บทที่ 17 – คิเมร่า

 

การฆ่าฟันกันเพื่อแย่งชิง.. เป็นเรื่องสามารถเกิดขึ้นได้ภายในหอคอยหรือแม้แต่ในประตูบอร์เดอร์ เพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่โลภมากและใช้อารมณ์เป็นซะส่วนใหญ่.. แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันมีเยอะขนาดนั้น

เพราะส่วนใหญ่แม้ผู้คนจะหิวกระหายในสิ่งของหรือวัตถุจนอยากฆ่าเพื่อแย่งชิง แต่ก็ยังมีจิตสำนึกที่คอยบอกว่ามันผิดอยู่

ดังนั้นแม้ไม่อาจบอกสามารถเกิดขึ้นได้ทุกวันแต่ก็นับว่าบ่อย เพราะหากถูกจัดการในนี้โอกาสถูกจับได้มันมีน้อยด้วย

ยิ่งเป็นช่วงก่อนคืน ‘พระจันทร์’ ด้วยแล้วการสืบหาว่าคนตายเพราะอะไรในโลกฝั่งนี้จะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก

และสี่คนนี้ก็คือปาร์ตี้ที่กำลังจะใช้ประโยชน์จากเรื่องพวกนี้นั่นเอง.. เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเธอสวมแว่นกำลังถูกไช่ต้อนจากชายฉกรรจ์สามคน

“เดี๋ยวสิ.. พวกคุณกำลังจะทำอะไรน่ะ?”

“ก็แน่นอนสิ.. ปล้นเธอยังไงละสาวน้อย”

ผู้หญิงคนนั้นยังเป็นแค่เด็กประมาณมัธยมเท่านั้น เธอได้จ้างพวกผู้ใช้อารยธรรมรับจ้างให้พาเข้ามาในนี้เพื่อตามหาคน

แต่เหมือนว่าพอเข้ามาลึกหน่อยพวกนี้ก็หันดาบมาโจมตีเธอ โชคยังดีที่เธอหลบพ้นแบบหวุดหวิด ยังไงซะเธอก็เป็นแค่เด็กธรรมดา

“พวกคุณ.. ต้องการอะไร..”

“จุ๊ๆ นั่นก็แน่อยู่แล้วว่าต้องเป็นเงินสิ พวกแกที่กินอยู่อย่างสุขสบายในเมืองที่ปลอดภัยเพราะมีคนปกป้อง.. แต่เหอะจะบอกอะไรให้ พวกฉันน่ะต้องเสี่ยงทั้งชีวิตเพื่อแลกกับเงินจำนวนน้อยนิดที่ไม่พอใช้ด้วยซ้ำ”

แน่นอนว่าที่มันพูดก็คงเป็นเรื่องจริง สำหรับผู้ใช้อารยธรรมระดับต่ำแล้วผลตอบแทนจากหอคอยนั้นไม่มากพอสำหรับพวกเขา

อย่างน้อยก็ต้องขึ้นไปให้ถึงสักชั้นที่ 4 ถึงจะพอมีอยู่มีกินได้.. แต่ทว่าพวกเขาอย่างมากก็แค่ชั้น 2 เท่านั้น

ดังนั้นแทนที่จะเสี่ยงชีวิตสู้ปล้นคนธรรมดาหรือคนที่อ่อนแอกว่าตนเองดีกว่า แน่นอนว่าพวกมันไม่ได้ทำแค่ในหอคอยข้างนอกหอคอยก็ทำเหมือนกัน

“….”

สาวน้อยที่ดันไปจ้างโดนพวกคนชั่วก็ได้แต่พูดไม่ออก แรกเริ่มเดิมทีพวกเขาก็ไม่ใช่พรรคพวกกันอยู่แล้วนั่นเอง

“เพราะงั้นแหละนะสาวน้อย.. ถึงฉันจะไม่ได้มีทักษะอย่างการมองว่าใครมีเงินเยอะหรือน้อย แต่ฉันก็พอมองออกเลยล่ะว่าในกระเป๋านั่นของเธอมีเงินอยู่เยอะเชียว”

“เพราะงั้น.. ตายซะ!”

พวกมันไม่คิดจะแค่ปล้นเท่านั้น เพราะสิ่งที่พวกมันทำคืองานที่คล้ายกับฮีโร่หรืออัศวินที่ปกป้องมนุษยชาติจากปีศาจต่างโลก

แต่ทว่าการกระทำของพวกมันในตอนนี้สวนทางจากงานของมันน่าดู.. ดังนั้นจึงไม่แปลกที่มันไม่ได้คิดว่าเรื่องราวจะจบลงที่จะปล้น

คมดาบถูกเหวี่ยงมายังสาวน้อยนิรนาม เธอกรีดร้องออกมายกแขนขึ้นมากั้นตามสัญชาตญาณ แต่ในตอนนั้นเอง—

เสียงคมดาบก็ปาดเข้าใส่เนื้อหนัง สาวน้อยตกใจจนล้มไปข้างหลังแต่แทบจะทันทีนั้นเธอก็พบว่าคมดาบไม่ได้มาถึงตัวเธอเอง

แต่ไปถึงเพื่อนเจ้าคนชั่วตรงด้านหน้าต่างหาก และด้านหน้าของเธอก็มีบุคคลหนึ่งสวมผ้าคลุมยืนอยู่ตรงนั้น ด้านหน้าเธอ

“แกเป็นใคร!!”

เจ้าคนที่ฟันดาบมาเมื่อกี้เบิกตากว้างถอยหลังแทบจะทันที.. ผู้ชายอีกคนที่ไม่ได้ถูกฟันเองก็รีบใช้เวทมนตร์รักษาให้เพื่อนตัวเองทันที

แน่นอนว่าถึงจะเป็นแผลที่หนักสาหัสพอสมควรแต่เพราะพลังการฟื้นฟูก็ไม่ใช่อะไรที่กระจอกๆ มันจึงรักษาเพื่อนมันกลับมาแทบทันที

บัดนี้ทุกคนหันมามองบุคคลปริศนาสวมผ้าคลุม… มิว ยืนคิดอยู่พักหนึ่ง จริงๆ เธอไม่อยากลองกับมนุษย์เท่าไหร่

แต่ว่าถ้าเป็นมนุษย์ก็คงดีอีกแบบละมั้งนะ เพราะว่าถ้าสัตว์ประหลาดหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวขึ้นมาคนที่เริ่มสู้ไม่ได้คงเป็นเธอมากกว่า

พอคิดได้แบบนั้นมิวจึงคิดว่าเป็นคนนั่นแหละดีแล้ว

“คุณ..”

เด็กสาวนิรนามกล่าวด้วยความสับสนเล็กน้อย เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเร็วเกินไป อย่างไรก็ตามมิวไม่ได้ตอบเธอ

มิวยกมือดึงผ้าคลุมออกเพราะรู้สึกเคือง ใช้อัตลักษณ์ได้ไม่คล่องเท่าที่ควร ผมสีม่วงอมดำของเธอสยายออกตามการเคลื่อนไหว

“ดูเหมือนพวกนายจะเป็นคนชั่วใช่ไหม?”

มิวพูดขึ้นแบบนั้น เดิมทีมิวก็มีสามัญสำนึกปกติจากคนในปี 2015 เท่านั้น.. เธอควรจะเป็นคนที่ตามเรื่องราวและความโหดร้ายในโลกนี้ไม่ทัน

แต่มันกลับกันเลยมากกว่า เพราะเธอไม่ได้อยู่ในโลกนี้มาในช่วงเวลาที่บิดเบี้ยว มันเลยทำให้เธอรับรู้ว่าโลกในตอนนี้มันบิดเบี้ยวขนาดไหน

ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าฟันกันเพื่อแย่งของ.. แบบนั้นมันควรจะมีแค่ในอนิเมะหรือการ์ตูนเท่านั้นไม่ใช่เหรอ

เธออาจจะไม่ใช่คนดีขนาดตัวเอกในการ์ตูนโชเน็น.. เพราะเธอเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น.. แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ

หากมีคนอีกฟากหนึ่งของโลกตายไปเพราะถูกฆ่า… เธอคงจะไม่เก็บมาคิดมากและใช้ชีวิตต่อไป แต่หากมันเกิดขึ้นตรงหน้าเธอและเธอสามารถหยุดยั้งได้

เธอไม่ใช่ประเภทที่จะไม่สนใจ.. และอาจจะเพราะตอนนี้ร่างกาย ความคิด สมอง.. ทุกอย่างของเธอนอกจากจิตวิญญาณ

ในบางระดับบางทีแม้แต่ความคิดของเธอด้วยซ้ำ.. ได้กลายเป็นมังกรอย่างแท้จริงแล้ว

“แล้วพวกนายพร้อมที่จะรับผลของการกระทำพวกนายหรือยัง?”

เมื่อมิวพูดแบบนั้นเธอจ้องไปที่อีกฝ่ายรอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากของเธอ และ.. มือขวาของเธอก็ปรากฏไม้ขนาดไม่ยาวมากขึ้น

ทุกการกระทำของเธอในตอนนี้ล้วนเกิดจากสัญชาตญาณ.. ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือสัญชาตญาณของมังกรที่วิวัฒนาการมาแล้ว

แรงกดดันปริศนาระเบิดออกมาจากร่างของมิว เมื่อสายตาของมิวไปที่คนเหล่านั้นราวกับพวกมันมองเห็นสัตว์ประหลาดตัวใหญ่

สัตว์ประหลาดตัวนั้นมองมาที่พวกมันด้วยความสูงส่งยิ่งกว่า เพราะว่าไม่ว่าจะแบบไหนสิ่งมีชีวิตตรงหน้าก็เหนือกว่ามนุษย์ทุกอย่าง!

ชายคนที่ถือดาบกัดฟันกรอด อดทนต่อแรงกดดัน.. ใช่แล้วแม้จะเป็นแค่โจรกระจอกแต่พวกเขาอย่างน้อยก็เป็นถึงผู้ใช้อารยธรรม

ชายคนนั้นกัดริมฝีปากจนเลือดไหลพร้อมตะโกน

“นี่แก เป็นใครกัน!!!!”

สิ่งที่พวกมันทำตอนนี้ไม่ใช่เพื่อปล้นแล้ว.. แต่เพื่อเอาตัวรอด!พวกมันรู้สึกว่าวินาทีที่ต้องไปที่ตาของอีกฝ่ายเหมือนไม่ได้จ้องไปที่มนุษย์

แต่เป็นสัตว์ประหลาดจากชั้นบนๆ! เมื่อเขาคำรามเช่นนั้นเขาก็ย่อตัวยกดาบขึ้นตั้งท่า…

ชายที่พึ่งใช้เวทมนตร์ฟื้นฟูก็ร่ายเวทมนตร์คาถาบางอย่างแล้วก็มีแฟร์รี่ตัวน้อยปรากฏออกมาบินไปหมุนรอบอยู่ตัวดาบก่อนจะผสานเข้าไปในดาบ

พร้อมกับรอบตัวเขาก็มีแสงเหมือนวงแหวนเวทเข้ามาบัพจนทำให้ร่างกายเปล่งแสงออกมา..

ก่อนจะตามมาด้วยทักษะของชายถือดาบเองดวงตาของเขาแดงก่ำไปทั้งดวงร่างกายขยายใหญ่ขึ้นราวกับกล้ามเนื้อกำลังใหญ่ขึ้น

คมดาบเองกลับถูกบีบอัดเล็กลงจนราวกับเส้นด้าย… ชายที่พึ่งถูกตัดขาไปลุกขึ้นก่อนจะเดินถอยหลังแล้วสลายหายไปตามอากาศธาตุอย่างปริศนา

“แบบนี้เองสินะ.. ไอ้สิ่งที่เรียกว่าการใช้อารยธรรม”

ที่มิวยืนรอไม่ใช่อะไรเธอต้องการจะดูว่าอารยธรรมมันเป็นแบบไหน.. แต่ไม่ว่าจะการเปลี่ยนแปลงอะไรยังไง..

สำหรับมิวในตอนนี้.. มันก็ไม่ทำให้สัญชาตญาณเธอรู้สึกกลัวเหมือนตอนเจอเอริเนีย.. ครั้งแรกด้วยซ้ำ

“ตายซะ! ย้ากกกกกก!”

มันตะโกนแบบนั้นแล้วพุ่งเข้ามาหามิวอย่างรวดเร็ว ดาบของมันยาวพุ่งออกไปทุกครั้งที่เคลื่อนที่ก่อนจะยกฟันมาทางมิว

ในขณะเดียวกันด้านหลังของมิวเอง.. ไม่สิ หลังของเด็กสาวนิรนามเงาของชายคนนั้นที่พึ่งหายไปก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับโจมตีใส่หญิงสาว

มิวไม่ได้พูดอะไรเพียงยกไม้ขนาดเล็กขึ้น.. ไม้ที่เหมือนกับไม้กายสิทธิ์.. ไม่สิมันคือไม้กายสิทธิ์ดีๆ นี่เองแหละ

และวินาทีนั้นเอง ปลายไม้กายสิทธิ์พลันเปล่งแสงสีรุ้งอย่างกะทันหัน.. เด็กแสงสว่างนั้นจ้าเกินไปสำหรับ สาวน้อยนิรนามที่อยู่ใกล้สุด

ทำให้ดวงตาของเธอแห้งลงอย่างรวดเร็ว เธอจึงกะพริบตาหนึ่งครั้ง.. ใช่มันเป็นช่วงเวลาที่กะพริบตาหนึ่งครั้งเท่านั้น

ร่างของชายที่ถือดาบก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ น่าสยดสยอง แม้แต่คนที่ใช้เวทมนตร์เสริมพลังให้เมื่อกี้ยังถูกฉีกไม่ต่างกัน

ส่วนผู้ชายที่เข้ามาด้านหลังเธอแบบที่เธอยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำนั้นก็.. ถูกลบให้หายไปเหมือนกัน

มิวหรี่ตาลงหันไปยังทิศห่างไกลออกไป.. มันมีบางอย่างลอยอยู่.. มันคือสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่มีหัวเป็นสิงโต ลำตัวเป็นแพะ หางเป็นงู.. ลมหายใจของมันพ่นไฟทุกครั้งที่ถอนลมหายใจออกมา

ใช่ ถ้าจะให้เรียกสิ่งๆ นั้นคงจะอธิบายได้เต็มปากว่ามันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดา.. แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเชื้อสายเทพที่เรียกว่า ‘คิเมร่า’

“เอ้ะ… ไหงงั้นอ่ะ?”

คนที่ตกใจคนแรกกลับไม่ใช่สาวน้อยนิรนาม แต่เป็นตัวมิวเองต่างหาก