ตอนที่ 9 รับปาก

สามีข้า คือพรานป่า

เฉินเถียนเถียนกินข้าวอย่างตะกละตะกลาม แม้จะเป็นอาหารที่ไม่อร่อยนักแต่ก็ดีกว่าต้องอดตาย เมื่อกินอิ่มเฉินเถียนเถียนก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้นางอยู่ในบ้านสวนเก่า ๆ แห่งหนึ่ง

บ้านสวนแห่งนี้มีกองข้าวเปลือกอยู่มากมาย แต่ในตอนที่เดินเข้ามากลับไม่เห็นที่นาเลยสักผืนมีเพียงพื้นดินเปล่าอันแห้งแล้งเท่านั้น ผู้คนที่นี่รูปร่างกำยำราวกับเป็นคนที่ข้ามภพจากทางใต้ของยุคปัจจุบันที่นางอาศัยอยู่มายังฝั่งเหนือของยุคโบราณนี้!

จี๋ชื่อเห็นลักษณะการกินอันมูมมามของเฉินเถียนเถียนแล้วรู้สึกสงสารอย่างช่วยไม่ได้ นางต้องหิวขนาดไหนกันจึงกินเข้าไปเยอะขนาดนี้?

“ข้าขอบคุณป้าเหลือเกิน ตั้งแต่ที่ข้าเสียแม่ไปก็เพิ่งเคยกินอาหารดี ๆ และรู้สึกอิ่มขนาดนี้!”

ในตอนนี้เฉินเถียนเถียนต้องทำตัวน่าสงสารเพื่อให้ผู้อื่นเห็นใจ ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่นางเรียนรู้ของวัตถุโบราณกับคุณปู่ เขาก็สอนให้นางเข้าใจระบบการดำเนินชีวิตของคนยุคโบราณด้วย แม้ในยุคนี้ความกตัญญูจะต้องมาก่อนแต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องที่นางจะยอมได้

เป็นเพราะคนในหมู่บ้านนี้มองว่านางเป็นคนเกียจคร้าน ไม่เอาการเอางานและมีดีเพียงหน้าตาเท่านั้น บางคนในหมู่บ้านก็ไม่รู้จักเฉินเถียนเถียนเพราะนางไม่เคยออกจากบ้านเลย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนใจในตัวของนางนัก

ป้าจี๋ถอนหายใจพร้อมส่ายหัว “พ่อของเจ้านี่ก็เหลือเกิน ลูกสาวตัวเองไม่รักแต่กลับไปสนใจลูกติดของคนอื่น!”

“ท่านป้าข้าไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเลย ขอแค่ข้าได้กินอิ่มนอนหลับก็เพียงพอแล้ว ท่านพ่อคงเห็นข้าเป็นเพียงลูกสาวไม่ได้สำคัญอะไร”

ป้าจี๋มองด้วยความเห็นดู “ลูกสาวแล้วอย่างไร? ข้ายังอยากมีลูกสาวเลย ดูสิ บ้านข้ามีลูกชายหกคน ไม่มีใครคอยดูแลหรือสนใจพ่อแม่เลย ข้าอยากมีลูกสาวที่คอยเอาใจใส่ข้าบ้าง”

เฉินเถียนเถียนก้มหน้าโดยไม่พูดอะไร นางตระหนักได้ว่าในยุคนี้ แม้บุพการีจะเลวร้ายแค่ไหนคำพูดเหล่านั้นก็ไม่ควรหลุดออกมาจากปากของผู้เป็นลูก

“ถ้าเช่นนั้นก็อยู่ที่นี่ไปก่อน หากพ่อจะมารับเจ้ากลับก็ต้องได้รับอนุญาตจากข้า เจ้าต้องห้ามเดินตามเขาไปตามอำเภอใจเพราะหลินชวนฮวาไม่ใช่คนดี นางอาจรังแกเจ้าและพ่อของเจ้าก็เชื่อฟังแต่นาง!”

เฉินเถียนเถียนกัดปาก “ข้าขอบคุณท่านป้ายิ่งที่คอยช่วยเหลือ”

จี๋ชื่อพยักหน้าก่อนจะกลับไปปักผ้าที่ทำค้างไว้ต่อ

ย่าของเฉินเถียนเถียนนอนป่วยไม่ได้สติอยู่บนเตียง ปากของนางเรียกหาเพียงเฉินผิงอันลูกชายผู้เป็นที่รัก แต่เฉินเถียนเถียนทราบดีว่าพ่อของนางพึ่งพาอะไรไม่ได้

เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ลุงและพี่ชายทั้งหกของเฉินเถียนเถียนก็กลับมา หลังจากที่พวกเขาได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนางก็ต่างโกรธจนเลือดขึ้นหน้า

เฉินเถียนเถียนช่วยป้าจี๋ทำอาหารอยู่ในครัว ทั้งสองทำข้าวต้มและหมั่นโถวสำหรับหนุ่ม ๆ พร้อมไข่เจียวหนึ่งฟองให้คุณย่า

แม้สภาพบ้านของป้าจี๋จะทรุดโทรมแต่นางก็ยังมีจิตใจเมตตา ครั้งหนึ่งจี๋ชื่อตั้งใจนำเนื้อไปแบ่งให้เฉินเถียนเถียนกินแต่หลินชวนฮวากลับออกอุบายและหาข้ออ้างโดยการบอกว่าเป็นหญิงหากกินเนื้อเยอะจะรูปร่างไม่ดีไม่น่ามอง เฉินเถียนเถียนจึงได้กินเพียงหมั่นโถวและสูดดมกลิ่นหอมของอาหารจากในบ้านเท่านั้น

ขณะที่พวกเขากำลังรับประทานอาหารอยู่ หลินชวนฮวาและเฉินผิงอันก็เดินเข้ามา

ลุงเฉินผิงเหอสามีของป้าจี๋พูดขึ้นทันที “น้องรอง! เจ้าลืมคำพูดของข้าไปแล้วหรือว่าห้ามให้หญิงผู้นี้เข้ามาเหยียบบ้านข้าโดยเด็ดขาด!”

หลินชวนฮวาแสดงสีหน้าไม่พอใจชั่วขณะก่อนจะรีบควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติ แต่เฉินเถียนเถียนเห็นทุกอย่างชัดเจนและตกตะลึงในความกลับกลอกของนาง

“พี่ใหญ่เรื่องมันผ่านมานานแล้ว ข้าเองก็มีลูกชายให้ตระกูลเฉินแล้ว เหตุใดจึงยังไม่ยอมให้ข้าเข้าบ้านเล่า?” หากเป็นเฉินผิงอันก็คงยอม แต่เฉินผิงเหอไม่ใช่คนหูเบา

“อย่ามาทำกริยาเช่นนี้กับข้า หากอยากคุยก็เชิญไปคุยข้างนอก อย่าได้คิดเข้ามาในบ้านของข้าเด็ดขาด ผิงอัน… เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเพราะเหตุใดแม่ถึงล้มป่วย?”

เฉินผิงอันนึกได้จึงดึงมือหลินชวนฮวาออกไปข้างนอก

“วันนี้คงไม่ได้กินข้าวแล้ว ไปกัน… ออกไปดูว่าสองผัวเมียคู่นี้จะพูดอะไร!” เฉินผิงเหอวางตะเกียบลงก่อนจะเดินออกไป

“มีเรื่องอะไรก็ว่ามา! แม่นอนป่วยบนเตียงมาเป็นสิบปี เจ้าไม่เคยคิดจะแยแส วันนี้มีเรื่องอะไรถึงต้องมาที่บ้านของข้าด้วยตนเอง?”

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น เฉินผิงอันก็รู้สึกเจ็บปวด เป็นเพราะแม่ไม่ยอมให้แต่งงานกับหลินชวนฮวาแต่เขาขัดขืน! จึงทำให้แม่ตรอมใจและล้มป่วย…

“ลูกสาวข้ารบกวนพี่ใหญ่มาทั้งวันแล้ว ข้ามารับนางกลับบ้าน”

จี๋ชื่อแทรกขึ้นทันที “มารับทำไมกัน? จะส่งนางไปขายอีกครั้งงั้นหรือ เจ้าเป็นน้องเขย… ข้าไม่ควรเข้าไปยุ่งก็จริง แต่นางเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเจ้านะ เจ้ากล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร?!”

เฉินผิงอันกำลังจะตอบกลับว่าไม่เคยมีลูกอกตัญญูเช่นนี้ แต่หลินชวนฮวาก็ดึงชายเสื้อเขาไว้ เฉินผิงอันจึงตั้งสติได้ก่อนจะก้มหน้าตอบอย่างแผ่วเบา “พี่สะใภ้ ทั้งหมดที่ข้าทำก็เพราะหวังดีต่อนาง ข้า…”

จี๋ชื่อยกมือขึ้นตัดบทเขาก่อนจะมองไปยังเฉินเถียนเถียนพลางถอนหายใจ “ข้ารู้ว่าเจ้ามีชีวิตที่ดีแต่จงไตร่ตรองให้ดีเถิดว่าเจ้ามีชีวิตที่สุขสบายได้ก็เพราะน้องสะใภ้หยุน แต่ดูสิ่งที่เจ้าทำกับลูกสาวของนางสิ ไม่รู้สึกผิดบ้างเลยหรือ?! แต่ช่างเถอะ ข้าไม่อยากฟังเหตุผลร้อยแปดที่หลินชวนฮวาสรรหามาให้เจ้าใช้แก้ตัว แต่… หากเจ้าอยากรับตัวเฉินเถียนเถียนกลับไปก็ต้องรับปากข้า! เจ้าทั้งสองห้ามส่งนางให้นายน้อยหลี่และอย่าโบยตีนางอีก หากทำไม่ได้ก็กลับไปเสีย!”

เฉินผิงอันได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกไม่พอใจยิ่ง เหตุใดทุกคนจึงคิดว่าเขาได้ดีเพราะแม่นางหยุน? แม้นางจะขายทรัพย์สินเพื่อซื้อที่นามากมาย แต่หลายปีผ่านไปผืนดินก็แห้งแล้ง หากไม่ใช่เพราะเขาที่ทำงานอย่างหนักท้องนาจะกลับมางดงามเช่นนี้ได้อย่างไร?

หลินชวนฮวาเห็นว่าเฉินผิงอันไม่พูดอะไรจึงรีบตอบแทน “ข้าทราบแล้ว ต่อจากนี้ไปข้าจะดูแลนางให้ดี หากนางไม่ต้องการแต่งงานกับนายน้อยหลี่ ข้าก็จะไม่บังคับ!”