มันไม่ใช่แค่เพียงใบหน้าของเขาเท่านั้นแต่ยังรวมถึงความสูงตระหง่านและอารมร์อันสูงส่งที่ทำให้ผู้อื่นหลงใหล ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นดาบที่ยังไม่ดึงออกจากฝัก แม้ว่าเขาจะยืนเฉยๆ เขายังดูน่ากลัว

ชายคนนี้สวมชุดสีขาวลวดลายสีเข้มและมีเข็มขัดหยกคาดเอว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่เพรียวและเป็นชายทั้งแท่ง อย่างไรก็ตาม ซูมู่เก๋อคิดว่าชุดสีขาวของเขาเหมือนเสื้อคลุมรบเพราะบรรยากาศที่น่ายำเกง

เซี่ยโฮวโม่มองตรงไปข้างหน้าโดยไม่แม้จะหยุดเหลือบมองซูมู่เก๋อเลย

ฮวาเจิ้งยิ้มหวานบนใบหน้าสวยงดงามของนางเมื่อนางเห็นเซี่ยโฮ่วโม่และตรัสว่า “ฝ่าบาท เมื่อคืนพระองค์หลับสบายดีไหมเพค่ะ?”

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่?” เซี่ยโฮวโม่ไม่สนใจคำถามของฮวาเจิ้งและกล่าวกับผู้คุ้มกันของเขา

“ฝ่าบาท ทุกอย่างเรียบร้อยดีพะย่ะค่ะ”

“ออกเดินทาง”

สิ่งที่เซี่ยโฮวโม่พูด ทำให้ซูมู่เก๋อกลับมาเป็นตัวของตัวเอง นางคิดว่าผู้ชายไม่รู้เรื่องความรักเลยสักนิดและไม่มีความอ่อนโยนต่อสตรีเลย เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงแอบชอบเขา แต่เขาก็ไม่ตอบสนองนางด้วยซ้ำ

เซี่ยโฮวโม่ออกจากโรงแรมและไม่ได้แม้แต่จะมองฮวาเจิ้ง

มีความมืดมนในดวงตาของฮวาเจิ้ง

“องค์หญิง เชิญเสด็จเพค่ะ”

สาวใช้จับฮวาเจิ้ง แล้วพวกเขาก็เดินออกจากโรงแรมและเข้าไปในรถม้า ทหารและม้ากลุ่มใหญ่หายไปในถนนอย่างรวดเร็ว

บนถนนสายหลัก เซี่ยโฮวโม่นั่งบนหลังม้าสีดำราวติดปีก ตงหลินขี่ม้าไปข้าหน้าและกระซิบกับเซี่ยโฮวโม่ “ฝ่าบาท มือสังหารคนนั้นไม่ยอมปริปากแม้แต่คำเดียวพะย่ะค่ะ”

เซี่ยโฮวโม่จับบังเหียนไว้แน่นขึ้นพร้อมกับความเย็นชาในดวงตาของเขา

ตงหลินก้มหัวลงและนิ่งเงียบ ความหนาวเหน็บของเซี่ยโฮวโม่ทำให้เขาเหงื่อออกที่หน้าผาก

องค์รัชทายาทได้พบกับองค์หญิงแห่งแคว้นบูรพา ภายใต้รับสั่งจากองค์จักรพรรดิเมื่อเดือนก่อน ในระหว่างการเดินทาง พวกเขาถูกโจมตีมากกว่าสิบครั้ง

องค์หญิงฮวาเจิ้งถูกส่งตัวจากเมืองบูรพาให้เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีผ่านการแต่งงาน ถ้านางมีบางสิ่งเกิดจากเซี่ย เขาจะต้องเดือดร้อนแน่!

เซี่ยโฮวโม่เต็มไปด้วยความหนาวเหน็บทั่วร่างกาย “ไม่พูดอะไร? สับเขาออกเป็นชิ้นๆให้สุนัข! ตรวจสอบว่าเขารับใช้ใคร!”

“พะย่ะค่ะ”

เซี่ยโฮวโม่เหลือบมองและพูดว่า “แจ้งให้กุยหม่ามาพบข้า”

“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง พะย่ะค่ะ”

………………………….

ซูมู่เก๋อเดินออกจากโรงแรมและได้ที่ตั้งของหมู่บ้านจ้าว นางขับรถม้าและไปที่หมู่บ้านจ้าว

ถนนไม่เรียบและมือของนางที่ดึงบังเหียนเริ่มออ่นแรง

ดวงอาทิตย์ร้อนขึ้นและร้อนขึ้นเรื่อยๆ นางกำลังจะเป็นลม

นางหลังตาและส่ายหน้า อย่างไรก็ตาม การเต้นของหัวใจของนางพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล

นางขับรถม้าไปด้านข้างและเอนกายลงบนรถม้า กุมหัวใจของนางและหายใจหอบถี่

“มันแปลกอะไรอย่างนี้ เกิดอะไรขึ้นกับข้า!”

นางอยากจะเช็ดเหงื่อด้วยมือของนางแต่เมื่อมองเห็นว่าฝ่ามือของนางกลายเป็นสีดำ!

ซูมู่เก๋อตกใจมาก มองไปที่ฝ่ามือของนางอย่างว่างเปล่า

นางหายใจเข้าลึกๆ และรู้สึกถึงชีพจรของนางอย่างเงียบๆ

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็ขมวดคิ้วอย่างหนัก

ให้ตายเถอะ นี่ข้าถูกวางยา!

มันวางยาพิษข้า?

ทันใดนั้น นางก็มีอาการเจ็บแปลบอย่างรุนแรงราวกับว่ามีคนมาล้วงเข้าไปที่ท้องของนางและทำให้อวัยวะภายในของนางบิดสั่น นางเจ็บปวดจนต้องกรีดร้องออกมา!

พิษร้ายกาจนี้คือพิษอันใด!

ซูมู่เก๋อพยายามที่จะลุกขึ้นยืน แต่นางเจ็บปวดจนแทบจะเป็นลม

ในที่สุด นางก็ขับรถม้าไปที่เชิงเขาด้วยแรงเฮือกสุดท้าย นางไม่สามารถประคองตัวได้อีกต่อไปและล้มลงจากรถม้า

“ติ้ง ติ้ง….”

“เดินไปและเดินมา เป็นคนโง่เขลาและไร้ความสามารถและข้าจะไม่กังวล….”

มีเสียงระฆังที่คมชัดและเสียงฝีเท้าอันรวดเร็งที่เชิงเขาว่างเปล่าและเงียบสงบ เงาร่างปรากฎขึ้นจากอีกด้านหนึ่งของเนินเขา

เขาสวมเสื้อคลุมเต๋าสีซีดจาง ถือแส้ปัดป่ายกับผมประปรายซึ่งดูตลกมาก

นักบวชลัทธิเต๋ามองเห็นซูมู่เก่อที่กำลังตกจากรถม้าแล้วเดินตรงไปหานาง….

บทที่ 18 : ได้รับสมบัติ

“โอ้ นางยังมีชีวิตอยู่” นักพรตลัทธิเต๋าเอื้อมมือไปที่ปลายจมูกของซูมู่เก๋อและรู้สึกได้ว่านางยังหายใจอยู่

เมื่อมองไปที่ซูมู่เก๋อที่หมดสติ นักพรตเต๋าก็ลังเลและคิ้วขมวด “มันไม่ใช่ความผิดของข้า แต่เจ้าก็อาการแย่มาก” เขาเอื้อมมือไปที่เอวของนางและเอาเงินของนาง ชั่งน้ำหนักพวกมัน

“แม่นาง ตายเถอะ ดีกว่ามีชีวิตอยู่” กุยหม่าเก็บเงินและกำลังจะจากไป ทันใดนั้น เขาก็ถูกใครบางคนจับ

เขามองย้อนกลับไปและเห็นซูมู่เก๋อฟื้นขึ้นมา!

“คืนมันมาให้ข้า!” ซูมู่เก๋อจ้องมองกุยหม่าด้วยดวงตาสีอ่อนของนาง ปลายนิ้วของนางขาวซีดจากที่บีบเขาแน่น

นางจ้าวและร่างก่อนหน้าของนางถูกนางอันรังแกมาหลายปีและนางจ้าวเกิดในครอบครัวชาวนา ดังนั้น นางจึงไม่มีสินเดิมมากนัก แม้ว่านางจะพอมีอยู่บ้าง แต่นางก็ให้ซูหลุนเพื่อให้เขาใช้สอบในเมืองหลวง เงินยี่สิบเหลียงในกระเป๋าถือเป็นเงินออมส่วนตัวของนางจ้าวทั้งหมด หากไม่มีเงินนี้ นางจะไม่อดตาย แต่ตอนนี้ ถ้าไม่มีมัน ชีวิตของนางคงจะแย่แน่

หนวดของกุยหม่ากระตุกเล็กน้อย เขามองไปที่มือของนางที่จับเขาไว้แน่นและดึงรอยยิ้มที่น่าดึงดูดออกมาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ้าชู้ ซึ่งดูมีเสน่ห์มากต่อผู้หญิง “แม่นาง ข้าไม่ได้รักผู้หญิง”

ซูมู่เก๋อหลับตาลงและหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความเจ็บปวด

“หยุดเรื่องไร้สาระของเจ้าซะ!” ซูมู่เก๋อยกตัวขึ้นและตะครุบเขาทั้งตัว

กุยหม่าไม่มีเวลาตอบโต้ เขาคิดว่าซูมู่เก๋อกำลังจะตายและไม่มีแรงพอที่จะจับเขาไว้ได้ เขาสะดุดล้มลงพร้อมกับซูมู่เก๋อ

กุยหม่าถูกซูมู่เก๋อกดไว้และส่งเสียงฮึดฮัด

“เจ้ารอไม่ไหวที่อยากจะมอบตัวของเจ้าให้ข้ารึ ได้ ข้าจะทำให้เจ้าพอใจ”

ดวงตาที่เหมือนอัลมอนด์ของเขาแสดงออกถึงรอยยิ้มอันชั่วร้าย เขาจับมือของซู่มู่เกอและพลิกตัวเพื่อกดนางไว้ใต้ร่างของเขา

ซูมู่เก๋อใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของนางไปแล้วในตอนนี้ ดังนั้น นางจึงไม่สามารถทำอะไรเพื่อต่อต้านเขาได้

“ฮืม..ข้าจะดูว่าเจ้าจะดุดันแค่ไหน…” เขาเห็นแขนขาวๆของนาง ที่แขนนาง ขึ้นเส้นเลือดดำพันกันเหมือนรากต้นไม้ไปหมด

“เลือดแห่งเปลวไฟ…เจ้าได้เปลวไฟสีแดงมาได้อย่างไร!” กุยหม่าพลิกตัวและลุกขึ้นนั่ง เขาคว้ามือของนางมา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“ข้าแสวงหามันมาสามปีแล้ว แปลกใจอะไรเช่นนี้ เจ้ามีมัน! ข้ามีสมบัติแล้ว!” ดวงตาของกุยหม่าเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น เขาหยิบยาเม็ดสีดำใส่เข้าไปในปากของมู่เก๋อ

ซูมู่เก๋อตั้งใจที่จะคายมันออกมา แต่เขาบีบคอของนางไว้ นางจำต้องกลืนมัน

“ผ่อนคลาย ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตายเร็วแบบนี้แน่”

หลังจากนั้นครู่หนึ่งซูมู่เก๋อก็หมดสติ

กุยหม่าอุ้มซูมู่เก๋อและพานางเข้าไปในรถม้า เขาขับรถม้ามุ่งหน้าไปทางตรงกันข้ามกับหมู่บ้านจ้าว

ความเย็นยะเยือกทำให้ซูมู่เก๋อตื่นขึ้นมาพร้อมกับเริ่มรู้สึกตัว

นางลืมตาขึ้นและเห็นว่านางถูกล้อมรอบด้วยอากาศที่เย็นราวกับน้ำแข็งเหมือนมีม่านหมอก

นางอยู่ในสระน้ำที่อุณหภูมิต่ำ นางหนาวถึงกระดูกและสั่นรัว

มันมืดสลัวไปทั่ว มีความชื้นในอากาศอย่างหนัก นางจำได้ว่านางอยู่ในถ้ำ

นางขยับมือและเท้าที่ชาจากความเย็นและปีนขึ้นไปบนตลิ่ง

ถ้าไม่ใช่นักพรตเต๋าที่เจ้าเล่ห์นั่น ไม่มีใครสามารถพานางมาที่นี่ได้

เขาเป็นคนน่ารังเกียจ แต่ปฏิเสธไม่ได้ เขาช่วยนาง เพราะนางไม่ได้รับการล้างพิษ….

“เปลวเพลิงสีแดง….”

นางรู้สึกถึงชีพจรของตัวเองและพบว่าชีพจรของนางไม่เป็นระเบียบราวกับว่ามีไฟที่สามารถเผาผลาญอวัยวะภายในของนางได้ทุกเมื่อ

นางอันเป็นเพียงผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในลานบ้าน เป็นไปไม่ได้ที่นางจะมียาพิษนั่น มันไม่ใช่นาง มันต้องเป็นผู้ชายในวัดร้างนั่น!

มันง่ายสำหรับผู้ชายคนนั้นที่จะฆ่านาง ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องวางยาพิษนาง เป็นไปได้ว่าเมื่อนางรักษาบาดแผลด้วยพลังพิเศษของนาง นางก็ดูดพิษของเขามา อย่างไรก็ตาม พลังพิเศษของนางไม่สามารถกำจัดพิษได้ นางจึงเป็นคนที่ถูกพิษเอง

ข้าช่างโชคร้าย!

“เจ้าตื่นแล้ว เร็วมาก!”

เมื่อได้ยินเสียงนั้น ซูมู่เก๋อก็หันสายตาของนางมา

กุยหม่เดินอย่างสบายๆในเสื้อคลุมเต๋าพร้อมตะกร้าในมือ หนวดของเขาไม่มี ใบหน้าของเขาเปล่งประกายด้วยผิวขาวในถ้ำที่มืด ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ้าชู้คู่หนึ่งแสดงรอยยิ้มอ่อนๆ เสมอ มีลักยิ้มลึกสองข้างปากของเขาเมื่อเขายิ้ม เขาดูเหมือนเด็กวัยรุ่นที่ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์จริงๆ!

ซูมู่เก๋อมองเขาอย่างเฉยเมยและเข้าใกล้นาง “ท่านต้องการอะไร?”