“ จริงสิลูอิส แกพอจะได้ข่าวคราวของเร็กซ์บ้างไหม ”เมเดียร์

 

 

“ เร็กซ์ เลเยอร์น่ะหรอคะ? พอดีว่าเมื่อวันก่อนได้ข่าวของเธอมาจากทางกิลด์แล้วน่ะค่ะว่ากำลังเดินทางไปทำภารกิจที่อัฟฟา คาดว่าคงจะมาไม่ทันพิธีเปิดภาคเรียนหรอกค่ะคุณเม ”ลูอิส

 

 

“ ยัยนั่นนี่เป็นเหมือนกับเมื่อก่อนจริงๆ ชอบผจญภัยไปทั่ว ไม่อยู่กับที่และไม่กลับบ้านกลับช่องจนทำให้คนอื่นเป็นห่วง ว่าไปแล้ว.. อัฟฟานี่มันที่เดียวกับที่บี๋มันกำลังไปนี่หว่า .. บางทีสองคนนั้นอาจจะได้เจอกันแล้วล่ะมั้ง ”เมเดียร์

 

 

เร็กซ์นั้นเป็นบุตรสาวคนโตของดยุคเลเยอร์ และดยุคเลเยอร์เองก็เป็นเพื่อนสนิทของพ่อฉันด้วย และจากการประชุมหกดยุคเมื่อไม่กี่วันก่อนเป็นการประชุมหารือกันของรองผู้นำอาณาจักรทั้ง 6 ขั้วอำนาจ มีเพียงแค่ดยุคเลเยอร์เท่านั้นที่ไม่ได้มา อันเป็นเหตุเนื่องมาจาก เขาเป็นคนที่งานยุ่งมากจนไม่ได้มีเวลามาประชุมในวันนั้น อีกทังลูกสาวคนโตของเขาอย่างเร็กซ์ก็ดันมาไม่อยู่บ้านอีก

 

 

เขาเลยได้ส่งตัวของลูกชายคนเล็กของเขามาร่วมการประชุมแทนผู้เป็นพ่อ ฉันจำได้ว่าเขาไม่ได้มาปรากฏตัวให้เห็นในช่วงชุลมุนของการประชุมในวันนั้น เป็นเพราะเขารีบมากที่จะเอาข้อมูลนั้นไปบอกพ่อของเขา.. อีกอย่างคือเด็กคนนั้นขี้ลืมด้วย เลยต้องรีบกลับไปบอกพ่อของเขาให้เร็วที่สุด

 

 

ส่วนเหตุผลในการที่เขาส่งลูกชายสุดจะขี้ลืมของเขามา ก็เพื่อที่จะฝึกงานเขาเอาไว้ เพราะดูแล้วว่าเร็กซ์ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าตระกูลคนต่อไปไม่ได้เรื่องแน่ๆ ถ้ายังจะรักการผจญภัยขนาดนี้

 

 

นั่นเลยเป็นเหตุที่ทำให้ลูกชายของเขามีสิทธิ์ในการสืบทอดตระกูลสูงกว่าผู้ที่เป็นพี่สาว ส่วนตัวพี่สาวนั้นก็ไม่ได้คัดค้านอะไร มันออกจะดีใจซะด้วยซ้ำที่ไม่ต้องมายึดติดอยู่กับการเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป

 

 

“ แม้จะมาไม่ทันเปิดภาคเรียนมันก็ไม่ได้เป็นข้อเสียอะไรใช่ไหมล่ะ เพียงแต่มันอาจจะทำให้ยัยนั่นไม่รู้ถึงกฏบางข้อของสถาบันเลย เอาเป็นว่าเตรียมวาร์ปพอร์ตให้ยัยเร็กซ์มันหน่อยนะ ”เมเดียร์

 

 

“ ค่ะ! ”ลูอิส

 

 

ส่วนเรื่องของวาร์ปพอร์ตที่เอาไว้ใช้เดินทางฉุกเฉินนั้น ทางโบสถ์เป็นคนจัดการที่หนึ่งในแ่ละนอกประเทศ ส่วนทางหลวงจะจัดการอีกที่หนึ่งสำหรับสาธารณะ แต่มันก็ไม่ได้เป็นที่นิยมสำหรับพวกชอบผจญภัยหรอก เพราะมันขัดต่อความสนุกของกลุ่มคนพวกนั้นน่ะ 

 

 

แล้วก็.. ค่าใช้จ่ายในการใช้ค่อนข้างจะมหาศาลเลยทีเดียว นั่นทำให้มีน้อยคนมากที่จะใช้เจ้านี่ในการเดินทาง

 

 

“ ติดต่อไปหาครูว์ แล้วก็อย่าลืมบอกยัยนั่นเรื่องวาร์ปพอร์ตล่ะ ”เมเดียร์

 

 

“ เข้าใจแล้วค่ะ! ”ลูอิส

 

 

แล้วก็นะ ถึงแม้ว่ายัยเร็กซ์จะเป็นคนที่ไม่ค่อยกลับบ้านก็ตาม ยัยนั่นก็ยังสามารถสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่ง อย่างแคลนวาคิวเรียขึ้นมาได้ในเวลาเพียง 3 ปี มันเป็นคนที่แข็งแกร่งและมีคนให้ความยอมรับถึงขนาดนั้นนั่นแหละ

 

 

วาคิวเรียเป็นแคลนหญิงล้วนที่ประกอบไปด้วยสมาชิกที่มีความงดงามราวกับเทพธิดา 12 คน รวมหัวหน้าแคลนอย่างเร็กซ์แล้วก็เป็น 13 คน เป็นหนึ่งในแคลนของกิลด์นักผจญภัยที่ได้ชื่อว่าแรงก์ S ลูกแคลนบางคนแม้จะมีแรงก์เพียงแค่ A แต่ความแข็งแกร่งของพงกเธอมันคือระดับ S อย่างแน่นอน

 

 

และการประสบความสำเร็จในแต่ละภารกิจของเธอที่เข้าขั้นเพอร์เฟ็คนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีการจ้างวานเข้ามาไม่ขาดสายเลยล่ะ เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จในฐานะนักผจญภัยแล้วล่ะนะ

 

 

แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องไปเรียนที่สถาบันราชวงศ์อยู่ดี ก็นั่นเป็นข้อกำหนดสำหรับพวกขุนนางนี่นะ ยิ่งเป็นขุนนางระดับสูงด้วยแล้วก็ยิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยล่ะ

 

 

“ จริงสิคุณเม คุณคงได้รับจดหมายเชิญขององค์ชายจากพานาร์แล้วสินะคะ ”ลูอิส

 

 

“ ก็ใช่ ”เมเดียร์

 

 

ยิ่งคิดถึงหน้าเจ้าองค์ชายส้นตีนน่ะก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ สีหน้าในตอนนี้ของฉันมันบูดบึ้งสุดๆไปเลยล่ะ

 

 

“ ฉันคิดว่าสาเหตุที่งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นอย่างกระทันหันมันเป็นเพราะว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้เดินทางมาถึงราชอาณาจักรของเราแล้วล่ะค่ะ ”ลูอิส

 

 

“ ยัยผู้หญิงจากคริสตจักรอิกนิสนั่นน่ะนะ? ”เมเดียร์

 

 

“ ใช่ค่ะ แล้วก็ยังมีข่าวลือว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์คนนั้นเป็นร่างสถิตอันชอบธรรมของเทพธิดาอิกนิสด้วยล่ะค่ะ ด้วยความที่ฉันเป็นนักบุญของเทพีอิกนิส เรื่องแบบนี้จะให้ฉันไม่ดีใจได้ยังไงกันล่ะคะ และดวงตาแห่งนักบุญของฉันก็ยังบอกอีกว่าข่าวลือพวกนั้น มันเป็นความจริงน่ะค่ะ! ”ลูอิส

 

 

ดูลูอิสจะดีใจมากที่ร่างสถิตของเทพธดาที่เธอเคารพได้มาถึงอาณาจักรของเรา ฉันคิดว่าเธอคนนั้นเองก็น่าจะมาเข้าสถาบันราชวงศ์เช่นกัน เพราะไม่มีสถานฝึกสอนไหนดีไปกว่าสถาบันราชวงศ์ของเราอีกแล้วไงล่ะ ทั้งเรื่องของการเรียน และความปลอดภัย

 

 

“ งานเลี้ยงจะจัดวันที่ 9 นี้แล้วใช่ไหม? ”เมเดียร์

 

 

“ ถูกต้องค่ะ! ”ลูอิส

 

 

วันนี้เป็นวันที่ 2 ของเดือนเมษา.. งั้นก็เหลือเวลาอีก 7 วันน่ะสิ 

 

 

ฉันไม่ได้คิดมากถึงเรื่องนั้นสักเท่าไหร่ เพราะมันก็เป็นเพียงแค่งานเลี้ยงที่ทางราชวงศ์จัดให้สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็เท่านั้น ที่ฉันห่วงจริงๆก็คือ.. บี๋ ฉันไม่คิดว่าเจ้าหมอนั่นจะเอาตัวรอดคนเดียวได้ในที่แบบนั้นหรอกนะ 

 

 

แม้ว่าจะมีพลังที่แข็งแกร่ง แต่หากใช้ไม่เป็นมันก็เท่านั้น 

 

 

.. เมื่อไหร่แกจะกลับบ้านวะเนี่ย รู้ไว้ซะบ้างว่าโรเซ่กับราซเป็นห่วงแกอยู่

 

 

 

 

 

 

 

 

 

[ บี๋ ]

 

 

 

“ เวทมนตร์ จะต้องดึงประสิทธิภาพและความเข้มข้นที่อยู่ในมานาออกมาให้ได้มากที่สุด ”มาน็อค

 

 

“จะได้ไม่เสียมานาไปโดยพร่ำเพรื่อ และยังสามารถเพิ่มความรุนแรงของเวทนั้นๆได้อีกด้วย ”มาน็อค

 

 

“ ทีนี้ก็ลองเพ่งสมาธิไปที่ฝ่ามือดูนะ ”มาน็อค

 

 

ขณะที่กำลังล่องเรืออยู่ในทะเลมรสุมตอนกลาง ผมก็ได้ขอให้มาน็อคที่เป็นซอเซอร์เรอร์มาช่วยผมฝึกใช้เวทมนตร์

 

 

ตามที่คุณอลันบอก พื้นฐานของความเข้าใจเวทมนตร์เกิดจากจินตนาการ ผมเพ่งสมาธิเพื่อรวบรวมมานาไปที่ฝ่ามือ ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกได้ปรากฏขึ้นมาที่ฝ่ามือของผมพร้อมๆกับแสงสีม่วงของมานา

 

 

มันแปลก.. ก่อนหน้านี้ที่ผมได้ใช้เวทมนตร์ผมไม่เห็นจะรู้สึกถึงอุณหภูมิอะไรจากมันได้เลย แต่พอมาตอนนี้มันกลับมีความร้อนขึ้นมาได้

 

 

“ อุ่นใช่ไหมล่ะ.. มันเป็นเพราะปริมาณความเข้มข้นของมานา ของนายมีสูงมันเลยทำให้เกิดอุณหภูมิขึ้นมาได้ แต่ว่าก็แปลกนะ.. ”มาน็อค

 

 

จากที่เธอนั่งอยู่ข้างๆคอยบอกถึงวิธีการใช้มานาที่ถูกต้อง เมื่อเธอได้เห็นสีของมานาของผมเธอก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นมาอีก เธอยื่นตัวเข้ามาที่ฝ่ามือของผม จนใบหน้าของเธออยู่ใกล้กับเปลวมานาของผมเพียงไม่กี่เซน

 

 

“ ตามปกติแล้วคนเราจะมีมานาสีฟ้าโดยกำเนิด ก่อนที่จะใส่เพิ่มธาตุลงไปในมานานั้นๆ แต่เหมือนว่ามานาของนายจะมีความพิเศษมากกว่ามานาของคนอื่นๆ ตรงที่มานาโดยกำเนิดของนายนั้นมีสีม่วง ที่แตกต่างจากสีโดยทั่วไปของมัน ”มาน็อค

 

 

“ ฉันเคยได้อ่านหนังสือประวัติศาสตร์มหากาพย์บางเล่ม และมันก็มีหนึ่งในนั้นที่กล่าวถึงเหตุการณ์แบบนี้ไว้ด้วย ”มาน็อค

 

 

เธอกลับมานั่งตามปกติ แม้ว่าเธอจะรู้สึกสนใจมันแต่ผมก็ไม่สามารถดูสีหน้าเธอออกได้เลย เพราะมันราบเรียบและเย็นชามาก เรียกได้ว่าเธอเป็นคนที่ผมไม่สามารถเดาความคิดของเธอได้เลย

 

 

“ มันเป็นมหากาพย์ของกษัตริย์เฮนริกที่ 1 ของอาณาจักรไทฟอนทางใต้สุดของทิศตะวันตก ตำนานนั้นว่าไว้ว่าก่อนที่เฮนริกจะได้สร้างอาณาจักรไทฟอนขึ้นมา เขาได้ออกเดินทางไปรอบโลกและได้พบกับคนๆหนึ่ง ที่มีมานาไม่เหมือนใคร และมานานั้นเป็นสีม่วง แบบเดียวกับของนาย ”มาน็อค

 

 

“ ว่ากันว่าเฮนริกเข้าไปคุยกับคนๆนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น เฮนริกเรียกชายคนนั้นว่ากอร์ เหมือนว่าเขาจะมีชื่อแบบนั้นน่ะนะ ”มาน็อค

 

 

ก- กอร์หรอ… หรือว่าที่มานาผมเป็นสีม่วง มันจะเป็นลักษณะมานาโดยกำเนิดของกอร์อยู่แล้วแล้วมันก็ได้ถ่ายทอดมาที่ผมที่ไร้ซึ่งมานา?

 

 

บางทีมันก็อาจจะเป็นแบบนั้นน่ะนะ..

 

 

“ กล่าวว่าความพิเศษของมานาสีม่วงนั้นคือพลังโจมตีอันท่วมท้น การฟื้นฟูมานาที่รวดเร็วและความคงกระพัน ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงมากน้อยแค่ไหน แต่การที่ฉันได้เห็นมันกับตาแบบนี้คงเริ่มเชื่อขึ้นมาสัก 40% แล้วล่ะ ”มาน็อค

 

 

ระหว่างนั้นผมก็ใช้เวลาทั้งวันไปกับมาน็อค ส่วนคนอื่นๆก็ทำกิจกรรมของตัวเองอยู่ที่ห้องพัก

 

 

เมื่อมาน็อคได้นอนหลับไปแล้วในช่วงกลางคืน ผมก็เอาแต่ฝึกปรือเวทมนตร์ไปเรื่อยๆ ไม่มีพัก แม้ผมจะเหนื่อยมากที่ต้องมานั่งฝึกการควบคุมพลังที่เหนือจินตนาการนี้ ผมก็ไม่เลิกที่จะเรียนรู้มัน เพียงเพราะว่ามันสนุก แบบ มาก มากกก

 

 

ในทุกๆวันจะเป็นแบบนี้เรื่อยไป ไปตลอด 9 วัน และแต่ละวันผมก็คุยเล่นเป็นเพื่อนกับ 5 สาวกับอีก 1 ลุงนั้นเวียนไปเรื่อย เพื่อให้พวกนางได้ระบายความรู้สึกของตน และคลายความเหงาในระหว่างที่กำลังกำลังเดินทางแบบนี้

 

 

ซึ่ง… มันไม่ควรจะเป็นหน้าที่ของผมป่ะนิ? แต่เอาเหอะ ผมก็ไม่ได้ติดอะไรหรอก สำหรับพวกเสบียงน่ะ ผมมั่นใจว่ายังมีพอเหลือเฟือสำหรัลวันหลังๆเลยล่ะ เพราะผมซื้อมาเยอะมาก ผิดกับพวกเธอที่จัดเสบียงมาพอประทังชีวิต.. ซึ่งมันแทบจะไร้สีสันในชีวิตโดยสิ้นเชิงเลยล่ะ นี่พวกปาร์ตี้แรงก์ S เค้ากินอาหารกันแบบนี้หรอเนี่ย.. ถ้าหากเป็นงั้นจริงผมก็ไม่อยากจะเป็นแรงก์ S ซะแล้วสิ

 

 

ตลอด 9 วันมานี้มันไม่มีอะไรเป็นพิเศษนอกเสียจากหมอก หมอก แล้วก็หมอก สิ่งเดียวที่คอยเยียวยาจิตใจก็คือกระเบนไลก้าที่คอยนำทางพวกเรามาเสมอ.. คือผมเบื่อซะจนคุยกับเจ้าพวกนี้เล่นจนเริ่มเข้าใจภาษาที่พวกมันใช้แล้วล่ะ

 

 

เพียงแค่ผมใช้กระแสมานาแทนเสียงของตัวเอง ส่งออกไปในความถี่เท่าๆกับที่มันส่งออกมา ผมก็สามารถรู้ได้แล้วว่าพวกมันกำลังคุยอะไรกัน เรียกได้ว่าเป็นทักษะอย่างนึงที่เอาไว้ใช้คุยกับมอนสเตอร์ได้เลยล่ะ

 

 

“ เนาะ ออก้า ”

 

 

ถึงขั้นที่ผมตั้งชื่อให้มันหนึ่งตัวเลยล่ะ มันเป็นตัวที่ใหญ่กว่าตัวอื่นๆ ตัวของมันใหญ่พอๆกับเรือของเราเลยล่ะ อีกทั้งลวดลายสีครามของมันยังสวยงามมากอีกด้วย 

 

 

สงสัยว่าวันนี้ผมคงต้องคุยกับมันไปอีกสักพักแล้วล่ะ เพราะพวกผู้หญิงหลับกันไปหมดแล้วไง

 

 

“ พรุ่งนี้ก็เข้าวันที่สิบแล้วสินะ ไม่นานเราก็จะออกจากทะเลมรสุมตอนกลางแล้วสินะออก้า ฉันจะคิดถึงแกให้มากๆนะ ”

 

 

กรู้ว~

 

 

“ แกนี่น่ารักจังเลยน้า~ ”

 

 

เอาจริงนะ ถ้ามีใครมาเห็นว่าผมกำลังคุยกับพวกกระเบนแบบนี้คงจะว่าผมเป็นบ้าไปแล้วล่ะ แต่ทำไงได้ ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวสักหน่อยที่ฟังพวกมันรู้เรื่อง 

 

 

ครูว์เองก็น่าจะฟังพวกมันออกเหมือนกัน ไหนๆตัวเองก็มีสกิลอ่านความคิดระดับ S สุดโกงแล้วนี่นะ 

 

 

ทว่าผมที่คิดว่าจะไม่นอนในคืนนี้นั้น ก็ได้สังเกตเห็นบางอย่างในสายหมอกด้านขวาของเรือ ไกลออกไปประมาณ 4 ถึง 5 กิโลเมตร 

 

 

ผมที่เห็นเจ้าสิ่งนั้นถึงกับขนลุก และตกตะลึงในความยิ่งใหญ่ของมัน

 

 

“ …ออ-.. ออก้า นั่น.. พ่อแกป่ะ ”

 

 

กรู๊? 

 

 

ตัวของมันโคตรจะใหญ่เลยล่ะ นี่ขนาดว่าเราอยู่ไกลจากมันถึง 5 กิโลเมตรส่วนหัวของมันที่เผลอขึ้นมาเหนือน่านน้ำเพียงเล็กน้อยยังมีขนาดใหญ่กว่าเรือของเราถึง 10 เท่า ร่างของมันเรืองแสงสีฟ้าน้ำทะเลเป็นลวดลายที่สวยงามในยามราตรี ดวงตาของมันค่อนข้างใหญ่มาก มันมีดวงตาที่สามารถเรืองแสงสีเดียวกันกับลวดลายของมันได้ด้วยในตอนกลางคืน 

 

 

ราวกับว่า.. มันกำลังจ้องมองผมอยู่ และกำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกับเรือ  ผมชักจะสงสัยแล้วสิว่านี่ผมจะโดนมันกินรึเปล่า?

 

 

ถ้าเป็นไปตามที่เร็กซ์เล่ามาล่ะก็.. เจ้าตัวนั้นคงจะเป็นเลเวียธาน ตอนแรกผมก็คิดว่าน่าจะเป็นตัวคล้ายๆในเกมไฟนอลแฟนตาซีที่มัน.. เหมือนปลาไหล และไม่ได้คิดว่ามันจะตัวใหญ่มากขนาดนี้

 

 

จะว่ายังไงดีล่ะ มันเหมือนกับวาฬโบราณขนาดมโหฬาร ที่มีส่วนหัวเป็นมังกร และตอนนี้มันกำลังจ้องผมเขม็งเลยล่ะ พอผมมองจากส่วนหัวไปยังส่วนลำตัวและส่วนท้าย.. ผมมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของมันเลยอ่ะ.. อะไรมันจะยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้..

 

 

“ ออก้า.. พ่อแกน่ากลัวอ่ะ… ”

 

 

ตอนนี้ผมยืนขาสั่นไปหมดแล้วเนี่ย! มันน่ากลัวโคตรๆเลยอ่ะ!

 

 

กู๊? กรู๊ว!

 

 

“ อะ- อะไรนะ? จะไปทักทายพ่อให้งั้นหรอ!? อย่านะเห้ย! เดี๋ยวฉันได้โดนกินพอดี!! ”

 

 

ฟิ้วว~

 

 

อ่ะ.. ไม่ทันละ มันพุ่งไปหาพ่อมันนู่นแล้วไงล่ะ แถมความเร็วยังติดสปีดให้ด้วยนะ แบบ มันพุ่งไปหาถึงพ่อของมันในระยะทาง 5 กิโลเมตรในเวลา 5 วินาทีเลยล่ะ มันเป็นกระเบนที่ว่ายน้ำโคตรจะเร็ว ไม่สิ สายพันธ์ของมันน่าจะเป็นแบบนี้ทุกตัว

 

 

แม้ว่าผมจะอยู่ห่างขนาดนี้ แต่จากกระแสเสียงที่ออก้ากำลังสื่อสารกับเลเวียธานอยู่ ผมก็รู้ได้ว่าพวกมันกำลังคุยกัน แต่ผมไม่สามารถจับใจความที่แน่ชัดได้ เพราะมันไกลเกินไป..

 

 

กรู๊!

 

 

กรู๊วววว~

 

 

กรู กรู๊ว!

 

 

ดูออก้ามันจะสนุกแฮะ เดี๋ยวนะ นี่มันกำลังคุยเรื่องที่จะขยี้ผมทิ้งป่ะเนี่ย! น่ากลัวชะมัด!

 

 

หลังจากออก้ามันพูดเสร็จ เลเวียธานก็หลับตาไปพักนึง เหมือนเป็นการทบทวนสิ่งที่ออก้ามันพูด และลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ทันไร.. ออก้าก็กลับมาอยู่ข้างๆเรือเหมือนเดิมละ

 

 

แต่ก่อนที่ผมจะได้พักหายใจ เสียงๆหนึ่งที่คล้ายคลึงกับเสียงของชายวัยกลางคนที่มีน้ำเสียงทุ้มต่ำและอ่อนนุ่มละมุนได้ดังเข้ามาในหัวของผม

 

 

“ มนุษย์เอ๋ย.. ได้ยินว่าเจ้าสามารถสื่อสารกับเราได้รึ ”เลเวียธาน

 

 

อ่า.. มันเป็นเสียงของพ่อมันอย่างชัดเจนเลยล่ะ 

 

 

“ ใช่คับ.. ”

 

 

“ เป็นเช่นนั้นเอง… ฮึฮึ ไม่ได้มีมนุษย์ที่น่าสนใจมาที่นี่มานานเท่าใดแล้วกันนะ ”เลเวียธาน

 

 

“ เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเจ้ากำลังออกนอกเส้นทางอยู่… ”เลเวียธาน

 

 

เอ๊ะ.. ที่เรากำลังออกนอกเส้นทางกันหรอเนี่ย? เออแฮะ พอผมมองลงไปใต้น้ำแล้ว ทางที่เราไปกับทางที่ออก้าไปมันคนละทางกันแฮะ 

 

 

“ ขอบคุณที่บอกคับ.. ”

 

 

“ ข้าจะให้ไลก้าพวกนั้นเป็นคนพาเจ้าไป ไม่จำเป็นต้องควบคุมพาหนะเล็กๆนั่นหรอก.. ”เลเวียธาน

 

 

หลังจากที่คุณป้อเลเวียธานพูดจบ กระเบนไลก้าทั้งหลายก็ได้มาห้อมล้อมเรือเราเอาไว้ โดยมีออก้าคอยช่วยผลักเรืออยู่ที่ท้ายเรือ

 

 

แต่ว่าเราพูดคุยกันแบบนี้จะไม่เป็นไรจริงๆน่ะหรอ? ที่นี่ยังมีครูว์อีกนะที่สามารถรู้ความคิดของพวกมอนสเตอร์ได้ 

 

 

แปปนะ ขอผมไปเช็คแปป 

 

 

“ …หลับปุ๋ยเลยวุ้ย ..”

 

 

ผมกลับขึ้นมาบนดาดฟ้าเรืออีกครั้ง ก็ได้เห็นคุณเลเวียธานที่เหมือนว่ากำลังยิ้มให้กับผมอยู่

 

 

“ ข้าจะพาเจ้าออกจากที่นี่เอง.. ตามข้ามาสิ …”เลเวียธาน

 

 

ไม่นานนัก คุณเลเวียธานก็ค่อยๆออกตัวมุ่งหน้าต่อไป ทางเรือของเราเองก็เร่งความเร็วไปอย่างรวดเร็วด้วยตัวของกระเบนไลก้าทั้งหลายที่ช่วยพยุงเรือเอาไว้

 

 

คือมันเร็วซะจนผมต้องหาที่เกาะบนเรือเอาไว้เลยล่ะ ไม่งั้นผมกระเด็นออกจากเรือแน่

 

 

แต่น่าแปลกทั้งๆที่เรือเคลื่อนที่เร็วขนาดนี้แต่กลับไม่มีการสั่นไหวอะไรเลย อีกทั้งทุกๆคนก็ยังไม่สามารถรู้สึกถึงผิดปกติได้และยังคงหลับไหลกันต่อไปทั้งแบบนั้น

 

 

มันน่าแปลกมากจริงๆ 

 

 

ผ่านไปไม่นาน หมอกก็เริ่มจางลงเรื่อยๆ และหายไปในที่สุด ก่อนที่ผมจะรู้สึกตัวได้ว่าใต้เรือเราไม่มีกระเบนไลก้าอยู่เลย เลยรีบวิ่งไปที่ท้ายเรือ

 

 

ผมเห็นว่าพวกออก้ากำลังส่งผมอยู่ตรงขอบระหว่างทะเลมรสุมตอนกลางที่มีหมอกหนาทึบกับทะเลมรสุมตอนปลาย แม้ว่าหมอกมันจะมีอยู่มาก แต่ด้วยลวดลายที่เรืองแสงสีครามของพวกมันทำให้ผมสามารถเห็นตัวพวกมันได้ไม่ยากนัก

 

 

“ ออก้า!! ”

 

 

กรู๊วว~

 

 

และข้างหลังของพวกมันเองก็เป็นคุณป้อเลเวียธานที่ขนาดตัวของป้อนั้นใหญ่โคตรๆ และยังเรืองแสงสีสวยสดออกมา แม้จะเป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอกับพวกเขาเพียงไม่นาน ผมก็รู้สึกขอบคุณพวกเขามากที่ไม่ทำอันตรายอะไรกับเรา

 

 

ผมจึงได้โบกมือลากับพวกเขาที่อีกฝากของเส้นแบ่งกันระหว่างทะเล

 

 

“ ออก้า!! คุณเลเวียธาน!! ไว้พบกันใหม่นะ!! ”

 

 

“ สักวันเราคงได้เจอกันอีก… มนุษย์เอ๋ย.. ”เลเวียธาน

 

 

กรู๊ววว~~!

 

 

หลังจากการร่ำลากัน พวกเขาก็หันหลังกลับไปทางที่ตนมา จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าความยาวของคุณป้อเลเวียธานนั้นมันสิ้นสุดอยู่ที่ตรงไหน.. 

 

 

แต่ตอนนี้พวกเราก็สามารถข้ามมายังทะเลมรสุมตอนปลายได้อย่างปลอดภัยแล้วล่ะ ถึงจะเป็นช่วงสั้นๆที่พวกเราได้พบกัน ผมก็ยินดีมากที่ได้รู้จักพวกเขาผมจึงได้ยิ้มขึ้นและหันหลังให้กับทะเลมรสุมตอนกลาง ก่อนจะลงไปนอนรวมกับคนอื่นๆ

 

 

นี่คงจะเป็นหนึ่งในความประทับใจของผมเลยล่ะ…

 

 

 

 

 

 

2 วันก่อนหน้านี้

 

 

[ เมเดียร์ ]

 

 

“เสร็จรึยังเนี่ยแม่ ”เมเดียร์

 

 

“แหมๆ ไปเจอองค์ชายทั้งที ต้องแต่งสวยหน่อยสิลูก~”วิเวียน

 

 

ตอนนี้ฉันกำลังแต่งตัวเพื่อเข้างานเลี้ยงขององค์ชายที่จัดขึ้นเพื่อสตรีศักดิ์สิทธิ์คนนั้น 

 

 

แต่ไม่รู้ว่าแม่ติดใจอะไรนักหนา ถึงยังจับฉันแต่งเข้าชุดเดรสนู่นนั่นนี่ไม่พักสักที

 

 

สุดท้ายก็มาจบที่เดรสราตรีสีม่วงทึบเหมือนสีท้องฟ้ายามราตรีที่ประดับไปด้วยหมู่ด้วยนี่แหละ ส่วนเครื่องประดับก็จะเป็นกำไลข้อมือ แหวน และสร้อยคอ กับปิ่นปักผม 

 

 

แต่ทั้งหมดนี่ฉันไม่ได้แต่งเอง.. แต่ถูกโรเซ่และแม่จับแต่งชุดต่างหาก 

 

 

ให้ตาย.. เกลียดชุดเชี่ยนี่ชะมัด

 

 

 

 

 

ตัดจบตอน

 

 

 

 

 

คุณป้อเลเวียธานนนน