึ้นเยอะ

แต่ว่า เขานัทธีไม่ชอบเป็นหนี้คนอื่นมาตลอด ครั้งนี้ก็เหมือนกัน

แต่ตอนที่มารุตไปถึงโรงพยาบาล วารุณีก็ออกไปพอดี และพยาบาลก็หาช่องทางติดต่อที่วารุณีทิ้งไว้ไม่เจอ

พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว วารุณีก็ยังไม่ได้รับสายของผู้ชายคนนั้นเลย

อีกฝ่ายน่าจะไม่คิดแค้นอะไรกับเรื่องนี้จริงๆ แล้วหินก้อนใหญ่ในใจวารุณีก็ค่อยๆยกออกไป

วันนี้ อากาศแจ่มใสบวกกับเป็นวันหยุดด้วย

วารุณีขับรถพาเด็กน้อยสองคนมาที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียง

ในนี้ มีร้านไอศกรีมเจ้าดังในโลกโซเชียลร้านหนึ่ง

เพราะว่าไอริณชอบทานไอศกรีม ดังนั้นเธอจึงสังเกตเห็น

เข้าแถวยี่สิบนาทีได้ ในที่สุดก็ถึงตาพวกเธอ

“ไอริณ ลูกอยากเอารสไหน?”วารุณีก้มหน้าถาม

“สตรอว์เบอร์รี รสสตรอว์เบอร์รีค่ะ”ตอนนี้ ไอริณมีความสุขมากๆ แม้แต่น้ำเสียงที่พูดก็ยังมีความหอมหวาน

พูดจบไอริณ วารุณีก็มองไปที่อารัณ“อารัณ ลูกล่ะอยากเอารสไหน?”

“ผมไม่เอา มีแต่ของเด็กผู้หญิงกิน”ใบหน้าอารัณมีแต่ความปฏิเสธ พูดแล้วก็เดินออกไป

หันหน้าไป สายตาก็เหลือบมองไปที่ร้านเสื้อผ้าสตรีที่อยู่ตรงข้ามโดยไม่ได้ตั้งใจ ผู้หญิงที่กำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่ด้านใน ไม่ใช่คนที่หลายวันก่อนรังแก หม่ามี๊เหรอ?